Wish you were here : อยู่กับผมนะที่รัก
-
เขียนโดย chivaru
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 07.50 น.
21 ตอน
3 วิจารณ์
19.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 11.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) เหตุผลที่ 18 ไม่บอก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
- [โรงพยาบาลเอกชน] -
เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากผับ ผมก็ตรงกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลทันที เจอกับพี่หมอที่ยังคงทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้พักได้ผ่อน ดูจากขอบตาคล้ำใบหน้าซีดเซียวเหมือนจะยังไม่ได้กินอะไรมากหลายวันแล้ว
“พี่หมอได้พักบ้างยังครับ” ผมถามขึ้น ขณะที่พี่หมอกำลังเช็กอาการน้องสาวตัวน้อยที่กำลังหลับใหล
“อืม..นิดหน่อย เออ กูมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี ตามมาที่ห้องตรวจกูหน่อย”
หลังจากพี่หมอเช็กอาการตาลเรียบร้อยเราก็พากันออกมาจากห้องพักอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย ผมเดินตรงมาตามทางเดินผ่านเคาน์เตอร์มีพยาบาลเข้าเวรสองคนกำลังจัดแจงยาสำหรับผู้ป่วยภายในชั้น เดินตรงมาอีกไม่ถึงสิบก้าวพบห้องตรวจของพี่หมออยู่ขวามือ ด้านในครบครันด้วยอุปกรณ์แพทย์เบื้องต้น แต่ลึกเข้าไปมีห้องส่วนตัวอยู่ด้านในผมก็ไม่เคยเข้าไปดูหรอกว่ามันเป็นยังไง ที่รู้นี่พี่หมอบอกมาล้วนๆ
ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพี่หมออย่างเหนื่อยหน่าย เรื่องเมื่อคืนทำไมผมยังรู้สึกว่ามันไม่จบก็ไม่รู้ ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ชั่งเถอะค่อยว่ากันถ้ามันยังต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก
“มีอะไรหรอครับพี่หมอ” ผมเริ่มถามเข้าประเด็น
“เรื่องปลูกถ่ายดวงตา มีโอกาสแค่ 50% จากการตรวจรอบที่แล้วเหมือนว่ามึงกับตาลเซลล์ต่างๆ จะเข้ากันได้กับตัวเล็กเป็นอย่างดี แต่มันเสี่ยงต่อการเสียเลือดจำนวนมาก ตอนนี้ทางโรงพยาบาลกำลังขาดแคลนเลือดกรุ๊ป A ซึ่งทั้งมึงแล้วก็ตัวเล็ก ก็กรุ๊ป A กูเกรงว่ามันจะเสี่ยงเกินไป มึงเลิก...”
“ไม่! ทำเถอะครับ ผมขอร้อง ผมไม่เป็นไร รักษาตาลไว้ก็พอครับ” ผมตอบกลับเสียงสั่น ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะตาย แต่ถ้ามันยังพอมีทางผมก็อยากจะลองดูอีกสักครั้งไม่ได้หรอ
“เห้อ... ถ้ามึงจะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูทำเรื่องขอเลือดสำรองมา แต่กูอยากได้เลือดมึงด้วย พักผ่อนซะ พรุ่งนี้มาบริจาคเลือดที่นี่”
“ครับ ได้ครับพี่หมอ”
“อีกแค่เดือนเดียวจะทำการผ่าตัด มึงบอกตัวเล็กยัง”
“ยังเลยครับ ผมกลัวตาลไม่ยอม” ผมคิดว่าตาลคงไม่ยอมแน่ๆ เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่ยอมเช่นกัน
“งั้นก็แล้วแต่มึงละกันเรื่องนี้ ไปพักเถอะ กูจะนอนแล้ว”
“ครับ”
ผมเดินกลับมาที่ห้องพักตาล ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ใช้มือหนาของตัวเองลูบไล้เส้นผมของคนตัวบางที่หลับสนิท ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอยังคงน่ารักสำหรับผมเสมอ
“ทนอีกนิดนะครับคนดี อีกแค่ไม่นาน” เสียงกระซิบแผ่วเบาไร้การรบกวน ผมจูบซับหน้าผากเนิ่นนาน ซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก แต่ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดูแลเธอให้ได้มากที่สุด
“รักตาลนะครับ” ด้วยความล้าทำให้ผมฟุบหลับไปข้างเตียงผู้ป่วยทั้งอย่างนั้น
﹀
ผมตื่นเพราะเสียงพยาบาลเปิดประตูเข้ามา เปิดตู้ยาในห้องตรงทางเข้า
“ยาของเช้านี้ค่ะ รบกวนให้รับประทานอาหารตรงเวลาด้วยนะคะ”
“ครับ” ผมตอบรับคำสั้น หันกลับมามองลูกตาลที่ยังคงหลับอยู่ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือซ้าย บ่งบอกเวลาว่ายังเช้าอยู่เลย
“6 โมง ครึ่งแล้วหรอวะ”
ไม่นานนักอาหารสำหรับผู้ป่วยนำมาส่งให้ถึงที่ เช้านี้เมนูคือข้าวต้มกุ้งไม่ใส่ผักใดๆ เพราะเจ้าตัวไม่ชอบกินผักมีกลิ่นฉุน
ตาลต้องทานอาหารเช้าในเวลา 8 โมงเช้า ทำให้ผมต้องปลุกเธอขึ้นมาจากการหลับใหล
“ตาลครับ ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวต้องกินข้าวกินยานะครับ”
“อื้อ..ค่ะ” ตาลตอบรับด้วยอาการงัวเงีย
“เช้านี้มีข้าวต้มกุ้งที่ตาลชอบด้วยนะ ต้องกินเยอะๆ นะครับ”
“รับทราบค่ะ” รอยยิ้มละมุมในเช้านี้ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ
ข้าวต้มเหลือครึ่งถ้วยแต่กุ้งหมดแล้วทำให้ตาลหยุดกินทันที ก็นี่นะเป็นนิสัยตาลเลยละ กินข้าวเท่าที่มีกับ
กินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยได้เวลากินยาที่มีอยู่ในแก้วใบใสจำนวนไม่น้อยเลย จากสีหน้าระหว่างกลืนยา ผมสงสารตาลจับใจ
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เป็นไงบ้างตัวเล็ก” พี่หมอเข้ามาถามไถ่อาการอีกครั้งในช่วงเช้า
“ก็ดีค่ะ พี่หมอมีอะไรรึเปล่า”
“อืม...อ่า..มีคนบริจาคดวงตามา แล้วพี่ตรวจดูแล้วมีโอกาสเข้ากับตัวเล็กอยู่ 50% เชียวนะ พี่อยากให้ตัวเล็กเข้ารับการผ่าตัดครั้งนี้”
“มันจะดีหรอพี่หมอ ตาลกลัว” เสียงสั่นๆ ของตาลทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“พี่อยากให้ตัวเล็กมองเห็นอีกครั้ง ไอเทียนมันก็ด้วยนะ ตัวเล็กไม่อยากมองเห็นทุกคนแล้วหรอ”
“นั้นสิครับตาล เข้ารับการผ่าตัดเถอะนะ เทียนจะอยู่ข้างๆ ตาลเองนะครับ” ผมพยายามโน้มน้าวเต็มที่เพราะผมอยากให้ตาลมองเห็นผมอีกครั้ง
“....ค่ะ เขาเป็นใครหรอพี่” ผมกับพี่หมอหันหน้ามองกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมส่ายหน้าช้าๆ เป็นสัญญาณว่าไม่นะ ไม่บอก ยังไงก็ห้ามบอกเด็ดขาด ผมไม่อยากให้ตาลปฏิเสธการรักษาครั้งนี้
“เป็นความลับ เจ้าของไม่ขอเปิดเผย ตัวเล็กไม่ต้องคิดมากหรอก เอาเป็นว่าเขาเต็มใจบริจาคมา จากข้อมูลที่ได้มา เขาบริจาคแค่ข้างเดียวนะ อีกข้างเหมือนเขาจะมีปัญหาเหมือนกัน” ใส่สีตีไข่เล็กน้อยในคำตอบ แต่จะดีมากถ้าตาลตกลง
“....ค่ะ แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่คะ”
“ถ้าร่างกายตัวเล็กพร้อมพี่อยากเริ่มอาทิตย์หน้า” ผมหันขวับมองพี่หมอด้วยความตกใจ ที่เราคุยกันไว้มันอีก 1 เดือนนี่ มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ หลังจากผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกนี่ก็เพิ่งจะ 3 เดือนเองนะ ไม่ทันได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้พี่หมอก็อธิบายขึ้นมาก่อน
“พี่ตรวจดูแล้ว ร่างกายตัวเล็กหายจากลูคีเมียมา 8 อาทิตย์แล้ว ร่างกายมีการฟื้นฟูรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นั้นละ อาทิตย์หน้าเจอกัน พี่ไปขอตัวไปเตรียมผ่าตัดก่อน” พี่หมอร่ายยาวเสร็จก็ชิ่งทิ้งผมให้งงงวยไปกับคำตอบ
หลังจากไอพี่หมอออกไปไม่นาน สองฝาแฝดมองก็มาเยี่ยมตามที่บอก
“สวัสดีน้องตาล เพิ่งเคยเห็นตัวจริง น่ารักกว่าที่คิดนะครับเนี่ย” ไอแมงน้องทักขึ้นก่อน
“ดีค่ะน้องตาลพี่แมงป่องนะคะ ปากหมาๆ นี้น้องชายฝาแฝดพี่เอง แมงมุมอย่าแซวน้องสิ” ไอแมงพี่แนะนำเสร็จหันไปเอ็ดไอแมงน้องเล็กๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะพี่ๆ ขอบคุณที่มาค่ะ ขอบคุณที่ดูแลเทียนมาตลอด เทียนเคยเล่าเรื่องพี่ๆ ให้ฟังบ่อยๆ ค่ะ” ตาลตอบรับระบายยิ้มกว้าง
“แกไปเล่าเรื่องอะไรให้น้องฟัง อิผัว อุ๊ปส์” คำเรียกตามความเคยชินหลุดออกจากปาก ไอแมงพี่รีบเอามือปิดปากด้วยความลืมตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ เทียนเล่าให้ฟังแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งมากจริงๆ ค่ะ” ตาลยังคงยิ้มกว้าง ผมเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ ตลอดเวลาที่รักษาตัวมา ตาลไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนที่เราคบกัน
“มึงครับ จะมองอีกนานมั้ย กะให้เข้าไปถึงแกนสมองเลยมั้ยครับมึง” ผมเผลอมองตาลตาไม่กะพริบอยู่นานสองนานโดยไม่รู้ตัวจนไอแมงน้องสะกิดด้วยปากสกิลระดับหมา
“เผือก!” ผมหันไปแว๊ดใส่ไอแมงน้องอย่าอารมณ์เสียนิดๆ ขัดขวางความสุขผมจริง!
“คิก..คิกๆ” สองสาวพากันขำเล็กขำน้อยกันใหญ่
“อาการเป็นไงบ้างคะน้องตาล” <ไอแมงพี่
“พูดเพราะขนาดนี้ฝนจะตกมั้ยวะ” <ไอแมงน้อย
“กูว่าพายุเข้าหว่ะ” <ผม
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” <ผม/ไอแมงน้อง
“กวนตีนนะพวกมึง” ไอแมงพี่หันมาแว๊ดผมกับไอแมงน้องทันที
“ตามสบายเถอะค่ะ คิกๆ” ขนาดตาลยังขำ ผมไม่รู้จะขำท่าไหนดี
“แหะๆ อาการเป็นไงบ้างอ่ะเรา หายไวๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ อาทิตย์หน้ามีผ่าตัดอีกค่ะ” ตาลชี้ไปที่ดวงตาทั้งสองข้างที่ตอนนี้มองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว พวกผมกระตุกไปกับคำตอบของตาล
ไอสองแมงหันมามองผม ‘มึงเอาจริงหรอ?’ นั้นเป็นคำถามที่ถูกส่งมาทางสายตา ผมได้แต่พยักหน้า ยกนิ้วชี้จุ๊ปากส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่า ‘อย่าพูดนะ ตาลยังไม่รู้’ ไอสองแมงมีสีหน้าตกใจถึงขีดสุด แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“อ่า...ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ” < ไอแมงน้อง
“ใช่ๆ สู้ๆ นะ...กูกลับก่อนนะมึงมีธุระต่อ” ไอแมงพี่ให้กำลังใจตาล แล้วหันมาบอกลาผม
“เออขอบใจมากที่มา ขับรถกลับกันดีๆ”
ตาลทำได้เพียงยิ้มส่ง พอผมจะไปส่งไอสองแมงแต่มันก็ปฏิเสธบอกให้ผมอยู่ดูแลตาลดีกว่า ‘แค่นี้เองกูกลับกันได้’ มันว่างั้น ผมก็เดินกลับมานั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงกุมมือบางขวาซีดไว้อย่างโหยหา
“พักผ่อนเถอะครับคนดี” ตาลพยักหน้าตอบรับน้อยๆ ผมปรับเตียงให้สามารถนอนได้อย่างสบายตัว เฝ้าคอยรอเวลาให้ตาลหลับสนิท เพราะผมต้องไปบริจาคเลือด
จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถบอกความจริงเกี่ยวกับตาข้างนั้นที่ตาลกำลังจะได้รับการผ่าตัดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมขอให้มันเป็นความลับต่อไปจนกว่าตาลจะมองเห็นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาตาลจะได้รับคำตอบนั้นด้วยตัวเอง
- [โรงพยาบาลเอกชน] -
เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากผับ ผมก็ตรงกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลทันที เจอกับพี่หมอที่ยังคงทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้พักได้ผ่อน ดูจากขอบตาคล้ำใบหน้าซีดเซียวเหมือนจะยังไม่ได้กินอะไรมากหลายวันแล้ว
“พี่หมอได้พักบ้างยังครับ” ผมถามขึ้น ขณะที่พี่หมอกำลังเช็กอาการน้องสาวตัวน้อยที่กำลังหลับใหล
“อืม..นิดหน่อย เออ กูมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี ตามมาที่ห้องตรวจกูหน่อย”
หลังจากพี่หมอเช็กอาการตาลเรียบร้อยเราก็พากันออกมาจากห้องพักอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย ผมเดินตรงมาตามทางเดินผ่านเคาน์เตอร์มีพยาบาลเข้าเวรสองคนกำลังจัดแจงยาสำหรับผู้ป่วยภายในชั้น เดินตรงมาอีกไม่ถึงสิบก้าวพบห้องตรวจของพี่หมออยู่ขวามือ ด้านในครบครันด้วยอุปกรณ์แพทย์เบื้องต้น แต่ลึกเข้าไปมีห้องส่วนตัวอยู่ด้านในผมก็ไม่เคยเข้าไปดูหรอกว่ามันเป็นยังไง ที่รู้นี่พี่หมอบอกมาล้วนๆ
ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพี่หมออย่างเหนื่อยหน่าย เรื่องเมื่อคืนทำไมผมยังรู้สึกว่ามันไม่จบก็ไม่รู้ ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ชั่งเถอะค่อยว่ากันถ้ามันยังต้องมีอะไรเกิดขึ้นอีก
“มีอะไรหรอครับพี่หมอ” ผมเริ่มถามเข้าประเด็น
“เรื่องปลูกถ่ายดวงตา มีโอกาสแค่ 50% จากการตรวจรอบที่แล้วเหมือนว่ามึงกับตาลเซลล์ต่างๆ จะเข้ากันได้กับตัวเล็กเป็นอย่างดี แต่มันเสี่ยงต่อการเสียเลือดจำนวนมาก ตอนนี้ทางโรงพยาบาลกำลังขาดแคลนเลือดกรุ๊ป A ซึ่งทั้งมึงแล้วก็ตัวเล็ก ก็กรุ๊ป A กูเกรงว่ามันจะเสี่ยงเกินไป มึงเลิก...”
“ไม่! ทำเถอะครับ ผมขอร้อง ผมไม่เป็นไร รักษาตาลไว้ก็พอครับ” ผมตอบกลับเสียงสั่น ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะตาย แต่ถ้ามันยังพอมีทางผมก็อยากจะลองดูอีกสักครั้งไม่ได้หรอ
“เห้อ... ถ้ามึงจะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูทำเรื่องขอเลือดสำรองมา แต่กูอยากได้เลือดมึงด้วย พักผ่อนซะ พรุ่งนี้มาบริจาคเลือดที่นี่”
“ครับ ได้ครับพี่หมอ”
“อีกแค่เดือนเดียวจะทำการผ่าตัด มึงบอกตัวเล็กยัง”
“ยังเลยครับ ผมกลัวตาลไม่ยอม” ผมคิดว่าตาลคงไม่ยอมแน่ๆ เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่ยอมเช่นกัน
“งั้นก็แล้วแต่มึงละกันเรื่องนี้ ไปพักเถอะ กูจะนอนแล้ว”
“ครับ”
ผมเดินกลับมาที่ห้องพักตาล ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ใช้มือหนาของตัวเองลูบไล้เส้นผมของคนตัวบางที่หลับสนิท ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอยังคงน่ารักสำหรับผมเสมอ
“ทนอีกนิดนะครับคนดี อีกแค่ไม่นาน” เสียงกระซิบแผ่วเบาไร้การรบกวน ผมจูบซับหน้าผากเนิ่นนาน ซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุด ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก แต่ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ดูแลเธอให้ได้มากที่สุด
“รักตาลนะครับ” ด้วยความล้าทำให้ผมฟุบหลับไปข้างเตียงผู้ป่วยทั้งอย่างนั้น
﹀
ผมตื่นเพราะเสียงพยาบาลเปิดประตูเข้ามา เปิดตู้ยาในห้องตรงทางเข้า
“ยาของเช้านี้ค่ะ รบกวนให้รับประทานอาหารตรงเวลาด้วยนะคะ”
“ครับ” ผมตอบรับคำสั้น หันกลับมามองลูกตาลที่ยังคงหลับอยู่ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือซ้าย บ่งบอกเวลาว่ายังเช้าอยู่เลย
“6 โมง ครึ่งแล้วหรอวะ”
ไม่นานนักอาหารสำหรับผู้ป่วยนำมาส่งให้ถึงที่ เช้านี้เมนูคือข้าวต้มกุ้งไม่ใส่ผักใดๆ เพราะเจ้าตัวไม่ชอบกินผักมีกลิ่นฉุน
ตาลต้องทานอาหารเช้าในเวลา 8 โมงเช้า ทำให้ผมต้องปลุกเธอขึ้นมาจากการหลับใหล
“ตาลครับ ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวต้องกินข้าวกินยานะครับ”
“อื้อ..ค่ะ” ตาลตอบรับด้วยอาการงัวเงีย
“เช้านี้มีข้าวต้มกุ้งที่ตาลชอบด้วยนะ ต้องกินเยอะๆ นะครับ”
“รับทราบค่ะ” รอยยิ้มละมุมในเช้านี้ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ
ข้าวต้มเหลือครึ่งถ้วยแต่กุ้งหมดแล้วทำให้ตาลหยุดกินทันที ก็นี่นะเป็นนิสัยตาลเลยละ กินข้าวเท่าที่มีกับ
กินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยได้เวลากินยาที่มีอยู่ในแก้วใบใสจำนวนไม่น้อยเลย จากสีหน้าระหว่างกลืนยา ผมสงสารตาลจับใจ
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เป็นไงบ้างตัวเล็ก” พี่หมอเข้ามาถามไถ่อาการอีกครั้งในช่วงเช้า
“ก็ดีค่ะ พี่หมอมีอะไรรึเปล่า”
“อืม...อ่า..มีคนบริจาคดวงตามา แล้วพี่ตรวจดูแล้วมีโอกาสเข้ากับตัวเล็กอยู่ 50% เชียวนะ พี่อยากให้ตัวเล็กเข้ารับการผ่าตัดครั้งนี้”
“มันจะดีหรอพี่หมอ ตาลกลัว” เสียงสั่นๆ ของตาลทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“พี่อยากให้ตัวเล็กมองเห็นอีกครั้ง ไอเทียนมันก็ด้วยนะ ตัวเล็กไม่อยากมองเห็นทุกคนแล้วหรอ”
“นั้นสิครับตาล เข้ารับการผ่าตัดเถอะนะ เทียนจะอยู่ข้างๆ ตาลเองนะครับ” ผมพยายามโน้มน้าวเต็มที่เพราะผมอยากให้ตาลมองเห็นผมอีกครั้ง
“....ค่ะ เขาเป็นใครหรอพี่” ผมกับพี่หมอหันหน้ามองกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมส่ายหน้าช้าๆ เป็นสัญญาณว่าไม่นะ ไม่บอก ยังไงก็ห้ามบอกเด็ดขาด ผมไม่อยากให้ตาลปฏิเสธการรักษาครั้งนี้
“เป็นความลับ เจ้าของไม่ขอเปิดเผย ตัวเล็กไม่ต้องคิดมากหรอก เอาเป็นว่าเขาเต็มใจบริจาคมา จากข้อมูลที่ได้มา เขาบริจาคแค่ข้างเดียวนะ อีกข้างเหมือนเขาจะมีปัญหาเหมือนกัน” ใส่สีตีไข่เล็กน้อยในคำตอบ แต่จะดีมากถ้าตาลตกลง
“....ค่ะ แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่คะ”
“ถ้าร่างกายตัวเล็กพร้อมพี่อยากเริ่มอาทิตย์หน้า” ผมหันขวับมองพี่หมอด้วยความตกใจ ที่เราคุยกันไว้มันอีก 1 เดือนนี่ มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ หลังจากผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกนี่ก็เพิ่งจะ 3 เดือนเองนะ ไม่ทันได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้พี่หมอก็อธิบายขึ้นมาก่อน
“พี่ตรวจดูแล้ว ร่างกายตัวเล็กหายจากลูคีเมียมา 8 อาทิตย์แล้ว ร่างกายมีการฟื้นฟูรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นั้นละ อาทิตย์หน้าเจอกัน พี่ไปขอตัวไปเตรียมผ่าตัดก่อน” พี่หมอร่ายยาวเสร็จก็ชิ่งทิ้งผมให้งงงวยไปกับคำตอบ
หลังจากไอพี่หมอออกไปไม่นาน สองฝาแฝดมองก็มาเยี่ยมตามที่บอก
“สวัสดีน้องตาล เพิ่งเคยเห็นตัวจริง น่ารักกว่าที่คิดนะครับเนี่ย” ไอแมงน้องทักขึ้นก่อน
“ดีค่ะน้องตาลพี่แมงป่องนะคะ ปากหมาๆ นี้น้องชายฝาแฝดพี่เอง แมงมุมอย่าแซวน้องสิ” ไอแมงพี่แนะนำเสร็จหันไปเอ็ดไอแมงน้องเล็กๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะพี่ๆ ขอบคุณที่มาค่ะ ขอบคุณที่ดูแลเทียนมาตลอด เทียนเคยเล่าเรื่องพี่ๆ ให้ฟังบ่อยๆ ค่ะ” ตาลตอบรับระบายยิ้มกว้าง
“แกไปเล่าเรื่องอะไรให้น้องฟัง อิผัว อุ๊ปส์” คำเรียกตามความเคยชินหลุดออกจากปาก ไอแมงพี่รีบเอามือปิดปากด้วยความลืมตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ เทียนเล่าให้ฟังแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งมากจริงๆ ค่ะ” ตาลยังคงยิ้มกว้าง ผมเพิ่งเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ ตลอดเวลาที่รักษาตัวมา ตาลไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนที่เราคบกัน
“มึงครับ จะมองอีกนานมั้ย กะให้เข้าไปถึงแกนสมองเลยมั้ยครับมึง” ผมเผลอมองตาลตาไม่กะพริบอยู่นานสองนานโดยไม่รู้ตัวจนไอแมงน้องสะกิดด้วยปากสกิลระดับหมา
“เผือก!” ผมหันไปแว๊ดใส่ไอแมงน้องอย่าอารมณ์เสียนิดๆ ขัดขวางความสุขผมจริง!
“คิก..คิกๆ” สองสาวพากันขำเล็กขำน้อยกันใหญ่
“อาการเป็นไงบ้างคะน้องตาล” <ไอแมงพี่
“พูดเพราะขนาดนี้ฝนจะตกมั้ยวะ” <ไอแมงน้อย
“กูว่าพายุเข้าหว่ะ” <ผม
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” <ผม/ไอแมงน้อง
“กวนตีนนะพวกมึง” ไอแมงพี่หันมาแว๊ดผมกับไอแมงน้องทันที
“ตามสบายเถอะค่ะ คิกๆ” ขนาดตาลยังขำ ผมไม่รู้จะขำท่าไหนดี
“แหะๆ อาการเป็นไงบ้างอ่ะเรา หายไวๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ อาทิตย์หน้ามีผ่าตัดอีกค่ะ” ตาลชี้ไปที่ดวงตาทั้งสองข้างที่ตอนนี้มองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว พวกผมกระตุกไปกับคำตอบของตาล
ไอสองแมงหันมามองผม ‘มึงเอาจริงหรอ?’ นั้นเป็นคำถามที่ถูกส่งมาทางสายตา ผมได้แต่พยักหน้า ยกนิ้วชี้จุ๊ปากส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่า ‘อย่าพูดนะ ตาลยังไม่รู้’ ไอสองแมงมีสีหน้าตกใจถึงขีดสุด แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“อ่า...ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ” < ไอแมงน้อง
“ใช่ๆ สู้ๆ นะ...กูกลับก่อนนะมึงมีธุระต่อ” ไอแมงพี่ให้กำลังใจตาล แล้วหันมาบอกลาผม
“เออขอบใจมากที่มา ขับรถกลับกันดีๆ”
ตาลทำได้เพียงยิ้มส่ง พอผมจะไปส่งไอสองแมงแต่มันก็ปฏิเสธบอกให้ผมอยู่ดูแลตาลดีกว่า ‘แค่นี้เองกูกลับกันได้’ มันว่างั้น ผมก็เดินกลับมานั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงกุมมือบางขวาซีดไว้อย่างโหยหา
“พักผ่อนเถอะครับคนดี” ตาลพยักหน้าตอบรับน้อยๆ ผมปรับเตียงให้สามารถนอนได้อย่างสบายตัว เฝ้าคอยรอเวลาให้ตาลหลับสนิท เพราะผมต้องไปบริจาคเลือด
จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถบอกความจริงเกี่ยวกับตาข้างนั้นที่ตาลกำลังจะได้รับการผ่าตัดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมขอให้มันเป็นความลับต่อไปจนกว่าตาลจะมองเห็นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาตาลจะได้รับคำตอบนั้นด้วยตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ