หอมดิน กลิ่นดาว

9.5

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.51 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 17.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) กุหลาบแดง แทงใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ในระหว่างที่ดาวฤกษ์กำลังเขินอายกับคำพูดของหนูน้อยยอดนักขายอยู่นั้น  เจ้าตัวก็ไม่รู้จะหันหน้ากลับไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้อย่างไร  เพราะตอนนี้หน้าของดาวฤกษ์นั้นคงแดงไปจนถึงใบหูแล้วแน่ๆ  ดาวฤกษ์ได้แต่มองดอกกุหลาบในมือสลับกับหนูน้อยคนขายดอกไม้ที่กำลังเดินจากไปเพื่อไปขายดอกกุหลายที่เหลือยังโต๊ะอื่นๆ  ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องวางมือวางไม้ไว้ตรงไหนดูมันเก้อเขินไปเสียหมด  ไม่รู้จะทำอะไรก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเอาเสียดื้อๆ  ใช้หางตาชำเลืองไปดูใบหน้าเข้มๆของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เจอเข้ากับสายตาเข้มคู่สวยจ้องมองโดยใช้สายตาชวนฝันส่งมาให้อยู่ก่อนแล้ว  ดาวฤกษ์ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งมองดอกกุหลาบในมือตัวเองไปพลางๆ

**เป็น อะไร ใจเอ๋ยใจ  ตั้ง แต่วันที่เห็นหน้า  และคำว่ารัก ที่ได้ยินมาอีก สายตาสื่อความห่วงใย  ใจ เจ้าเอย ก็เลยไหวหวั่น  สั่น สะท้านถึงข้างในใจยังไม่เคย ไม่เคยมีใคร  เขินแทบตาย อ๊ายอายจัง  สั่นทุกครั้ง ที่นั่งเคียงสบตา ยิ่งพาใจหลงทาง  รักจริงๆไหมจ๊ะ  หรือเพียงหลอกให้หวังอุ๊ย แย่จังเราเป็นอะไร  อุ๊ย แย่จังเราเป็นอะไร  ใจ ที่เขิน เดินไม่ตรงทางอยาก มีหวังสมตั้งใจ  รักจริงๆเถิดนะ  อย่าเพียงแค่ฝันไปเพี้ยง ขอใจเธอรักจริง  สั่นทุกครั้ง ที่นั่งเคียง  สบตา ยิ่งพาใจหลงทางรักจริงๆไหมจ๊ะ  หรือเพียงหลอกให้หวัง  อุ๊ย แย่จังเราเป็นอะไรใจ ที่เขิน เดินไม่ตรงทาง  อยาก มีหวังสมตั้งใจ  รักจริงๆเถิดนะอย่าเพียงแค่ฝันไป  เพี้ยง ขอใจเธอรักจริง  เพี้ยง ขอใจเธอรักจริงโอมเพี้ยง  ขอใจเธอรัก จริง**

**เพลง เขิน  บัว  บัณชิตา**

“อ้าว  เป็นอะไรฤกษ์  มัวแต่มองดอกไม้อยู่นั้นแหละ  แล้วนี้น้องกินอิ่มแล้วใช่ไหม? พี่จะได้เช็คบิลเลย”

ภูดินถามออกมาพร้อมกับสายตาที่กรุ่มกริ่มปนความพอใจที่เห็นอีกฝ่ายเขินออกมาอย่างชัดเจน

“อะอิ่มแล้ว   ฤกษ์อิ่มแล้วครับ  แล้วพี่ดินละอิ่มยัง”

“อื่ม  พี่ก็อิ่มแล้วงั้นเราไปกันเถอะ  พี่ยังเหลืองานที่จะต้องสะสางอีกเยอะเลย”

ชายหนุ่มพูดเสร็จก็เรียกพนักงานในร้านมาคิดเงินค่าอาหารกลางวันทันที  ระหว่างที่รอพนักงานมาคิดเงินอยู่นั้น จู่ๆก็มีดอกกุหลาบแดงอีกดอกยื่นมาจากด้านหลังของดาวฤกษ์  ทำให้ดาวฤกษ์ต้องหันไปมองทันที

“อ้าว!   เปอร์   มาได้ยังไง”

ดาวฤกษ์อุทานออกมาทันที  ที่รู้ว่าเจ้าของดอกกุหลาบแดงดอกใหญ่ที่ยื่นมาจากด้านหลังของตนนั้นคือนายตำรวจหนุ่ม  นามว่า สไนเปอร์  หรือร้อยตำรวจตรีดนวัต  ไตรติกากรณ์  เพื่อนของเขาที่เรียนด้วยกันมาสมัยตั้งแต่มัธยมต้น

“มากับเพื่อนๆที่โรงพัก”

“อ่อ   แล้วเปอร์มานานยัง?”

“มานานแล้ว  นั่งมองฤกษ์ตั้งนาน   แล้วนี้ฤกษ์ทานข้าวเที่ยงอิ่มยังครับ”

“อืม  อิ่มพอดี  แล้วเปอร์ได้ทานยัง?”

“ว้าแย่จัง  กะว่าจะชวนฤกษ์ไปนั่งทานด้วยกันสักหน่อย”

ผู้หมวดหนุ่มเอยความรู้สึกออกมาทันที  พร้อมกับยื่นดอกกุหลาบแดงในมือส่งให้กับดาวฤกษ์ทันที

“อะไรกัน?”

ดาวฤกษ์ รีบถามทันที  ที่เห็นว่าผู้หมวดยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้ตัวเองอีกครั้ง

“ก็ดอกกุหลาบไง  เราเห็นว่ามันสวยดี  เลยซื้อมาให้  รับไปสิ”

“ขะขอบคุณนะเปอร์  แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้   เราเกรงใจน่ะ”

“ไม่เป็นไร  เราว่ามันสวยดีเหมาะกับคนน่ารักๆอย่างฤกษ์”

“โอ้ยย ปากหวานตลอดเลย  มิน่าละสาวๆทั่วทั้งอำเภอถึงได้ติดอกติดใจหมวดเปอร์กันทั้งบ้านทั้งเมือง”

“ถึงแม้ว่าสาวๆจะติดใจเรามากแค่ไหน  เราก็ไม่สนหรอก  อยากให้ใครบางคนสนมากกว่า”

“เอ่อ...”

ในระหว่างที่ดาวฤกษ์และดนวัต  กำลังคุยกันอยู่นั้น  ก็มีสายตาเข้มดุของใครอีกคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา  เมื่อเห็นท่าทางของผู้หมวดหนุ่มรุกจีบคนที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง  ภูดินก็รีบดักคออีกฝ่ายขึ้นมาทันที

“อะแฮ้ม  ฤกษ์เราจะไปกันหรือยัง  นี้ก็ใกล้เวลางานแล้ว  กว่าพี่จะแวะไปส่งเราอีก”

ภูดินพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วก็เดินตรงมายังดาวฤกษ์ทันที  พร้อมกับคว้ามือไปยกเก้าอี้ตัวที่ดาวฤกษ์นั่งเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลุกขึ้นอย่างสะดวก

“อ้าวพี่ดิน  จ่ายตังค์เสร็จแล้วเหรอครับ  ลืมแนะนำ  พี่ดินจำไนเปอร์ได้ไหมครับ  เพื่อนฤกษ์ตอนสมัยเรียน”

ดาวฤกษ์เอ่ยถามภูดินทันทีหลังจากที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“รู้จักกันแล้ว”

ภูดินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะแข็งไปเล็กน้อย  จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาใกล้ดาวฤกษ์แล้วใช้วงแขนยาวๆของตัวเองไปโอบไหล่ของดาวฤกษ์ทันที

“หวัดดีครับคุณปลัด  ทานข้าวอิ่มแล้วนะครับ”

ดนวัต  กล่าวทักทายปลัดหนุ่มทันที  ที่เห็นว่าอีกฝ่ายใช้มือโอบไหล่คนที่เขาเฝ้าหมายปองมาตลอด

“ครับ  ผู้หมวดก็มาทานข้าวเหมือนกันหรือครับ”

“ครับ  กำลังจะทาน  พอดีมีหนูน้อยเอากุหลาบมาขายเลยช่วยอุดหนุน  และอีกอย่างเห็นว่าดอกกุหลาบมันสวยดี  เลยซื้อมาฝากดาวฤกษ์เขานะครับ  รายนี้เป็นคนชอบดอกกุหลาบตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ผมเห็นดอกกุหลาบที่ไหน  อดนึกถึงฤกษ์ไม่ได้จริงๆเลย”

“อ่อ  เหรอครับ   แต่คราวนี่ผู้หมวดคงเก้อแล้วละครับ  เพราะว่าผมชิงตัดหน้าซื้อให้แล้วตั้งห้าดอกครับ”

ภูดินพูดพร้อมกับใช้สายตามองไปยังดอกกุหลาบที่ตนซื้อให้ดาวฤกษ์อย่างพอใจ

“ครับ  แต่ผมคิดว่า  ใครจะซื้อให้ก่อน  ซื้อให้หลัง  มันก็ไม่สำคัญหรอกครับ  เพราะคนรับเต็มใจรับของใครเสียมากกว่า....จริงไหม?ฤกษ์”

ดนวัตพูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้กับดาวฤกษ์ทันที  เพราะเท่าที่จำได้เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ซื้อดอกกุหลาบให้ดาวฤกษ์ทุกเทศกาลเลยก็ว่าได้

“เอ่อ  ฤกษ์ว่า   ดอกกุหลาบทั้งหมดนี้  เดี๋ยวฤกษ์จะเอาไปใส่แจกันที่ร้านแล้วกันนะ”

ดาวฤกษ์รีบหาทางออกโดยเร็วเพราะเขากลัวว่าจะมีการเขม่งกันเกิดขึ้นแน่ๆระหว่างปลัดหนุ่มผู้หล่อเข้ากับนายร้อยตำรวจผู้ที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ

“งั้นก็เรารีบไปกันเถอะ  จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นด้วย”

ภูดินพูดเสร็จก็โอบไหล่ของคนตัวขาวเดินไปพร้อมกันทันที   เป็นเหตุให้ดาวฤกษ์ต้องรีบหันมาทางดนวัต  เพื่อบอกลาผู้หมวดหนุ่มนั้นเอง

“เปอร์   เรากลับก่อนนะ  เอาไว้ค่อยเจอกันนะ”

“อืม  เดี๋ยววันหลังเรารับไปทานข้าวนะฤกษ์”

ผู้หมวดหนุ่มพูดได้เพียงแค่นั้น  เพราะปลัดหน้าดุก็รีบใช้มือลากตัวของดาวฤกษ์ให้รีบเดินออกจากร้านอาหารไปอย่างรวดเร็ว    หลังจากที่ทั้งคู่ขับรถออกมาจากร้านอาหารไป  แต่คราวนี้คนขับกลับกลายเป็นภูดินแทน  เขาเหยียบคันเร่งอย่างแรง  จนดาวฤกษ์ตกใจในความเร็วของรถ

“พี่ดิน  จะรีบไปไหน  ทำไมขับเร็วแบบนี้”

ดาวฤกษ์ถามภูดินออกมาด้วยความตกใจ  เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะบ้าพลังขับรถเร็วเกินไปแบบนี้

“เร็วตรงไหน...พี่ก็ขับปกติ   ทำไม?   หรือว่ายังอยากอยู่คุยต่อกับไอ้ผู้หมวดหนวดงามนั้น”

ภูดินตอบเสียงกระแทกออกมาทันที  ทำให้ดาวฤกษ์ต้องรีบหันหน้ามามองใบหน้าเข้มเรียวนั้นอย่างสงสัยในคำตอบของชายหนุ่ม

“อะไรพี่ดิน  นั้นหมวดเปอร์  เพื่อนฤกษ์นะครับ”

“พี่ไม่รู้ล่ะ  พี่เห็นมันมองฤกษ์สายตาไม่กระพริบเลย”

“พี่ดินเป็นบ้าอะไรเนี้ย   ไปกินรังต่อรังแตนมาจากไหน  ทำไมมาอารมณ์เสียใส่ฤกษ์แบบนี้”

ดาวฤกษ์ตัดสินใจถามภูดินออกไปถึงอารมณ์ของคนที่ผีเข้าผีออก  ก่อนหน้านี้ยังดีๆอยู่เลย

“เปล่า   พี่ไม่ได้อารมณ์เสีย   แค่ไม่พอใจให้ใครมาทำแบบนี้กับฤกษ์”

ภูดินตอบออกไปตามความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้

“ทำแบบนี้?  ยังไง  ฤกษ์ไม่เข้าใจ”

ยิ่งฟังคำตอบจากอีกฝ่าย  ดาวฤกษ์ยิ่งไม่เข้าใจขึ้นไปอีก

“ก็ไอ้ผู้หมวดนั้น  มัน......”

ภูดินพูดออกมาได้แค่นั้น  ก็ต้องหยุด  แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแทน

“เปอร์  ทำไมหรือครับ”

“ก็มัน ....  มันมองฤกษ์”

ภูดินตัดสินใจตอบออกมาพร้อมกับหันมาจ้องหน้าของอีกฝ่ายทันที

“อ้าวพี่ดิน   คนเป็นเพื่อนกัน  มองกันแล้วมันแปลกตรงไหนครับ”

“ก็เขาไม่ได้มองฤกษ์แบบเพื่อนมองเพื่อน   พี่ไม่ชอบให้คนอื่นมองฤกษ์แบบนั้น”

ภูดินตอบดาวฤกษ์ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดังเท่าไรนัก  เพราะตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  ว่าทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจคนอื่นที่มาใช้สายตาแบบนี้กับดาวฤกษ์ก็ไม่รู้

“บ้ากันไปใหญ่แล้วพี่ดิน   ทำงานมากไปปะเนี้ย  สหมงสมองไปหมดแล้ว”

“เออพี่มันบ้า   แต่อย่าให้พี่เห็นอีกก็แล้วกัน  ไอ้สายตาแบบนั้น  ห้ามให้ใครมองเป็นอันขาด”

“ถ้าจะว่างมากเกินไปแล้วพี่ดิน   มาห้ามไม่ให้คนมอง  ถ้าไม่ให้เขามองฤกษ์แล้วจะให้หันไปมองต้นไม้หรือไง?  คนคุยกันก็ต้องมองกันสิพี่”

“ก็ช่าง  มันจะมองอะไรก็แล้วแต่มันสิ  ทำไมต้องมามองฤกษ์แบบนั้นด้วย  พี่ไม่ชอบ”

ภูดินหันหน้ามามองดาวฤกษ์อีกครั้ง  แต่ครั้งนี้เขาส่งสายตาอย่างลึกซึ้งมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้  เป็นเหตุให้ดาวฤกษ์วางตัวไม่ถูกเอาเสียเลยที่จู่ๆก็โดนปลัดหนุ่มเล่นใช้สายตาพิฆาตจ้องมาแบบไม่ให้ตั้งตัว

“โอ้ยยย เถียงกับพี่ดิน  เถียงเป็นปีก็ไม่รู้เรื่อง   อ้าวๆ   ..พี่ดิน  ขับรถเลยร้านฤกษ์แล้วครับ”

ดาวฤกษ์ต้องรีบตะโกนบอกอีกฝ่ายทันที  เมื่อภูดินขับรถเลยร้านขายยาของเขา

“อ้าว   โทษที  ลืมสังเกต”

ภูดินยิ้มให้ดาวฤกษ์อย่างเก้อๆเพราะเขาเองก็มั่วแต่จ้องใบหน้าขาวเนียนรูปไข่นั้นไม่วางตา

จากนั้นชายหนุ่มก็ถอยรถกลับมาจอดยังหน้าร้านขายยาของดาวฤกษ์

“ขอบคุณนะครับพี่ดิน”

ดาวฤกษ์กล่าวคำขอบคุณอีกฝ่ายแล้วก็เตรียมจะผลักประตูรถยนต์ออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อนเพราะ ภูดินร้องทัก

“อืม   ฤกษ์....”

“ครับ  พี่ดิน  มีอะไรหรือเปล่า”

ดาวฤกษ์จ้องมองสายตาของอีกฝ่าย  ทั้งสองจ้องตากันก็เหมือนกับมีพลังงานไฟฟ้าวิ่งสลับกันไปมาในดวงตาของทั้งคู่เสียแล้ว

“ปะเปล่า    เย็นนี้เจอกันนะ”

“อ่อครับ”

จากนั้นดาวฤกษ์ก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านขายยาของตัวเองทันที  คงปล่อยไว้เพียงแค่รถยนต์คันหรูที่ยังจอดนิ่งไม่ยอมขยับไปเลย  ซึ่งภูดินก็ยังคงไม่ยอมออกรถไปไหน เขามองจนกว่าดาวฤกษ์เข้าไปในร้านขายยาแล้วจึงได้ขับรถยนต์ออกไปอย่างเชื่องช้า

“อ้าวคุณหมอ  กลับมาแล้วหรือค่ะ  เป็นไงบ้างข้าวเที่ยงอร่อยไหมเอ่ย?”

เสียงผู้ช่วยของดาวฤกษ์ร้องทักออกมาหลังจากที่เขาก้าวเท้าเข้าไปภายในร้ายขายยาของตัวเอง

“ครับ น้าอร  ก็อร่อยดี  เสียอย่างเดียวคนเยอะไปหน่อย”

“ค่ะ  เที่ยงๆแบบนี้คนก็เยอะเป็นธรรมดาแหละค่ะ  แล้วนี้....”

ผู้ช่วยของดาวฤกษ์ถามพร้อมกับใช้สายตาจ้องมองมายังดอกกุหลาบสีแดงที่ดาวฤกษ์ถือไว้อยู่ในมือ

“อ่อ  ดอกกุหลาบ  กะว่าจะเอามาจัดใส่แจกันนะครับน้าอร”

“น้าไม่เชื่อหรอกค่ะ  ว่าคุณหมอจะซื้อเอง  ดอกกุหลาบสีแดงสวยๆแบบนี้  สงสัยว่าจะเป็นคุณผู้หมวดรูปหล่อซื้อให้แน่ๆเลยใช่ไหมค่ะ?”

“เอ่อ  มันก็ไม่ทั้งหมดหรอกน้าอร”

“ว้าย   พูดแบบนี้แสดงว่า  คุณหมอของน้าอรเสน่ห์แรงจริงๆ  มีแต่คนซื้อดอกไม้ให้  ว่าแต่อีกคนเป็นใครค่ะ?”

“ก็   คือว่า    มีน้องเขามาขายที่ร้านอาหาร  พี่ดินเขาช่วยอุดหนุน  เลยซื้อมาให้จัดแจกันครับ”

“อุ้ย?  คุณปลัดสุดหล่อก็ซื้อให้คุณหมอเหมือนกันหรือค่ะนี้”

“โอ้ยน้าอร   เปล่าสักหน่อย  แค่พี่ดินเขาช่วยอุดหนุนน้องแม่ค้าเฉยๆ”

“อ่อค่ะ  ช่วยอุดหนุนแม่ค้า   แล้วทำไมคุณหมอต้องหน้าแดงด้วยค่ะ?”

“โอ้ยย  น้าอร   ก็อากาศข้างนอกมันร้อน    ไม่คุยกะน้าอรแล้ว  ไปหาแจกันจัดดอกไม้ดีกว่า”

ดาวฤกษ์พูดได้แค่นั้น  เพราะเขาก็กลัวว่าผู้ช่วยจะจับผิดเขาได้มากกว่านี้  ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปหลังร้านทันที  ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับแจกันใส่กุหลาบสีแดงอย่างสวยงาม  เขาเอามาตั้งไว้ตรงเคาเตอร์จ่ายยา จากนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาซื้อยาทั้งดาวฤกษ์และผู้ช่วยต่างก็ยุ่งๆถึงแม้ว่าร้านขายยาแห่งนี้จะเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงครึ่งปีก็ตาม  แต่เนื่องด้วยเภสัชอย่างดาวฤกษ์เอาใจใส่ลูกค้าและที่สำคัญราคายานั้นไม่แพงสมเหตุสมผลจึงทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนอยู่ตลอดเวลา  ชายหนุ่มยุ่งอยู่กับการขายยาและให้คำปรึกษาจนไม่มีเวลาดูนาฬิกาที่แขวงอยู่ข้างฝาตรงข้ามกับฝั่งเคาเตอร์จ่ายยา  ซึ่งตอนนี้เข็มเส้นชี้ไปจนถึงเลขห้าแล้ว  จนกระทั่งภูดินเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อโตเป็นดอกทิวลิปสีแดงที่เขาถือเอาไว้ในมือ

“อ้าวคุณปลัดสุดหล่อ  มารับคุณหมอหรือค่ะ?”

ผู้ช่วยของดาวฤกษ์ร้องทักปลัดหนุ่มทันที  ที่เขาเข้ามาภายในร้านขายยา  ซึ่งตอนนี้ดาวฤกษ์นั้นกำลังให้คำแนะนำในการใช้ยาแก่ลูกค้าอยู่

“ครับ  นี้ยังไม่ปิดร้านอีกเหรอครับ”

“อ่อ  เดี๋ยวก็ปิดแล้วค่ะ  พอดีคุณหมอติดลูกค้าอีกรายอยู่  แล้วนี้คุณปลัดถือดอกไม้มาทำไมค่ะ?”

“เอ่อ  คือว่า  ผมเห็นว่ามันสวยดี  เลยกะว่าจะซื้อมาให้ฤกษ์นะครับ  เห็นเขาชอบดอกไม้”

ชายหนุ่มตอบผู้ช่วยของดาวฤกษ์ออกไปด้วยอาการเก้อเขินอยู่ไม่น้อยที่โดนถามตรงๆแบบนี้

“แหม  เที่ยงก็ให้  เย็นก็ให้  คุณปลัดนี้ใจดีจังเลยค่ะ”

“อ่อ...ครับ”

“งั้นน้าอรไม่อยู่กวนดีกว่า  นี้ก็ได้เวลาเลิกงานพอดี  น้าอรฝากคุณปลัดช่วยคุณหมอปิดร้านด้วยนะคะ  น้าไปก่อนนะค่ะ”

 “ครับ  ได้ครับ”

จากนั้นผู้ช่วยของดาวฤกษ์ก็รีบเก็บสัมภาระแล้วก็เดินออกไปทางหลังร้านทันที  คงปล่อยให้ภูดินอยู่ตามลำพังกับดาวฤกษ์เพียงสองคน

“อ้าว  พี่ดิน  มาตั้งแต่ตอนไหนครับ”

ดาวฤกษ์ร้อนถามภูดิน  หลังจากที่เขาเก็บยาที่เอามาแนะนำให้ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

“มาได้สักพักแล้วครับ”

“แล้วนี้น้าอร  ไปไหนแล้วครับ  พี่ดินเห็นหรือเปล่า”

“น้าอร   เขากลับบ้านไปแล้วครับ”

“อ้าว  น้าอรนี้ยังไงน่ะ  ร้านก็ยังไม่ได้ปิดเลย  แอบหนีกลับบ้านก่อนได้ไงเนี้ย”

“ฤกษ์อย่าไปว่าน้าอรแกเลย  เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บร้านเอง”

“เออ  ก็ได้ครับ”

“ฤกษ์  พี่ซื้อดอกไม้มาให้”

ภูดินพูดพร้อมกับยื่นดอกทิวลิปสีแดงส่งให้อีกฝ่ายทันที  ก่อนที่ดาวฤกษ์จะเดินออกจากเคาเตอร์จ่ายยาไปปิดร้านเสียก่อน

“ดอกไม้....  นึกอะไรถึงได้ซื้อดอกไม้มาให้ฤกษ์?”

“ก็เห็นว่าฤกษ์ชอบดอกไม้ ....แล้วอีกอย่าง   พี่ก็ไม่ชอบดอกกุหลาบแดงของไอ้ผู้หมวดนั้นด้วย  ถึงจะมีเพียงแค่ดอกเดียวก็เถอะ”

“พี่ดินนั้นดอกไม้นะครับ  ไปอคติกับมันทำไม”

“ก็พี่ไม่ชอบคนให้  ไม่ชอบให้ใครมาเลียนแบบพี่  ไม่ชอบให้ใครมาทำตามพี่”

“เออแปลกคน   ขอบคุณนะครับสำหรับดอกไม้”

ดาวฤกษ์ยื่นมือไปรับช่อดอกทิวลิปจากภูดินอย่างเก้อเขิน  พร้อมกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย

“แล้วฤกษ์  ชอบทิวลิปสีแดงมั้ย?”

“ครับ   สวยดี  คงแพงน่าดู”

“แล้วฤกษ์รู้มั้ยว่า  ดอกทิวลิปสีแดง  มันมีความหมายว่าไง?”

“เอ่อ...ฤกษ์ไม่อยากรู้ครับ...ไหนพี่ดินว่าจะเอาดอกกุหลาบไปทิ้งไม่ใช่หรอ?”

ดาวฤกษ์เกิดอาการเขินขึ้นมาทันที  เมื่ออีกคนถามถึงความหมายของดอกไม้ที่ให้มา

“งั้นพี่เอาดอกกุหลาบที่อยู่ในแจกันพวกนี้ไปทิ้งนะ  ฤกษ์จะได้เอาดอกทิวลิปที่พี่ซื้อมาให้ใหม่จัดใส่แทน”

“พี่ดิน   เอ่อ...คะคือว่า....ดอกกุหลาบพวกนี้ยังไม่เหยี่ยวเลย  เสียดายครับ  เดี๋ยวฤกษ์จัดใส่แจกันอีกอันก็ได้”

ด้วยเป็นคนที่ชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เมื่อดาวฤกษ์เห็นอีกฝ่ายกำลังจะเอาดอกกุหลาบไปทิ้งก็เกิดความเสียดายขึ้นมาทันที

“พี่ว่าอย่าเลย   คือพี่มองแล้ว  ไม่ชอบนะ ไม่ชอบให้ดอกไม้ของพี่ปนอยู่กับของคนอื่น  เหลือไว้แต่ดอกทิวลิปนี้แหละสวยแล้วครับ”

“แต่ว่า...ฤกษ์”

“ไม่มีแต่ครับ  เอาอย่างที่พี่ว่านี้แหละ  เชื่อพี่สิ”

จากนั้นภูดินก็ไม่รอช้ารีบหยิบแจกันดอกกุหลาบสีแดงออกไปทิ้งนอกร้านทันที  คงเหลือเพียงแต่ดาวฤกษ์ที่ยังยืนยิ้มอยู่ตัวเองแล้วก้มลงดมดอกทิวลิปสีแดงในมือด้วยอารมณ์ที่ตื้นตันจนบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

**ตั้งแต่วัน ที่ฉันได้คุย  เพียงครู่สองคน กับเธอครั้งก่อน  กลับมานอน ครวญครางละเมอ 

คอยพร่ำหาเธอ เหมือนจะอ้อนวอนเกิดอะไรขึ้นมาละเออ มันอยากรู้นัก  เปลี่ยนฉัน ไปจากเดิม...โอ๊ย..  จะเป็นเพียง แววตาของเธอ  ทั้งคู่ฉายมา สะกดหรือเปล่าอาจเป็นดาว ดวงใดใช้เธอ  มาหลอกเล่นกล เป็นไปไม่ได้  ออกจะงง คงเป็นเพราะเธอ  ทำสับสน โอ๊ยเดี๋ยวอยากรักเดี๋ยวอยากลืม โอ๊ย โอ๊ย..  ทุกสิ่งเปลี่ยนไป เพราะเธอ....  เธอทำให้ฉันรัก เธอก่อน  ไม่อาจถอน หัวใจมันคอยแอบแอบมอง แบบซึ้งซึ้ง  เธอทำให้ฉันหลง ใจอ่อน  นอนกอดหมอน ทุกคืน  จะทนได้นานสักเท่าไร หากคิดถึงโอ๊ย โอย  อยากจะกิน กลืนเธอทั้งตัว  ไม่อยากเหลือไว้ ให้ใครได้กลิ่น  อยากได้ยิน เพียงเสียงของเธอเพรียกบอกรักเพ้อ ถึงฉันผู้เดียว  กดอารมณ์ ทนไปไม่ไหว  ใจมันหวิว วาบ ไม่เจอคงขาดใจ  โอ๊ย โอ๊ย..โอ่ยโอ๊ย คิดถึงจัง เธอ  จะทนได้นานสักเท่าไร หากคิดถึง  โอ๊ย โอย  อยากจะกิน กลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ ให้ใครได้กลิ่น  อยากได้ยิน เพียงเสียงของเธอ  เพรียกบอกรักเพ้อ ถึงฉันผู้เดียว  กดอารมณ์ ทนไปไม่ไหวใจมันหวิว วาบ ไม่เจอคงขาดใจ  โอ๊ย โอ๊ย..  โอ่ยโอ๊ย คิดถึงจัง เธอ....โอ่ยโอ๊ย คิดถึงเธอ จัง**

**เพลงโอ๊ย โอ๊ย  ฝน ธนสุนทร**

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา