เถื่อนร้ายบัญชารัก
10.0
เขียนโดย Phaky
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.
37 ตอน
0 วิจารณ์
38.86K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) หน้าเนื้อ...ใจมาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหรือสุดท้าย…เธอจะต้องยอมยกธงขาวให้พ่อกำนัน?
ไม่มีทางเสียล่ะ! ถึงจะถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอมดุจไข่น้อยๆน่ารักแสนเปราะบางในการดูแลของพ่อแม่มาโดยตลอด แต่อย่าลืมว่าเธอก็มีเลือดนักเลงของพ่อกำนันสุนทรอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง แม้พ่อกำนันจะหักดิบด้วยการไม่ให้เงินเพื่อรอวันให้เธอซมซานกลับไปหาแล้วยอมทำความต้องการของท่าน แต่เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นหรอก ในเมื่อนอนหายใจทิ้งไปวันๆแล้วเงินมันไม่เดินมาหา เธอก็จะเป็นฝ่ายออกหางานทำเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายและเก็บเป็นค่าเทอม อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่เธอจะขอสู้
‘งานจ๋า จะรู้ไหมนะว่าพิ้งค์นั่งรอโทรศัพท์ทุกวันเลย เมื่อไรจะมีใครสักคนโทร.มาบอกข่าวดีกับพิ้งค์บ้างเนี่ย’
ร่างบางทิ้งตัวนั่งพิงพนักเก้าอี้ปล่อยสองไหล่เล็กๆลู่ลงอย่างคนหมดแรง ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอตระเวนยื่นใบสมัครงานตามสายบริหารที่ร่ำเรียนมา แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนรับเธอเลย หากจะมีตอบรับก็มักจะแนะนำให้เธอทำงานในแผนกต้อนรับที่ใช้หน้าตาและมีหน้าที่คอยเอาใจลูกค้า ซึ่งมันไม่ใช่งานที่เธอชอบเลยสักนิด ถอนหายใจอีกครั้งเฮือกใหญ่เมื่อก้มใบหน้าหมองๆมองแฟ้มใส่เอกสารสำหรับสมัครงาน ก็เธอสมัครอยู่หลายที่จนรูปถ่ายที่ต้องใช้ติดใบสมัครจะครบโหลแล้วนะ เงินสามหมื่นนั่นก็ร่อยหรอลงไปทุกวันด้วย แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ
“อ้าว! นึกว่าใคร พิ้งค์นี่เอง มานั่งทำอะไรตรงนี้จ๊ะ?”
อดไม่ได้ที่จะต้องพาร่างระเหิดระหงในชุดเสื้อสายเดี่ยวเข้าชุดกับกางเกงขาสั้นสีขาวลายดอกไม้สดใสเข้ามาทักทาย เมื่อหางตาเห็นแวบๆว่าคู่แข่งตัวฉกาจนั่งทำหน้าเศร้าอยู่ในร้านเครื่องดื่มใต้คอนโดฯที่เธอพักอาศัย ภาพที่เห็นจนชินตานั่นคือรอยยิ้มหวานบนใบหน้าสวยของแพรชมพู รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ไม่เป็นที่ถูกชะตาเธอนัก ก็แค่ผู้หญิงหน้าตาพอดูได้ ผิวขาวอมชมพู ตัวเล็กๆบางๆคนหนึ่ง แต่กลับโดดเด่นเป็นที่สนใจของคนในมหาวิทยาลัยมากกว่าเธอที่ได้เข้าสู่วงการนางแบบตั้งแต่ตอนเป็นนิสิตปีหนึ่งเสียอีก แพรชมพูอาจไม่รู้ตัวว่าถูกเธอเหม็นขี้หน้ามาตลอด แต่ด้วยต้องรักษาภาพลักษณ์ เธอจึงต้องเสแสร้งแกล้งพูดดีกับเด็กนี่ หากทนหมั่นไส้ไม่ไหวจริงๆเธอก็มักจะหาทางออกด้วยการจิกกัดแม่นี่ด้วยคำพูดหวานปนยาพิษที่คนโง่อย่างแพรชมพูไม่เคยเข้าใจ แต่มาวันนี้แพรชมพูแสนสวยกลับดูหม่นหมองเหมือนนางฟ้าตกสวรรค์ ในขณะที่เธอกำลังเปล่งปลั่งเพราะราศีว่าที่คุณนายฮอร์นสันกำลังจับต้อง เรียวปากเคลือบลิปสติกสีส้มสดเหยียดยิ้มร้ายกาจ ในเมื่อนางฟ้าที่ใครๆต่างพากันชื่นชมถูกถีบตกสวรรค์ทั้งที แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอเข้าไปซ้ำเติมได้อย่างไรล่ะ คนล้มอย่าข้าม แต่ถ้ามันเป็นศัตรูก็จงกระทืบมันให้จมดิน!
“อ้าว พี่แน็ตตี้ สวัสดีค่ะ”
แม้จะมีเรื่องเครียดให้ขบคิดจนปวดศีรษะ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่คนสวยที่รู้จักกันดีเข้ามาทักทาย เรียวปากสีระเรื่อของแพรชมพูก็แย้มยิ้มส่งให้ มือน้อยปาดน้ำตาออกจากวงหน้าม ดวงตากลมๆของหญิงสาวมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยดวงตาชื่นชม นอกจากนาตาชาหรือแน็ตตี้จะมีใบหน้าที่สวยเฉี่ยวเอามากๆ ขาเรียวยาวของหญิงสาวที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาหาก็เล็กเรียวสวยจนเธอมองไม่เคยเบื่อ รูปร่างของนาตาชามีส่วนโค้งส่วนเว้าดุจนาฬิกาทรายได้รูปสวยสมเป็นนางแบบตัวท็อปของเมืองไทยจริงๆ
“ว่าไงจ๊ะพิ้งค์ ทำไมถึงมานั่งทำหน้าเศร้าอยู่ตรงนี้ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ร่างสูงเพรียวของนางแบบตัวท็อปหย่อนกายลงนั่งแผ่นหลังตั้งตรงเยี่ยงนางพญาอยู่อีกฝากของโต๊ะที่แพรชมพูนั่งอยู่ก่อน ก่อนหน้านี้ดวงตายาวรีของนาตาชามีรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่เต็มเปี่ยม แต่เมื่อนั่งอยู่ตรงข้ามกับแพรชมพู ดวงตาของหญิงสาวกลับแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนได้อย่างแนบเนียนจนผู้หญิงอ่อนเดียงสาอย่างแพรชมพูมองไม่เห็นความร้ายกาจที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าสวยงาม
“ก็...นิดหน่อยค่ะ”
“โถ น่าสงสารจริง ใครนะช่างใจร้ายทำให้พิ้งค์มีน้ำตาแบบนี้”
นอกจากดวงตาจะแลดูอบอุ่น มือบางของนาตาชายังยื่นไปลูบศีรษะของแพรชมพูแผ่วเบาทำเหมือนเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้เสียเต็มประดา สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้คนที่กำลังทุกข์ใจรู้สึกอ่อนแอจนทำนบน้ำตาที่พยายามกล้ำกลืนพังทลายอย่างง่ายดาย หารู้ไม่ว่าภาพน้ำตาที่ไหลนองเลอะใบหน้าสวยของแพรชมพูจนดวงตาและจมูกโด่งแดงช้ำพานทำให้ความงามลดน้อยลงนั้นสาแก่ใจนาตาชายิ่งนัก
“พิ้งค์มีปัญหากับที่บ้านค่ะ คุณป๋าบอกว่าจะไม่ส่งเงินให้พิ้งค์แล้วค่ะ รถก็ยึดคืน ฮึก!”
“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะจ๊ะ อย่าร้องไห้ คุณป๋าของพิ้งค์คงไม่ใจร้ายกับลูกสาวได้ขนาดนั้นหรอก”
นาตาชาปรายดวงตามองไปยังลานจอดรถของคอนโดฯ ตรงที่จอดรถวีไอพีช่องแรกนั่นคือที่จอดประจำของแพรชมพูที่จะต้องมีมินิคูเปอร์สีแดงคันสวยจอดอยู่เสมอ เมื่อก่อนตอนเธอยังเป็นเพียงนางแบบปลายแถว เธอมักลอบมองรถของแพรชมพูด้วยดวงตาริษยา เพราะนอกจากผู้หญิงคนนี้จะได้รับความสนใจโดดเด่นเกินหน้าเธอ ชีวิตของแพรชมพูยังคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดมีเพียบพร้อมทุกอย่างไม่เคยต้องลำบากลำบนทำงานหาเงินเองเหมือนเธอ แต่มาวันนี้คนที่เคยมีพร้อมทุกอย่างกลับกลายเป็นคนตกอับ ในขณะที่เธอกำลังรุ่งโรจน์ทั้งหน้าที่การงานและชีวิตรัก
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ชีวิตของเธออยู่เหนือกว่าแพรชมพู สะใจ!
‘สมน้ำหน้า! ขอให้คุณป๋าของแกเฉดหัวแกออกจากบ้านไม่มาดูดำดูดี ปล่อยให้แกตกอับกลายเป็นขอทานไปเลย สาธุ!’
“อย่าร้องไห้ไปเลยนะโอ๋ๆ”
นิ้วโป้งเรียวขาวสะอาดช่วยเกลี่ยคราบน้ำตาออกจากใบหน้านวล เรียวปากสีส้มสดเอ่ยปลอบใจด้วยน้ำเสียงรื่นหู แต่ภายในจิตใจของนาตาชากลับหัวเราะเยาะถูกใจกับปัญหาที่แพรชมพูต้องพบเจอ ซ้ำยังสาปแช่งให้ผู้หญิงที่เธอเกลียดขี้หน้าต้องอับจนหนทางจนกลายเป็นขอทานข้างถนน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“คุณนาตาชาครับ พวกเราขนของเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงผู้ชายที่กล่าวแทรกขึ้นมาทำให้แพรชมพูดึงใบหน้าออกห่างจากฝ่ามือนุ่มของรุ่นพี่แสนสวยแล้วยกมือสั่นเทาของตัวเองปาดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆ เมื่อสมองคิดตามคำพูดของคนมาใหม่ที่มายืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงโต๊ะที่เธอกับนาตาชานั่งคุยกันอยู่ ดวงตาแดงช้ำจึงหมุนมองรุ่นพี่สาวอย่างสงสัย ก็เธอกับนาตาชาพักอยู่ที่คอนโดฯเดียวกัน เป็นคอนโดฯราคากลางๆ ขนาดห้องกว้างขวางอยู่สบายและอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย แต่เมื่อครู่ผู้ชายที่สวมชุดหมีสีครีม ที่อกเสื้อมีสัญลักษณ์บริษัทขนส่งปักไว้บอกว่าขนของเสร็จแล้ว นาตาชาจะขนของไปไหนกัน?
“ขอบใจมาก ถ้างั้นก็ขนไปที่คอนโดฯใหม่ได้เลย ฉันบอกแม่บ้านไว้แล้ว อ้อ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ คือ...ฉันอยากให้ช่วยระวังกล่องใส่กระเป๋าแอร์เมสกับรองเท้าแบรนด์เนมด้วยน่ะค่ะ มันแพง”
“ครับ พวกเราจะระวังเป็นอย่างดี คุณผู้หญิงสบายใจได้”
นาตาชาบอกพนักงานจากบริษัทขนส่งด้วยสีหน้าเกรงอกเกรงใจ แต่นอกจากจะเป็นห่วงข้าวของแบรนด์เนมของตัวเองที่แต่ละชิ้นมีมูลค่าหลักแสน เหตุผลที่หญิงสาวเน้นย้ำก็เพราะต้องการพูดให้แพรชมพูรู้ว่าตัวเธอน่ะมีกระเป๋าแอร์เมสที่แต่ละใบมีมูลค่าหลายแสนหรือบางรุ่นก็แตะหลักล้านหลายใบในครอบครอง นั่นเพราะเธอยังไม่เคยเห็นไหล่บางๆของแพรชมพูสะพายกระเป๋ายี่ห้อนี้ การยกเอาเรื่องกระเป๋ามาข่มมันช่วยทำให้เธอรู้สึกอยู่เหนือกว่าจนต้องลอบยิ้มเยาะมุมปาก โดยที่นาตาชาไม่รู้เลยว่าแพรชมพูไม่ได้ให้ความสนใจมันเลยสักนิด
“พี่แน็ตตี้จะขนของไปไหนเหรอคะ”
“อ้าว พี่ขอโทษที่ยังไม่ได้บอกพิ้งค์ คือพี่จะย้ายคอนโดฯใหม่น่ะจ้ะ”
“ย้าย! ย้ายไปไหนคะ”
ดวงตาแดงช้ำเบิกกว้างกับคำตอบไม่คาดคิด ก่อนกะพริบตาปริบๆมองตามหลังของพนักงานขนส่งห้าคนที่กำลังช่วยกันเข็นรถขนของออกไปยังลานจอดรถที่มีรถขนของขนาดใหญ่จอดรออยู่ ถึงเธอกับนาตาชาจะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่การได้รู้ว่ามีคนรู้จักพักอาศัยอยู่ในคอนโดฯเดียวกันก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจไม่น้อย หากวันนี้นาตาชาย้ายออก ก็เท่ากับว่าเธออยู่ตัวคนเดียว เพราะคนอื่นๆที่อาศัยอยู่เป็นคนวัยทำงานที่เธอไม่รู้จัก
“พี่เพิ่งได้คอนโดฯใหม่ย่านสุขุมวิทน่ะ พิ้งค์ก็เห็นนี่ว่าตอนนี้พี่งานชุกมาก แล้วงานของพี่มันต้องเดินทางบ่อย อยู่แถวนั้นเดินทางสะดวก พี่ก็เลยย้าย”
“กะทันหันจังเลยนะคะ” แพรชมพูพึมพำเบาๆ รู้สึกใจหายขึ้นไปทุกทีที่เห็นข้าวของถูกพนักงานลำเลียงขึ้นรถ
“จริงๆพี่ก็ไม่อยากรีบหรอกจ้ะ แต่พอดีแฟนพี่เขาเร่ง เขาเป็นห่วงที่พี่ต้องขับรถเดินทางไกลๆกว่าจะกลับมาถึงที่นี่ก็ดึกดื่น แฟนพี่เลยซื้อคอนโดฯให้ใหม่ พี่จะไม่รับเขาก็งอน เป็นผู้ชายดื้อที่สุดเลยล่ะ”
“คุณฟรานซิสโก้คะ แน็ตตี้ต้องขอโทษด้วยด้วยนะคะที่คอนโดฯของแน็ตตี้มันคับแคบเกินไป คุณคงอึดอัด”
มือบางลูบไล้ยอดอกเปล่าเปลือยสีแทนระไรขนอ่อนจางๆของชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอวดความอุดมสมบูรณ์ของเรือนกายสูงใหญ่ที่เพิ่งผละออกจากการพัวพันลึกซึ้งกับเธอมาหมาดๆ เรียวปากบางเคลือบลิปสติกสีแดงสดกดจูบลงบนยอดอกแข็งๆนั่นก่อนซบหน้าคลอเคลีย แล้วแสร้งขอโทษขอโพยเรื่องขนาดของห้องนอนที่ไม่ได้แคบอย่างปากว่าเพียงแต่นาตาชาต้องการเกริ่นนำเพื่อเปิดทางในสิ่งที่เธอต้องการบางอย่าง
หลังจากสบตากันตอนเธอหยุดยืนโพสท่าหน้าเวที วินาทีนั้นเหมือนกระแสไฟฟ้าต่างขั้วได้มาเจอ ดวงตาคู่คมที่มองมาด้วยความพึงพอใจไม่ปิดบังของฟรานซิสโก้ทำให้นาตาชาเองก็ลอบส่งสายตายั่วยวนกลับคืน ไม่ต้องมีคำพูดใดๆให้มากความ หลังงานแฟชั่นโชว์จบลงอย่างสมบูรณ์ตามสคริปต์ที่วางไว้ เธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมายืนรอที่หน้าห้องแต่งตัวอย่างรู้งาน ไม่ถึงห้านาทีก็มีผู้ชายสวมสูทสีดำสนิทมาเชิญเธอไปยังลานจอดรถ แล้วเธอก็ได้เจอกับผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้วีไอพีเคียงข้างท่านนายพลองอาจ นอกจากจะหล่อมาก ฟรานซิสโก้ยังเป็นถึงเจ้าของบริษัทออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โอกาสได้เป็นคุณนายฮอร์นสันหล่นมาถึงมือเธอขนาดนี้ คิดว่าเธอจะยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอยหรือ เมื่อคำตอบคือไม่! หลังจากนั้น...เขากับเธอก็ทำเนื้อตัวให้เปล่าเปลือยภายในเวลาไม่กี่วินาที และใช้ร่างกายฟาดฟันกันหนักหน่วงทุกท่วงท่าจนเตียงนอนแทบลุกเป็นไฟ
“อยากได้ใหม่ไหม”
“แน็ตตี้อยู่ที่นี่จนชินแล้ว เป็นห่วงก็คุณฟรานซิสโก้ คุณคงคุ้นเคยกับการอยู่ในห้องนอนกว้างๆ”
“เฮ็นริค จัดการเรื่องคอนโดใหม่ให้เธอด้วย”
รอยยิ้มหวานล้ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มของนาตาชามองเหม่อไปข้างหน้าเหมือนกำลังเพ้อฝันยามคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเพียงคำพูดไม่กี่ประโยค ซ้ำยังเป็นคำพูดอ้อมๆด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ฟรานซิสโก้เนรมิตคอนโดฯใหม่ให้เธออย่างง่ายดาย หลังจากที่ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาลูกน้องที่รออยู่นอกห้อง วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้รับลูกกุญแจคอนโดฯชุดใหม่ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองย่านสุขุมวิทที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาแพงหูดับ หากไม่ใช่มหาเศรษฐีที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้คงเป็นเจ้าของได้ยาก แต่เธอกลับได้มันมาง่ายๆ นี่หากไม่ใช่เพราะเสน่ห์ในเรือนกายสวยงามของเธอที่ฟรานซิสโก้หลงใหลอย่างรุนแรงดั่งถูกมนต์ดำสะกด แล้วจะเป็นอะไรได้อีก
“แฟนพี่แน็ตตี้น่ารักจังเลยนะคะ”
“ใช่จ้ะ ก็เพราะน่ารักมากแบบนี้ พี่เลยขัดใจเขาไม่ลงสักที ต้องย้ายที่ใหม่กะทันหันเลย”
“ก็พี่แน็ตตี้สวยนี่คะ ถ้าเป็นไปได้ พิ้งค์ว่าแฟนพี่แน็ตตี้คงอยากจะคอยตามรับตามส่ง นั่งเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ”
‘ตามรับส่ง! นั่งเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมง?’
คำพูดของแพรชมพูสะดุดใจคนฟังยิ่งนัก รอยยิ้มหวานฉ่ำของนาตาชาค่อยๆจางหายไป จริงสิ! นี่เธอติดต่อฟรานซิสโก้ไม่ได้มานานเท่าไรแล้วนะ หลังจากคืนนั้นที่ชายหนุ่มป้อนรสสวาทเร่าร้อนดุดันให้เธอครั้งสุดท้ายในช่วงประมาณตีสามหรือสี่ไม่แน่ใจ ด้วยความเพลียกับงานและหมดเรี่ยวแรงไปกับการกรีดร้องครวญครางเธอก็ผล็อยหลับไปทันที ตื่นมาอีกครั้งก็ช่วงบ่ายของวันใหม่พร้อมกับกุญแจคอนโดฯชุดใหม่ที่วางไว้ตรงหัวนอน จากนั้นเธอก็ยังหาทางติดต่อเขาไม่ได้เลย ไม่ใช่ยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยสิ กว่าสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วต่างหากที่เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มแม้แต่เงา
“วันนี้พิ้งค์ไปสมัครงานมาเหรอจ้ะ เป็นยังไงบ้าง ได้ไหม”
เพราะคำพูดสัพยอกไม่ตั้งใจของแพรชมพูแทงใจดำเข้าอย่างจัง นาตาชาจึงจำเป็นต้องยิ้มเขินๆกลบเกลื่อนแล้วทำทีไปถามเรื่องงานของแพรชมพูเมื่อหลุบสายตาเป็นกังวลเสมองแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ
“ยังไม่มีที่ไหนรับพิ้งค์เลยค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะพี่จะช่วยพิ้งค์เอง”
ปลายนิ้วเรียวยาวแต้มสีชมพูสดดึงมือน้อยเย็นชืดของแพรชมพูเข้ามากุมให้กำลังใจ และคำพูดของรุ่นพี่ที่ปลาบปลื้มนั้นยิ่งกว่าพระมาโปรด ทำให้คนเหนื่อยล้ารู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก วงหน้าหม่นหมองของแพรชมพูค่อยๆแช่มชื่นพร้อมเรียวปากสีเรื่อที่ยิ้มกว้าง เมื่อนาตาชารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยหางานให้เธอทำอีกแรง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ