เถื่อนร้ายบัญชารัก

10.0

เขียนโดย Phaky

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.

  37 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ฟรานซิสโก้ ฮอร์นสัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

“ยินดีด้วยครับท่าน”

นั่นคือเสียงของสุภาพบุรุษหนุ่มหล่อมาดนิ่งเจ้าของความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานแสดงเครื่องเพชรแบรนด์ไฮฟ์ ไดมอนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ถือครองตลาดในประเทศไทยอันดับหนึ่งและเริ่มขยับเข้าสู่ตลาดโลกด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ไฮฟ์ ไดมอนด์เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นเพราะได้รับการออกแบบโดยบริษัท ฮอร์นสัน จิวเวลรี่ ดีไซน์ บริษัทออกแบบเครื่องประดับอันดับต้นๆของโลก ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสรรค์สร้างความสวยงามหรูหราให้เกิดเป็นเอกลักษณ์บนเครื่องประดับทุกชิ้น ภายใต้การบริหารงานของฟรานซิสโก้ ฮอร์นสัน หนุ่มหล่อสัญชาติอิตาลีวัยสามสิบสองปีที่เข้ามารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว 

“ขอบใจๆ เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”

ฝ่ามือหนาของอดีตท่านนายพลองอาจ นายทหารฝีมือดีที่จำเป็นต้องวางมือจากอาชีพรับราชการก่อนถึงวัยเกษียณเพื่อมาช่วยภรรยาสุดที่รักบริหารกิจการจิวเวลรี่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วตบลงบนบ่าแข็งแรงของฟรานซิสโก้ฮอร์นสัน ที่นอกจากจะเป็นคู่ค้าคนสำคัญ อดีตนายพลยังให้ความเอ็นดูชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรตรงหน้าท่านเหมือนเป็นลูกหลานคนหนึ่ง

แรกเริ่มคุณหญิงลักษมีภรรยาของท่านก่อตั้งร้านจิวเวลรี่เพียงต้องการหาอะไรทำแก้เบื่อตามประสาเศรษฐีที่ชื่นชอบของสวยๆงามๆ แต่เหมือนบุญหล่นทับ เพราะการเข้าร่วมงานสังสรรค์ของเหล่าบรรดาเซเลปแห่งวงการอัญมณีทำให้ได้เจอกับฟรานซิสโก้ ฮอร์นสัน หนึ่งในเจ้าของบริษัทออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงก้องโลก จากการพูดคุยกันถูกคอนำไปสู่การเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันเรื่อยมาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาร่วมๆห้าปีแล้ว

“หลังจากส่งมอบงานชิ้นสำคัญให้ท่านผมก็หายใจโล่งขึ้นเยอะเลยครับ”

“โล่งใจเพราะส่งงานเรียบร้อย หรือเพราะจริงๆได้สาวสวยมาช่วยผายปอดกันล่ะ ฟรานซิสโก้”

ฟรานซิสโก้ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณก่อนรับแก้วบรั่นดีที่คุณองอาจส่งมาให้ พลางหยักยิ้มมุมปากน้อยๆกับคำสัพยอกอย่างรู้เท่าทันของท่านอดีตนายพล เพราะงานแสดงแฟชั่นโชว์ในค่ำคืนนี้มีความสำคัญมาก นอกจากเป็นการจัดงานครบรอบสิบปีแห่งการก่อตั้งไฮฟ์ ไดมอนด์ คุณองอาจยังต้องการเปิดตัวคอลเล็คชั่นเครื่องประดับชุดใหม่ในคอนเซ็ปต์ราชาแห่งอัญมณี เน้นความเข้มแข็งของทับทิมสีแดงหายากทรงคุณค่า เชื่อกันว่าอัญมณีชนิดนี้จะมีพลังช่วยกระตุ้นความเข้มแข็งและความร้อนแรงในตัวของผู้สวมใส่ให้เปล่งประกายออกมา แต่ขึ้นชื่อว่าเครื่องประดับที่โดยส่วนมากจะอยู่บนเรือนกายของสตรี คุณหญิงลักษมีจึงอยากคงความงดงามน่าทะนุถนอมเอาไว้ และจะต้องมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำกับผลงานที่เคยมีมาด้วย นั่นเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหิน ทำเอาฟรานซิสโก้เคร่งเครียดไปชั่วขณะ แต่ในที่สุดก็ไม่เกินความสามารถของฮอร์นสัน จิวเวลรี่ดีไซน์ ที่เนรมิตเครื่องประดับคอลเล็คชั่นนี้ออกมาได้ถูกใจคุณองอาจกับภรรยายิ่งนัก

“ยิ้มแบบนี้ ผมคงไม่ต้องเดาแล้วล่ะ”

“เกรงว่าที่ท่านรู้ใจ จะเป็นเพราะท่านเคยเป็นมาก่อนกระมังครับ”

“อย่าเอ็ดไป ฟรานซิสโก้ เดี๋ยวคุณหญิงได้ยิน”

“ท่านช่างเป็นสุภาพบุรุษ”

ในความรู้สึกของฟรานซิสโก้ มันคือการให้เกียรติคุณหญิงลักษมีทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้ว่าคุณองอาจจะแกล้งทำทีเป็นมองซ้ายขวาเหมือนกลัวจะมีคนอื่นหรือคุณหญิงลักษมีมาได้ยินแล้วยิ้มกริ่ม แต่แววตาซื่อตรงของท่านอดีตนายพลยามเอ่ยถึงภรรยาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนั้นทำให้ผู้ชายด้วยกันมองออกว่าท่านยังคงรักภรรยาของท่านมาก มากจนไม่อยากให้มีเรื่องอะไรทำให้ภรรยาของท่านต้องขุ่นเคืองใจ

“แต่คนไทยเรียกว่ากลัวเมียระวังไว้ด้วยล่ะ นั่นไง พูดถึงก็มาเชียว ว่าไงครับคุณหญิง”

คุณองอาจโต้กลับด้วยน้ำเสียงติดตลกพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดัง ซ้ำยังแกล้งขู่ฟรานซิสโก้ แต่คนถูกขู่กลับทำเพียงยิ้มแกนๆเพราะชาตินี้เขายังไม่คิดมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน หรือหากจำเป็นต้องมี เขาก็จะไม่มีทางยอมปล่อยให้ภรรยามีอำนาจอยู่เหนือเขาแน่นอน ชั่วครู่เสียงหัวเราะก็จางหายไปแต่กลับมีรอยยิ้มอบอุ่นมาแทนที่ ทำให้ฟรานซิสโก้หรี่ตามองด้วยความแปลกใจกับท่าทีของคู่สนทนา และเมื่อหมุนใบหน้ามองตามทิศทางที่คุณองอาจมองอยู่ ความสงสัยของฟรานซิสโก้ก็ได้รับคำตอบ

“ฉันมาตามค่ะ สวัสดีจ้ะฟรานซิสโก้ มาถึงนานหรือยังจ๊ะ”

“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งครับคุณหญิง ผมเพิ่งมาถึงสักครู่นี่เองครับ”

ร่างสูงค้อมศีรษะลงน้อยๆให้คุณหญิงลักษมีที่แม้อายุของท่านจะเข้าสู่วัยกลางคน แต่ความงดงามของท่านยังคงเฉิดฉายดูอ่อนกว่าวัย จากนั้นมือใหญ่บรรจงจับมือขาวผ่องของคุณหญิงลักษมีที่มีแหวนไพลินน้ำงามประดับอยู่ขึ้นจุมพิตแผ่วเบาเป็นการทักทาย

“งั้นเราเข้าไปในงานกันดีกว่าค่ะ แฟชั่นโชว์กำลังจะเริ่มแล้ว”

“เชิญครับคุณหญิง ท่านนายพล”

ฟรานซิสโก้ผายมือเชิญเจ้าของงานเข้าสู่ห้องจัดงานแฟชั่นโชว์ ทั้งสามเดินตรงไปยังเก้าอี้หน้าเวทีสำหรับแขกวีไอพี จากนั้นไม่นานนางแบบสาวสวยก็ทยอยเดินออกมาโชว์โฉมพร้อมพรีเซ้นต์เครื่องประดับที่สวมใส่ด้วยลีลาเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะนาตาชา นางแบบคนสุดท้ายที่สวมสร้อยคอทับทิมเส้นโตที่ฟรานซิสโก้เป็นคนออกแบบด้วยตัวเองออกมายืนเด่นอยู่ตรงกลางเวที ท่าทางมาดมั่นยามเยื้องย่างเรือนกายเพรียวระหง กอปรกับใบหน้าสวยเปรี้ยวและดวงตายาวรีสุดเซ็กซี่ที่นอกจากจะทำให้เครื่องประดับบนตัวของเธอโดดเด่น ความเย้ายวนของเธอในค่ำคืนนี้ยังสะดุดตาฟรานซิสโก้ยิ่งนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากงานแฟชั่นโชว์จบลงไม่นานทั้งสองคนจะหายออกไปจากงานพร้อมๆกัน

..............................................................................................................................................................

“คุณป๋าใจร้าย พิ้งค์ไม่รักคุณป๋าแล้ว!”

มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาของความน้อยใจแต่ก็ดูเหมือนจะเสียแรงเปล่า เพราะยิ่งปาด หยดน้ำใสๆก็ยิ่งหลั่งไหล นับเป็นเวลาร่วมๆครึ่งชั่วโมงที่แพรชมพูนั่งรำพึงรำพันถึงบิดาสุดที่รักด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออยู่ตรงมุมอับของร้านเครื่องดื่มใต้ถุนคอนโดฯหลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งกลับมาจากยื่นใบสมัครงานกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งจากคำพูดสวยหรูของเจ้าหน้าที่ที่บอกว่าจะติดต่อกลับไปภายหลังทำให้พอรู้ตัวว่าเธอคงหมดหวัง เพราะเธอนั้นไร้ประสบการณ์การทำงานตามคุณสมบัติที่บริษัทประกาศรับ

ก็ได้ ถ้าแกอยากเรียนต่อ ไม่อยากแต่งงาน ป๋าก็จะไม่ห้าม แต่ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าป๋าจะไม่ส่งเงินให้แกสักบาท อยากเรียนนัก เก่งนักก็หาค่าเทอมเอาเองแล้วกัน

นั่นคือประกาศิตด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจากกำนันสุนทรที่ประกาศชัดเจนในวันที่เธอมีปากเสียงกับท่านเรื่องการแต่งงาน แม้ว่าวันนั้นจะมีคุณมณีมาช่วยห้ามศึก แต่ก็ระงับได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น พอเธอกำลังจะปลีกตัวเข้าไปขบคิดวิธีแก้ไขปัญหาในห้องนอน กำนันสุนทรกลับเรียกเธอเอาไว้แล้วยื่นคำขาดอีกครั้ง เมื่อคำตอบของเธอยังคงเดิมว่าไม่ต้องการแต่งงาน ท่านจึงประกาศเสียงดังด้วยใบหน้าถมึงทึงอย่างที่รู้ดีว่ากำนันสุนทรกำลังโกรธจัด ด้วยอารมณ์มาคุแบบนี้ คุณมณีเองก็หมดปัญญาจะช่วยเหลืออะไรได้อีก

คืนนั้นทั้งคืนเธอทำได้เพียงนอนร้องไห้น้อยใจที่คุณป๋าเอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ แล้วก็ต้องช้ำใจหนักกว่าเดิมเมื่อตื่นมารุ่งเช้าตอนกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางจากราชบุรีกลับกรุงเทพแล้วพบว่ารถมินิคูเปอร์สีแดงคู่ใจของตัวเองถูกพ่อกำนันยึดคืน หนำซ้ำคนเป็นพ่อยังเมินหน้าหนีทำเหมือนเธอเป็นลูกทรพี เธอจึงทำได้เพียงกอดแม่มณีร้องไห้ก่อนเรียกรถรับจ้างมารับเธอไปส่งที่ท่ารถตู้โดยสารซึ่งเธอไม่เคยใช้บริการมาก่อน ซุกตัวกับรถนั่งปล่อยน้ำตาให้รินไหล ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชีวิตต้องเบียดเสียดในรถตู้แคบๆกับอีกสิบสามชีวิตจนแทบหายใจไม่ออก พลางนั่งคิดหาวิธีดำเนินชีวิตในวันต่อๆไป ขนาดใบหน้าของเธอ พ่อกำนันยังไม่ยอมมอง แล้วนับประสาอะไรกับเงินก้อนใหญ่ที่ท่านจะต้องให้เธอไว้ใช้จ่ายก่อนเดินทางกลับเหมือนเช่นทุกครั้ง มือน้อยคลำกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลใบสวยขึ้นมาเปิดออกแล้วทำได้เพียงยิ้มสมเพชตัวเอง เพราะในกระเป๋ามีเงินสดอยู่ประมาณห้าพันกว่าบาทซึ่งมูลค่าของมันน้อยกว่าราคากระเป๋าหลายเท่าตัว หนักกว่านั้นจนต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คือเธอเพิ่งใช้เงินในบัญชีถอยกล้องถ่ายภาพมาใหม่ ราคาหลักแสนที่จ่ายเป็นสดทำให้มียอดเงินคงเหลือติดบัญชีแค่สามหมื่นบาทเท่านั้น สามหมื่นบาทกับชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปไม่มีกำหนด อาจจะสามสัปดาห์ สามเดือน สามปี หรือนานกว่านั้น แต่เงินแค่สามหมื่นจะกินจะใช้ยังไม่พอ แล้วเธอจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม

หรือสุดท้าย…เธอจะต้องยอมยกธงขาวให้พ่อกำนัน?

.................................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา