รอรักเคียงใจ
เขียนโดย 0ilz
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.31 น.
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 21.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) กระทง(ไม่)หลงทาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่6
กระทง(ไม่)หลงทาง
วันนี้พระจันทร์กลมโตส่องแสงสีเหลือนวลท่ามกลางดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับงดงามจับตาอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด พลุหลากหลายสีสันถูกจุดขึ้นบนฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า พริมมาดาชอบมาที่นี่ เพราะนอกจากจะมีการจัดงานลอยกระทงที่ยิ่งใหญ่แล้วยังมีพลุสวยๆให้ดูทุกปี
ขบวนนางนพมาศก็เป็นอีกหนึ่งสีสัน หรือหากจะพูดให้ถูกก็คือเป็นจุดเด่นของงาน เพราะแต่ละโรงเรียนได้เนรมิตขบวนให้สุดแสนอลังการเพื่อประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เรื่องงบประมาณอย่าได้พูดถึง อาจจะเกิดอาการลมจับเอาได้
ปกติแล้วก่อนจะมาถึงงานซึ่งจัดขึ้นบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำกก ขบวนนางนพมาศจะต้องแห่วนรอบตลาดเสียก่อน เพื่อให้ชาวบ้านและผู้ปกครองได้ยลโฉมและชื่นชมความงามอันเกิดจากความสามารถของบุตรหลานที่ได้รังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ทุกๆปีพริมมาดาไม่พลาดที่จะไปรอดูขบวนแห่ในตลาด แต่ปีนี้มีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อยเนื่องจากมีหนุ่มหล่ออย่างพันโทนายแพทย์ปราณภพมาให้ควง เธอจึงต้องตรงมาที่งานพร้อมกับชายหนุ่มเลย ส่วนธีทัตและแก็งแสบสามสหายจะตามมาทีหลังเพราะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ จะมีก็แต่ปราณนต์ที่ไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้
กระทงในมือที่ทำมาจากกะหล่ำปลีสีม่วงถูกถือเอาไว้ ตอนนี้ยังลอยไม่ได้ ต้องรอให้ครบองค์ประชุมเสียก่อน แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ในมือ เธอไม่มีเวลามานั่งทำอย่างแน่นอน อีกทั้งฝีมือก็ห่างไกลจากคำว่าสวยงามมากโข ดังนั้นมันจึงไปจบลงที่ห้องเรียนการงานอาชีพ
กระทงที่นักเรียนทำส่งครูในวิชาการงานอาชีพถูกซื้อต่อมาในราคา 50 บาท ซึ่งนักเรียนบอกว่าขายให้ในราคาที่ซื้ออุปกรณ์มา ไม่คิดกำไร เป็นอันว่าครบถ้วนตามหลักอุปสงค์และอุปทาน เพราะพอใจทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ อีกอย่างนักเรียนคนนั้นตั้งใจว่าจะไม่ไปร่วมงานลอยกระทงอยู่แล้ว จึงไม่ลังเลที่จะขายงานที่ทำอย่างยากลำบากให้เธอ
“ปีนี้นางนพมาศสวยๆกันทั้งนั้นเลยนะคะ”พูดพร้อมกับฉุดแขนคนข้างๆให้ย่ำเท้าเดินฝ่าฝูงชนไปยังทางเข้าที่ขบวนแห่นางนพมาศกำลังทยอยเข้ามา บริเวณนี้คนแน่นเสียจนไหล่แทบจะชนกัน ไม่แปลกหรอกเพราะใครๆต่างก็อยากเห็นของสวยๆงามๆ ยังดีที่อากาศหนาวเย็นจึงไม่อึดอัดเพราะปัญหาแย่งอากาศกันหายใจ
“อดีตนางนพมาศแถวๆนี้อยากกลับไปนั่งอยู่บนนั้นไหม”ปราณภพก้มลงมาถามเมื่อเห็นอดีตนางนพมาศเกือบสิบปีที่แล้วเอาแต่จ้องมองสาวงามที่นั่งอยู่บนกระทงจำลองอย่างไม่วางตา
“ต้องการความจริงหรือพูดให้ดูดีแบบนางงามค่ะ”หญิงสาวเอียงคอถามยิ้มๆ
“ความจริงสิ”
พริมมาดาเอามือป้องปากตัวเองแล้วขยับเข้าไปกระซิบข้างหู ซึ่งคนร่างใหญ่ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ย่อตัวลงเสมอกับเธอเพื่อให้พูดได้สะดวกยิ่งขึ้น
“ไม่อยากค่ะ รู้ไหมว่าปวดฉี่มากเลย กว่าจะแห่มาถึงที่นี่ตั้งหลายกิโล เกือบจะอั้นไม่ไหวแล้วเชียว”พูดจบก็พากันหัวเราะด้วยความขบขัน ปราณภพยีผมหญิงสาวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อยากให้มารดาของเธอมาได้ยินเสียจริง คงถูกดุสามวันไม่เลิก
“อะแฮ่ม”เสียงกระแอมไอที่คุ้นหูดังมาจากข้างหลังทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง แล้วก็พบกับสายตาขุ่นขวางที่ส่งมาพร้อมใบหน้าบึ้งตึง ข้างหลังของเขาคือสามหนุ่มรุ่นน้องคนสนิทและมีนับดาวพ่วงมาอีกคน
พริมมาดาเกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อย นึกไม่ชอบใจที่ระยะหลังมานี้นับดาวชักจะตัวติดกับธีทัตมากเกินกว่าคนที่เป็นผู้ช่วยกันธรรมดา เธอไม่ได้อยากจะเป็นนางร้ายในละคร แต่เห็นแบบนี้มันก็อดที่จะคันยุบยิบในใจไม่ได้
“อ้าวพี่ธีร์มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”คนถูกมองทำไม่รู้ไม่ชี้กับประกายตาที่เหมือนจะมีไฟลุกท่วม อีกทั้งยังไม่ยอมขยับถอยห่างจากร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ
ธีทัตไม่ตอบแต่เดินเข้ามาแทรกกลางคนทั้งคู่ ใช้ไหล่กระแทกคุณหมอหนุ่มโดยไม่สนใจยศบนบ่าเลยสักนิด ปราณภพเซไปเล็กน้อยถึงอย่างนั้นก็ยังหลุดหัวเราะได้ นี่ขนาดกวนตะกอนนิดๆหน่อยๆยังเคืองขนาดนี้ เขาคงไม่กล้าเล่นหนักให้ชีวิตตัวเองอยู่ในความเสี่ยง
ทั้งหมดยืนอยู่ตรงนั้นจนขบวนสุดท้ายเคลื่อนผ่านไปในเวลาประมาณสองทุ่มเศษ แต่บรรยากาศคล้ายกับจะดึกแล้ว เพราะฤดูหนาวฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ
พริมมาดายกมือขึ้นขยี้หูตัวเองแรงๆ นึกโล่งใจที่จะได้เดินไปจากตรงนี้เสียที พงศกร คชาและจีรวัฒน์ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นจะหยุดพูดกันเลย ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน พล่ามกันได้เป็นชั่วโมงๆไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนคนข้างๆหันมองด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าสุดแสนจะรำคาญ แต่คนพวกนี้มีหรือที่จะรู้สึก หน้าหนายิ่งกว่าพื้นคอนกรีตเสริมใยเหล็กอีก
ตลอดทางเดินที่ทอดสู่ท่าน้ำมีร้านรวงตั้งเรียงรายอยู่เต็มทั้งสองฝั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายกระทงที่มีตั้งแต่ขนาดเล็กกะทัดรัดไปจนถึงขนาดใหญ่ราคาหลักร้อย ร้านอาหารก็มีไม่น้อย ที่เห็นจะคึกคักเป็นพิเศษก็คงไม่พ้นร้านขายดอกไม้ไฟ
เท้าเล็กหยุดแวะทันทีที่เดินมาถึง เด็กๆหลายคนกำลังเลือกไฟเย็น กระเทียมปา แล้วก็ประทัดกันอย่างสนุกสนาน สิ่งที่เห็นทำให้พริมมาดาอมยิ้มกับตัวเอง นึกถึงสมัยตอนเด็กๆเธอก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่บิดาพามาซื้อพลุกับดอกไม้ไฟกลับไปจุดที่บ้าน เพราะเธอยังไม่จุใจกับพลุในงาน
หญิงสาวแทรกตัวเข้าไปหยิบพลุโอ่งลูกใหญ่มาสองลูก ตั้งใจว่าจะซื้อกลับบ้าน แต่เมื่อหันหลังเพื่อจะถามความเห็นจากธีทัตกลับไม่พบ มีเพียงนับดาวที่ยืนส่งยิ้มมาให้ เมื่อกวาดสายตาดูรอบๆก็เห็นหนุ่มๆกำลังเลือกกระทงอยู่อีกฝั่ง จริงสิ...เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าพวกเขายังไม่กระทงกัน หลังจากเสร็จงานก็ตรงมานี่เลย จะเอาเวลาที่ไหนไปหาซื้อ
“ดาวไม่ไปซื้อกระทงกับพี่ๆเขาเหรอ?”พริมมาดาถามเมื่อเห็นว่านับดาวก็ไม่มีกระทงติดมือมาเหมือนกัน
“ไม่หรอกค่ะ ดาวลอยอันเดียวกับพี่ธีร์ก็ได้”ตอบแล้วก็ยิ้มเขินๆ แก้มสองข้างแดงระเรื่อ แม้แสงไฟจะไม่สว่างมาก แต่ก็เห็นอย่างชัดเจน ทำเอาคนถามยิ้มไม่ออก
“อ๋อ”พึมพำตอบไปแล้วก็หันหลังกลับมาจ่ายเงิน เธอไม่อยากคุยกับผู้หญิงคนนี้ กลัวจะพลั้งปากพูดอะไรไม่ดีออกไป...ก็บอกแล้วว่าไม่อยากเป็นนางร้ายในละคร
********************************************************************************
นับดาวนางต้องการอะไรจากสังคม?
สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ เพื่อนๆไปเล่นน้ำที่ไหนกันบ้างคะ ชี้พิกัดด่วนๆ 555+
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นต์ให้บ้างนะคะ รออ่านอยู่ ^-^ ลงมาก็หลายตอนแล้วไม่เม้นให้เค้าเลย ชักจะน้อยใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ