รอรักเคียงใจ
-
เขียนโดย 0ilz
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.31 น.
9 บท
0 วิจารณ์
10.15K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 21.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความสงสัย 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บริเวณบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ถูกตบแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ธีทัตพาพริมมาดาเดินอ้อมมาเข้าประตูหลังบ้าน เนื่องจากด้านหน้ามีแขกเหรื่อนั่งพนมมือไหว้ฟังพระสงฆ์กำลังเจริญพุทธมนต์ การจะเดินผ่านหน้าผู้ใหญ่ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน พริมมาดามองหามารดาของเธอก็เห็นว่านั่งอยู่กับครอบครัวเจ้าของบ้านที่นั่งเรียงแถวอยู่หน้าพระสงฆ์ กวาดตามองจนทั่วก็พบว่ามีคนสำคัญมาร่วมด้วยหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งซึ่งก็คือบิดาของอนาวิน
หญิงสาวนึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก คนเป็นนักการเมืองก็ย่อมต้องออกงานเพื่อเรียกคะแนนให้ตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งศาสตราก็ถือว่าเป็นคนที่กว้างขวางไม่แพ้ใคร เพียงแต่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นหัวเรือใหญ่แห่งไร่เอื้ออารีจะสุงสิงกับคนพวกนี้เท่านั้นเอง
พริมมาดาคลานเข่าเข้าไปหามารดาของเธอเมื่อถูกสะกิดด้วยมือหนาของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอนั่งพับเพียบพนมมือเหมือนอย่างคนอื่นๆ รอจนกระทั่งพระสวดถึงบท ‘พาหุง’ มารดาก็ส่งจานข้าวสวยมาให้ ก่อนจะลุกเดินไปต่อแถวเพื่อตักบาตรบริเวณหน้าบ้าน
โต๊ะตัวยาวสองตัวที่ใช้วางอาหารสำหรับตักบาตรถูกคลุมด้วยผ้าจับจีบอย่างประณีตสวยงาม พริมมาดาเดินตามมารดาไปเรื่อยๆเมื่อยังไม่ถึงคิวของตัวเอง เพราะเธอเลือกจะมาต่อท้ายๆ หัวแถวต้องให้คนที่อาวุโสกว่าเดินไปก่อน แต่จู่ๆร่างสูงใหญ่ของธีทัตก็โผล่พรวดเข้ามาตอนที่เธอเดินเกือบจะถึงโต๊ะตักบาตรแล้ว
“ขอตักบาตรด้วยคนสิ”
“แล้วข้าวของพี่ธีร์ล่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่มี ก็เลยมาขอตักบาตรจานเดียวกับพริมไง”
พูดจบก็แย่งข้าวของเธอไปถือไว้ พริมมาดาไม่มีเวลาจะแย้งเพราะแถวเคลื่อนไปเรื่อยๆและตอนนี้เธอก็มาถึงโต๊ะที่มีบาตรเรียงเป็นแถวยาวแล้ว เธอจึงต้องใช้ช้อนตักข้าวจากในจานใส่บาตรโดยมีคนบริการถือไว้ให้ จนกระทั่งเสร็จพิธีการจึงถือแก้วน้ำเดินออกมานอกบ้านเพื่อเอาไปรดโคนต้นไม้
หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ รู้สึกเป็นสุขใจที่วันนี้ได้ทำบุญอีกทั้งยังได้ตักบาตรร่วมขันกับใครบางคนอีกด้วย
ร่างบางเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งคนก็เริ่มบางตาลง คงจะไปรับประทานอาหารกันแล้ว แต่คุณลุงศาสตรายังยืนส่งพระอยู่ ส่วนธีทัตกำลังนั่งคุยกับปราณภพอยู่ตรงโต๊ะรับแขกตัวใหญ่กลางบ้านโดยข้างๆชายหนุ่มยังคงมีร่างบางของนับดาวนั่งอยู่ด้วย
หญิงสาวไม่แน่ใจว่าทั้งคู่สนิทสนมกันแค่ไหน แต่จากที่เห็น คนที่เป็นแค่ผู้ช่วยไม่น่าจะตามติดนอกเวลางานเช่นนี้ อีกทั้งปฏิกิริยาหลายๆอย่างที่เธอลอบสังเกตจากธีทัตและปราณภพตอนอยู่ด้านนอกก็ชวนให้คิดไม่น้อย พริมมาดาจึงถอยไปหลบหลังประตู แล้วมองดูคนทั้งสามคุยกัน แม้จะไม่ได้ยินแต่แค่เห็นอาการก็พอเดาออก
แต่ยังไม่ทันจะได้เรื่องมากเท่าไหร่ ศาสตราก็เดินออกมาเสียก่อน ซึ่งแน่นอนว่าหลานสาวตัวดีที่เอาแต่หลบหน้าไม่มาเยี่ยมเยือนนานแรมเดือนย่อมได้รับการทำโทษด้วยการถูกลากไปนั่งร่วมวงกับคุณลุงอย่างแน่นอน ความตั้งใจก่อนหน้านี้จึงต้องพับเก็บไว้ก่อน
“ไงเรา มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”ศาสตราตรงเข้ามาหาพริมมาดาทันทีก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆเมื่อเธอก็ยกมือขึ้นไหว้เขาเช่นกัน
“กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน แต่เห็นเขาคุยกันอยู่ก็เลยไม่อยากเข้าไปกวนค่ะ”ศาสตรามองตามสายตาหลานสาวไปยังจุดที่ลูกชายนั่งอยู่ก็เกิดอาการบางอย่าง
พริมมาดาแน่ใจว่าเห็นคุณลุงศาสตราของเธอหน้าเสียทันทีที่หันไปทางที่เธอจับจ้องก่อนหน้านั้น เพียงแค่แวบเดียวก็หายไป หากไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น แต่สำหรับเธอที่จ้องจะจับพิรุธตั้งแต่แรกแล้ว อาการที่ศาสตราแสดงออกมาจึงไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเธอไปได้
ตอนนี้เธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ และแน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะบอกเธอเช่นกัน ทุกคนทำท่าทางราวกับมีลับลมคมใน ในเมื่อไม่อยากให้รู้เธอก็จะตามน้ำไปก่อน ค่อยหาทางสืบเอาทีหลัง คิดได้ดังนั้นจึงแสร้งทำตัวสดใสร่าเริง กอดแขนศาสตราเพื่อประจบแล้วชวนเดินไปยังซุ้มอาหาร
เอาไว้ก่อน อย่าทำตัวให้น่าสงสัยเดี๋ยวไก่จะตื่น
“ลุงว่าจะปรึกษาหนูเรื่องต้นมะม่วงหลังบ้าน มันไม่ค่อยออกลูกมาสองปีแล้ว มีวิธีอะไรแนะนำไหม”เจ้าของไร่กาแฟชวนคุยระหว่างทางเดินไปยังซุ้มอาหารที่มีแขกเหรื่อนั่งกันจนแทบจะเต็มทุกโต๊ะ
การสรรหาต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์มาปลูกเป็นอีกสิ่งที่ผู้เป็นหัวเรื่องใหญ่แห่งไร่กาแฟเอื้ออารีโปรดปราน เนื่องจากไร่นี้มีเนื้อที่มหาศาลจนเกรงว่าหากไม่หาอะไรมาปลูกมันคงจะโล่งเกินไป ศาสตราจึงเนรมิตให้พื้นที่หลังบ้านเป็นสวนผลไม้ที่ผลัดกันออกลูกให้เก็บกินตลอดทั้งปี ตอนเด็กๆพริมมาดามักจะมาปีนต้นไม้หาเก็บมะม่วง ลำไยกินเป็นประจำ
“เอาแบบฮาร์ดคอร์เลยไหมคะ” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก “พริมเคยเห็นชาวบ้านทำกันตอนไปเก็บข้อมูลกับรุ่นพี่ที่เรียนสรีรวิทยาพืช เขาใช้มีดฟันลำต้นมันค่ะ ฟันให้พอมีแผล เขาบอกมาว่าเป็นวิธีที่ทำมาแต่โบราณ”
“มีเหตุผลไหม”
“ถ้าชาวบ้านพูดกันก็คงจะบอกว่าขู่ให้ต้นไม้กลัวตาย แต่ถ้าอธิบายแบบมีหลักการหน่อยก็คือพืชจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งมาเพื่อป้องกันตัวเอง ภาษาชาวบ้านก็ฮอร์โมนกันตายนั่นแหละค่ะ ซึ่งมันก็จะช่วยให้ลูกดกด้วย”
“อย่างนี้เอง เอาไว้ลุงจะลองทำดู”
ล่วงเข้าเวลาสายพริมมาดาก็ยังไม่เห็นธีทัตและนับดาวออกมาหาอะไรทาน ทั้งๆที่ปราณภพเดินออกไปร่วมโต๊ะกับบิดามารดาเขาตั้งนานแล้ว หญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวกับคุณลุงเจ้าของไร่กาแฟ ตั้งใจจะเดินเข้าไปตามคนทั้งคู่ โดยทางที่เธอเลือกใช้ยังคงเป็นประตูหลังบ้านเหมือนเดิม
หากแต่ยังไม่ทันจะถึงที่หมาย ร่างบางก็ต้องรีบหลบเข้าหลังต้นไม้อย่างไว เพราะเห็นคนกำลังยืนคุยกันอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหน ธีทัตกับนับดาวนั่นเอง ความสงสัยที่เกาะกินใจมาตลอดเช้าสั่งให้ร่างบางยืนนิ่งรอฟัง ดีที่ต้นลิ้นจี่ที่เธอหลบอยู่มีอายุหลายสิบปี ขนาดก็ราวๆสองคนโอบ จึงพอจะบังร่างเล็กๆของเธอได้มิด
หญิงสาวย่นคิ้วด้วยความขัดใจเมื่อต้นไม้ต้นนี้อยู่ห่างจากจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่พอสมควร ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจน และไม่สามารถจับใจความว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน ลมหายใจถูกปล่อยออกมาแรงๆเมื่อตระหนักได้ว่าไม่สามารถล้วงเอาข้อมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ได้ จะเดินหนีออกไปก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะ เพราะคนถูกแอบฟังจะต้องรู้ตัวแน่ จำต้องยืนให้มดแดงกัดเล่นจนแสบไปทั้งแขน
ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าธีทัตและนับดาวจะขยับเขยื้อนไปจากตรงนั้น เธอยืนจนรากจะงอกอยู่แล้ว ทั้งเมื่อยทั้งคัน อีกทั้งยังหงุดหงิดที่ต้องมาเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์
“คว้าน้ำเหลว”ปากบางโอดครวญพร้อมกับยกมือขึ้นปัดมดแดงตัวเล็กที่กำลังจะไต่เข้าไปในเสื้อ เมื่อความอดทนหมดลงก็ได้แต่นั่งยองๆเอามือเท้าคางทำหน้ามุ่ยอย่างขัดอกขัดใจ
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรียกสติที่กำลังจะหลุดลอยของพริมมาดาให้กลับมา หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนพร้อมจะขยับไปหลบอีกฝั่งหากธีทัตเดินมาถึงตรงนี้ แต่แล้วเสียงที่พูดตามหลังชายหนุ่มก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
“บางทีการที่ใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตแล้ว เราก็ไม่อยากให้เขาเดินออกไปเฉยๆหรอกนะคะ เพราะมันผูกพันไปแล้ว”คราวนี้เธอได้ยินอย่างชัดเจนเพราะธีทัตเดินห่างมาแล้ว ทำให้นับดาวต้องตะโกนเสียงดังพอสมควร
หญิงสาวจับความรู้สึกจากน้ำเสียงของนับดาวได้ มันคล้ายมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ และเธอยิ่งมั่นใจในสิ่งที่สงสัยเข้าไปใหญ่ว่าจะต้องมีอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ หากแต่สิ่งหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
‘นับดาวมีคู่หมั้นแล้วไม่ใช่หรือ?’
มือเรียวสวยยกขึ้นปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้างเพราะตระหนกกับสิ่งที่ตีกันยุ่งอยู่ในหัว
“หรือว่านับดาวแอบชอบพี่ธีร์”ริมฝีปากบางขยับพึมพำกับตัวเอง แต่บังคับไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มตอบกลับไปอย่างแข็งกระด้าง
“พี่จำได้ว่าเราไม่เคยผูกพันกัน ไม่ว่าจะทางกายหรือใจ”
พูดจบเขาก็เดินไปทันที ทิ้งผู้หญิงสองคนเอาไว้เบื้องหลัง แม้พริมมาดาจะใจชื้นกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่ม แต่เธอก็ยังมีอะไรคาใจหลายๆอย่าง และสิ่งที่เธอมั่นใจในนาทีนี้ก็คือ
ทุกคนมีเรื่องปิดบังเธอ!
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน พริมมาดามองหามารดาของเธอก็เห็นว่านั่งอยู่กับครอบครัวเจ้าของบ้านที่นั่งเรียงแถวอยู่หน้าพระสงฆ์ กวาดตามองจนทั่วก็พบว่ามีคนสำคัญมาร่วมด้วยหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งซึ่งก็คือบิดาของอนาวิน
หญิงสาวนึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก คนเป็นนักการเมืองก็ย่อมต้องออกงานเพื่อเรียกคะแนนให้ตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งศาสตราก็ถือว่าเป็นคนที่กว้างขวางไม่แพ้ใคร เพียงแต่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นหัวเรือใหญ่แห่งไร่เอื้ออารีจะสุงสิงกับคนพวกนี้เท่านั้นเอง
พริมมาดาคลานเข่าเข้าไปหามารดาของเธอเมื่อถูกสะกิดด้วยมือหนาของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอนั่งพับเพียบพนมมือเหมือนอย่างคนอื่นๆ รอจนกระทั่งพระสวดถึงบท ‘พาหุง’ มารดาก็ส่งจานข้าวสวยมาให้ ก่อนจะลุกเดินไปต่อแถวเพื่อตักบาตรบริเวณหน้าบ้าน
โต๊ะตัวยาวสองตัวที่ใช้วางอาหารสำหรับตักบาตรถูกคลุมด้วยผ้าจับจีบอย่างประณีตสวยงาม พริมมาดาเดินตามมารดาไปเรื่อยๆเมื่อยังไม่ถึงคิวของตัวเอง เพราะเธอเลือกจะมาต่อท้ายๆ หัวแถวต้องให้คนที่อาวุโสกว่าเดินไปก่อน แต่จู่ๆร่างสูงใหญ่ของธีทัตก็โผล่พรวดเข้ามาตอนที่เธอเดินเกือบจะถึงโต๊ะตักบาตรแล้ว
“ขอตักบาตรด้วยคนสิ”
“แล้วข้าวของพี่ธีร์ล่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่มี ก็เลยมาขอตักบาตรจานเดียวกับพริมไง”
พูดจบก็แย่งข้าวของเธอไปถือไว้ พริมมาดาไม่มีเวลาจะแย้งเพราะแถวเคลื่อนไปเรื่อยๆและตอนนี้เธอก็มาถึงโต๊ะที่มีบาตรเรียงเป็นแถวยาวแล้ว เธอจึงต้องใช้ช้อนตักข้าวจากในจานใส่บาตรโดยมีคนบริการถือไว้ให้ จนกระทั่งเสร็จพิธีการจึงถือแก้วน้ำเดินออกมานอกบ้านเพื่อเอาไปรดโคนต้นไม้
หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ รู้สึกเป็นสุขใจที่วันนี้ได้ทำบุญอีกทั้งยังได้ตักบาตรร่วมขันกับใครบางคนอีกด้วย
ร่างบางเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งคนก็เริ่มบางตาลง คงจะไปรับประทานอาหารกันแล้ว แต่คุณลุงศาสตรายังยืนส่งพระอยู่ ส่วนธีทัตกำลังนั่งคุยกับปราณภพอยู่ตรงโต๊ะรับแขกตัวใหญ่กลางบ้านโดยข้างๆชายหนุ่มยังคงมีร่างบางของนับดาวนั่งอยู่ด้วย
หญิงสาวไม่แน่ใจว่าทั้งคู่สนิทสนมกันแค่ไหน แต่จากที่เห็น คนที่เป็นแค่ผู้ช่วยไม่น่าจะตามติดนอกเวลางานเช่นนี้ อีกทั้งปฏิกิริยาหลายๆอย่างที่เธอลอบสังเกตจากธีทัตและปราณภพตอนอยู่ด้านนอกก็ชวนให้คิดไม่น้อย พริมมาดาจึงถอยไปหลบหลังประตู แล้วมองดูคนทั้งสามคุยกัน แม้จะไม่ได้ยินแต่แค่เห็นอาการก็พอเดาออก
แต่ยังไม่ทันจะได้เรื่องมากเท่าไหร่ ศาสตราก็เดินออกมาเสียก่อน ซึ่งแน่นอนว่าหลานสาวตัวดีที่เอาแต่หลบหน้าไม่มาเยี่ยมเยือนนานแรมเดือนย่อมได้รับการทำโทษด้วยการถูกลากไปนั่งร่วมวงกับคุณลุงอย่างแน่นอน ความตั้งใจก่อนหน้านี้จึงต้องพับเก็บไว้ก่อน
“ไงเรา มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”ศาสตราตรงเข้ามาหาพริมมาดาทันทีก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆเมื่อเธอก็ยกมือขึ้นไหว้เขาเช่นกัน
“กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน แต่เห็นเขาคุยกันอยู่ก็เลยไม่อยากเข้าไปกวนค่ะ”ศาสตรามองตามสายตาหลานสาวไปยังจุดที่ลูกชายนั่งอยู่ก็เกิดอาการบางอย่าง
พริมมาดาแน่ใจว่าเห็นคุณลุงศาสตราของเธอหน้าเสียทันทีที่หันไปทางที่เธอจับจ้องก่อนหน้านั้น เพียงแค่แวบเดียวก็หายไป หากไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น แต่สำหรับเธอที่จ้องจะจับพิรุธตั้งแต่แรกแล้ว อาการที่ศาสตราแสดงออกมาจึงไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเธอไปได้
ตอนนี้เธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ และแน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะบอกเธอเช่นกัน ทุกคนทำท่าทางราวกับมีลับลมคมใน ในเมื่อไม่อยากให้รู้เธอก็จะตามน้ำไปก่อน ค่อยหาทางสืบเอาทีหลัง คิดได้ดังนั้นจึงแสร้งทำตัวสดใสร่าเริง กอดแขนศาสตราเพื่อประจบแล้วชวนเดินไปยังซุ้มอาหาร
เอาไว้ก่อน อย่าทำตัวให้น่าสงสัยเดี๋ยวไก่จะตื่น
“ลุงว่าจะปรึกษาหนูเรื่องต้นมะม่วงหลังบ้าน มันไม่ค่อยออกลูกมาสองปีแล้ว มีวิธีอะไรแนะนำไหม”เจ้าของไร่กาแฟชวนคุยระหว่างทางเดินไปยังซุ้มอาหารที่มีแขกเหรื่อนั่งกันจนแทบจะเต็มทุกโต๊ะ
การสรรหาต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์มาปลูกเป็นอีกสิ่งที่ผู้เป็นหัวเรื่องใหญ่แห่งไร่กาแฟเอื้ออารีโปรดปราน เนื่องจากไร่นี้มีเนื้อที่มหาศาลจนเกรงว่าหากไม่หาอะไรมาปลูกมันคงจะโล่งเกินไป ศาสตราจึงเนรมิตให้พื้นที่หลังบ้านเป็นสวนผลไม้ที่ผลัดกันออกลูกให้เก็บกินตลอดทั้งปี ตอนเด็กๆพริมมาดามักจะมาปีนต้นไม้หาเก็บมะม่วง ลำไยกินเป็นประจำ
“เอาแบบฮาร์ดคอร์เลยไหมคะ” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก “พริมเคยเห็นชาวบ้านทำกันตอนไปเก็บข้อมูลกับรุ่นพี่ที่เรียนสรีรวิทยาพืช เขาใช้มีดฟันลำต้นมันค่ะ ฟันให้พอมีแผล เขาบอกมาว่าเป็นวิธีที่ทำมาแต่โบราณ”
“มีเหตุผลไหม”
“ถ้าชาวบ้านพูดกันก็คงจะบอกว่าขู่ให้ต้นไม้กลัวตาย แต่ถ้าอธิบายแบบมีหลักการหน่อยก็คือพืชจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งมาเพื่อป้องกันตัวเอง ภาษาชาวบ้านก็ฮอร์โมนกันตายนั่นแหละค่ะ ซึ่งมันก็จะช่วยให้ลูกดกด้วย”
“อย่างนี้เอง เอาไว้ลุงจะลองทำดู”
ล่วงเข้าเวลาสายพริมมาดาก็ยังไม่เห็นธีทัตและนับดาวออกมาหาอะไรทาน ทั้งๆที่ปราณภพเดินออกไปร่วมโต๊ะกับบิดามารดาเขาตั้งนานแล้ว หญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวกับคุณลุงเจ้าของไร่กาแฟ ตั้งใจจะเดินเข้าไปตามคนทั้งคู่ โดยทางที่เธอเลือกใช้ยังคงเป็นประตูหลังบ้านเหมือนเดิม
หากแต่ยังไม่ทันจะถึงที่หมาย ร่างบางก็ต้องรีบหลบเข้าหลังต้นไม้อย่างไว เพราะเห็นคนกำลังยืนคุยกันอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหน ธีทัตกับนับดาวนั่นเอง ความสงสัยที่เกาะกินใจมาตลอดเช้าสั่งให้ร่างบางยืนนิ่งรอฟัง ดีที่ต้นลิ้นจี่ที่เธอหลบอยู่มีอายุหลายสิบปี ขนาดก็ราวๆสองคนโอบ จึงพอจะบังร่างเล็กๆของเธอได้มิด
หญิงสาวย่นคิ้วด้วยความขัดใจเมื่อต้นไม้ต้นนี้อยู่ห่างจากจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่พอสมควร ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจน และไม่สามารถจับใจความว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน ลมหายใจถูกปล่อยออกมาแรงๆเมื่อตระหนักได้ว่าไม่สามารถล้วงเอาข้อมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ได้ จะเดินหนีออกไปก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะ เพราะคนถูกแอบฟังจะต้องรู้ตัวแน่ จำต้องยืนให้มดแดงกัดเล่นจนแสบไปทั้งแขน
ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าธีทัตและนับดาวจะขยับเขยื้อนไปจากตรงนั้น เธอยืนจนรากจะงอกอยู่แล้ว ทั้งเมื่อยทั้งคัน อีกทั้งยังหงุดหงิดที่ต้องมาเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์
“คว้าน้ำเหลว”ปากบางโอดครวญพร้อมกับยกมือขึ้นปัดมดแดงตัวเล็กที่กำลังจะไต่เข้าไปในเสื้อ เมื่อความอดทนหมดลงก็ได้แต่นั่งยองๆเอามือเท้าคางทำหน้ามุ่ยอย่างขัดอกขัดใจ
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรียกสติที่กำลังจะหลุดลอยของพริมมาดาให้กลับมา หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนพร้อมจะขยับไปหลบอีกฝั่งหากธีทัตเดินมาถึงตรงนี้ แต่แล้วเสียงที่พูดตามหลังชายหนุ่มก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงัก
“บางทีการที่ใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตแล้ว เราก็ไม่อยากให้เขาเดินออกไปเฉยๆหรอกนะคะ เพราะมันผูกพันไปแล้ว”คราวนี้เธอได้ยินอย่างชัดเจนเพราะธีทัตเดินห่างมาแล้ว ทำให้นับดาวต้องตะโกนเสียงดังพอสมควร
หญิงสาวจับความรู้สึกจากน้ำเสียงของนับดาวได้ มันคล้ายมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ และเธอยิ่งมั่นใจในสิ่งที่สงสัยเข้าไปใหญ่ว่าจะต้องมีอะไรในความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ หากแต่สิ่งหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
‘นับดาวมีคู่หมั้นแล้วไม่ใช่หรือ?’
มือเรียวสวยยกขึ้นปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้างเพราะตระหนกกับสิ่งที่ตีกันยุ่งอยู่ในหัว
“หรือว่านับดาวแอบชอบพี่ธีร์”ริมฝีปากบางขยับพึมพำกับตัวเอง แต่บังคับไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มตอบกลับไปอย่างแข็งกระด้าง
“พี่จำได้ว่าเราไม่เคยผูกพันกัน ไม่ว่าจะทางกายหรือใจ”
พูดจบเขาก็เดินไปทันที ทิ้งผู้หญิงสองคนเอาไว้เบื้องหลัง แม้พริมมาดาจะใจชื้นกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่ม แต่เธอก็ยังมีอะไรคาใจหลายๆอย่าง และสิ่งที่เธอมั่นใจในนาทีนี้ก็คือ
ทุกคนมีเรื่องปิดบังเธอ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ