เป็นคนดีของสังคมเนี่ยยากกว่าที่คิดเนอะ?
เขียนโดย Noel
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.47 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 09.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) ขอข้อแก้ตัวกับพันธสัญญานี้ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ่ายของวันนั้นเองขณะที่ผมกำลังไปส่งงานที่ห้องพักครูอยู่นั้นก็ไปเหลือบเห็นอาจารย์คานิเอะกำลังอบรมนักเรียนของตัวเองที่ขาดไปอยู่ตรงนั้น
“อาริมะ ถ้ามาสายเพราะเรื่องคดีก็ไม่ว่าหรอกนะแต่ช่วยแจ้งให้ถูกต้องด้วยจะได้ไหม?”
“ขอโทษครับ”
“อีกอย่างทำไมนายถึงดันมาสายพร้อมกับนักเรียนใหม่ล่ะรู้จักกันรึไง?”
“เรื่องนั้นเพิ่งจะเคยเจอเมื่อเช้าเองครับ”
“เมื่อเช้า?”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังสิ้นสุดคำพูดอาริมะจึงเดินสวนกับผมออกไปโดยเมินคำพูดฉุดรั้งของอาจารย์และหายลับไปหลังประตู
“เฮ้อ ห้องฉันจะมีเด็กมีปัญหาเพิ่มมาอีกคนหนึ่งรึเปล่านะ? อ้อ เอาวางไว้ตรงนี้เลย ถึงจะบอกให้ส่งภายในเย็นนี้แต่นายส่งมาคนแรกเลยนะคิริโนะ”
“อาจารย์เมื่อกี้คือ?”
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละหลังจากที่น้องๆ ของอาริมะหายตัวไปเจ้าตัวก็กลายเป็นแบบนั้นแล้ว จริงๆ ก็เข้าใจว่าทำใจไม่ได้อยู่หรอกข้อแก้ตัวน่ะไว้ค่อยมาเขียนตอนพร้อมก่อนค่อยมาก็ได้ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมาวันนี้พร้อมกับนักเรียนใหม่ซะเที่ยงแบบนี้น่ะ”
ผมมองไปรอบๆ ห้องเผื่อจะมีร่องลอยของนักเรียนใหม่ที่ว่านั่น
“วันนี้มันอะไรกันนะ เปลี่ยนคนดูแลห้องพยาบาลใหม่บ้างล่ะ นักเรียนของฉันมีสภาพทางจิตแย่บ้างล่ะ พอมาคิดดูแล้วเรื่องทั้งหมดมันโยงจาก A มา C ไม่ใช่รึไงกัน”
“นักเรียนใหม่นี่คนไหนเหรอครับ?”
“โดนส่งไปห้องแนะแนวน่ะ”
โห
“นี่ๆ นักเรียนที่ย้ายมาใหม่เนี่ยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?
“ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นลูกของหมอที่ถูกฆ่าชิงทรัพย์ที่เป็นข่าวนะ ตอนแรกมีดรามาโทษนักเรียนใหม่นั่นเต็มโซเชียลเลยด้วย”
“อ้อ ถึงว่าล่ะเหมือนเคยเห็นที่ไหนน่ะ”
หญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่เดินสวนผมในห้องพักครูพูดคุยกันพอดิบพอดีก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไป
“จริงสิคิริโนะ เรื่องคดีเด็กหายน่ะดูเหมือนจะมีตำรวจติดต่อมาอยากให้นายไปที่ห้องแนะแนวหลังเลิกเรียนน่ะ คงไม่ได้ไปก่ออะไรเอาไว้ใช่รึเปล่า?”
ผมพยายามหลบสายตาของอาจารย์คานิเอะก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
“…ผู้เห็นเหตุการณ์ล่ะมั้งครับ”
“ขออนุญาตครับ”
ผมค่อยๆ เลื่อนประตูห้องแนะแนวออกจึงผมกับชายวัยกลางคนหน้าเข้มอย่างกับเอาเปลสโซ่คนหนึ่งในชุดสูทผูกเนคไทนั่งกอดอกอยู่ตรงหน้าโต๊ะกระจกที่มีแก้วน้ำถูกวางเอาไว้สามใบ พอมองไปรอบๆ ห้องแล้วไม่มีใครคนอื่นอยู่ด้วยเลยแม้แต่อาจารย์ห้องแนะแนว เขาค่อยๆ หันหน้ามาทางผมพร้อมกับสบตา
“คิริโนะคุงสินะ นั่งก่อนสิ”
ผมเดินไปนั่งอีกฝั่งของเขาตามที่สั่ง
“ขอแนะนำตัวก่อนนะฉันชื่อโดจิมา โคซาคุจริงๆ แล้วคนที่มากับฉันยังมีอีกคนแต่หายไปเข้าห้องน้ำน่ะ ให้ตายสิใช่ไม่ได้เลยน้าเจ้าหมอนั่น”
คุณโดจิมาพูดไปพรางเลื่อนแก้วใบหนึ่งมาทางผมไปพราง
“อะ อา ครับ”
“เธอคงรู้แล้วสินะว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่น่ะ อะไรกันแค่จะมาถามเฉยๆ น่ะก็อย่างที่รู้นะเด็กที่ชื่ออาริมะดันให้การว่าพี่น้องของตัวเองถูกดูดหายไปแบบนั้นน่ะ”
ผมจ้องมองใบหน้าของคุณโดจิมาที่เผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่พยายามคลายความกังวลของเด็กหนุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับตำรวจตัวต่อตัว
“เด็กผู้หญิงที่เห็นเหตุการณ์อีกคนดันให้การว่าเด็กคนนั้นคิดไปเองไม่มีทางที่คนจะจู่ๆ ก็หายไปไหนได้หรอกน่ะ”
ใบหน้าของฮัทสึฮารุลอยเข้ามา
“ฉันจึงอยากจะมาถามเธอนิดหน่อยว่าพอจะรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ให้บ้างสักเล็กสักน้อยก็ยังดีเด็กคนนั้นใจได้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย”
คราวนี้เป็นใบหน้าของอาริมะในวันที่น้องของตัวเองหายไปลอยขึ้นมา
ผมเหมอลอยมองเงาสะท้อนใบหน้าของตัวเองผ่านน้ำในแก้ว
ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้กันนะ
ก็นั่นคือความปรารถนาของนายไม่ใช่รึไง รึว่านายจะปฏิเสธกันล่ะ
เรื่องนั้นน่ะ...
“ผม...ก็ไม่เข้าใจ สิ่งที่ตัวเองได้เห็นมันอาจจะเป็นแค่ความเพ้อเจ้อของตัวเองรึเปล่าเหมือนกันแต่ที่สายตาของผมได้มองเห็นขอยืนยันว่าหายไปครับ”
ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคุณโดจิมาอีกครั้งพร้อมกับที่เขายกน้ำขึ้นมาจิบทีหนึ่งพร้อมกับแสดงรอยยิ้มอันอ่อนโยนราวกับเป็นห่วงให้ผม
“งั้นเหรอ? ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะ วันนี้ก็คงพอแค่นี้แหละ”
ว่าเสร็จคุณโดจิมาจึงลุกขึ้นยืนขณะเดียวกันนั้นประตูห้องแนะแนวจึงถูกเปิดออก
“แหม หัวหน้าครับห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดกำลังปิดทำความสะอาดอยู่จึงต้องไปเข้าอีกฝั่งนู่นแหนะครับ ผมนี่มันโชคร้ายจริงๆ เลยนะเนี่ย หืม อ้าว หัวหน้า”
ชายสวมสูทผูกเนคไทอีกคนโผล่ออกมาแต่ใบหน้าของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าห่างจากคุณโดจิมาอยู่หลายปีทีเดียวราวกับเพิ่งบรรจุมาได้ไม่กี่ปี
“หมดธุระแล้วกลับได้แล้วอายาเซะ”
“เอ๋!!”
หลังตำรวจทั้งสองนายออกจาห้องแนะแนวไปผมจึงหยิบแก้วขึ้นมาจิบทีหนึ่ง พรางหวนคิดเรื่องที่ว่าจะเอายังไงหลังจากนี้ดี
แต่เอาเหอะไว้ค่อยคิดระหว่างเดินกลับก็ได้ มัวแต่มานั่งคิดแบบนี้หัวจะทำงานได้ไม่เต็มที่ซะมากกว่า
ก็ตามนั้นแหละผมจึงเดินไปซื้อน้ำอัดลมสักกระป๋องก่อนจะเริ่มเดินกลับแต่อย่างว่าแหละโชคชะตาของผมคงถูกไอ้งั่งที่ไหนสักที่กำลังเล่นสนุกอยู่กระมั้งถึงได้มาเจออาริมะหน้าทางเข้าโรงเรียนที่กำลังอยู่กับชายอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าจะเคยอยู่กับอาริมะก่อนๆ หน้าในสภาพเหนื่อยหอบทั้งคู่
ผมลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเนียนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาตบตาเพื่อใช้เดินผ่านทั้งคู่ไป ถึงกระนั้นผมก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา
“คี-รี-โนคุง”
จู่ๆ หลังผมก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนต้องรีบคว้าสมาร์ทโฟนในมือเอาไว้ด้วยสองมือโดยปล่อยให้น้ำอัดลมร่วงลงพื้น
“อา ขอโทษ ขอโทษนะค้าไม่ได้ตั้งใจเดี๋ยวซื้อคืนให้นะ”
คำถาม หากเป็นพระเอกไลท์โนเวลเขาจะทำยังไง คำตอบคือ ไม่ติดใจเอาความแล้วทำว่าเป็นเรื่องคำขัน
แล้วถ้าคำถามนี้ล่ะ หากไม่ใช่พระเอกไลท์โนเวลจะทำยังไง คำตอบคือ สวนกลับ
“ยัยบ้านี่ อย่ารับสิเฮ้ย”
“ไม่รับก็โดนสิคะ อีกอย่างนี่มันที่สาธารณะนะค้าใจเย็นๆ ก่อน”
ชิ
“หืม นักเรียนใหม่นารุคามิ ซึคาซะที่แนะนำตัวในห้องเมื่อตอนบ่ายใช่ไหมค้า?”
“อืม นารุคามิ ซึคาซะครับ”
นี่น่ะเหรอนักเรียนใหม่เห็นว่ามาสายตั้งแต่วันแรกนึกว่าท่าทางจะเหมือนพวกเกเรกว่านี้แท้ๆ แต่ท่าทางสงบเสงี่ยมที่มาพร้อมแว่นนั่นมาโคตรจะแย้งกับวีรกรรมเลยนะ ถึงว่าล่ะตัดสินคนแค่ที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ
“ฟุตาบะ ยูบาริค่ะยินดีที่ได้รู้จักสวนทางนี้คิริโนะคุง...”
“นารุคามิฉันกลับก่อนล่ะนะ”
เฮ้อ เห็นได้ชัดเลยว่าอาริมะกำลังหลบหน้าผมอยู่แต่ก็ช่างเหอะ ถ้าหมอนั่นรู้ว่าใครเป็นคนทำล่ะก็ผมอาจโดนชกร่วงไปแล้วก็ได้
“คิริโนะยินดีที่ได้รู้จัก”
นารุคามิยื่นมือมาทางผมด้วยรอยยิ้มผูกมิตร
“อะ อา”
“ขอตัวก่อนนะ”
ก็ดูเป็นคนดีมากมารยาทนี่นาไม่น่าจะมาสายได้เลย
“คิริโนะคุงเรื่องสภาเวทน่ะ ”
ผมขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินว่าเวท สงสัยคงเป็นโรคแพ้คำว่าเวทกระมั้งถึงเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว
“ยูบาริตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้วขอยังไม่ฟังได้ไหม เมื่อกี้ก็เพิ่งโดนตำรวจสอบมาน่ะ”
“อะ อา งั้นเหรอค้าแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะค้า”
ผมจึงก้มหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่ทำตกเอาไว้ก่อนจะเดินกลับบ้านไปทั้งแบบนั้น
หลังกลับมายังถิ่นฐาน ผมจึงก้มมองรองเท้านักเรียนหญิงสองคู่ที่ถูกวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบจึงรับรู้ได้ว่ามีแขกที่เป็นผู้หญิงมาสองคนเป็นอย่างน้อยเพราะถ้าเป็นคนในบ้านก็จะเก็บรองเท้าใส่ตู้ พอสรุปได้แบบนั้นเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามประสาเด็กมอต้นโลกสวยจึงลอยออกมาจากห้องนั่งเล่น แต่ก็ไม่มีเวลามาอยากรู้อยากเห็นใดๆ ทั้งนั้นเพราะผมรู้สึกเหนื่อยกับวันสองวันที่ผ่านมานี้เหลือเกิน จึงอยากเข้าห้องน้ำสักรอบก่อนจะขึ้นชั้นสองไปนอนรอมื้อเย็น
ขณะที่กำลังจะทำแบบนั้นฮัทสึฮารุที่บิดลูกบิดประตูห้องน้ำออกมาจึงมองผมไม่ขยับไปไหน
“อะไร?”
“เปล่า ก็ดีแล้ว”
ฮัทสึฮารุพูดจบก็เดินผ่านตัวผมและขึ้นไปชั้นสองโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลย อะไรของยัยนั่นกัน ว่าก็ว่าเหอะที่ฉันต้องมาวิ่งเต้นแบบนี้มันเพราะใครกันเล่า
ก็ยังถือว่ามีเรื่องโชคดีอีกอย่างหนึ่ง น่าจะเพราะวันนี้มีอาจารย์ห้องพยาบาลคนใหม่มากระมั้งถึงทำให้การบ้านที่ต้องถูกสั่งดูน้อยลงไปทันทีเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ ไม่สิน่าจะต้องเรียกว่าเพราะมีคนที่ชื่อมิทากะ มิกิมามากกว่าถึงทำให้การบ้านเบาตาลงแบบนี้ ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับพันธสัญญาดีในเมื่ออะไรๆ ก็เริ่มจะบีบเข้ามาเรื่อยๆ แบบนี้ฮัทสึฮารุเองก็จะถ่วงเวลาไปได้อีกนานแค่ไหนกันมันมีอยู่แค่จะสังเวยคนอื่นหรือว่าจะสังเวยตัวเองเท่านั้นรึไง
ในตอนนั้นเองความคิดวูบหนึ่งของผมก็ได้คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาว่า ‘ถ้าให้ฮัทสึฮารุเขียนทับความทรงจำทั้งหมดเหมือนตอนหลังจบจุดพลิกผันล่ะ’ ราวกับมีคนจงใจ จนไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปจากหัวได้ไม่ว่าจะพยายามคิดเรื่องอื่นมาแทรกก็ตามที มันไม่มีทางอื่นดีกว่านี้แล้วเหรอ? ทว่าฮัทสึฮารุเลือกที่จะไม่ลงมือแสดงว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากทำเพียงแต่อาจจะแค่รอคำสั่งขาดจากผมเหมือนที่ยูบาริเคยบอกก็ได้
ต้องการอะไร ผมถามคำถามกับใครบางคนที่อาจจะรวมไปถึงตัวเองด้วย
ไม่มีคำตอบ แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่ควรทำ
โธ่เว้ย
ผมเกลียดเวทมนตร์ ปาฏิหาริย์ ตอนนี้เกลียดเหลือเกิน
“คิริโนะไม่ได้ยินรึไง! เน่! อยู่ข้างในใช่รึเปล่า?”
ผมถูกเสียงตะโกนจากอีกฝากของประตูเรียกสติกลับมาในเวลานั้นพอดีทำให้ลุกจากเตียงไปตามเสียงเรียกนั้นจึงพบกับโทวมะที่เป็นต้นเสียง
“กว่าจะมาได้นะ คิโยเรียกให้ไปกินข้าวแล้วน่ะ นึกว่าคิริโนะจะตายแล้วซะอีกเรียกตั้งนานกว่าจะออกมา”
ผมมองกลับเข้าไปมองนาฬิกาแขวนในห้อง ไม่รู้ว่านาฬิกามันเสียรึยังไงผมถึงเห็นเข็มสั้นมันชี้ไปด้านล่างสุดแล้วนึกว่าเพิ่งจะเข้ามาในห้องซะอีก
วินาทีถัดมาผมจึงตามเด็กอวดดีคนนี้ไป
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคิโย โทวมะ”
มิยูกิที่อยู่หน้าประตูบ้านกล่าวอำลากับผองเพื่อนของเธอโดยมีคิโยยืนส่งและโทวมะที่เพิ่งจะไปเรียกผมมาก็โบกมือลาให้กันอย่างสนิทสนม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรภาพที่เห็นแทนที่จะทำให้จิตใจอันห่อเหี่ยวของผมอิ่มเอมกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล แต่พอๆ มาคิดดูแล้วมันก็แค่อิจฉาไม่ใช่รึไง
“ขอบคุณที่ดูแลมิยูกิให้ระหว่างที่ผมทำงานนะ เธอเพิ่งย้ายมาอยู่กับผมเมื่อไม่กี่วันก่อนจึงยังอาจหลงทางอยู่บ้าง? ตอนแรกก็กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนจะแค่คิดเองเออเองสินะ”
เสียงชายที่ท่าทางน่าจะเป็นผู้ปกครองของมิยูกิแทรกขึ้นมา
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ”
ห๊ะ เดี๋ยวๆๆ นี่เธอไปสนิทสนมกับเด็กที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาอย่างปริศนาเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ? นี่มีสายเลือดเดียวกันจริงๆ รึเปล่าเนี่ยน้องฉัน
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแต่ก่อนที่เสียงปิดจะตามไปสมทบผมก็ลงซี่สุดท้ายของบันไดสำเร็จทำให้ไปเหลือบเห็นใบหน้าของผู้ปกครองคนนั้นที่กำลังปิดประตูอยู่
เสียงปิดประตูดังขึ้นมาทันทีหลังจากนั้น
ผมยืนเกาหัวอยู่ตรงจุดเดิมจนกระทั่งถูกน้องสาวไล่ให้ไปกินข้าว ภายในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงผมคนเดียวที่นั่งกินข้าวพร้อมกับแมวที่กำลังนอนแผ่พุงอยู่ใกล้ๆ โดยมีเสียงล้างจานของฮัทสึฮารุประกอบ
วินาทีที่เสียงประกอบนั้นเริ่มเลือนหายไป
“ถ้าเธอต้องการเขียนความทรงจำทับโดยให้ฉันตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำล่ะก็เลิกพูดได้เลย”
ผมเอ่ยขึ้นมาโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลังจึงไม่รู้ว่าฮัทสึฮารุจะหยุดฟังรึเปล่าแต่ก็ยังพูดต่อไป
“เพราะฉะนั้นมีเรื่องอย่างอื่นให้ทำนิดหน่อย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ