มนต์รักในคำสัญญา
-
เขียนโดย Hanuna
วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.42 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
10.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 00.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ดอกไม้ปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมกลัว พวกเราจะตายไหม”
“พวกเราต้องรอด”
“ไม่ต้องกลัวนะลูก”
“ไม่ ไม่ พ่อครับแม่ครับ อย่าทิ้งผมไป ขอร้อง ฮือ ๆ” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ไหลอาบแก้มที่ขาวซีดด้วยความกลัว นทีร้องออกมาเสียงดัง เนื่องจากยังไม่ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย เหงื่อไหลตามเนื้อตัวจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง
“พ่อครับ แม่ครับ” นทียังคงส่งเสียงเรียกหาคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย
“ชู่ ชู่ อย่าได้ร้องไห้ ชู่”
เสียงกระซิบข้างกายของนทีช่างเยือกเย็น แต่ที่น่าแปลก นทีกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาสัมผัสร่างกายของเขา เขานิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ตัว ความฝันอันน่ากลัวที่เผชิญอยู่นั้นค่อย ๆ จางหายไป เหลือแต่ภาพมืดในความฝัน ที่พาเขาดำดิ่งเข้าสู่ช่วงเวลาของการนอนหลับ ลึกลงไปเรื่อย ๆ
“จิ๊บ จิ๊บ”
เสียงนกร้องส่งเสียงประสานโต้ตอบไปมา บ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นทีได้กะพริบตาเพื่อปรับสายตากับแสงแดดยามเช้า ที่ส่องเข้ามาในห้องนอนของเขา
“กลิ่นอะไร หอมจัง” เขาสูดดมความหอมที่อบอวลไปทั่วห้องด้วยความสงสัย ว่ากลิ่นหอมเหล่านี้มาจากไหนกัน
“ดอกกระดังงานิ” นทีเหลือบไปเห็นดอกกระดังงาวางอยู่บนโต๊ะตรงหัวนอนของเขา เขาหยิบขึ้นมาพิจารณาและสูดดมความหอมจนเต็มปอด ความหอมของดอกไม้นี้ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ความอ่อนเพลียและความกังวลใจตั้งแต่กลับมาที่นี่หายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มกับดอกไม้แสนสวยและกลิ่นหอมนี้อย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดอกไม้เพียงดอกเดียวทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ใครกัน นำดอกไม้มาให้”
“คงเป็นอารัตแน่เลย” ชายหนุ่มได้แต่พูดกับตัวเองเบา ๆ และเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋า พร้อมกับลงมาหาอาของตนข้างล่าง เขานั้นลืมความฝันเมื่อคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีแต่ความคิดใหม่ว่าผู้ใด นำดอกไม้ดอกนี้มาให้เขากันแน่ ช่างใจดีจริง
“อารัตครับ” นทีเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านได้เจออาของเขาเข้าพอดีจึงรีบทักขึ้น
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” รัตนาเห็นนทีหน้าตาตื่นลงมาจากบันไดด้วยความตื่นเต้น เธอแปลกใจที่หลานชายตื่นเช้ากว่าที่คิด นึกว่าจะตื่นตอนเที่ยงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก
“ครับ ว่าแต่อาจะไปไหนครับ” นทีเห็นอาของตนแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก จึงนึกแปลกใจว่าจะไปไหนแต่เช้า
“จะไปตลาด พอดีตื่นมาเตรียมตัวสายไปหน่อย อาต้องรีบไปก่อนตลาดจะวาย” เธอรีบเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ทันทีที่พูดจบ
นทียืนงงกับท่าทางของคนตรงหน้าและเขายังไม่ได้ถามเรื่องดอกไม้เลยสักนิด จึงได้แต่มองคนทั้งสองออกไปข้างนอกจนลับสายตา และหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างมึนงง อยากคุยอยากถามอะไรมากกว่านี้ แต่คนบ้านนี้ดูเหมือนจะรีบเร่งตลอดเวลา เขาจึงเข้าห้องนอนวางดอกไม้ไว้บนโต๊ะที่เดิม ถึงไม่รู้ว่าใครใจดีนำดอกไม้กลิ่นหอมมาให้เขาก็ไม่เป็นไร เรื่องที่อยากรู้คงต้องเก็บไว้ก่อน เพราะตอนนี้เขาควรเก็บที่นอนและอาบน้ำให้ตนเองสดชื่นตามดอกไม้ดอกนี้เสียดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ภายในเวลาไม่นาน นทีได้จัดการตัวเองและเดินออกจากบ้าน เพื่อสำรวจรอบบ้านว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไหม เขาเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงหนองน้ำขนาดใหญ่มีต้นไม้และหญ้าปกคลุมโดยรอบ ซึ่งเขาจำที่นี่ได้เป็นอย่างดี เป็นสถานที่ที่เขาชอบมานั่งเล่นบ่อยครั้งในตอนเด็ก จึงนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดกับหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ โดยนั่งมองออกไปสุดสายตา ความรู้สึกสบายอย่างนี้ในชีวิตของเขานั้นยากที่จะเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่สถานที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมและทำให้เขาสบายใจทุกครั้งไป นทีได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง เขาตกใจจึงหันไปมองต้นเสียงที่ใกล้เข้ามาทันที
“ใครนะ!”
“เราเอง แฮะ แฮะ” ปัถวีตั้งใจจะทำให้นทีตกใจเล่น แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว นทีกลับรู้ตัวเสียก่อน
“อ้าว วีเองเหรอ เรานึกว่าใคร” นทีหันไปพูดคุยกับเพื่อนสนิท ด้วยสีหน้าที่คลายความตกใจ
“ใช่สิ นายนึกว่าใครกัน” แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา แต่ทำไมนทีถึงพูดว่ามีคนอื่นอีก
“ไม่รู้สิ เรานึกว่ามีชายแปลกหน้าแอบย่องมาทางด้านหลัง” นทียังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ว่าทำไมรู้สึกว่าไม่ใช่ปัถวี เหมือนมีคนคอยจับตามองเขาอยู่ อาจเป็นเพราะดอกกระดังงาปริศนาที่ทำให้เขาหวาดระแวง
“ฮ่า ฮ่า คิดมากน่า ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีนายต้องรีบโทรหาเราก่อนคนแรกเลยรู้ไหม” ปัถวีเดินมานั่งใกล้ ๆ นทีอย่างเช่นทุกครั้ง
“อืม ขอบใจ” นทียิ้มกลับให้เขาอย่างเป็นมิตร จะหาเพื่อนที่ไหนดีเท่าคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
“ว่าแต่คิดถึงเหมือนกันเนอะ เวลานายโดนคุณย่าหรือคุณพ่อกับคุณแม่นายบ่นทีไร ต้องแอบมานั่งที่นี่เป็นประจำเลยนะ” ปัถวีจำเรื่องตอนเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะเขามักอยู่ด้วยทุกครั้งไป
“อืมใช่ นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันโดนด่า” นทีหันไปมองค้อนต่อว่าเพื่อนตน
“แฮะ แฮะ” ปัถวีหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
"แดดเริ่มร้อนแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ นายก็อยู่ทานข้าวที่บ้านกับเราด้วยสิ" นทีชวนปัถวีเพราะปัถวีนั้นอยู่บ้านคนเดียว บิดามารดาของเขาไปทำงานที่ต่างประเทศยังไม่กลับมา ซึ่งแน่นอนรายนี้ต้องมาฝากท้องที่บ้านประจำ
“ไม่ปฏิเสธครับผม” ปัถวียิ้มหน้าบานตามนทีที่ลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน โดยไม่รอเขาเลยสักนิด
เมื่อเข้ามาในบ้านทั้งสอง ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงประตูทางเข้า พวกเขาทั้งคู่เดินไปนั่งประจำที่ทันที พร้อมกับอาหารที่กำลังจัดเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหารทีละอย่าง
“อ้าว มากันแล้ว อากำลังจะให้พิมไปตามเราอยู่เลยนะที” รัตนาเห็นนทีมาพร้อมกับปัถวี จึงเข้าใจว่าทั้งคู่คงเจอกันข้างนอก และปัถวีต้องย่องมาหานทีอย่างไม่ต้องสงสัย รายนี้ชอบตามติดนทีตั้งแต่เด็กยันโต
“ครับ ผมพาวีมาด้วย” นทียิ้มแป้นให้กับอาของเขา ใจจริงอยากทานอาหารตรงหน้าจะแย่อยู่แล้ว
“จ้า ๆ ทานได้เลยไม่ต้องรออา” เธอคิดว่าจะเข้าไปดูอะไรในครัวอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะออกมาทานอาหารพร้อมกับหลาน
“อารัตครับ” นทีอยากรู้เรื่องที่เขาคาใจ
“มีอะไรจ๊ะ” รัตนาหันมามองนทีเพี่อตอบคำถามของเขา
“เมื่อเช้าอานำดอกกระดังงามาให้ผมเหรอครับ” นทีสงสัยสิ่งนี้ที่สุด ว่าใครเอาดอกไม้มาให้ตน
“พูดเรื่องอะไรกัน อาไม่ได้เข้าไปห้องเราเลยนะ อีกอย่างประตูห้องเราก็ล็อกไว้ไม่ใช่หรือไง” เธองงกับคำพูดของหลานชาย คงไม่มีใครเข้าไปในห้องได้ เพราะนทีติดนิสัยชอบล็อกประตูห้อง และเธอลองมาหาเมื่อคืน เพื่อที่จะแอบดูว่าหลานตนนอนสบายไหม พอรู้ว่านทีล็อกประตู เธอจึงตัดใจเดินออกมา
“เออ...จริงด้วย” นทีพึ่งนึกออกว่าเขาเป็นคนล็อกประตูห้องเอง แล้วใครจะเข้ามาได้
“แล้วดอกกระดังงาที่บ้านไม่มีแล้วนะจ๊ะ ต้นมันตายไปตั้งหลายปีแล้ว แล้วเราไปเอาดอกกระดังงามาจากที่ไหนกัน” เธอขมวดคิ้วสงสัยในสิ่งที่นทีถาม
“ไม่มีอะไรครับ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ” นทีเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เขาไม่อยากให้ใครมองว่าเขาเป็นคนแปลกที่กุเรื่องขึ้นมาเอง
“อ๋อ จ๊ะ” เธอเดินเข้าครัวไปทันทีทิ้งให้นทีมึนงงอยู่บนโต๊ะ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี ทานข้าวกันเถอะ มีแต่ของที่นายชอบทั้งนั้นเลยนะ กินเยอะ ๆ ล่ะ”
นทีเอาใจคนตรงหน้ากลบเกลื่อนเรื่องที่เขาถามอาของตนเอง เขาไม่อยากให้ปัถวีมาสงสัยอะไรในตอนนี้ แค่ดอกไม้ปริศนาที่โผล่บนหัวเตียงก็ทำให้เขามีความคิดมากพอแล้ว ถ้าโดนคนตรงหน้าซักถามอีก มีหวังแย่แน่เลย
“พวกเราต้องรอด”
“ไม่ต้องกลัวนะลูก”
“ไม่ ไม่ พ่อครับแม่ครับ อย่าทิ้งผมไป ขอร้อง ฮือ ๆ” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ไหลอาบแก้มที่ขาวซีดด้วยความกลัว นทีร้องออกมาเสียงดัง เนื่องจากยังไม่ตื่นจากความฝันอันโหดร้าย เหงื่อไหลตามเนื้อตัวจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง
“พ่อครับ แม่ครับ” นทียังคงส่งเสียงเรียกหาคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย
“ชู่ ชู่ อย่าได้ร้องไห้ ชู่”
เสียงกระซิบข้างกายของนทีช่างเยือกเย็น แต่ที่น่าแปลก นทีกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาสัมผัสร่างกายของเขา เขานิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ตัว ความฝันอันน่ากลัวที่เผชิญอยู่นั้นค่อย ๆ จางหายไป เหลือแต่ภาพมืดในความฝัน ที่พาเขาดำดิ่งเข้าสู่ช่วงเวลาของการนอนหลับ ลึกลงไปเรื่อย ๆ
“จิ๊บ จิ๊บ”
เสียงนกร้องส่งเสียงประสานโต้ตอบไปมา บ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นทีได้กะพริบตาเพื่อปรับสายตากับแสงแดดยามเช้า ที่ส่องเข้ามาในห้องนอนของเขา
“กลิ่นอะไร หอมจัง” เขาสูดดมความหอมที่อบอวลไปทั่วห้องด้วยความสงสัย ว่ากลิ่นหอมเหล่านี้มาจากไหนกัน
“ดอกกระดังงานิ” นทีเหลือบไปเห็นดอกกระดังงาวางอยู่บนโต๊ะตรงหัวนอนของเขา เขาหยิบขึ้นมาพิจารณาและสูดดมความหอมจนเต็มปอด ความหอมของดอกไม้นี้ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก ความอ่อนเพลียและความกังวลใจตั้งแต่กลับมาที่นี่หายไปจนหมดสิ้น เขายกยิ้มกับดอกไม้แสนสวยและกลิ่นหอมนี้อย่างอารมณ์ดี ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดอกไม้เพียงดอกเดียวทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ใครกัน นำดอกไม้มาให้”
“คงเป็นอารัตแน่เลย” ชายหนุ่มได้แต่พูดกับตัวเองเบา ๆ และเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋า พร้อมกับลงมาหาอาของตนข้างล่าง เขานั้นลืมความฝันเมื่อคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีแต่ความคิดใหม่ว่าผู้ใด นำดอกไม้ดอกนี้มาให้เขากันแน่ ช่างใจดีจริง
“อารัตครับ” นทีเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านได้เจออาของเขาเข้าพอดีจึงรีบทักขึ้น
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” รัตนาเห็นนทีหน้าตาตื่นลงมาจากบันไดด้วยความตื่นเต้น เธอแปลกใจที่หลานชายตื่นเช้ากว่าที่คิด นึกว่าจะตื่นตอนเที่ยงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก
“ครับ ว่าแต่อาจะไปไหนครับ” นทีเห็นอาของตนแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก จึงนึกแปลกใจว่าจะไปไหนแต่เช้า
“จะไปตลาด พอดีตื่นมาเตรียมตัวสายไปหน่อย อาต้องรีบไปก่อนตลาดจะวาย” เธอรีบเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ทันทีที่พูดจบ
นทียืนงงกับท่าทางของคนตรงหน้าและเขายังไม่ได้ถามเรื่องดอกไม้เลยสักนิด จึงได้แต่มองคนทั้งสองออกไปข้างนอกจนลับสายตา และหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างมึนงง อยากคุยอยากถามอะไรมากกว่านี้ แต่คนบ้านนี้ดูเหมือนจะรีบเร่งตลอดเวลา เขาจึงเข้าห้องนอนวางดอกไม้ไว้บนโต๊ะที่เดิม ถึงไม่รู้ว่าใครใจดีนำดอกไม้กลิ่นหอมมาให้เขาก็ไม่เป็นไร เรื่องที่อยากรู้คงต้องเก็บไว้ก่อน เพราะตอนนี้เขาควรเก็บที่นอนและอาบน้ำให้ตนเองสดชื่นตามดอกไม้ดอกนี้เสียดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ภายในเวลาไม่นาน นทีได้จัดการตัวเองและเดินออกจากบ้าน เพื่อสำรวจรอบบ้านว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไหม เขาเดินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงหนองน้ำขนาดใหญ่มีต้นไม้และหญ้าปกคลุมโดยรอบ ซึ่งเขาจำที่นี่ได้เป็นอย่างดี เป็นสถานที่ที่เขาชอบมานั่งเล่นบ่อยครั้งในตอนเด็ก จึงนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดกับหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ โดยนั่งมองออกไปสุดสายตา ความรู้สึกสบายอย่างนี้ในชีวิตของเขานั้นยากที่จะเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่สถานที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมและทำให้เขาสบายใจทุกครั้งไป นทีได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง เขาตกใจจึงหันไปมองต้นเสียงที่ใกล้เข้ามาทันที
“ใครนะ!”
“เราเอง แฮะ แฮะ” ปัถวีตั้งใจจะทำให้นทีตกใจเล่น แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว นทีกลับรู้ตัวเสียก่อน
“อ้าว วีเองเหรอ เรานึกว่าใคร” นทีหันไปพูดคุยกับเพื่อนสนิท ด้วยสีหน้าที่คลายความตกใจ
“ใช่สิ นายนึกว่าใครกัน” แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา แต่ทำไมนทีถึงพูดว่ามีคนอื่นอีก
“ไม่รู้สิ เรานึกว่ามีชายแปลกหน้าแอบย่องมาทางด้านหลัง” นทียังไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ว่าทำไมรู้สึกว่าไม่ใช่ปัถวี เหมือนมีคนคอยจับตามองเขาอยู่ อาจเป็นเพราะดอกกระดังงาปริศนาที่ทำให้เขาหวาดระแวง
“ฮ่า ฮ่า คิดมากน่า ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีนายต้องรีบโทรหาเราก่อนคนแรกเลยรู้ไหม” ปัถวีเดินมานั่งใกล้ ๆ นทีอย่างเช่นทุกครั้ง
“อืม ขอบใจ” นทียิ้มกลับให้เขาอย่างเป็นมิตร จะหาเพื่อนที่ไหนดีเท่าคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
“ว่าแต่คิดถึงเหมือนกันเนอะ เวลานายโดนคุณย่าหรือคุณพ่อกับคุณแม่นายบ่นทีไร ต้องแอบมานั่งที่นี่เป็นประจำเลยนะ” ปัถวีจำเรื่องตอนเด็กได้เป็นอย่างดี เพราะเขามักอยู่ด้วยทุกครั้งไป
“อืมใช่ นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันโดนด่า” นทีหันไปมองค้อนต่อว่าเพื่อนตน
“แฮะ แฮะ” ปัถวีหัวเราะกลบเกลื่อนทันที
"แดดเริ่มร้อนแล้ว เข้าบ้านกันเถอะ นายก็อยู่ทานข้าวที่บ้านกับเราด้วยสิ" นทีชวนปัถวีเพราะปัถวีนั้นอยู่บ้านคนเดียว บิดามารดาของเขาไปทำงานที่ต่างประเทศยังไม่กลับมา ซึ่งแน่นอนรายนี้ต้องมาฝากท้องที่บ้านประจำ
“ไม่ปฏิเสธครับผม” ปัถวียิ้มหน้าบานตามนทีที่ลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน โดยไม่รอเขาเลยสักนิด
เมื่อเข้ามาในบ้านทั้งสอง ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงประตูทางเข้า พวกเขาทั้งคู่เดินไปนั่งประจำที่ทันที พร้อมกับอาหารที่กำลังจัดเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหารทีละอย่าง
“อ้าว มากันแล้ว อากำลังจะให้พิมไปตามเราอยู่เลยนะที” รัตนาเห็นนทีมาพร้อมกับปัถวี จึงเข้าใจว่าทั้งคู่คงเจอกันข้างนอก และปัถวีต้องย่องมาหานทีอย่างไม่ต้องสงสัย รายนี้ชอบตามติดนทีตั้งแต่เด็กยันโต
“ครับ ผมพาวีมาด้วย” นทียิ้มแป้นให้กับอาของเขา ใจจริงอยากทานอาหารตรงหน้าจะแย่อยู่แล้ว
“จ้า ๆ ทานได้เลยไม่ต้องรออา” เธอคิดว่าจะเข้าไปดูอะไรในครัวอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะออกมาทานอาหารพร้อมกับหลาน
“อารัตครับ” นทีอยากรู้เรื่องที่เขาคาใจ
“มีอะไรจ๊ะ” รัตนาหันมามองนทีเพี่อตอบคำถามของเขา
“เมื่อเช้าอานำดอกกระดังงามาให้ผมเหรอครับ” นทีสงสัยสิ่งนี้ที่สุด ว่าใครเอาดอกไม้มาให้ตน
“พูดเรื่องอะไรกัน อาไม่ได้เข้าไปห้องเราเลยนะ อีกอย่างประตูห้องเราก็ล็อกไว้ไม่ใช่หรือไง” เธองงกับคำพูดของหลานชาย คงไม่มีใครเข้าไปในห้องได้ เพราะนทีติดนิสัยชอบล็อกประตูห้อง และเธอลองมาหาเมื่อคืน เพื่อที่จะแอบดูว่าหลานตนนอนสบายไหม พอรู้ว่านทีล็อกประตู เธอจึงตัดใจเดินออกมา
“เออ...จริงด้วย” นทีพึ่งนึกออกว่าเขาเป็นคนล็อกประตูห้องเอง แล้วใครจะเข้ามาได้
“แล้วดอกกระดังงาที่บ้านไม่มีแล้วนะจ๊ะ ต้นมันตายไปตั้งหลายปีแล้ว แล้วเราไปเอาดอกกระดังงามาจากที่ไหนกัน” เธอขมวดคิ้วสงสัยในสิ่งที่นทีถาม
“ไม่มีอะไรครับ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ” นทีเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เขาไม่อยากให้ใครมองว่าเขาเป็นคนแปลกที่กุเรื่องขึ้นมาเอง
“อ๋อ จ๊ะ” เธอเดินเข้าครัวไปทันทีทิ้งให้นทีมึนงงอยู่บนโต๊ะ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี ทานข้าวกันเถอะ มีแต่ของที่นายชอบทั้งนั้นเลยนะ กินเยอะ ๆ ล่ะ”
นทีเอาใจคนตรงหน้ากลบเกลื่อนเรื่องที่เขาถามอาของตนเอง เขาไม่อยากให้ปัถวีมาสงสัยอะไรในตอนนี้ แค่ดอกไม้ปริศนาที่โผล่บนหัวเตียงก็ทำให้เขามีความคิดมากพอแล้ว ถ้าโดนคนตรงหน้าซักถามอีก มีหวังแย่แน่เลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ