เป็นคนดีของสังคมเนี่ยยากกว่าที่คิดเนอะ?
เขียนโดย Noel
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.47 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 09.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ขอข้อแก้ตัวกับพันธสัญญานี้ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความระเบียงทางเดินในเวลาปกติไม่ว่าจะโรงเรียนไหนก็คงมีคนพลุกพล่านสวนกันไปมาเป็นเรื่องปกติของแทบทุกโรงเรียนอยู่แล้วโดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐในตัวเมืองใหญ่แบบนี้ ทว่าตอนนี้เวลานี้กลับมีเพียงผมคนเดียวที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องพยาบาลเหมือนเด็กมีปัญหาจะเข้าไปสารภาพบาปกับพ่อแม่ว่าตัวเองเองหยิบเงินไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตหลังจากเตรียมใจดีเรียบร้อยจึงเลื่อนประตูห้องพยาบาลออกด้วยความรู้สึกที่มากมาย
มาเริ่มกันเลยเจ้าพวกบ้า
“ขอโทษที่มารบกวนเวลานี้นะครับ”
คุณมิทากะเบือนหน้าออกมาจากโน๊ตบุ๊คและมองไปยังหน้าประตูห้องที่ถูกเลื่อนออก
“หืม เธอรู้สึกจะเคยเจอกันเมื่อตอนนั้นนี่นาคิริโนะสินะได้ยินมาจากมิสตีแล้วล่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยล่ะ”
“ถ้าให้พูดคงเรื่องเวทมนตร์ครับ”
คุณมิทากะสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแต่ก็ไม่ใช่สีหน้าที่บอกว่านั่นมันเรื่องเหลวไหลแค่นั้นตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
“เธอเป็นนักเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าอยากปรึกษาเรื่องนี้ไม่ไปปรึกษากับเพื่อนล่ะเห็นยังงี้แต่ฉันคงช่วยเธอไม่ได้หรอกไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ด้วยสิ”
ผมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงโดยไม่สนใจคำแนะนำของอาจารย์ห้องพยาบาลและมองเขาตรงๆ
“น่าเสียดายนะครับอุตส่าห์จะปรึกษาว่าหลังจากทำเวทขนาดใหญ่ระดับโลกที่ควบคุมเหล่าสิ่งเหนือสามัญสำนึกพิลึกพิลั่นไปแล้วควรจะทำยังไงดีแท้ๆ”
ผมเอื้อมมือไปหยิบโต๊ะพับกลมถูกๆ ที่เหมือนได้มาจากการเก็บสะสมแต้มเอาไปแลกมาตรงปลายหัวเตียงมาคั่นกลางระหว่างเตียงที่นั่งกับโต๊ะทำงานของคุณมิทากะ
“การปกครองกับเศรษฐกิจก็ท่าทางเดือดร้อนไม่มากก็น้อยอยู่นี่ครับ”
และค่อยๆ หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาจากกระเป๋านักเรียน
“โห งั้นคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
“ข้อมูลที่ผมถืออยู่จะเป็นของจริงหรือของปลอมคงบอกไม่ได้เพียงแต่ว่าพวกคุณที่ไม่มีข้อมูลอื่นนอกจากรู้ว่าเกิดขึ้นบริเวณไหนก็ไม่มีอีกเลย ทำไมเราไม่มาเล่นเกมกันสักหน่อยล่ะครับเผื่อว่าผมจะหลุดข้อมูลอะไรออกไป”
“แล้วเธอต้องการอะไรล่ะที่ออกมาแสดงตัวให้เห็นกันแบบนี้คิดว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วล่ะนะไม่ว่าจะข้อมูลนั่นหรือว่าจะเป็นสถานการณ์หลังจากนี้ด้วยต่อให้เป็นเด็กแต่เซ็นทรัลไม่ปล่อยไปแน่”
ผมกดไอคอนเกมกระดานโอเทโล่และไปวางบนโต๊ะหันไปทางคุณมิทากะโดยเมินคำพูดนั้น
“ถ้าใช้เทคโนโลยีกับเกมกระดานง่ายๆ ถ้าไม่แฮกก็ทำอะไรไม่ได้และถ้าแฮกได้ก็คงเกิดบัคล่มจนเล่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่ว่าฝ่ายไหนจะโกงก็ทำไม่ได้ ถ้าผมแพ้เชิญเอาทุกอย่างไปได้เลยครับเพราะหลังจากนี้คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“แล้วถ้าฉันแพ้ล่ะ”
“ก็จะเอาทุกอย่างไปครับด้วยสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมา”
การเล่นเกมของเด็กอวดดีไม่มีสัมมาคารวะกับอาจารย์พยาบาลป้ายแดงดำเนินไปจนมาถึงจุดๆ หนึ่งผมจึงได้ฤกษ์ยามอันดีในการไปขั้นต่อไป
“จะว่าไปแล้วคุณมิทากะมีน้องสาวด้วยใช่ไหมครับ?”
นิ้วผมจิ้มตารางในแท็บเล็ตและหมากสีดำก็ปรากฏขึ้นมาตามด้วยการพลิกของหมากสีขาวอีกหลายตัว
“ดูเหมือนว่าฉันกำลังถูกขู่อยู่รึเปล่านะ?”
“ไม่ใช่ยังงั้นครับก็แค่อยากพูดคุยรู้จักกันก่อนเฉยๆ ก็น้องสาวคุณเป็นเพื่อนกับน้องสาวผมด้วยนี่ครับก็ต้องทำความรู้จักเอาไว้ก็ไม่เสียหาย ไม่ต้องห่วงครับผมไม่ลากพวกเขามาเกี่ยวหรอกครับ”
“…แล้วอยากรู้อะไรล่ะ ฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องน้องสาวมากนักหรอกเธอเพิ่งย้ายมาอยู่กับฉันเมื่อเดือนที่แล้วตอนขึ้นชั้นมอต้นเองส่วนฉันตั้งแต่เรียนจบที่ต่างประเทศก็เอาแต่ทำงานตลอดแทบจะไม่ได้กลับบ้านที่ซื้อไว้พอได้ยินมาว่าเธอจะมาอยู่ด้วยก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูกเหมือนกัน”
อ้าวไม่ใช่เพิ่งย้ายตามมาหรอกเหรอ? แย่แฮะพลาดเรื่องนี้จนได้
หมากสีดำหลายตัวพลิกกลับเป็นสีขาวอีกครั้ง
“นั่นสินะหากฉันแพ้อยากให้ช่วยดูแลเธอหน่อยจะได้รึเปล่า? ในเมื่อจะเอาทุกอย่างไปน่ะ”
“เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นสิครับไม่เกี่ยวสักหน่อย”
คุณมิทากะยิ้มเจื่อนๆ และยักไหล่หัวเราะขึ้นมา
“นั่นสินะ”
ก่อนที่ปลายนิ้วสัมผัสของผมจะสัมผัสกับหน้าจอทัชสกรีนของแท็บเล็ตอีกครั้ง
“ดูเหมือนผมจะถูกเข้าใจผิดอยู่สินะ”
ผมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและเอาวางไว้บนโต๊ะ
“ก่อนอื่นผมคงต้องให้ข้อมูลนี้กับคุณก่อนสินะครับ”
คุณมิทากะเลื่อนสายตาไปบนข้อความเตือนความจำที่ผมเขียนเอาไว้ นั่นคือตัวกำหนดอนาคตนั่นคือพันธสัญญาที่ผมสร้างขึ้น
คุณมิทากะจ้องมองสิ่งนั้นนิ่งไม่ขยับสักพักจึงหันมาพูดกับผม
“พันธสัญญาคืออะไร?”
“ตัวจริงของสิ่งที่พวกคุณกลัวนักกลัวหนาไง ในวันที่เกิดสิ่งนี้ขึ้นก็ได้กลายเป็นจุดพลิกผันไปด้วย ผมได้สร้างข้อกำหนดนั้นขึ้นมา”
“ถ้าข้อมูลนี้เป็นความจริงงั้นฉันก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลที่จะต้องเล่นเกมกับเธอต่ออีกเลยนี่ ถ้างั้นแล้วทำไมถึงยอมบอกง่ายๆ ฉันไม่คิดว่าคนที่มาท้าฉันเดิมพันทุกอย่างจะยอมให้สิ่งนี้มาฟรีๆ หรอกนะ”
พออายุมากเข้าก็กลายเป็นซะแบบนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ
“นั่นคือหลักฐานที่บอกว่าผมไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรูของพวกคุณครับส่วนจะเป็นของจริงหรือของปลอมนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งตามที่บอกเอาไว้ก่อนหน้า”
“ทำไมไม่พูดออกมาชัดๆ ไปซะเลยล่ะว่าต้องการอะไรกันแน่”
ผมแสยะยิ้มในใจแต่ร่างกายยังคงแสดงใบหน้าโป๊กเกอร์เฟส
“ช่วงนี้ผมค่อนข้างลำบากเลยนะครับเหมือนกับว่ามีคนกำลังรุกล้ำความเป็นส่วนตัวผมอยู่งั้นแหละครับแต่บางที่อาจจะคิดไปเองก็ได้ไม่ก็ ‘กำลังถูกตามสืบ’ อยู่จริงๆ ล่ะมั้งครับ”
แน่นอนว่าไม่ได้โกหก
“ผมรู้ว่าพวกคุณกำลังส่งคนเข้ามาสืบหาสาเหตุของพันธสัญญา ไม่ต้องห่วงครับเรื่องนี้มาสเตอร์มิสตีไม่เกี่ยวทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลสังเคราะห์จากฝั่งผมคนเดียวทั้งหมดครับ และผมยังรู้อีกด้วยว่าตัวคุณผู้เก่งมีความสามารถมีภาระหน้าที่ทั้งสองฝากจะต้องเจอการลุกล้ำความเป็นส่วนตัวแค่ไหนเรื่องของน้องสาวคุณจะเป็นยังไงไม่ต้องคิดก็พอจะเดาได้นะครับ”
ใบหน้าของคุณมิทากะเริ่มออกอาการขึ้นมาแวบหนึ่งแต่ก็สามารถดึงกลับมาได้ทำให้ผมเริ่มมองเห็นเหงื่อเขาอยู่บริเวณหน้าผากไหลออกมาเม็ดหนึ่ง
“สิ่งที่คนเก่งๆ แบกรับผมไม่เข้าใจหรอกครับแต่การถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวผมเข้าใจและถ้าเรื่องนั้นเกิดกับน้องสาวคุณด้วยอีกคนมันจะอันตรายยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยยิ่งแล้วใหญ่คุณปกป้องเธอตลอดเวลาไม่ได้หรอกครับกับสังคมที่คาดหวังในตัวเธอว่าจะเป็นเหมือนคุณหรือสังคมที่จะใช้เป็นทางผ่านเข้าหาคุณคนกลุ่มนี้กฎหมายทำอะไรไม่ได้หรอกครับเพราะอาจไม่ได้ประสงค์ร้ายกันไปหมดแต่เมื่อสภาพจิตใจของเด็กสาวที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโตต้องพบกับความกดดันและต้องคอยอยู่กับความหวาดระแวงจิตใจก็จะแตกสลายสมบูรณ์เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา”
คุณมิทากะก้มหน้าเข้าสู่ภวังค์แห่งความคิดไม่พูดตอบโตใดๆ
“นั่นคือสิ่งที่คุณมิทากะต้องจ่ายครับกับตัวเองกับน้องสาว”
มันเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าที่คิดอีกเมื่อคนเราถูกคาดหวังก็จะลากตัวเองลงสู่ความสิ้นหวังมันก็เท่านั้น
และผมก็วางหมากสีดำอีกสามตาที่เป็นของผมลงทำให้การเล่นเกมครั้งนี้สิ้นสุดลง
“ทำได้ครับวิธีที่จะไม่ลากคนอื่นทั้งน้องสาวคุณน้องสาวผมหรือแม้แต่ตัวคุณเองมาเกี่ยวและไม่ให้ถูกความมีชื่อเสียงของคุณทำร้ายเธอด้วยพลังของพวกผมสามารถทำได้”
ผลของแต้มคะแนนนั้นชัดเจนเพราะว่าเป็นคอมพิวเตอร์ค่าตัวเลขง่ายๆ จึงแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมา
32 : 32 นั่นคือคำตอบ
จังหวะเดียวกันกับที่เกมได้สินสุดลงเสียงประตูห้องเก่าๆ จึงถูกเลื่อนออกอย่างช้าๆ และวินาทีต่อมาร่างของชายคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องทำให้ม่านตาของคุณมิทากะต้องเบิกออกด้วยความแปลกใจเป็นครั้งแรก
“แย่จังเลยนะครับในเมื่อเสมอกันแบบนี้ อืมจะให้เล่นอีกเกมกันก็ไม่ได้ด้วยเพราะผมยังมีมื้อเที่ยงกับเรียนภาคบ่ายรออยู่ เผลอๆ คาบเรียนภาคเช้ายังไม่หมดด้วยซ้ำ เหนื่อยหน่อยนะตัวฉัน”
“ค่า เป็นเกมที่ดีจริงๆ ได้โดดเรียนแล้วมาทำอะไรสนุกๆ แบบนี้ต้องขอขอบคุณจริงๆ ค่ะคิริโนะคุง”
ตัวผมไม่สิตัวตนที่นั่งอยู่ด้านหน้าคุณมิทากะคนที่เล่นเกมด้วยจนถึงวินาทีนี้ได้กลายเป็นฟุตาบะ ยูบาริที่สวมเครื่องแบบนักเรียนชายไปแล้ว
“ปลอมตัวเหรอ? ไม่สิไม่มีการสัมผัสได้ว่าอนุภาครอบๆ เปลี่ยนไปเลยนี่นา ถ้ายังงั้นคนที่เล่นเกมกับฉันจนถึงเมื่อครู่คือยูบาริคุงเหรอ?”
“อืม ใช่แล้วค่ะคุณมิทากะแต่ว่าคนที่คุยด้วยไม่ใช่ฉันหรอกนะค้าคนที่คุยด้วยคือคิริโนะคุงตรงนั้นค่ะ”
คุณมิทากะเหลือบมองผมด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
“ไม่ต้องห่วงครับไม่ได้โกงแน่นอนและก็ไม่ได้อวดดีถึงขนาดคิดว่าจะไปทำเสียมารยาทขนาดนั้นกับผู้อาวุโสกว่าได้หรอกครับท่าทางทั้งหมดที่เห็นผมไม่ได้ทำนะครับ เพราะร่างกายนั่นไม่ใช่ของผมทุกการกระทำท่าทางเป็นของยูบาริครับ”
คุณมิทากะหัวเราะขึ้นมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ไม่ไหวเลยนะฉันเนี่ยถูกวางแผนกำหลาบซะราบเลยแล้วที่พูดมาว่าสามารถทำสิ่งที่พูดออกมาได้เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“คงเห็นแล้วใช่ไหมครับว่าพวกผมสามารถทำทั้งหมดนี้ได้โดยที่คุณไม่รู้ตัวคิดว่าเรื่องการพิสูจน์แค่นี้กับที่เป็นคนก่อความวุ่นวายให้คงพอแล้วนะครับแต่ถ้าหากต้องการการพิสูจน์มากกว่านี้พวกผมเองก็มีวิธีที่ชัดเจนกว่านี้อยู่เหมือนกัน”
“ไม่ล่ะไม่จำเป็นแล้วล่ะแล้วเรื่องที่ต้องการจากฉันล่ะขอบอกไว้ก่อนนะฉันทำไม่ได้ไปซะทุกอย่างหรอก”
คุณมิทากะลุกกลับไปโต๊ะทำงานและชงกาแฟขณะพูดไปด้วย
“พวกคุณต้องถอนคดีการสืบเรื่องเกี่ยวกับพันธสัญญาหรือจุดพลิกผันทั้งหมดถ้าขอแบบนี้จะเป็นยังไงครับ?”
“เรื่องนั้นก็พูดยากเหมือนกันนะถ้าแลกกับว่าที่น้องสาวจะปลอดภัยจากภัยสังคมจะยอมยื่นเรื่องให้อยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยอมถอยรึเปล่าน่ะสิ เพราะถึงจะได้ข้อมูลพันธสัญญามาจากเธอแต่ก็ใช่ว่าจะยกเลิกภารกิจกันได้หรอกนะแล้วจะทำยังไงกับเธอเรื่องๆ นี้เองก็สำคัญคงรู้สินะว่าเรื่องนี้จะกุว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติไม่ได้น่ะ”
“นั่นสิครับถ้าเกิดจำเป็นจริงๆ จะบอกเรื่องของผมก็ได้ครับแต่คนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แบบนั้นจะได้รึเปล่าครับ? เพราะถ้าเป็นผมก็ตัดสินใจลำบากเหมือนกันเพราะมันยุ่งยากด้วยขี้เกียจด้วยแต่ว่าคุณมิทากะจะต้องทำแน่นอนครับ”
คุณมิทากะจิบกาแฟเข้าไปครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นมองเพดาน
“มันก็จริงในฐานะมนุษย์กับในฐานะคนเป็นพี่ด้วยที่เล็งไว้ให้เสมอคือแบบนี้เองสินะแต่เล่นเก่งไม่เบาเลยนะการจะเสมอกันในโอเทโล่น่ะทำได้ยากกว่าเกมไหนๆ อีก”
“ก็แค่ของง่ายๆ ค่ะจะให้เสมอเหรอชนะกับใครก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
คุณมิทากะฉีกยิ้มออกมา
“ฝากรบกวนทำให้ชีวิตรอบตัวน้องสาวฉันเป็นเหมือนคนทั่วไปทีล่ะ”
“ฉันเองก็ขอรบกวนให้คิริโนะคุงนำพาความสนุกสนานมาสู่รอบๆ ตัวฉันด้วยนะค้า”
อันนั้นไม่เกี่ยว
ระหว่างขากลับที่ครั้งนี้จำเป็นต้องกลับด้วยกันกับฮัทสึฮารุเพราะต้องถามเรื่องของคุณมิทากะให้เร็วที่สุดสาเหตุที่เลือกเป็นตอนเช้าเองก็มาจากเพราะสมองทำงานดีที่สุดและจะได้มีเวลาให้คุณมิทากะคิดหาถ้อยคำเอาไว้ใช้ตอนไปยื่นเรื่องด้วย
“เป็นยังไงบ้างล่ะฮัทสึฮารุคุณมิทากะส่งเรื่องไปแล้วรึยัง?”
“กำลังยื่นเรื่องด่วนฉุกเฉิน”
“วางใจได้ระดับหนึ่งสินะที่เหลือก็ให้เป็นหน้าที่หลักของพวกเขาไปนั่นแหละถ้าเป็นยังไงก็ต้องรอดูผลลัพธ์จากตาที่เดินเอาไว้ก่อนแล้วกัน”
“อากิๆ จริงๆ ด้วยสินะถึงจะมีพันธสัญญาอยู่แต่ก็ยังสามารถทำให้คนออกห่างจากบริเวณห้องพยาบาลได้ราวกับว่า...”
ยูบาริที่ตามมาซึ่งกำลังเดินอยู่ด้านข้างฮัทสึฮารุ ใช่แล้วล่ะถึงต่อให้เป็นชั่วโมงเรียนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนผ่านมาเลยร้อยเปอเซ็นต์ยิ่งเป็นห้องพยาบาลด้วยแล้วแต่เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกยูบาริแท้ๆ กลับรู้ตัวได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปนี่อาจจะเป็นความสามารถของคนต่างโลกต่างมิติที่อ้างตัวว่าเป็นเอลฟ์อย่างหนึ่งก็ได้
“อย่างกับว่าพันธสัญญาไม่ได้มีผลกับอากิเลยน้า”
คำพูดนั้นผมไม่อาจมองออกได้ว่ายูบาริมีจุดประสงค์อะไร ตอนนั้นเองยูบาริก็หันมามองผมที่กำลังเดินเว้นระยะห่างตามหลังพวกเธอมาทีหนึ่งและหันกลับไปหาฮัทสึฮารุอีกครั้ง
“ตอนแรกก็หลังเลอยู่หรอกแต่ทฤษฎีของฉันไม่ผิดพลาดจริงๆ ด้วย”
“…..”
“จะว่าไปแล้วคิริโนะคุงสมมุติถ้าเกิดว่าคุณมิทากะไม่มีน้องสาวหรือว่าเป็นคนที่ไม่สนใจว่าน้องสาวจะเป็นยังไงคิริโนะคุงจะใช้วิธีไหนงั้นเหรอคะ?”
“...เรื่องของโลกอื่นก็ปล่อยเป็นโลกอื่นไปเถอะสิ่งที่ทำในตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดเฉพาะในเส้นโลกนี้เหมือนกันไม่มีความหมายให้ไปคิดหรอก”
“แล้วทั้งๆ ที่ให้กฎข้อหนึ่งกับข้อสองไปแล้วทำไมไม่บอกข้อสามไปด้วยเลยค้าในเมื่อข้อสองก็ชัดเจนเรื่องของมิติอื่นโลกอื่นพออยู่แล้ว”
“มันอันตรายไม่ใช่รึไงทั้งที่เธอก็บอกเองแท้ๆ นะจะให้พวกท่าทางเคร่งเครียดนั่นมาจับผิดทุกครั้งที่มีคนหายตัวไปก็ไม่ไหวนะเออตอนนี้แค่ตำรวจกับเพื่อนร่วมชั้นก็เครียดพอแล้วนะ”
“หืมจะแค่นั้นจริงเหรอ?”
อึก
อยากจะให้สุ่มพาไปต่างโลก ของแบบนั้นใครมันจะไปกล้าพูดกล้าเขียนให้คนอื่นรู้กันเล่า
“อืมๆ เป็นปฏิกิริยาที่คาดหวังได้จริงๆ ถ้างั้นวันนี้ฉันขอพอแค่นี้ล่ะนะอากิกับคิริโนะคุงรักษาตัวด้วยนะค้า”
คาดหวังอะไรของเธอกลับๆ ไปได้แล้ว หลังคำพูดนั้นยูบาริก็วิ่งแยกออกไปอีกทางฮัทสึฮารุและผมที่ยืนส่งเธอจนหายลับตาไปก็ก้าวเท้าอีกครั้ง
“อันตรายเกินไปเอลฟ์ตนนั้นอันตรายเกินไปถึงความคิดจะเปลี่ยนไปแล้วแต่สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาในระหว่างสงครามสัญชาติญาณยังคงถูกปลูกฝัง”
ฮัทสึฮารุพูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันกลับมามองผมและความเร็วของเธอก็เริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัดจนผมที่ทำเป็นเดินตามก็ถึงตัวและเดินขึ้นนำได้
“ขอโทษที่ครั้งนี้ทำได้แค่ไม่ให้มีคนมาใกล้ห้องพยาบาลกับไม่ให้รินเสียชั่วโมงเรียน”
“ก็เธอเองก็เป็นคนของฝ่ายนั้นจะให้เห็นหน้าค่าตาก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะการงานที่มั่นคงแบบนั้นแถมยังได้เงินดีทุกเดือนก็คงไม่มีใครอยากเสียไปหรอกฉันคนหนึ่งล่ะที่คิด แล้วเอ่อ...เธอยังต้องจัดการเรื่องข้อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับน้องสาวคุณมิทากะอีกจะให้พูดก็...”
ใช่แล้วล่ะแค่นักเรียนมอปลายธรรมดาไม่มีปัญญาไปปกป้องจิตใจน้อยๆ ของเด็กที่ไหนได้หรอก ส่วนนี้ฮัทสึฮารุจึงต้องรับผิดชอบเพราะเธอเองก็เป็นคนก่อเรื่องเหมือนกัน
“ใช่แล้วล่ะแต่เพราะเป็นครอบครัว เป็นสิ่งสำคัญถึงต้องปกป้องให้ได้”
ห๋า พูดเรื่องอะไรน่ะ เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิมาเดินข้างๆ แบบนี้เดี๋ยวเธอก็ถูกเข้าใจผิดเสียชื่อหรอก
“แล้วคนที่เดินตามหลังผู้หญิงติดๆ ไม่น่าเข้าใจผิดสินะ”
“เฮ้ๆ คุณฮัทสึฮารุครับถึงผมจะอยู่ชนชั้นล่างของสังคมแต่คงไม่ถูกเข้าใจผิดไปขนาดนั้นมั้งครับ”
รู้สึกหัวใจดวงน้อยๆ ของคิริโนะคุงได้รับบาดแผลเลยนะ
ชีวิตคนเราไม่อาจย้อนหวนคืน วันที่เดินไปอย่างไร้แก่นสารเช่นนี้สักวันหนึ่งมันคงเลือนหายไปหากเติบโตขึ้นไปเผชิญกับวันพรุ่งนี้ละก็สักวันหนึ่งเราคงรู้สึกเสียดายช่วยเวลาไร้แก่นสารนี้แน่
ฮัทสึฮารุพรางหลับตายิ้มราวกับเด็กน้อยที่อ้ารับความอบอุ่นจากอ้อมกอดแม่
“ต่อไปก็ถึงตาฉันที่ต้องเอาจริงบ้างแล้ว”
“…..?”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ