พลิกฟ้าล้างปฐพี
เขียนโดย WCSD
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ผู้อาวุโสลึกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในส่วนลึกของป่าทมิฬมีชายคนหนึ่งกำลังต่อสู่กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับต่ำด้วยท่าทีเหมือนคนหมดกำลังใจผมเผ้าของเขาดูรกรุงรังหนวดเครายาวเฟ้ยหากไม่มองทะลุเข้าไปในหนวดเคราดีๆนั้นคงจะไม่เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาซ่อนอยู่ ใช่เขาคือกู่เทียนฟง เขาออกหมัดเพื่อต่อยสัตว์อสูรวิญญาณระดับต่ำจนตายไปหลายตัวแต่ท่าทีของเขาก็ไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่
"นี่ก็ผ่านมาหกเดือนแล้วข้ายังอยู่ในระดับเกิดปราณขั้นที่เจ็ดอยู่เลย ทำยังไงก็ไม่สามารถทะลวงไปขั้นต่อไปได้ซักที หรือว่าข้าฝึกผิดวิธีงั้นเหรอ มัวแต่พึ่งจี้หยกอย่างงั้นเหรอ"เทียนฟงพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาเก็บรวบรวมแกนกลางของสัตว์อสูรอยู่ นับตั้งแต่ที่เขาโดนกู่เฉินซวงทำร้ายจนร่างของเขาลอยมาตามลำธารก็ได้กินเวลามาเป็นครึ่งปีแล้ว เขารวบรวมแกนกลางเพื่อฝึกฝนอยู่ทุกวันอย่างไม่ย่อท้อ แต่สุดท้ายก็มาถึงทางตันของการฝึกปราณจนได้เขาไม่สามารถทะลวงผ่านไปถึงขั้นที่แปดได้เสียที เขายังคงเดินเก็บแกนกลางอย่างระมัดระวัง และหูของเขาก็คยฟังเสียงย่ำเท้าเสียงเห่าหอนของเจ้าถิ่นแถวนี้อย่างระวัง มันคือหมาป่าสีเงิน สัตว์อสูรวิญญาณที่ดุร้ายแถวนี้คือถิ่นล่าของมัน ไม่ว่าตัวอะไรจะวิ่งผ่านหน้ามันมันจะฆ่าทันทีโดยไร้ซึ่งความปราณี ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเทียนฟงคอยหลบซ่อนตัวจากมันจนกลายเป็นความเคยชิน ระหว่างที่เขาเดินทางกลับสู่ถ้ำที่เขาอาศัยพักนอนนั้นจู่ๆเขาก็ชะงักและหยุดเดินอย่างฉับพลันเทียนฟงค่อยๆก้มลงหมอบช้าๆใช้มือทั้งสองข้างถูโคลนกับเนื้อตัวของเขาเพื่อกลบกลิ่น "โบร๋ววววววววว"เสียงหอนดังลั่นใกล้ๆบริเวณกับที่เขาอยู่ เขาหายใจด้วยความตื่นเต้นทุกทีแม้เขาจะหลบซ่อนจากหมาป่าสีเงินมานักต่อนักแล้วแต่ก็หลบซ่อนให้พ้นจากระยะอันตราย แต่กับรอบนี้ไม่ใช่มันใกล้เกินไปใกล้จนเทียนฟงรู้สึกวิตกกังวลมากเขาพยายามระงับเหงื่อที่ไหลออกมาแต่มันก็ไม่เป็นผล เสียงย่างกรายของเท้าทั้งสี่เริ่มดังเข้ามาใกล้ เทียนฟงมองไปข้างหน้าเขาถึงกับหน้าปากเหวอทันที "หมาป่าสีเงิน"เขาตะโกนในใจดวงตามันสีแดงงก่ำราวกับสีเลือดมันสูงราวๆหกเมตรได้ตัวมันขาวเกือบยี่สิบเมตรจนถึงหาง มันสูดลมหายใจเขาจมูกราวกับสังเกตได้ถึงสิ่งที่ผิดปรกติ มันแยกเขี้ยวขู่ราวกับว่ามันรู้ว่าเทียนฟงอยู่ที่นี่ มันก้มตัวและกระโดดไปข้างหน้า "ขอบคุณพระเจ้า"เทียนฟงอยากตะโกนคำนี้ดังๆ เพราะหมาป่าสีเงินกระโดดข้ามหัวเขาไปมันเผชิญหน้ากับงุตัวใหญ่ยักษ์ไม่แพ้มัน "นั่นอสรพิษกระดูก"มันคืองูที่มีพิษที่ร้ายแรงที่สุดในป่าทมิฬความแข็งแกร่งของมันสูสีพอๆกับหมาป่าสีเงินเลยทีเดียว พวกมันสองตัวจ้องกันอย่างไม่ละสายตา ฝ่ายอสรพิษกระดูกเริ่มเปิดฉากก่อนมันฉกเข้าไปที่ใต้แผงคอของหมาป่าสีเงินแต่เจ้าสี่ขาไหวตัวทันกระโดดหลบด้วยความรวดเร็ว เจ้าหมาป่าคำรามไปทีหนึ่งทำให้อสรพิษกระดูกดำหยุดเคลื่อนไหวราวกับมึนงง ทำให้เจ้าหมาป่าสีเงินได้จังหวะจึงเข้าไปกันที่หัวของเจ้าอสรพิษร้าย แต่มันยังไม่สิ้นฤทธิ์มันใช้ลำตัวม้วนรัดเจ้าหมาป่าอย่างเหนียวแน่นพร้อมกับพ่อนพิษเข้าไปในปากขอองเจ้าหมาป่าสีเงิน พวกมันทั้งคู่ดูอ่อนแรงลงเป็นอย่างมาก เทียนฟงมองดูด้วยความตื่นเต้นหากพวกมันตัวใดตัวหนึ่งตายแกนกลางของอสูรวิญญาณระดับแปดจะต้องอยู่กับเขาหนึ่งอัน เขาภาวนาในใจให้เจ้าสัตว์ร้ายตัวใดตัวหนึ่งสิ้นลมด้วยความหวัง
ภายนอกป่าทมิฬได้มีกลุ่มฝูงชนกลุ่มหนึ่งกำลังย่างกรายเข้าใกล้กับทางเข้าป่ามันคือศิษย์ของนิกายลู่เหยียน พวกเขาควบม้ามาอย่างช้าๆ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเพราะในป่านี้ไม่มีสำนักฝึกปราณสำนักไหนกล้าล่วงล้ำเข้ามา การเดินทางอันแสนเชื่องช้าของพวกเขาจบลงที่ปากทางเข้าของป่าทมิฬ
"เอาหละ ข้าจะให้พวกเจ้าแบ่งกลุ่มกันเป็นกลุ่มละสามคน โดยพวกเจ้าจะต้องนำแกนกลางของสัตว์อสูรวิญญาณระดับต่ำมาอย่างน้อยหนึ่งอัน"คนที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มตะโกนก้อง
"ครับ/ค่ะ"เหล่าผู้อยู่เบื่้องหน้าเขาตระโกนอย่างพร้อมเพียง
"เอาหละเข้าไปได้"ชายชราอีคนที่มากับฝูงชนกล่าว
เหล่าฝูงชนต่างพากันเข้าไปภายในป่าอันมืดมิดพวกเขาพากันจับจองสถานที่ที่ซึ่งจะหาสัตว์อสูรวิญญาณระดับต่ำได้ง่าย ชายหนุ่มผู้หนึ่งพยักหน้าให้กับเพื่อนร่วมทีมของเขา นั่นคือกู่เฉินซวง พวกเขาพากันแยกออกจากฝูงชนกลุ่มใหญ่และมุ่งหน้าวิ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬ
"เจ้ายังคาใจอะไรงั้นเหรอเฉินซวง"ชายหนุ่มทางฝั่งซ้ายถาม
"ไม่รู้สิ มันรู้สึกคาใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าสวะนั่น"เฉินซวงพูดตอบ
"ใครงั้นเหรอ ช่วยบอกข้าหน่อยสิเฉินซวงไม่งั้นข้าจะไปฟ้องท่านอาจารย์นะว่าพวกเจ้าแอบเข้ามาในป่าทมิฬเอง"ชายอีกคนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ต้วนหลินเจ้าไม่ต้องมายุ่งแค่ตามข้ามาก็พอถ้าไม่อยากตาย"เฉินซวงทำหน้าบึ้งตึงใส่ชายหนุ่มอีกคน
ทางด้านกู่เทียนฟงใบหน้าของเขาตื่นเต้นสุดขีดเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขาทั้งเจ้าอสรพิษกระดูกและเจ้าหมาป่าสีเงินต่างพากันหายใจรวยรินทั้งคู่พวกมันไม่สามารถมีชีวิตต่อได้แล้วนับจากนี้เจ้าหมาป่าโดนพิษที่ร้ายแรงที่สุดส่วนเจ้าอสรพิษโดนคมเขี้ยวของหมาป่าสีเงินกัดจนกะโหลกแตก เทียนฟงระงับความตื่นเต้นและหยิบมีดคู่ใจที่ทำขึ้นมาเองจากก้อนหินในป่า เขาค่อยๆแทงเข้าไปตรงคอของหมาป่าสีเงินเพื่อให้แน่ใจว่ามันตายแล้วแน่นอน เขารีบชำแหละเพื่อนำแกนกลางของเจ้าสัตว์ทั้งสองออกมาเผื่อสัตว์ร้ายตัวอื่นอาจจะตามกลิ่นเลือดมา วันนี้เป็นวันที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเขาเขาได้แกนกลางระดับแปดมาถึงสองอัน เขาเดินกลับถ้ำด้วยรอยยิ้มและทันใดนั้นเองรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ค่อยๆเลือนหายไป มีคนสามคนอยู่ตรงหน้าถ้ำที่เขาอาศัยอยู่สองในสามคนนั้นเขาจำได้ดีมันคือเฉินซวงกับเหรินเซียน เทียนฟงพยายามระงับความแค้นที่มีไว้ในใจเขาคิดหาทางเพื่อที่จะไม่ให้สามคนนั้นรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่และแล้วเขาก็คิดออก เขาหยิบของบางอย่างในกระเป๋าของเขาออกมาและกินมันเข้าไปด้วยความรวดเร็ว
"นั่นใคร หลบอยู่ในพุ่มไม้ตรงนั้น"เหรินเซียนสังเกตุเห็นใบไม้ด้านหลังขยับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
"ไม่สำคัญ หากเจ้าเป็นผู้เยาว์ก็จงบอกชื่อแซ่เจ้ามาก่อนสิ"เสียงแหบแห้งพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ด้วยความรวดเร็วปรากฎเป็นชายชราคนหนึ่งผมเผ้ารุงรังหนวดเครายาวเฟ้ยยืนเอามือไขว้หลังอยู่ข้าหน้าเหรินเซียน
"เจ้าเฒ่านี่ เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ตอบมาซะว่าเจ้าเป็นใครไม่งั้นเจ้าเจอดีแน่"เหรินเซียนพยายามข่มขู่
"หยุดเดี๋ยวนี้อย่าเสียมารยาท"เฉินซวงตระโกนห้ามเหรินเซียน
"เจ้าหยุดข้าทำไมกะอีแค่คนแก่คนนึง"เหรินเซียนเริ่มไม่พอใจ
"เจ้าอยากตายหรือยังไง ข้าสัมผัสได้ฝึกพลังปราณมหาศาลออกมาจากผู้อาวุโสคนนี้ เขาจะต้องเป็นผู้ฝึกปราณระดับสูงแน่ๆ"เฉินซวงอธิบายทำให้เหรินเซียนวิกเล็กน้อยแต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่
"ขออภัยที่เพื่อนของผู้น้อยเสียมารยาทข้าน้อยชื่อ กู่เฉินซวง คนทางซ้ายชื่อ จิวเหรินเทียน ส่วนคนทางขวานั้นชื่อ มิ่งต้วนเฟิง พวกข้ามาจากนิกายลู่เหยียน ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร"เฉินซวงคารวะชายชราด้วยความนอบน้อม ชายชรานิ่งไปเล็กน้อยก่อนก่อนจะพูดขึ้น "ข่ง เรียกว่าว่าข่งละกัน แล้วพวกเจ้าเข้ามาทำอะไรในป่าแห่งนี้มันมีแต่อันตราย"
"เรียนผู้อาวุโสข่ง พวกข้าเพียงมาหาของ แต่ก็กำลังจะกลับกันแล้ว พวกข้าขอตัว"เฉินซวงก้มคารวะแล้วหันหลังเตรียมจะกลับ
"จะรีบไปไหนกัน"ชายชราทักขึ้นทำให้ทั้งสามคนชะงัก
"ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีเรื่องอะไรจะให้พวกข้าช่วยงั้นเหรอ"เฉินซวงเหงื่อออกเล็กน้อย
"พวกเจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก เมื่อกี้เจ้าพูดว่าพวกเจ้าเป็นศิษย์ของนิกายลู่เหยียนสินะ"ชายชราเดินไปนั่งบนโขดหิน
"ใช่ขอรับ"เฉินซวงกับพรรคพวกตอบทันควัน
"งั้นข้าจะลองถามเจ้าดูแล้วกันว่าเจ้าจะมีความรู้พอไหม"ชายชรามองหน้าทั้งสาม
"เชิญท่านถามมาได้เลย"เฉินซวงก้มหัวคำนับ
"หากกระบวนการฝึกปราณเกิดการติดขัดไม่สามารถทะลวงไปขั้นต่อไปได้ปัญหามันอยู่ตรงที่ใด หากพวกเจ้าตอบไม่ได้ก็คงจะไม่สามารถกลับออกไปจากที่แห่งนี้ได้"ชายชราพูดขู่พร้อมกับเค้นพลังปราณออกมานิดหน่อย ทั้งสามคนสะดุ้งโหยงทำเสียงเลิ่กลั่กด้วยความกลัว พวกเขาเพียงแต่จะมาสืบดูว่ากู่เทียนฟงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่กลับมาเจอชายชราผู้มีพลังปราณที่น่ากลัวอยู่เบื้องหน้า
"จะตอบคำถามไหม"ชายชราเริ่มกางมือทำให้ทั้งสามคนยิ่งตกใจ
"ตอบครับตอบ จะต้องชำระร่างกายทุกๆขั้นที่ห้าของทุกระดับด้วยการนั่งสมาธิกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียนเพื่อชำระสิ่งที่ไม่บริษุทธิ์ออกจากร่างกายขอรับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะชำระเสร็จสิ้น"เฉินซวงตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก
"ดี ไม่เลว"ชายชราตบหน้าขาตัวเองดังฉาดนึง"พวกเจ้าไปได้แล้ว อ้อแล้วฝากบอกลู่ฟางด้วยว่าข้าสบายดี" ทั้งสามผงกหัวรับคำพร้อมกับวิ่งออกจากหน้าถ้ำไปด้ยความเร็วไม่เพียงแต่มีพลังปราณแก่กล้าอีกทั้งเขายังรู้จักกับประมุขของนิกายพวกเขาอีกด้วย ชายชรามองดูรุ่นเยาว์ทั้งสามวิ่งไปจนลับสายตาจึงใช้นิ้วมือล้วงคอตัวเองจนอ้วกออกมา
"หญ้าพันโฉมก็น่ามหัศจรรย์ดีนะแต่ถ้าจะกลับหน้าเดิมต้องอ้วกทิ้งนี่สิ"เขาพึมพำกับตัวเอง "ในที่สุดข้าก็รู้ถึงวิธีทะลวงขั้นต่อไปได้แล้วต้องขอบคุณแกนกลางของหมาป่าสีเงินกับอสรพิษกระดูกนะเนี่ยที่แผ่พลังปราณออกมาทำให้พวกนั้นไม่สงสัย"ใช่ชายชราคนนั้นก็คือกู่เทียนฟงนั่นเองของปลอมตัวโดยใช้หญ้าพันโฉม หญ้าพันโฉมมีสรรพคุณในการทำให้ผู้ที่กินมันเข้าไปสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาและเสียงได้แต่ข้อเสียของมันคือรูปร่างหน้าตาและเสียงที่เปลี่ยนไปนั้นจะย่ำแย่กว่าเดิมและเมื่อต้องการกลับสู่ร่างเดิมต้องอ้วกเอาหญ้าที่กลืนเข้าไปออกมาให้หมด ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากหลายเท่าไหร่ เทียนฟงรีบเดินเข้าไปในถ้ำเก็บข้าวของเพื่อเตรียมการที่จะย้ายที่อยู่ หากเขายังอยู่ที่นี่ต่อไปพวกนั้นจะต้องหาเขาเจออย่างแน่นอน
เขาเดินตามสายลำธารเข้าไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬจนไปสุดเส้นทางของสายน้ำที่เป็นทะเลสาปกว้างใหญ่ ทะเลสาปแห่งนี้ไร้ซึ่งความใสมันเป็นสีคล้ำออกเขียวเข้ม เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะแสงแดดไม่เคยส่งถึงมันเลยมาตลอด มีถ้ำเล็กๆอยู่บนหน้าผาสูงเหนือเขาขึ้นไปเขามั่นใจว่าสัตว์อสูรวิญญาณไม่ทำรังอยู่บนนั้นแน่นอน เทียนฟงกระโดดขึ้นไปบนถ้ำอย่างคล่องแคล่วเขาวางของทั้งหมดลงและค่อยๆนั่งทำสมาธิโดยกำหนดจิตไปยังจุดตันเถียนตามที่เขาได้หลอกถามพวกเฉินซวงมา เทียนฟงเพ่งไปยังจุดตันเถียนใช้เวลาชั่วระยะหนึ่งเขาเห็นน้ำตกขนาดใหญ่มีน้ำไหลตลอดด้วยความแรง "ชำระล้างคงหมายถึงทำความสะอาดเนื้อตัวที่น้ำตกในจุดตันเถียนที่งั้นเหรอ"เขาเดินเข้าไปในน้ำตกทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จสิ้นและแล้วเขาก็ลืมตา "กลิ่นเน่าอะไรเนี่ย"เทียนฟงบ่นพึมพำเขาถอดเสื้อผ้าออกปรากฎคราบของเหลวสีดำเต็มไปทั่วร่างกายของเขาทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าอุปสรรคที่ทำให้เขาไม่สามารถทะลวงผ่านไปขั้นต่อไปได้คือสารไม่บริษุทธิ์ในร่างกายของเขานั่นเอง เขาหอบเสื้อผ้าและกระโดดลงจากถ้ำเดินตรงไปนี่ทะเลสาปทันทีเพื่อจะทำความสะอาดร่างกาย เขารู้สึกร่างกายเบาขึ้นกว่าแต่ก่อน ตอนนี้เขาวิ่งก็แทบจะไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว เทียนฟงยิ้มระรื่นด้วยความสุขในระหว่างที่ทำความสะอาดร่างกาย
************************
ขออภัยที่หยุดหายไปพอดีผู้แต่งติดธุระงานศพเพื่อนร่วมงานมาครับ
กราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง
ขอบคุณที่ติดตามผลงานกันนะครับ ติชมได้เลยนะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ