หอมดิน กลิ่นดาว
9.5
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.51 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
22.58K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 17.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ฝายเก็บน้ำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากที่ทั้งคู่ช่วยกันปิดร้านเสร็จแล้ว ภูดินก็ขับรถพาดาวฤกษ์ออกจากร้านขายยาของชายหนุ่มทันที แต่ภูดินก็ไม่ได้ขับตรงกลับบ้านอย่างที่ดาวฤกษ์เข้าใจ แต่ปลัดหนุ่มกับขับตรงออกนอกเมืองไปอีกเส้นทาง
“อ้าว! พี่ดินจะไปไหนเหรอครับ?”
เสียงดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะว่าเส้นทางที่ปลัดหนุ่มขับไปนั้น ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของพวกเขา
“อ่อ พอดี พี่ว่าจะไปคุยธุระกับท่านนายกอบต.ที่ฝายเก็บน้ำสักหน่อย”
“เอ่อ ...แล้วมันจะดีเหรอ ให้ฤกษ์ไปด้วยแบบนี้อะพี่”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องลับลมคมในอะไรเลย ฤกษ์ฟังได้ สบายใจเถอะ”
“แล้วนี้พี่ดินนัดท่านนายกอบต.ไว้แล้วเหรอครับ”
“ครับ พอดีท่านนายก ว่างช่วงนี้ พี่เลยต้องไปตอนนี้ ฤกษ์คงไม่เหนื่อยเกินไปใช่มั้ย?”
ปลัดหนุ่มหันมาถามดาวฤกษ์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมสายตาที่ห่วงใย
“ก็เอ่อ เหนื่อยนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร ไหนๆพี่ดินก็นัดกับผู้ใหญ่ไว้แล้ว เราควรไปตามนัด ถึงจะไม่เสียคำพูด”
“ขอบคุณครับ ที่ฤกษ์เข้าใจพี่ เดี๋ยวจะพาฤกษ์ไปดูฝายเก็บน้ำ ที่ทางอำเภอเราจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป”
“ฝายเก็บน้ำที่อยู่ท้ายเขาลูกนั้นเหรอพี่”
ดาวฤกษ์พูดพร้อมชี้มือไปข้างหน้า ที่ตอนนี้จะมองเห็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งตระง่านเป็นสง่าอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปไม่ไกลมากนัก
“ใช่ครับ เขาลูกนั้นแหละ ที่ทางอำเภอของเรามีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนของเราครับ”
ปลัดหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ดาวฤกษ์ทันที
“ดีจังเลยครับพี่ดิน อย่างน้อยชุมชนที่อยู่บริเวณฝายเก็บน้ำก็จะได้มีรายได้ มีอาชีพเสริมทำในชุมชนของเราเพิ่มขึ้น”
“ครับพี่ก็คิดอย่างนั้น แต่มันยังต้องรออะไรอีกหลายๆอย่าง วันนี้พี่ถึงได้พาฤกษ์มาพบท่านนายกไง”
“เอ้าเกี่ยวไรกับฤกษ์ครับ?”
ดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร
“เกี่ยวสิ อย่างน้อยเราก็เป็นคนในท้องถิ่น ช่วยกันพูดช่วยกันคิด พี่ว่า โครงการนี้น่าจะดำเนินไปได้ด้วยดีนะ”
ปลัดหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่นและเชื่อใจอีกฝ่ายทันที
“เอาอย่างนั้นเหรอพี่ดิน”
“ครับ เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน”
ภูดินหันหน้าเข้มๆมาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจพร้อมกับจอดรถตรงบริเวณใต้ร่มไม้ใกล้ๆกับที่ทำการฝ่ายเก็บน้ำของทางอำเภอ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาคารอำนวยการ
“โอเคพี่ ว่าไงว่ากัน ไหนๆก็เพื่อบ้านเรา ชุมชนของเรา”
“ขอบคุณนะ”
ภูดินเอื้อมมือไปจับมือดาวฤกษ์มากุมไว้ แต่อีกฝ่ายกับทำตัวไม่ถูก ดาวฤกษ์เลยต้องรีบดึงมาออกจากการถูกมืออีกฝ่ายกุมอยู่
“ขอบคุณอะไรล่ะ ฤกษ์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ดาวฤกษ์ตอบออกไปพร้อมกับอาการเขินอย่างแรง ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับมามองออกไปด้านนอกรถอีกทาง
“ก็อย่างน้อย ฤกษ์ก็ไม่ปฏิเสธพี่ เอ่อ พี่หมายถึงว่า ไม่ปฏิเสธงาน คืองานที่เราต้องช่วยกันนะครับ”
“เอ่อ.... เรื่องส่วนร่วม ฤกษ์พอช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่อยู่แล้ว อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ชุมชนเราดีขึ้นไม่ใช่เหรอครับ”
จากนั้นบรรยากาศในรถก็เงียบลงไปอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆปลัดหนุ่มก็กล่าวด้วยเสียต่ำๆออกมาอีกครั้ง
“แต่.... ถ้าเรื่องส่วนตัวที่พี่เคยขอให้ฤกษ์ช่วย ฤกษ์พอที่จะช่วยพี่ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามฝ่าความเงียบมาแบบนั้น ดาวฤกษ์จำใจต้องหันหน้ามามองเจ้าของเสียงอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง
“เอ่อเรื่องนั้น ฤกษ์คิดว่า ฤกษ์คุยกับพี่ดินแล้วนะครับ ฤกษ์ไม่อยากทำให้คุณลุงคุณป้าเสียใจครับ”
“พี่ก็เข้าใจ แต่ว่าพี่ก็อยากให้ฤกษ์เห็นใจพี่ด้วย”
“พี่ดิน คือไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่ลำบากใจนะ ฤกษ์ก็ลำบากใจมากที่ไม่สามารถช่วยพี่ดินในเรื่องนั้นได้ ไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่อยากช่วยแต่ฤกษ์ขัดคำพูดของคุณลุงคุณป้าได้จริงๆ”
ดาวฤกษ์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอึดอัดเอามากๆ
“ฤกษ์เคยมีแฟนมั้ย?”
อยู่ๆปลัดหนุ่มก็ถามดาวฤกษ์ขึ้นมา หลังจากที่ทั้งคู่เงียบกันไปนานพอสมควร
“ทะทำไมพี่ดิน ถึงถามฤกษ์แบบนั้นครับ?”
“คือพี่ก็อยากรู้ อีกอย่างฤกษ์จะได้เข้าใจความรู้สึกของพี่ไงครับ”
“ถึงฤกษ์จะไม่เคยมีแฟน แต่ฤกษ์ก็พอใจเข้าใจน่ะพี่ดิน ว่าการที่เราถูกกีดกันไม่ให้สมหวังในความรักมันคงทรมานน่าดู”
“นั้นสิ ในเมื่อฤกษ์ก็รู้ ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ ทำไมฤกษ์ถึงไม่ยอมช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่พี่ให้หน่อยละครับ”
“ไม่ใช่ฤกษ์ไม่ช่วยพูดนะพี่ แต่ว่า คุณลุงคุณป้าไม่ยอมฟังฤกษ์เลย”
“ฤกษ์เลยทำตามใจคุณแม่ของพี่ใช่ไหม?”
ภูดินใช้สายตาชวนฝันจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายทันที
“คือ...ฤกษ์จะอธิบายยังไงให้พี่ดินเข้าใจ ฤกษ์ก็ลำบากใจ”
“ลำบากใจหรือว่าดีใจกันแน่?”
ปลัดหนุ่มเปลี่ยนอารมณ์ ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เข้ม ห้วน ทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้าง ดาวฤกษ์ก็ไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ
“พี่ดิน! ..... ทำไมพี่ดินถึงพูดแบบนี้ละ?”
“จะให้พี่เข้าใจว่ายังไง ก็ฤกษ์บอกลำบากใจ แต่ฤกษ์ก็มาเล่นตามแผนของคุณแม่พี่แบบนี้ แล้วจะให้พี่คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง?”
“คิดเป็นอย่างอื่น....... พี่ดินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็... ฤกษ์ชอบพี่ใช่ไหม?”
“พี่ดิน!”
ดาวฤกษ์อุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นถามตัวเองตรงๆแบบนี้
“ก็ถ้าฤกษ์ไม่ได้ชอบพี่ ฤกษ์ก็ต้องช่วยพี่สิ แต่นี้ฤกษ์กลับไปช่วยคุณพ่อคุณแม่กันพี่กับจีน่าออกจากกัน”
ภูดินเห็นอีกฝ่ายตกใจ ก็รีบยิงคำถามออกไปทันที ไม่ปล่อยให้ดาวฤกษ์ได้ตั้งสติเลยสักนิด
“การที่ฤกษ์ช่วยคุณลุงกับคุณป้า เป็นเพราะฤกษ์สงสารท่านที่มีลูกอกตัญญูอย่างพี่ดินต่างหากละ”
ในเมื่อรู้ว่าตัวเองจะจนมุม พร้อมทั้งกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับความรู้สึกของตัวเองได้ ดาวฤกษ์ก็รีบกล่าวโทษอีกฝ่ายทันที
“ฤกษ์”
“ทำไม? ฤกษ์พูดแทงใจดำพี่ใช่ไหม?”
“พี่ว่าฤกษ์พูดเกินไปหน่อยมั้ย”
“ฤกษ์พูดความจริง นับจากวันที่พี่ดินไปเรียนที่กรุงเทพ พี่ดินเคยหันกลับมาเหลียวแลพ่อกับแม่พี่บ้างมั้ย?”
“ฤกษ์ไม่รู้ความจริง ฤกษ์ก็อย่าพูดเลยดีกว่า”
ปลัดหนุ่มใช้แขนยาวๆของตัวเองคว้าไหล่ของอีกฝ่ายมาจับไว้ แล้วใช้นิ้วบีบกดลงไปทันที
“ทำไมฤกษ์จะไม่รู้ความจริง ความจริงคือพี่ไม่เคยมาดูดำดูแดงคุณลุงกับคุณป้าเลยไง”
“ฤกษ์ พี่บอกให้เราหยุดพูดเดี๋ยวนี้”
ปลัดหนุ่มร้องห้ามอีกฝ่ายพร้อมทั้งใช้มือจับตัวดาวฤกษ์เขย่าให้เจ้าตัวหยุดพูด แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดจะหยุดพูดเลย
“ไม่ฤกษ์จะพูด เพราะสิ่งที่ฤกษ์พูดมันคือความจริง”
“ได้ อยากรู้นักใช่ไหม ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับมาบ้านเลย”
“ใช่ ถ้าพี่ไม่อกตัญญู พี่ต้องกลับมาบ้างสิ ไม่ใช่หายไปแบบนี้”
“อยากรู้นักใช่ไหม?”
“ใช่ พี่ดินตอบฤกษ์มาสิ ว่าสิ่งที่ฤกษ์พูดมันไม่จริง ตอบสิ ตอบฤกษ์มาสิพี่ดิน”
“อยากรู้นักใช่ไหม ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับบ้าน ก็เพราะว่าพี่...”
ปลัดหนุ่มพูดได้แค่นั้น ก็ดึงร่างของดาวฤกษ์เข้ามาใกล้ตัวเอง พร้อมกับใช้ปากบดขยี้อีกปากทันที เขาไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปได้เขาใช้ลิ้นตวัดเปิดปากอีกฝ่ายทันที ดาวฤกษ์ที่อ่อนประสบการณ์อยู่แล้วพร้อมทั้งยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ต้องยอมเปิดปากอันแสนหวานให้ปลัดหนุ่มได้ลิ้มลองเสียแล้ว ทั้งสองแลกลิ้นกันไปมาอย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของกันและกัน แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงมาเคาะกระจกรถของภูดิน ทำให้ทั้งสองต้องรีบผละออกจากกันโดยเร็ว ก่อนที่ปลัดหนุ่มจะลดกระจกลงแล้วหันไปหาคนที่มาเคาะกระจกนั้น
“คุณปลัดค่ะ ท่านนายกให้มาเชิญค่ะ”
สตรีวัยกลางคนที่มาเคาะกระจกรถ แจ้งให้เขาและดาวฤกษ์ได้รับรู้ว่าตอนนี้คณะทำงานของอบต.มาเชิญให้ไปพบแล้ว
“อ่อ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ”
ปลัดหนุ่มตอบออกไปพร้อมกับอาการเก้อเขินเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าโชคดีที่รถของเขานั้นติดฟิล์มอย่างหนาคนข้างนอกไม่สามารถมองผ่านมาเห็นได้ ปลัดหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับกดกระจกให้เลื่อนขึ้น แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ดาวฤกษ์ก็เปิดประตูรถลงแล้วรีบเดินหนีเขาไปอีกทางทันที
“ฤกษ์ ฤกษ์จะไปไหน กลับมาก่อน”
ภูดินรีบลงจากรถยนต์แล้ววิ่งตามหลังของดาวฤกษ์ไปทันที พร้อมตะโกนให้อีกฝ่ายหยุดเดินหนีเขา แต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลย เพราะตอนนี้ใบหน้าขาวๆของดาวฤกษ์นั้นแดงยิ่งกว่าสีเลือดนกเสียอีก
“ฤกษ์ พี่บอกให้เราหยุดเดี๋ยวนี้”
พอดาวฤกษ์ได้ยินเสียงเข้มๆเอาจริงของอีกฝ่าย ทำให้เท้าทั้งสองของเขาต้องหยุดชะงักทันที
“ฤกษ์ เมื่อกี้พี่ขอโทษ”
ภูดินเดินมาขวางหน้าดาวฤกษ์ไว้ พร้อมกับจับไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดพยศทันที
“พี่ดินปล่อยฤกษ์นะ”
ดาวฤกษ์พยายามแกะมือตุ๊กแกของอีกฝ่ายออกจากการจับไหล่ของตัวเองไว้
“ฤกษ์ ฟังพี่ก่อน คือพี่...”
“ตอนนี้ ฤกษ์ไม่อยากฟังแล้ว ปล่อยฤกษ์เดี๋ยวนี้นะพี่ดิน”
“ไม่ พี่ไม่ปล่อย ฤกษ์โกรธพี่หรือเปล่า”
“ถ้าพี่ดินถามอีกที ฤกษ์จะโกรธจริงๆน่ะ”
“โอเค โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้ พี่ขอโทษนะ เรื่องเมื่อกี้น่ะ”
“พี่ดิน ฤกษ์บอกให้หยุดพูดไง ถ้าพี่ไม่หยุด ฤกษ์จะชกหน้าให้”
“กลัวแล้วๆ โอเคยอมแล้ว ไม่ถามก็ไม่ถาม”
ภูดินยิ้มออกมาปนขำที่เห็นคนอย่างดาวฤกษ์เขินไม่เป็นท่าออกมาแบบนี้
“แล้วนี้พี่ดินจะปล่อยฤกษ์ได้ยัง”
“ไม่ปล่อย จะจับไว้แบบนี้แหละ”
“เอ๊ะพี่ดิน!”
“ฤกษ์ อยากรู้ไม่ใช่เหรอ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ฤกษ์บอกแล้วไงว่าไม่อยากฟัง”
“ไม่อยากฟังแล้วทำไมถึงหน้าแดง”
ภูดินถามย้ำความเขินให้อีกฝ่ายทันที เล่นเอาดาวฤกษ์ได้แต่ยืนจ้องหน้าคนถามแบบเออๆ
“แล้วไหนเมื่อกี้ใครกัน ที่อยากรู้เหตุผลที่พี่ไม่ยอกกลับบ้าน พี่ก็กำลังจะบอกอยู่นี้ไง”
ปลัดหนุ่มใช้มืออีกข้างจับคางของอีกฝ่ายให้เงยหน้ามามองเขา แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สบตากันอีกครั้งก็มีเสียงร้องเรียกมาจากด้านหลัง ของทั้งคู่เสียก่อน
“ดินค่ะ ดิน”
“จีน่า!”
**นี่เรารักกัน หรือเพียงแค่ฉันรักเธอเมื่อเหงาก็เจอ มาพร่ำมาเพ้อแล้วเธอก็หาย
บินมาไต่มาตอม เด็ดดอมแล้วลาลับไปผีเสื้อทำกับดอกไม้ เหมือนที่เธอทำกับฉัน
ก็คิดทุกวัน เราหยุดคบกันดีไหมบอกกับหัวใจว่าอยู่กันไปก็ทรมาน
อยากหายไปจากตรงนี้ก็ถูกความคิดถึงทัดทานปากแข็งได้ไม่นานก็หวั่นไหว
ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ
อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ
เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ
รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ
ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ
อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ
เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ
รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ**
**เพลง ผีเสื้อใจร้ายกับดอกไม้ใจอ่อน เอิ้นขวัญ**
“อ้าว! พี่ดินจะไปไหนเหรอครับ?”
เสียงดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะว่าเส้นทางที่ปลัดหนุ่มขับไปนั้น ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของพวกเขา
“อ่อ พอดี พี่ว่าจะไปคุยธุระกับท่านนายกอบต.ที่ฝายเก็บน้ำสักหน่อย”
“เอ่อ ...แล้วมันจะดีเหรอ ให้ฤกษ์ไปด้วยแบบนี้อะพี่”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องลับลมคมในอะไรเลย ฤกษ์ฟังได้ สบายใจเถอะ”
“แล้วนี้พี่ดินนัดท่านนายกอบต.ไว้แล้วเหรอครับ”
“ครับ พอดีท่านนายก ว่างช่วงนี้ พี่เลยต้องไปตอนนี้ ฤกษ์คงไม่เหนื่อยเกินไปใช่มั้ย?”
ปลัดหนุ่มหันมาถามดาวฤกษ์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมสายตาที่ห่วงใย
“ก็เอ่อ เหนื่อยนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร ไหนๆพี่ดินก็นัดกับผู้ใหญ่ไว้แล้ว เราควรไปตามนัด ถึงจะไม่เสียคำพูด”
“ขอบคุณครับ ที่ฤกษ์เข้าใจพี่ เดี๋ยวจะพาฤกษ์ไปดูฝายเก็บน้ำ ที่ทางอำเภอเราจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป”
“ฝายเก็บน้ำที่อยู่ท้ายเขาลูกนั้นเหรอพี่”
ดาวฤกษ์พูดพร้อมชี้มือไปข้างหน้า ที่ตอนนี้จะมองเห็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งตระง่านเป็นสง่าอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปไม่ไกลมากนัก
“ใช่ครับ เขาลูกนั้นแหละ ที่ทางอำเภอของเรามีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนของเราครับ”
ปลัดหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ดาวฤกษ์ทันที
“ดีจังเลยครับพี่ดิน อย่างน้อยชุมชนที่อยู่บริเวณฝายเก็บน้ำก็จะได้มีรายได้ มีอาชีพเสริมทำในชุมชนของเราเพิ่มขึ้น”
“ครับพี่ก็คิดอย่างนั้น แต่มันยังต้องรออะไรอีกหลายๆอย่าง วันนี้พี่ถึงได้พาฤกษ์มาพบท่านนายกไง”
“เอ้าเกี่ยวไรกับฤกษ์ครับ?”
ดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร
“เกี่ยวสิ อย่างน้อยเราก็เป็นคนในท้องถิ่น ช่วยกันพูดช่วยกันคิด พี่ว่า โครงการนี้น่าจะดำเนินไปได้ด้วยดีนะ”
ปลัดหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่นและเชื่อใจอีกฝ่ายทันที
“เอาอย่างนั้นเหรอพี่ดิน”
“ครับ เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน”
ภูดินหันหน้าเข้มๆมาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจพร้อมกับจอดรถตรงบริเวณใต้ร่มไม้ใกล้ๆกับที่ทำการฝ่ายเก็บน้ำของทางอำเภอ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาคารอำนวยการ
“โอเคพี่ ว่าไงว่ากัน ไหนๆก็เพื่อบ้านเรา ชุมชนของเรา”
“ขอบคุณนะ”
ภูดินเอื้อมมือไปจับมือดาวฤกษ์มากุมไว้ แต่อีกฝ่ายกับทำตัวไม่ถูก ดาวฤกษ์เลยต้องรีบดึงมาออกจากการถูกมืออีกฝ่ายกุมอยู่
“ขอบคุณอะไรล่ะ ฤกษ์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ดาวฤกษ์ตอบออกไปพร้อมกับอาการเขินอย่างแรง ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับมามองออกไปด้านนอกรถอีกทาง
“ก็อย่างน้อย ฤกษ์ก็ไม่ปฏิเสธพี่ เอ่อ พี่หมายถึงว่า ไม่ปฏิเสธงาน คืองานที่เราต้องช่วยกันนะครับ”
“เอ่อ.... เรื่องส่วนร่วม ฤกษ์พอช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่อยู่แล้ว อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ชุมชนเราดีขึ้นไม่ใช่เหรอครับ”
จากนั้นบรรยากาศในรถก็เงียบลงไปอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆปลัดหนุ่มก็กล่าวด้วยเสียต่ำๆออกมาอีกครั้ง
“แต่.... ถ้าเรื่องส่วนตัวที่พี่เคยขอให้ฤกษ์ช่วย ฤกษ์พอที่จะช่วยพี่ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามฝ่าความเงียบมาแบบนั้น ดาวฤกษ์จำใจต้องหันหน้ามามองเจ้าของเสียงอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง
“เอ่อเรื่องนั้น ฤกษ์คิดว่า ฤกษ์คุยกับพี่ดินแล้วนะครับ ฤกษ์ไม่อยากทำให้คุณลุงคุณป้าเสียใจครับ”
“พี่ก็เข้าใจ แต่ว่าพี่ก็อยากให้ฤกษ์เห็นใจพี่ด้วย”
“พี่ดิน คือไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่ลำบากใจนะ ฤกษ์ก็ลำบากใจมากที่ไม่สามารถช่วยพี่ดินในเรื่องนั้นได้ ไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่อยากช่วยแต่ฤกษ์ขัดคำพูดของคุณลุงคุณป้าได้จริงๆ”
ดาวฤกษ์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอึดอัดเอามากๆ
“ฤกษ์เคยมีแฟนมั้ย?”
อยู่ๆปลัดหนุ่มก็ถามดาวฤกษ์ขึ้นมา หลังจากที่ทั้งคู่เงียบกันไปนานพอสมควร
“ทะทำไมพี่ดิน ถึงถามฤกษ์แบบนั้นครับ?”
“คือพี่ก็อยากรู้ อีกอย่างฤกษ์จะได้เข้าใจความรู้สึกของพี่ไงครับ”
“ถึงฤกษ์จะไม่เคยมีแฟน แต่ฤกษ์ก็พอใจเข้าใจน่ะพี่ดิน ว่าการที่เราถูกกีดกันไม่ให้สมหวังในความรักมันคงทรมานน่าดู”
“นั้นสิ ในเมื่อฤกษ์ก็รู้ ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ ทำไมฤกษ์ถึงไม่ยอมช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่พี่ให้หน่อยละครับ”
“ไม่ใช่ฤกษ์ไม่ช่วยพูดนะพี่ แต่ว่า คุณลุงคุณป้าไม่ยอมฟังฤกษ์เลย”
“ฤกษ์เลยทำตามใจคุณแม่ของพี่ใช่ไหม?”
ภูดินใช้สายตาชวนฝันจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายทันที
“คือ...ฤกษ์จะอธิบายยังไงให้พี่ดินเข้าใจ ฤกษ์ก็ลำบากใจ”
“ลำบากใจหรือว่าดีใจกันแน่?”
ปลัดหนุ่มเปลี่ยนอารมณ์ ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เข้ม ห้วน ทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้าง ดาวฤกษ์ก็ไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ
“พี่ดิน! ..... ทำไมพี่ดินถึงพูดแบบนี้ละ?”
“จะให้พี่เข้าใจว่ายังไง ก็ฤกษ์บอกลำบากใจ แต่ฤกษ์ก็มาเล่นตามแผนของคุณแม่พี่แบบนี้ แล้วจะให้พี่คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง?”
“คิดเป็นอย่างอื่น....... พี่ดินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็... ฤกษ์ชอบพี่ใช่ไหม?”
“พี่ดิน!”
ดาวฤกษ์อุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นถามตัวเองตรงๆแบบนี้
“ก็ถ้าฤกษ์ไม่ได้ชอบพี่ ฤกษ์ก็ต้องช่วยพี่สิ แต่นี้ฤกษ์กลับไปช่วยคุณพ่อคุณแม่กันพี่กับจีน่าออกจากกัน”
ภูดินเห็นอีกฝ่ายตกใจ ก็รีบยิงคำถามออกไปทันที ไม่ปล่อยให้ดาวฤกษ์ได้ตั้งสติเลยสักนิด
“การที่ฤกษ์ช่วยคุณลุงกับคุณป้า เป็นเพราะฤกษ์สงสารท่านที่มีลูกอกตัญญูอย่างพี่ดินต่างหากละ”
ในเมื่อรู้ว่าตัวเองจะจนมุม พร้อมทั้งกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับความรู้สึกของตัวเองได้ ดาวฤกษ์ก็รีบกล่าวโทษอีกฝ่ายทันที
“ฤกษ์”
“ทำไม? ฤกษ์พูดแทงใจดำพี่ใช่ไหม?”
“พี่ว่าฤกษ์พูดเกินไปหน่อยมั้ย”
“ฤกษ์พูดความจริง นับจากวันที่พี่ดินไปเรียนที่กรุงเทพ พี่ดินเคยหันกลับมาเหลียวแลพ่อกับแม่พี่บ้างมั้ย?”
“ฤกษ์ไม่รู้ความจริง ฤกษ์ก็อย่าพูดเลยดีกว่า”
ปลัดหนุ่มใช้แขนยาวๆของตัวเองคว้าไหล่ของอีกฝ่ายมาจับไว้ แล้วใช้นิ้วบีบกดลงไปทันที
“ทำไมฤกษ์จะไม่รู้ความจริง ความจริงคือพี่ไม่เคยมาดูดำดูแดงคุณลุงกับคุณป้าเลยไง”
“ฤกษ์ พี่บอกให้เราหยุดพูดเดี๋ยวนี้”
ปลัดหนุ่มร้องห้ามอีกฝ่ายพร้อมทั้งใช้มือจับตัวดาวฤกษ์เขย่าให้เจ้าตัวหยุดพูด แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดจะหยุดพูดเลย
“ไม่ฤกษ์จะพูด เพราะสิ่งที่ฤกษ์พูดมันคือความจริง”
“ได้ อยากรู้นักใช่ไหม ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับมาบ้านเลย”
“ใช่ ถ้าพี่ไม่อกตัญญู พี่ต้องกลับมาบ้างสิ ไม่ใช่หายไปแบบนี้”
“อยากรู้นักใช่ไหม?”
“ใช่ พี่ดินตอบฤกษ์มาสิ ว่าสิ่งที่ฤกษ์พูดมันไม่จริง ตอบสิ ตอบฤกษ์มาสิพี่ดิน”
“อยากรู้นักใช่ไหม ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับบ้าน ก็เพราะว่าพี่...”
ปลัดหนุ่มพูดได้แค่นั้น ก็ดึงร่างของดาวฤกษ์เข้ามาใกล้ตัวเอง พร้อมกับใช้ปากบดขยี้อีกปากทันที เขาไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปได้เขาใช้ลิ้นตวัดเปิดปากอีกฝ่ายทันที ดาวฤกษ์ที่อ่อนประสบการณ์อยู่แล้วพร้อมทั้งยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ต้องยอมเปิดปากอันแสนหวานให้ปลัดหนุ่มได้ลิ้มลองเสียแล้ว ทั้งสองแลกลิ้นกันไปมาอย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของกันและกัน แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงมาเคาะกระจกรถของภูดิน ทำให้ทั้งสองต้องรีบผละออกจากกันโดยเร็ว ก่อนที่ปลัดหนุ่มจะลดกระจกลงแล้วหันไปหาคนที่มาเคาะกระจกนั้น
“คุณปลัดค่ะ ท่านนายกให้มาเชิญค่ะ”
สตรีวัยกลางคนที่มาเคาะกระจกรถ แจ้งให้เขาและดาวฤกษ์ได้รับรู้ว่าตอนนี้คณะทำงานของอบต.มาเชิญให้ไปพบแล้ว
“อ่อ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ”
ปลัดหนุ่มตอบออกไปพร้อมกับอาการเก้อเขินเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าโชคดีที่รถของเขานั้นติดฟิล์มอย่างหนาคนข้างนอกไม่สามารถมองผ่านมาเห็นได้ ปลัดหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับกดกระจกให้เลื่อนขึ้น แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ดาวฤกษ์ก็เปิดประตูรถลงแล้วรีบเดินหนีเขาไปอีกทางทันที
“ฤกษ์ ฤกษ์จะไปไหน กลับมาก่อน”
ภูดินรีบลงจากรถยนต์แล้ววิ่งตามหลังของดาวฤกษ์ไปทันที พร้อมตะโกนให้อีกฝ่ายหยุดเดินหนีเขา แต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลย เพราะตอนนี้ใบหน้าขาวๆของดาวฤกษ์นั้นแดงยิ่งกว่าสีเลือดนกเสียอีก
“ฤกษ์ พี่บอกให้เราหยุดเดี๋ยวนี้”
พอดาวฤกษ์ได้ยินเสียงเข้มๆเอาจริงของอีกฝ่าย ทำให้เท้าทั้งสองของเขาต้องหยุดชะงักทันที
“ฤกษ์ เมื่อกี้พี่ขอโทษ”
ภูดินเดินมาขวางหน้าดาวฤกษ์ไว้ พร้อมกับจับไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดพยศทันที
“พี่ดินปล่อยฤกษ์นะ”
ดาวฤกษ์พยายามแกะมือตุ๊กแกของอีกฝ่ายออกจากการจับไหล่ของตัวเองไว้
“ฤกษ์ ฟังพี่ก่อน คือพี่...”
“ตอนนี้ ฤกษ์ไม่อยากฟังแล้ว ปล่อยฤกษ์เดี๋ยวนี้นะพี่ดิน”
“ไม่ พี่ไม่ปล่อย ฤกษ์โกรธพี่หรือเปล่า”
“ถ้าพี่ดินถามอีกที ฤกษ์จะโกรธจริงๆน่ะ”
“โอเค โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้ พี่ขอโทษนะ เรื่องเมื่อกี้น่ะ”
“พี่ดิน ฤกษ์บอกให้หยุดพูดไง ถ้าพี่ไม่หยุด ฤกษ์จะชกหน้าให้”
“กลัวแล้วๆ โอเคยอมแล้ว ไม่ถามก็ไม่ถาม”
ภูดินยิ้มออกมาปนขำที่เห็นคนอย่างดาวฤกษ์เขินไม่เป็นท่าออกมาแบบนี้
“แล้วนี้พี่ดินจะปล่อยฤกษ์ได้ยัง”
“ไม่ปล่อย จะจับไว้แบบนี้แหละ”
“เอ๊ะพี่ดิน!”
“ฤกษ์ อยากรู้ไม่ใช่เหรอ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ฤกษ์บอกแล้วไงว่าไม่อยากฟัง”
“ไม่อยากฟังแล้วทำไมถึงหน้าแดง”
ภูดินถามย้ำความเขินให้อีกฝ่ายทันที เล่นเอาดาวฤกษ์ได้แต่ยืนจ้องหน้าคนถามแบบเออๆ
“แล้วไหนเมื่อกี้ใครกัน ที่อยากรู้เหตุผลที่พี่ไม่ยอกกลับบ้าน พี่ก็กำลังจะบอกอยู่นี้ไง”
ปลัดหนุ่มใช้มืออีกข้างจับคางของอีกฝ่ายให้เงยหน้ามามองเขา แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สบตากันอีกครั้งก็มีเสียงร้องเรียกมาจากด้านหลัง ของทั้งคู่เสียก่อน
“ดินค่ะ ดิน”
“จีน่า!”
**นี่เรารักกัน หรือเพียงแค่ฉันรักเธอเมื่อเหงาก็เจอ มาพร่ำมาเพ้อแล้วเธอก็หาย
บินมาไต่มาตอม เด็ดดอมแล้วลาลับไปผีเสื้อทำกับดอกไม้ เหมือนที่เธอทำกับฉัน
ก็คิดทุกวัน เราหยุดคบกันดีไหมบอกกับหัวใจว่าอยู่กันไปก็ทรมาน
อยากหายไปจากตรงนี้ก็ถูกความคิดถึงทัดทานปากแข็งได้ไม่นานก็หวั่นไหว
ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ
อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ
เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ
รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ
ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ
อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ
เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ
รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ**
**เพลง ผีเสื้อใจร้ายกับดอกไม้ใจอ่อน เอิ้นขวัญ**
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ