หวานใจสาวนักดริฟ

-

เขียนโดย ไอติมโคนนี่

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5 สวย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 5   สวย
 
            2-3วันมานี้คนหน้าคมมีหน้าที่ไปรับไปส่งคนหน้าหวาน และยังดูแลอย่างดีมาตลอด สอนงานทุกครั้งที่คนหน้าหวานไม่เข้าใจ และยังเป็นที่น่าพอใจ เมื่อคุณกิตติเห็นอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่มากเมื่อความคืบหน้าของทั้งสองคู่หมั้นไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด จึงทำให้เกิดแผนการขึ้นมา
            เมื่อคนหน้าคมขับรถมาส่งคนหน้าหวาน กะจะขอตัวกลับทันทีแต่คุณกิตติชวนให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน
            ตอนนี้คนหน้าคมได้มานั่งร่วมโต๊ะทานอาหารอยู่ข้างคู่หมั้นตน จึงได้รับสายตาที่จ้องมองมา คุณกิตติจึงเปิดประเด็นพูดขึ้นมา
            “เซน วันหยุดนี้ว่างมั๊ย?”
            “ทำไมเหรอคะ เซนมีงานถ่ายแบบค่ะ” คนหน้าคมทำหน้านึกคิดก่อนจะตอบกลับ
            “ว่าจะชวนไปพักผ่อนด้วยกันน่ะจ้ะ” คุณหญิงกล่าว
            “แล้วถ่ายที่ไหนเหรอ?” คุณกิตติถาม
            “สถานที่คงเป็นที่ทะเลค่ะ”
            “ดีเลยๆ พวกเราไปทะเลดีกว่าเนาะ ขอไปดูหนูเซนถ่ายแบบด้วยคงไม่ว่ากันนะ” คุณหญิงเสริม
            “ดีเลยค่ะ ถ่ายเสร็จเซนจะได้พักผ่อนด้วย” คนหน้าคมรู้สึกดีใจ ที่วันหยุดจะได้เจอคนหน้าหวานด้วย
            เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ คนหน้าคมจึงขอตัวกลับก่อน ก่อนจะกลับ คนหน้าคมได้ลากคนหน้าหวานออกมาหน้าบ้านด้วย
            “คุณจะลากฉันมาด้วยทำไมคะ” คนหน้าหวานทำหน้างง
            “พี่แค่จะบอกว่า” คนหน้าคมที่ยังคงจับมือคนหน้าหวานอยู่พูด
            “ว่า?”
            “ราตรีสวัสดิ์นะคะ” คนหน้าคมค่อยๆยกมือที่ยังจับมือคนหน้าหวานอยู่ขึ้นมาเพื่อใช้ปากสัมผัสเบาๆที่หลังฝ่ามือคนหน้าหวาน
            ทำให้คนหน้าหวานมีอาการเขินนิดหน่อย จึงรีบชักมือออกมาเมื่อคนหน้าคมถอนปากออกจากมือคนหน้าหวาน
            “คุณ! เดี๋ยวมีคนมาเห็น” คนหน้าหวานพูดเตือนด้วยความเขินอาย สายตามองไปรอบๆหาว่ามีคนเห็นหรือเปล่า
            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่กลับแล้วนะ” คนหน้าคมนึกชอบใจเมื่อเห็นคนหน้าหวานเขินอาย จึงรีบขอตัวกลับดีกว่า
            “ค่ะ ราตรีสวัสดิ์” คนหน้าหวานยิ้มให้คนหน้าคมก่อนจะเดินเข้าบ้านเมื่อคนหน้าคมขับรถออกไปแล้ว
            เมื่อคนหน้าคมมาถึงคอนโด ทำการชำระร่างกายเรียบร้อย ก็มานั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊คเพื่อทำงานของตนเองให้เรียบร้อย คนหน้าคมมีธุรกิจส่วนตัวอีกมากมายที่มีแด๊ดคอยสนับสนุนอยู่
            Rrrrrrrrr
            เสียงโทรศัพท์คนหน้าคมดังขึ้น คนหน้าคมจึงมองที่หน้าเมื่อมันปรากฏชื่อของผู้จัดการสาว ทำให้มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนหน้า คนหน้าคมจึงกดรับสาย
            “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาฝากข้อความ”
            “กวนประสาทตลอด”
            “เอ่ะ! ใครกวนเหรอคะ ไหนๆบอกเซนมา เดี๋ยวเซนจัดการให้” คนหน้าคมทำเป็นโมโหแทน
            “แกนั่นแหละ” ผู้จัดการสาวถึงกับเบื่อหน่ายกับคนในสายที่กวนได้ตลอดเวลา
            “พี่กาญขา~ อย่าลืมของฝากดน้องด้วยนะ” คนหน้าคมทำสียงออดอ้อน
            “จ้ะ พี่เตรียมให้แล้ว องุ่นเต็มลัง” ถึงจะเบื่อหน่ายกับการโดนแหย่ แต่ก็รักอีกคนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
            “เย้! ขอบคุณนะคะ”
            “เดี๋ยววันถ่ายแบบ พี่จะไปสถานที่เลยนะ เซนก็ขับรถไปเองนะ”
            “รับทราบค่ะ” คนหน้าคมรับคำผู้จัดการสาว และคุยกันอีกนิดก็วางสายไป แต่คนหน้าคมดันลืมบอกไปว่าครอบครัวคุณกิตติเขาจะมาดูตอนถ่ายแบบ
            เมื่อคนหน้าคมทำงานเสร็จจึงรีบปิดเครื่องและเข้านอนทันที พรุ่งนี้จะได้ไปรอรับคนหน้าหวานที่บ้านแต่เช้า
           
            เช้าวันต่อมา
            คนหน้าคมมารับคนหน้าหวานที่บ้านแต่เช้า จึงเข้าไปรอในบ้าน ทักทายคนในบ้านเสร็จ แต่ก็ยังไม่เห็นคนหน้าหวาน ตนจึงขออนุญาตขึ้นไปตาม พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องที่ตัวเองเคยนอน จึงยกมือขึ้นเคาะประตู
            ก๊อกๆๆ
            ไม่มีเสียงตอบรับ คนหน้าคมจึงลองเปิดประตู ‘ไม่ล็อค’ คนหน้าคมจึงเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเรียกคนหน้าหวาน
            “เมล ยังไม่เสร็จเหรอ?” ไม่มีเสียงตอบ
            “เม...ล”
            แกร๊ก
            คนหน้าคมหันไปตามเสียงที่ได้ยินก็พบกับร่างคนหน้าหวานที่นุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังมีหยดน้ำเกาะตามร่างกาย
            คนหน้าหวานที่เปิดประตูออกมา เห็นคนหน้าคมยืนมองอยู่ ก็ตกใจจึงรีบยกสองมือจับผ้าขนหนูแน่นกลัวว่ามันจะหลุด
            “คุณเข้ามาได้ไงคะ?” คนหน้าหวานถามออกไปด้วยความสงสัย
            “ก็พี่เรียกแล้ว แต่ไม่มีเสียงตอบ พี่เลยเปิดเข้ามา” คนหน้าคมอธิบายให้ฟัง
            คนหน้าหวานที่เพิ่งนึกได้ว่า แม่ของตนมาเรียกหน้าประตู จึงเปิดไปถามผู้เป็นแม่ คงจะเป็นตอนนั้นที่ไม่ได้ล็อคประตูห้อง
            “ฉันอาบน้ำอยู่เลยไม่ได้ยินค่ะ คุณออกไปได้แล้ว ฉันจะแต่งตัว” คนหน้าหวานบอกคนหน้าคม
            “ขออยู่รอนะ” คนหน้าคมยิ้มหวานส่งสายตาวิบวับให้
            “ไม่ได้ค่ะ ฉันแต่งตัวไม่ได้น่ะสิ”
            “ไม่ต้องสนใจพี่หรอก แต่งตัวไป”
            “ไม่ค่ะ ออกไปรอเถอะนะคะ” คนหน้าหวานขอร้อง
            “ก็ได้ค่ะ พี่ไปรอข้างล่างนะ” พูดจบก็เดินไปเปิดประตูลงไปข้างล่าง
            ลงมาข้างล่างก็ไม่เจอใครแล้ว คนหน้าคมจึงไปนั่งรอในห้องนั่งเล่น เอนหลังพิงโซฟานั่งดูรถยนต์ที่กำลังจะออกมาให้ได้จับจองกัน คนหน้าคมเลื่อนดูรูปไปมา ก็เห็นคนหน้าหวานเดินลงมา จึงเดินไปหา
            “เมลทานข้าวก่อนมั๊ย เดี๋ยวพี่ไปบอกนิ่มให้มาเสิร์ฟ”
            “ไม่เป็นไรค่ะ รีบไปกันดีกว่าค่ะ” คนหน้าคมพยักหน้า และเดินออกไปรอที่รถก่อน
            เมื่อคนหน้าหวานขึ้นมาบนรถก็บอกขึ้นมาว่า
            “ขอโทษนะคุณ มันสายขนาดนี้แล้ว ช่วยขับให้เร็วขึ้นหน่อยนะ” คนหน้าคมที่ได้ยินอย่างนั้นก็รับปาก และออกอย่างเร็วเมื่อออกมาจากบ้านได้
            ไม่นานก็ถึงบริษัท คนหน้าคมนำรถมาจอดยังที่ VIP เดิม ถอยรถเข้าจอดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เมื่อก้าวลงจากรถต้องโดนคนหน้าหวานว่าเข้าให้
            “จะรีบไปตายหรือไงคะ ฉันแค่บอกให้เร็วขึ้น ไม่ใช่เร็วมากขนาดนี้” คนหน้าหวานที่นั่งเกร็งมาตลอดทางที่คนหน้าคมขับแซงคันนู้นทีคนนี้ที
            “ก็พี่กลัวสายนิ่คะ” คนหน้าคมหัวเราะ กับคนหน้าหวานที่เห็นนั่งเกร็งมาตลอดทาง
            เมื่อทั้งคู่เดินเคียงข้างกันเข้าไปรอลิฟต์ สายตาพนักงานต่างจับจ้อง
            “เฮ้ย! อย่างแจ่มวะ โครตสวยเลย อยากจะเป็นคนข้างกายจัง” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน
            “อย่างหวังเลยเพื่อน เรามันไม่มีสิทธิ์”
            “แกๆ ฉันว่าคนที่มากับคุณเมลอ่ะ เท่อ่ะ เขาเป็นใครกันนะ”
            เสียงที่ค่อนข้างจะดังไปหน่อย จึงทำให้คนหน้าคมหันไปมองยิ้มให้ เมื่อลิฟต์มา ทั้งสองจึงขึ้นไปยังชั้นตนเอง ขณะที่เดินเข้ามาในห้อง คนหน้าหวานก็ไม่เห็นคนหน้าคมซะแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนอะไร จึงนั่งอ่านเอกสารไป
            ก๊อกๆๆ
            “เข้ามาเลยค่ะ” คนหน้าหวานที่คิดว่าคงเป็นเลขาพ่อ ที่นำเอกสารมาให้ จึงไม่เงยหน้ามอง แต่กลับได้กลิ่นอะไรหอมๆลอยมาเตะจมูก จึงเงยหน้าขึ้น ก็ต้องตกใจ เพราะคนหน้าคมนำโจ๊กหมูร้อนๆใส่ไข่มาเสิร์ฟให้ พร้อมกับน้ำส้มคั้นสด
            “นี่สำหรับเมลค่ะ ทานซะหน่อยนะ จะได้มีแรงทำงาน” คนหน้าคมนำอาหารมาวางที่โต๊ะโซฟา
            คนหน้าหวานยิ้มให้กับความเป็นห่วงของคนหน้าคม ถึงจะเล็กๆน้อยๆ คนหน้าคมก็ทำให้ รู้สึกปลื้มขึ้นมาหน่อยแล้วสิ คนหน้าหวานจึงละจากเอกสาร เดินไปนั่งที่โซฟา
            “ถึงว่าหายไหน” คนหน้าหวานยิ้มพอใจกับการกระทำของคนหน้าคม
            “เล็กน้อยค่ะ” คนหน้าคมจึงปล่อยให้คนหน้าหวานทานไป คนหน้าคมก็อ่านหนังสือพิมพ์ที่ตนได้หยิบติดมือมาด้วยขึ้น
            พอคนหน้าหวานทานเสร็จ คนหน้าคมจึงยกไปเก็บให้ และปล่อยให้คนหน้าหวานอ่านเอกสารต่อ ถ้าคนหน้าหวานไม่เข้าใจตรงไหนก็จะเรียกคนหน้าคม แต่ก็ไม่มีตรงไหนเลยที่คนหน้าคมจะอธิบายไม่ได้ คนหน้าหวานที่เก่งอยู่แล้วจึงเข้าใจเร็วมากขึ้น
            คนหน้าคมที่เพิ่งนึกได้ว่า วันหยุดต้องไปทะเลกัน จึงคิดว่าน่าจะชวนไปเลือกซื้อชุดว่ายน้ำกันดีกว่า
            “เมลคะ” คนหน้าคมเรียกคนหน้าหวานที่กำลังตั้งใจอ่านเอกสารอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก
            “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” คนหน้าหวานถามออกไป
            “เลิกงานแล้วเราไปเลือกชุดว่ายน้ำกันดีกว่าค่ะ วันหยุด เราไปทะเลกันนิ่คะ”
            “ค่ะ” คนหน้าหวานตอบตกลงและถามเรื่องการถ่ายแบบของคนหน้าคม
            “คุณถ่ายแบบชุดอะไรเหรอคะ?”
            “เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองค่ะ” คนหน้าหวานที่ไม่คิดอะไรมากจึงก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
            เมื่อถึงเวลาเลิกงานทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้าง เพื่อเลือกซื้อชุดว่ายน้ำกัน คนหน้าคมขับรถอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้คนหน้าหวานต้องนั่งเกร็งอย่างเมื่อเช้า
            พอมาถึง ทั้งสองจึงเดินหาร้าน เพื่อเลือกชุดว่ายน้ำ คนหน้าคมเจอเป้าหมายปุ๊บ คว้ามือคนหน้าหวานให้เดินตามตนมา
            “ชุดนี้เป็นไงคะ” คนหน้าคมที่ยืนเลือกอยู่เจอชุดที่ว่าเหมาะ จึงหยิบออกมาถามคนหน้าหวาน
            “สวยดีนะคะ”
            “แล้วอันนี้ล่ะ” คนหน้าคมหยิบ ทูพีชสีดำ ที่ดูยังไงคนใส่คงโชว์เนื้อหนังสุดๆ
            “ก็ดูโป๊ไปหน่อย แต่ก็สวยดีค่ะ” คนหน้าหวานมองชุดที่คนหน้าคมขอความเห็น
            “อะ อันนี้พี่เลือกให้เมลเองแหละค่ะ” คนหน้าคมยื่นชุดเมื่อกี้ให้คนหน้าหวาน
            “ฉันว่าคงไม่เหมาะมั้งคะ” คนหน้าหวานรีบแก้ตัว
            “ในสายตาพี่ว่าเหมาะกับเมลค่ะ” คนหน้าคมจึงเดินจุงมือไปที่ห้องลองชุด และดันคนหน้าหวานเข้าไปข้างใน และยื่นชุดใส่มือคนหน้าหวาน
            คนหน้าหวานจึงจำใจต้องลองใส่ดู แต่เมื่อลองใส่ก็ต้องมีปัญหาขึ้นมา เมื่อคนหน้าหวานผูกเชือกไม่ได้ จึงเปิดประตูไปเรียกคนหน้าคมให้เข้ามาช่วยผูกหน่อย
            แต่เหมือนจะคิดผิดที่เรียกอีกคนเข้ามาช่วย เพราะว่าสายตาที่กำลังจ้องเรือนร่างไม่มีละ กำลังกัดปากตัวเอง
            “ฉันอายนะคุณ” คนหน้าหวานที่ใช้มือปิดทรวงอกอยู่ต้องรีบหันหลังให้ทันที
            “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ในเมื่อเราก็ผู้หญิงทั้งคู่” คนหน้าคมใช้มือลูบเอวช้าๆขึ้นมาที่คอ เพื่อจะผูกเชือกให้ ทำเอาคนหน้าหวานขนลุกไปหมด เมื่อผูกเสร็จ คนหน้าจึงมองเข้าไปในกระจก ก็เห็นเรือนร่างที่สามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ
            ตึกตัก
            ตึกตัก
            “สวยจัง” คนหน้าคมเดินเข้าไปสวมกอดคนหน้าหวานแล้วนำจมูกโด่งนั้นสูดดมที่ลำคอขาวของคนหน้าหวานที่กำลังมองคนหน้าคมผ่านกระจก ก็รู้สึกเขินอายอย่างมาก จึงพยายามจะดิ้นออก
            “เขินเหรอ?” คนหน้าคมนำคางวางไว้บนไหล่คนหน้าหวาน
            “ก็ต้องเขินสิคะ” คนหน้าหวานรีบจับมือคนหน้าคมให้เอามือออกไป
            คนหน้าคมจึงหมุนตัวคนหน้าหวานให้หันมาหาตนเพื่อเชยชมให้เต็มตา
            “ตกลงชุดนี้นะคะ พี่ซื้อให้เองค่ะ” คนหน้าคมพูดจบก็เปิดประตูเดินออกไป
            คนหน้าหวานที่ยังคงเขินอยู่จึงรีบเปลี่ยนใส่เสื้อผ้า และรีบออกไปรอคนหน้าคมด้านนอก และชวนกันไปหาอะไรทานก่อนกลับบ้าน
            เมื่อมาถึงวันที่ต้องไปทะเลกัน ครอบครัวกาจสกุลนั่งพร้อมกันอยู่บนรถตู้ ขาดก็แต่วลีภา ที่ถึงแม้จะวันหยุดก็เอาแต่ทำงาน
            “ลูกสาวคนนี้นิเอาแต่ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ” คุณกิตติกำลังบ่นก็นึกเป็นห่วงในใจเหมือนกัน
            “ปล่อยเขาเถอะค่ะ ลูกแค่ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” คุณหญิงพูดปลอบใจผู้เป็นสามี
            “เมลก็อยากเล่นน้ำกับพี่เมสค่ะ” คนหน้าหวานเริ่มบ่นบ้าง
            “เอาน่ะเรามาเล่นเผื่อแล้วกันเนาะ” ลูกชายคนโตบอกน้องสาว
            ไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงสถานที่นัดหมาย ที่คนหน้าคมใช้ถ่ายแบบ เมื่อทุกคนมาถึงจึงเดินตามผู้จัดการสาวที่คนหน้าคมเพิ่งบอกเมื่อมาเจอกันว่าคุณกิตติจะมาให้ไปรอรับ
คนหน้าคมที่อยู่ในชุดวันพีชกำลังโพสท่าอยู่ เป็นท่าที่สวยงาม ทั้งสี่ที่ยืนดูอยู่นึกชื่นชมความเก่งที่โพสท่าได้ต่อเนื่อง ไม่แม้จะบ่น
คนหน้าคมที่ได้พักเปลี่ยนชุด จึงใส่เสื้อคลุมมาทักทายทุกคนก่อน หลังจากนั้นทั้งสี่จึงปล่อยให้คนหน้าคมได้ทำงานสะดวกขึ้น โดยขอตัวไปที่ชายหาดกัน
คนหน้าคมเดินไปรั้งผู้เป็นพี่ชายคนหน้าหวานไว้ก่อน ทำให้คุณกิตติและคุณหญิงดูจะดีใจที่ดูเหมือนสนิทกันมากขึ้น แต่ไม่ใช่กับคนหน้าหวาน ‘บอกว่าชอบฉัน แต่ยังไปอี๋อ๋อกับพี่’
ทางฝั่งสองคนที่เดินแยกตัวออกมา
“พี่มาร์สช่วยเซนหน่อยสิคะ”
“ช่วยอะไร ไหนบอกมาซิ?”
“เซนตามจีบเมลแต่ไม่มีความคืบหน้าเลยอ่ะ ทำไงดีๆ” คนหน้าคมทำน่าเศร้า
“พี่เชื่อว่าเซนทำได้น่ะ” คนเป็นพี่ให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะคะที่เชื่อในตัวเซน” คนหน้าคมยิ้มให้ วรภพนำมือขึ้นมาลูบผมคนหน้าคม แต่ก็มีอีกสายตาคู่หนึ่ง กำลังจับจ้องมองมา
 
 
สายตานั้นจะเป็นของใครกันนะ??
รอติดตามกันตอนต่อไป
           
                       

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา