หอมดิน กลิ่นดาว

9.5

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.51 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 17.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ฝายเก็บน้ำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    หลังจากที่ทั้งคู่ช่วยกันปิดร้านเสร็จแล้ว ภูดินก็ขับรถพาดาวฤกษ์ออกจากร้านขายยาของชายหนุ่มทันที  แต่ภูดินก็ไม่ได้ขับตรงกลับบ้านอย่างที่ดาวฤกษ์เข้าใจ  แต่ปลัดหนุ่มกับขับตรงออกนอกเมืองไปอีกเส้นทาง

“อ้าว!   พี่ดินจะไปไหนเหรอครับ?”

เสียงดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความสงสัย  เพราะว่าเส้นทางที่ปลัดหนุ่มขับไปนั้น ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของพวกเขา

“อ่อ  พอดี  พี่ว่าจะไปคุยธุระกับท่านนายกอบต.ที่ฝายเก็บน้ำสักหน่อย”

“เอ่อ  ...แล้วมันจะดีเหรอ  ให้ฤกษ์ไปด้วยแบบนี้อะพี่”

“ไม่เป็นไรหรอก  ไม่ใช่เรื่องลับลมคมในอะไรเลย    ฤกษ์ฟังได้  สบายใจเถอะ”

“แล้วนี้พี่ดินนัดท่านนายกอบต.ไว้แล้วเหรอครับ”

“ครับ  พอดีท่านนายก  ว่างช่วงนี้  พี่เลยต้องไปตอนนี้  ฤกษ์คงไม่เหนื่อยเกินไปใช่มั้ย?”

ปลัดหนุ่มหันมาถามดาวฤกษ์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมสายตาที่ห่วงใย

“ก็เอ่อ   เหนื่อยนิดหน่อยครับ  แต่ไม่เป็นไร  ไหนๆพี่ดินก็นัดกับผู้ใหญ่ไว้แล้ว  เราควรไปตามนัด ถึงจะไม่เสียคำพูด”

“ขอบคุณครับ  ที่ฤกษ์เข้าใจพี่   เดี๋ยวจะพาฤกษ์ไปดูฝายเก็บน้ำ  ที่ทางอำเภอเราจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป”

“ฝายเก็บน้ำที่อยู่ท้ายเขาลูกนั้นเหรอพี่”

ดาวฤกษ์พูดพร้อมชี้มือไปข้างหน้า  ที่ตอนนี้จะมองเห็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งตระง่านเป็นสง่าอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปไม่ไกลมากนัก

“ใช่ครับ  เขาลูกนั้นแหละ  ที่ทางอำเภอของเรามีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนของเราครับ”

ปลัดหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ดาวฤกษ์ทันที 

“ดีจังเลยครับพี่ดิน  อย่างน้อยชุมชนที่อยู่บริเวณฝายเก็บน้ำก็จะได้มีรายได้ มีอาชีพเสริมทำในชุมชนของเราเพิ่มขึ้น”

“ครับพี่ก็คิดอย่างนั้น   แต่มันยังต้องรออะไรอีกหลายๆอย่าง  วันนี้พี่ถึงได้พาฤกษ์มาพบท่านนายกไง”

“เอ้าเกี่ยวไรกับฤกษ์ครับ?”

ดาวฤกษ์ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ  ว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร

“เกี่ยวสิ  อย่างน้อยเราก็เป็นคนในท้องถิ่น  ช่วยกันพูดช่วยกันคิด  พี่ว่า  โครงการนี้น่าจะดำเนินไปได้ด้วยดีนะ”

ปลัดหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่นและเชื่อใจอีกฝ่ายทันที

“เอาอย่างนั้นเหรอพี่ดิน”

“ครับ  เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน”

ภูดินหันหน้าเข้มๆมาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจพร้อมกับจอดรถตรงบริเวณใต้ร่มไม้ใกล้ๆกับที่ทำการฝ่ายเก็บน้ำของทางอำเภอ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาคารอำนวยการ

“โอเคพี่  ว่าไงว่ากัน  ไหนๆก็เพื่อบ้านเรา  ชุมชนของเรา”

“ขอบคุณนะ”

ภูดินเอื้อมมือไปจับมือดาวฤกษ์มากุมไว้   แต่อีกฝ่ายกับทำตัวไม่ถูก  ดาวฤกษ์เลยต้องรีบดึงมาออกจากการถูกมืออีกฝ่ายกุมอยู่

“ขอบคุณอะไรล่ะ  ฤกษ์ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

ดาวฤกษ์ตอบออกไปพร้อมกับอาการเขินอย่างแรง  ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับมามองออกไปด้านนอกรถอีกทาง

“ก็อย่างน้อย  ฤกษ์ก็ไม่ปฏิเสธพี่    เอ่อ  พี่หมายถึงว่า   ไม่ปฏิเสธงาน   คืองานที่เราต้องช่วยกันนะครับ”

“เอ่อ.... เรื่องส่วนร่วม   ฤกษ์พอช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่อยู่แล้ว  อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ชุมชนเราดีขึ้นไม่ใช่เหรอครับ”

จากนั้นบรรยากาศในรถก็เงียบลงไปอีกครั้ง  แต่แล้วจู่ๆปลัดหนุ่มก็กล่าวด้วยเสียต่ำๆออกมาอีกครั้ง

“แต่....  ถ้าเรื่องส่วนตัวที่พี่เคยขอให้ฤกษ์ช่วย   ฤกษ์พอที่จะช่วยพี่ได้ไหม?”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามฝ่าความเงียบมาแบบนั้น  ดาวฤกษ์จำใจต้องหันหน้ามามองเจ้าของเสียงอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง

“เอ่อเรื่องนั้น   ฤกษ์คิดว่า   ฤกษ์คุยกับพี่ดินแล้วนะครับ   ฤกษ์ไม่อยากทำให้คุณลุงคุณป้าเสียใจครับ”

“พี่ก็เข้าใจ   แต่ว่าพี่ก็อยากให้ฤกษ์เห็นใจพี่ด้วย”

“พี่ดิน    คือไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่ลำบากใจนะ   ฤกษ์ก็ลำบากใจมากที่ไม่สามารถช่วยพี่ดินในเรื่องนั้นได้  ไม่ใช่ว่าฤกษ์ไม่อยากช่วยแต่ฤกษ์ขัดคำพูดของคุณลุงคุณป้าได้จริงๆ”

ดาวฤกษ์ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอึดอัดเอามากๆ

“ฤกษ์เคยมีแฟนมั้ย?”

อยู่ๆปลัดหนุ่มก็ถามดาวฤกษ์ขึ้นมา  หลังจากที่ทั้งคู่เงียบกันไปนานพอสมควร

“ทะทำไมพี่ดิน  ถึงถามฤกษ์แบบนั้นครับ?”

“คือพี่ก็อยากรู้   อีกอย่างฤกษ์จะได้เข้าใจความรู้สึกของพี่ไงครับ”

“ถึงฤกษ์จะไม่เคยมีแฟน  แต่ฤกษ์ก็พอใจเข้าใจน่ะพี่ดิน  ว่าการที่เราถูกกีดกันไม่ให้สมหวังในความรักมันคงทรมานน่าดู”

“นั้นสิ  ในเมื่อฤกษ์ก็รู้  ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่  ทำไมฤกษ์ถึงไม่ยอมช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่พี่ให้หน่อยละครับ”

“ไม่ใช่ฤกษ์ไม่ช่วยพูดนะพี่   แต่ว่า    คุณลุงคุณป้าไม่ยอมฟังฤกษ์เลย”

“ฤกษ์เลยทำตามใจคุณแม่ของพี่ใช่ไหม?”

ภูดินใช้สายตาชวนฝันจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายทันที

“คือ...ฤกษ์จะอธิบายยังไงให้พี่ดินเข้าใจ  ฤกษ์ก็ลำบากใจ”

“ลำบากใจหรือว่าดีใจกันแน่?”

ปลัดหนุ่มเปลี่ยนอารมณ์ ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เข้ม  ห้วน  ทำให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้าง  ดาวฤกษ์ก็ไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ

“พี่ดิน!   .....  ทำไมพี่ดินถึงพูดแบบนี้ละ?”

“จะให้พี่เข้าใจว่ายังไง  ก็ฤกษ์บอกลำบากใจ  แต่ฤกษ์ก็มาเล่นตามแผนของคุณแม่พี่แบบนี้  แล้วจะให้พี่คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง?”

“คิดเป็นอย่างอื่น.......  พี่ดินพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ?”

“ก็... ฤกษ์ชอบพี่ใช่ไหม?”

“พี่ดิน!”

ดาวฤกษ์อุทานออกมาด้วยความตกใจ  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นถามตัวเองตรงๆแบบนี้

“ก็ถ้าฤกษ์ไม่ได้ชอบพี่   ฤกษ์ก็ต้องช่วยพี่สิ  แต่นี้ฤกษ์กลับไปช่วยคุณพ่อคุณแม่กันพี่กับจีน่าออกจากกัน”

ภูดินเห็นอีกฝ่ายตกใจ  ก็รีบยิงคำถามออกไปทันที ไม่ปล่อยให้ดาวฤกษ์ได้ตั้งสติเลยสักนิด

“การที่ฤกษ์ช่วยคุณลุงกับคุณป้า  เป็นเพราะฤกษ์สงสารท่านที่มีลูกอกตัญญูอย่างพี่ดินต่างหากละ”

ในเมื่อรู้ว่าตัวเองจะจนมุม  พร้อมทั้งกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับความรู้สึกของตัวเองได้  ดาวฤกษ์ก็รีบกล่าวโทษอีกฝ่ายทันที

“ฤกษ์”

“ทำไม?   ฤกษ์พูดแทงใจดำพี่ใช่ไหม?”

“พี่ว่าฤกษ์พูดเกินไปหน่อยมั้ย”

“ฤกษ์พูดความจริง   นับจากวันที่พี่ดินไปเรียนที่กรุงเทพ  พี่ดินเคยหันกลับมาเหลียวแลพ่อกับแม่พี่บ้างมั้ย?”

“ฤกษ์ไม่รู้ความจริง  ฤกษ์ก็อย่าพูดเลยดีกว่า”

ปลัดหนุ่มใช้แขนยาวๆของตัวเองคว้าไหล่ของอีกฝ่ายมาจับไว้  แล้วใช้นิ้วบีบกดลงไปทันที

“ทำไมฤกษ์จะไม่รู้ความจริง  ความจริงคือพี่ไม่เคยมาดูดำดูแดงคุณลุงกับคุณป้าเลยไง”

“ฤกษ์   พี่บอกให้เราหยุดพูดเดี๋ยวนี้”

ปลัดหนุ่มร้องห้ามอีกฝ่ายพร้อมทั้งใช้มือจับตัวดาวฤกษ์เขย่าให้เจ้าตัวหยุดพูด แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดจะหยุดพูดเลย

“ไม่ฤกษ์จะพูด   เพราะสิ่งที่ฤกษ์พูดมันคือความจริง”

“ได้   อยากรู้นักใช่ไหม  ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับมาบ้านเลย”

“ใช่  ถ้าพี่ไม่อกตัญญู  พี่ต้องกลับมาบ้างสิ  ไม่ใช่หายไปแบบนี้”

“อยากรู้นักใช่ไหม?”

“ใช่  พี่ดินตอบฤกษ์มาสิ  ว่าสิ่งที่ฤกษ์พูดมันไม่จริง  ตอบสิ   ตอบฤกษ์มาสิพี่ดิน”

“อยากรู้นักใช่ไหม  ว่าทำไมพี่ถึงไม่ยอมกลับบ้าน  ก็เพราะว่าพี่...”

ปลัดหนุ่มพูดได้แค่นั้น  ก็ดึงร่างของดาวฤกษ์เข้ามาใกล้ตัวเอง พร้อมกับใช้ปากบดขยี้อีกปากทันที เขาไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านไปได้เขาใช้ลิ้นตวัดเปิดปากอีกฝ่ายทันที  ดาวฤกษ์ที่อ่อนประสบการณ์อยู่แล้วพร้อมทั้งยังไม่ได้ตั้งตัว ก็ต้องยอมเปิดปากอันแสนหวานให้ปลัดหนุ่มได้ลิ้มลองเสียแล้ว  ทั้งสองแลกลิ้นกันไปมาอย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของกันและกัน แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงมาเคาะกระจกรถของภูดิน  ทำให้ทั้งสองต้องรีบผละออกจากกันโดยเร็ว  ก่อนที่ปลัดหนุ่มจะลดกระจกลงแล้วหันไปหาคนที่มาเคาะกระจกนั้น

“คุณปลัดค่ะ   ท่านนายกให้มาเชิญค่ะ”

สตรีวัยกลางคนที่มาเคาะกระจกรถ แจ้งให้เขาและดาวฤกษ์ได้รับรู้ว่าตอนนี้คณะทำงานของอบต.มาเชิญให้ไปพบแล้ว

“อ่อ  ขอบคุณครับ  เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ”

ปลัดหนุ่มตอบออกไปพร้อมกับอาการเก้อเขินเล็กน้อย  แต่ก็ถือว่าโชคดีที่รถของเขานั้นติดฟิล์มอย่างหนาคนข้างนอกไม่สามารถมองผ่านมาเห็นได้  ปลัดหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับกดกระจกให้เลื่อนขึ้น  แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านี้  ดาวฤกษ์ก็เปิดประตูรถลงแล้วรีบเดินหนีเขาไปอีกทางทันที

“ฤกษ์   ฤกษ์จะไปไหน  กลับมาก่อน”

ภูดินรีบลงจากรถยนต์แล้ววิ่งตามหลังของดาวฤกษ์ไปทันที  พร้อมตะโกนให้อีกฝ่ายหยุดเดินหนีเขา  แต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลย  เพราะตอนนี้ใบหน้าขาวๆของดาวฤกษ์นั้นแดงยิ่งกว่าสีเลือดนกเสียอีก

“ฤกษ์  พี่บอกให้เราหยุดเดี๋ยวนี้”

พอดาวฤกษ์ได้ยินเสียงเข้มๆเอาจริงของอีกฝ่าย  ทำให้เท้าทั้งสองของเขาต้องหยุดชะงักทันที

“ฤกษ์  เมื่อกี้พี่ขอโทษ”

ภูดินเดินมาขวางหน้าดาวฤกษ์ไว้  พร้อมกับจับไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดพยศทันที

“พี่ดินปล่อยฤกษ์นะ”

ดาวฤกษ์พยายามแกะมือตุ๊กแกของอีกฝ่ายออกจากการจับไหล่ของตัวเองไว้

“ฤกษ์   ฟังพี่ก่อน  คือพี่...”

“ตอนนี้  ฤกษ์ไม่อยากฟังแล้ว  ปล่อยฤกษ์เดี๋ยวนี้นะพี่ดิน”

“ไม่  พี่ไม่ปล่อย  ฤกษ์โกรธพี่หรือเปล่า”

“ถ้าพี่ดินถามอีกที  ฤกษ์จะโกรธจริงๆน่ะ”

“โอเค  โอเค  ไม่ถามแล้วก็ได้  พี่ขอโทษนะ  เรื่องเมื่อกี้น่ะ”

“พี่ดิน  ฤกษ์บอกให้หยุดพูดไง   ถ้าพี่ไม่หยุด  ฤกษ์จะชกหน้าให้”

“กลัวแล้วๆ  โอเคยอมแล้ว  ไม่ถามก็ไม่ถาม”

ภูดินยิ้มออกมาปนขำที่เห็นคนอย่างดาวฤกษ์เขินไม่เป็นท่าออกมาแบบนี้

“แล้วนี้พี่ดินจะปล่อยฤกษ์ได้ยัง”

“ไม่ปล่อย   จะจับไว้แบบนี้แหละ”

“เอ๊ะพี่ดิน!”

“ฤกษ์  อยากรู้ไม่ใช่เหรอ  อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ฤกษ์บอกแล้วไงว่าไม่อยากฟัง”

“ไม่อยากฟังแล้วทำไมถึงหน้าแดง”

ภูดินถามย้ำความเขินให้อีกฝ่ายทันที  เล่นเอาดาวฤกษ์ได้แต่ยืนจ้องหน้าคนถามแบบเออๆ

“แล้วไหนเมื่อกี้ใครกัน  ที่อยากรู้เหตุผลที่พี่ไม่ยอกกลับบ้าน  พี่ก็กำลังจะบอกอยู่นี้ไง”

ปลัดหนุ่มใช้มืออีกข้างจับคางของอีกฝ่ายให้เงยหน้ามามองเขา  แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สบตากันอีกครั้งก็มีเสียงร้องเรียกมาจากด้านหลัง  ของทั้งคู่เสียก่อน

“ดินค่ะ   ดิน”

“จีน่า!”

**นี่เรารักกัน หรือเพียงแค่ฉันรักเธอเมื่อเหงาก็เจอ มาพร่ำมาเพ้อแล้วเธอก็หาย

บินมาไต่มาตอม เด็ดดอมแล้วลาลับไปผีเสื้อทำกับดอกไม้ เหมือนที่เธอทำกับฉัน

ก็คิดทุกวัน เราหยุดคบกันดีไหมบอกกับหัวใจว่าอยู่กันไปก็ทรมาน

อยากหายไปจากตรงนี้ก็ถูกความคิดถึงทัดทานปากแข็งได้ไม่นานก็หวั่นไหว

ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ

อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ

เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ

รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ

ผีเสื้อใจร้าย ดอกไม้ก็ช่างใจอ่อนจึงไม่อาจถอนพิษความเหงาจากหัวใจ

อยู่ให้เขามาตอม ยอมให้เขาทิ้งไปใช่สิ ผีเสื้อบินได้ แต่ดอกไม้ได้แค่รอ

เมื่อไหร่ถึงพอ หรือฉันต้องรอให้ชินให้เธอโผล่บิน ดมกลิ่นเกสรให้คุ้มให้พอ

รักแท้ไม่เป็นใช่ไหม จึงไม่เข้าใจคนรอน้ำตาฉันเอ่อคลอ จึงไม่พอให้เธอเห็นใจ**

**เพลง ผีเสื้อใจร้ายกับดอกไม้ใจอ่อน  เอิ้นขวัญ**

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา