หวานใจสาวนักดริฟ
เขียนโดย ไอติมโคนนี่
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตอนที่ 4 จะรุกแล้วนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4 จะรุกแล้วนะ
เมื่อคนหน้าคมเห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินเข้าไปทันที เตรียมง้างมือจะต่อยไอ้หนุ่มนั้น เพื่อนตัวแสบเข้ามารั้งตัวไว้ซะก่อน คนหน้าหวานที่กำลังกอดชายหนุ่มที่กำลังกอดตัวเองจากทางด้านหลังโซฟาอยู่นั้น ค่อยๆโน้มตัวกลับมายืนตรงเหมือนเดิม และเดินไปนั่งลงข้างคนหน้าหวาน เอาศีรษะซบไหล่อีกที
คนหน้าคมพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้มันระเบิดออกมา คนหน้าคมจึงไปล้างหน้าในห้องน้ำ เพื่อนตัวแสบจึงเดินไปที่โต๊ะก่อน
คนหน้าคมที่นำน้ำมาลูบหน้าแล้วจึงเงยขึ้นมาพูดกับตัวเองในกระจก “เย็นไว้สิๆ คงเป็นแฟนกันแหละ เราคงไม่มีสิทธิ์โมโหอะไร”
หลังจากสงบสติเรียบร้อยคนหน้าคมจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่เห็นเพื่อนของคนหน้าหวานกับผู้ชายคนนั้น คนหน้าคมจึงหันไปมองเพื่อนตัวแสบที่กำลังดื่มอยู่ ยื่นหน้าไปกระซิบถาม
“หายไปไหนแล้วสองคนนั้นอ่ะ?” คนหน้าคมทำสายตามองไปยังคนหน้าหวานที่กำลังค่อยๆจิบเครื่องดื่ม
“เห็นรินพาขึ้นไปข้างบนห้อง แต่ดูสภาพไอ้ผู้ชายนั่น เหมือนมันอกหักนะ มันเมาพร่ำเพ้อและยังร้องไห้อีก เมลก็ปลอบมัน รินคงเห็นมันไม่ไหวมั้งเลยพาขึ้นไป” เพื่อนตัวแสบเล่าตามความที่เห็นมาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า
คนหน้าคมพยักหน้าเข้าใจ แต่เดี๋ยวนะขึ้นห้องเหรอ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมรินถึงพาขึ้นไปบนห้องได้เนี่ยนะ คนหน้าคมไม่ปล่อยให้นึกสงสัยอีกต่อไป จึงเขยิบเข้าไปใกล้ๆคนหน้าหวาน
“เมล รินหายไปไหนคะ” คนหน้าหวานที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศอยู่ต้องหันมาตามเสียงของคนหน้าคม
“รินพาเพื่อนขึ้นไปพักบนห้องค่ะ”
“เพื่อน?”
“อ่อ เมื่อกี้เพื่อนมานั่งด้วยค่ะ มันเมาเพราะอกหักมาค่ะ” คนหน้าหวานพูดมาอย่างนั้นทำให้คนหน้าคมเผยรอยยิ้มออกมาได้
“ค่ะ เมลอยากกินไรสั่งเลยนะ นั่นไงรินมาแล้วค่ะ” คนหน้าคมเอ่ยปากบอกเมื่อเห็นรินนภาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะ
“เมล ฉันคงต้องขึ้นห้องละนะ มีงานต้องเคลียอีก” คนหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจให้เพื่อน
“พี่เซนคะรินขอตั....ว” รินนภาต้องหยุดพูดทันทีเมื่อปณิธานพูดแทรกขึ้นมา
“อย่าเพิ่งสิคะ มาดื่มกันก่อนๆ” ปณิธานชูแก้วขึ้นมาให้ ทำสายตาเชื้อเชิญ
รินนภาจึงนั่งลงข้างๆ และกำลังจะเอื้อมมือไปรับแก้วจากมือปณิธาน แต่มือของเซนรับเอาไว้ก่อน ทำให้เพื่อนตัวแสบทำหน้าไม่พอใจใส่คนหน้าคม
“พี่ว่าอย่าเลย มันแรงไปสำหรับสาวๆ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ รินเปิดร้านนี้เพราะรินชอบดื่มค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” รินนภาจึงคว้าแก้วจากมือคนหน้าคมไปดื่มรวดเดียว สีน้ำอำพันไหลลงคอทำให้ร้อนวูบไปหมด
“เป็นไงริน รู้สึกยังไงบ้าง?” คนหน้าคมถามเมื่อรินนภาดื่มไปรวดเดียวหมดแล้วมีอาการหน้าแดงขึ้นมานิดๆ
“รินว่าแรงจริงๆนะคะ” ความรู้สึกวูบวาบในตัวมันเริ่มร้อนรุ่มไปหมด
“พี่ว่าท่าจะไม่ดีนะ” คนหน้าคมมองก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น (ยาเลิฟๆ) เพื่อนตัวแสบเธอคงเล็งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้วสินะ
“พี่ปอคะ ยังเร็วไปนะคะที่จะทำยังนี้” รินนภายิ้มมุมปากมองหน้าปณิธาน
“รินเป็นอะไรหรือเปล่า” คนหน้าหวานเป็นห่วงเพื่อนจึงถามออกไป
“ไม่เป็นไรๆ งั้นขอตัวนะคะทุกคน” รินนภาเริ่มหายใจแรงได้รับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาจากปณิธาน ก่อนตนจะเดินขึ้นห้องไปเพื่อให้ร่างกายแช่น้ำ
พอเพื่อนตัวเองไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว คนหน้าหวานจึงกะจะขอตัวบ้าง นี่ก็ดึกมากแล้ว เมื่อหันมา คนหน้าคมกำลังดื่มอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเมา นึกเป็นห่วงขึ้นมา
“คุณไม่เมาเลยเหรอคะ?”
“มันก็แค่มึนๆนิดหน่อย ยังไม่ถึงกับเมาน่ะค่ะ” คนหน้าคมยิ้มหวานส่งให้
“ค่ะ ดึกแล้วฉันกลับก่อนนะคะ ขอบคุณที่เลี้ยงค่ะ” คนหน้าหวานเตรียมจะลุกยืน แต่มือเรียวคนหน้าคมคว้าไว้ทัน คนหน้าหวานจึงหันมาทำหน้าสงสัย
“เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่านะ”
“แต่..”
“ไม่มีแต่ค่ะ พี่เป็นคนชวนให้มานั่งด้วย เมลเลยได้กลับดึกงี้ไง ท่านทั้งสองจะได้สบายใจว่าอยู่กับพี่”
“ก็ได้ค่ะ”
คนหน้าคมหันไปบ่นเพื่อนตัวแสบเรื่องริน ก่อนจะหันไปเคลียร์การจ่าย คืนนี้เพื่อนตัวแสบแห้วกินสิ เจอคนไม่เล่นด้วย แถมยังรับมือได้ดีซะด้วย เพื่อนตัวแสบคงได้จัดกับสาวๆทั้งคืนแน่ๆ
เมื่อตอนนี้ทั้งสองอยู่บนรถ ต่างคนต่างเงียบ คนหน้าคมจึงเปิดประเด็นถาม เพื่อไม่ให้เกิดความเงียบต่อไป
“เมลโสดเปล่าเนี่ย?” ถามทั้งที่สายตายังมองตรงไปยังถนน
“โสดสิคะ” ทำให้คนหน้าคมเผยรอยยิ้มออกมา
“พี่เห็นนะเหมือนจะจูบกับใคร ตอนที่พี่ไปห้องน้ำ” คนหน้าคมลองถามดู
“พี่มั่วแล้วค่ะ ไม่มีหรอก หึๆ” คนหน้าหวานหัวเราะ
คนหน้าคมลองถามอีกที เมื่อคิดว่าคนหน้าหวานอาจโกหกก็ได้
“เพื่อนเมลอะเป็นผู้ชายนะ มาซบไหล่ได้ไง”
“โรมเป็นเกย์ค่ะ ไม่ต้องห่วง” คนหน้าหวานหัวเราะน้อยๆ
คนหน้าคมที่ได้รู้ความจริงอีกอย่างยิ่งรู้สึกโล่งใจขึ้นมากกว่าไหนๆ
“สวยๆแบบนี้ ทำไมไม่มีแฟนล่ะ”
“คุณก็รู้ว่าฉันเพิ่งเรียนจบ จะเอาเวลาไหนคิดถึงความรัก”
นั่นสิลืมไปซะสนิทเลย นี่เรามาชอบคนเด็กกว่าถึง 7ปีเลยนะ แถมเราก็ยังเป็นคู่หมั้นกับพี่ชายเขาอีก เมลคงไม่ยอมแน่ ปรากฏว่าก็เกิดความเงียบมาตลอดทางที่นั่งมา
เมื่อคนหน้าคมตบไฟเลี้ยวเข้ามายังบ้านกาจสกุล มาจอดหน้าประตูตัวบ้าน คนหน้าคมรีบลงไปเปิดประตูให้คนหน้าหวาน
“ขอบคุณค่ะ คุณนี่ขับรถแบบคนปกติก็เป็นเนาะ”
“ก็เพราะเมลนั่งมาด้วยไง” คนหน้าคมยิ้มให้
ท่านทั้งสองที่ได้ยินเสียงรถจึงเดินออกมา เมื่อลูกสาวคนเล็กยังไม่กลับบ้านมีหรือพ่อแม่จะนอนหลับ
“ขอโทษนะคะที่พากลับมาดึก พอดีเจอกันเลยชวนมานั่งด้วย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ รู้ว่าอยู่กับหนูเซนก็หายห่วงแล้ว แล้วนี่จะกลับเลยหรือจ๊ะ” คุณหญิงที่เห็นยังนั้นก็ยิ่งปลื้มคนหน้าคม เมื่อดูแลลูกสาวตนและยังมาส่งอีก
“ใช่ค่ะ เซนกลับละนะคะ” คนหน้าคมยกมือไหว้ทั้งสอง และวิ่งไปขึ้นรถขับออกไป
“ผมว่ามองคนไม่ผิดนะ ดูสินอบน้อมจริงๆ” คุณกิตติคุยกับคุณหญิง
“ค่ะ” คุณหญิงยิ้มหน้าบาน
คนหน้าคมที่มาถึงห้องตนแล้ว กำลังนอนอยู่บนเตียงมองเบอร์ที่ตนต้องการความช่วยเหลือ ก่อนจะกดโทรออก
ตื้ดดดดดด
ไม่นานก็มีคนรับสาย
“ขอรบกวนยามดึกหน่อยสิคะ”
[นี่เราโทรมาหาพี่ดึกขนาดนี้มีอะไรเนี่ยหะ?]
“เซนมีคนที่ชอบแล้วค่ะ”
[ครับ พี่ก็ไม่ได้ว่าไร พี่จะได้หาเหตุผลยกเลิกหมั้นดีๆให้]
“แต่ว่าคนที่เซนชอบน่ะ.....”
[ใครกัน??]
“พี่คงไม่เกลียดเซนนะ?”
[ไม่หรอก ใครกันที่ทำให้เซนเป็นแบบนี้]
“น้องสาวคนเล็กพี่อ่ะ”
[อ่อออ หะ!!! เมลเหรอ?]
“ใช่ค่ะ เซนไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครเลยนะคะ”
[พี่ไม่ว่าไรหรอก แต่พยายามเข้านะ เมลน่ะก็เหมือนเซน ไม่เคยมีแฟนหรอก]
“ค่ะ แค่พี่เปิดทางให้เซนก็มีกำลังใจแล้ว ขอบคุณนะคะ”
[พี่เชื่อในตัวเซนนะ]
“ค่ะ แต่คืออ.... ขอเบอร์เมลหน่อยสิคะ”
[จะจีบเขายังไม่มีเบอร์เลยเหรอ มาๆ 0XX-XXX-XXXX]
“ขอบคุณนะพี่ชาย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เมื่อวางสาย คนหน้าคมก็กระโดดโลดเต้นดีใจไปมาบนเตียง ในเมื่อพี่ชายเปิดทางให้แล้ว ก็เหลือเอาชนะใจคนหน้าหวานให้ได้ คนหน้าคมจึงรีบอาบน้ำเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ไปป่วนที่ทำงาน
เช้ารุ่งขึ้น
คนหน้าหวานที่ตื่นแต่เช้า เดินลงมาจากบันไดตรงไปยังโต๊ะอาหาร แต่ก็ยังช้ากว่าทุกคน ที่นั่งรับประทานอาหารกันได้สักพักแล้ว เพราะเมื่อคืนกลับดึกเลยตื่นสายนิดหน่อย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน” คนหน้าหวานกล่าว เดินไปนั่งข้างพี่สาวตนเอง
“พี่เมสขา คิดถึงจัง” คนหน้าหวานหันไปกอดพี่สาวตน เมื่อพี่สาวที่บ้าแต่ทำงานนอนค้างแต่ที่บริษัท จึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน
“จ้าๆ พี่งานยุ่งนิ่นะ” วลีภาพูดกับน้องสาว
“แล้วจะกลับมานอนบ้านอีกเมื่อไหร่คะ จะได้ไปนอนด้วย” คนหน้าหวานทำสายตาอ้อนพี่สาว
“ก็ต้องดูเรื่องงานก่อนนะ โตจนจะต้องดูแลบริษัทแล้วยังอ้อนอีก”
“เมลรีบเลยลูก เรามีประชุมกันนะ” คุณกิตติที่ยังนอยลูกคนรอง ไม่ค่อยกลับมานอนบ้านบอก ทั้งหมดจึงทานข้าวกันพูดคุยกันไป
เมื่อต่างคนต่างต้องไปแต่ละบริษัท พี่ชายที่บริษัทอยู่ไกลสุด ออกไปก่อนแล้ว ลูกสาวคนรองที่กำลังอ้อนคุณกิตติอยู่ ชวนให้ไปผ่อนคลายที่สปากันเลิกงาน คุณกิตติยอมตกลง ลูกสาวคนรองจึงออกไปทำงาน เหลือก็แต่คนหน้าหวาน สองพ่อลูกจึงขึ้นรถ ไปนั่งข้างหลัง มีคนขับรถให้
พอถึงบริษัท ทั้งสองจึงเข้าประชุมทันที กว่าจะประชุมเสร็จก็เกือบเที่ยง คุณกิตติจึงออกไปรับทานอาหารข้างนอก คนหน้าหวานที่กำลังค่อยๆศึกษาดูงาน อยู่ก็มีเสียงเคาะประตูห้อง
ก๊อกๆๆ
“เข้ามาได้ค่ะ” คนหน้าหวานพูดทั้งที่ตายังมองอยู่ที่เอกสาร
“ไม่ไปพักเหรอคะ??” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เงยหน้ามาก็พบกับคนหน้าคม
“คุณมาทำอะไรเหรอคะ?” คนหน้าหวานที่ตกใจที่ได้พบกันมันก็แปลกๆอยู่
“พี่จะชวนเมลไปทานข้าวด้วยกันน่ะค่ะ” คนหน้าคมส่งยิ้มหวานมาให้
“ทำไมละคะ” คนหน้าหวานทำสีหน้างงๆ เพราะคนหน้าคมมาแปลกจริงๆ
“คุณกิตติฝากพี่ดูแลเมลนะคะ” คนหน้าคมตอบตามความจริง
“ไม่เห็นจำเป็นต้องขนาดนี้เลยนิ่คะ” คนหน้าหวานปิดเอกสารลง เตรียมลุกขึ้นยืนเดินตามคนหน้าคมที่เดินมารอหน้าประตูห้อง
“จำเป็นสิคะ ไปค่ะ” คนหน้าคมจับมือคนหน้าหวานเดินนำไปที่รถตนเองที่จอดอยู่ข้างซองรถประธานบริษัท
“คุณเป็นแขก VIP สินะ” คนหน้าหวานเห็นรถคนหน้าคมจอดอยู่ที่สำหรับ VIP
“ใช่ค่ะ” คนหน้าคมยิ้มหวานให้ “และอีกอย่างนะคะช่วงนี้เซนจะมาหาเมลทุกวันเลย”
“ค่ะ”
เมื่อตกลงกันได้ว่าจะทานอาหารร้านไหน คนหน้าคมจึงขับตรงไปยังร้านนั้นทันที มาถึงก็สั่งอาหารกันทันที รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ทั้งสองจึงรับประทานกัน
“เมลอันนี้อร่อยนะ ลองดู” คนหน้าคมที่ตักใส่จานให้ คนหน้าหวานจึงลองดู แต่
“ก็อร่อยนะ คุณนี่ไม่ทานเผ็ดเลยเหรอ”
“เมลดูหน้าพี่สิ ออกฝรั่งซะขนาดนี้” คนหน้าคมชี้หน้าตนเองแล้วหัวเราะ หึๆ
“ก็จริงค่ะ แต่ก็น่าจะทานเผ็ดๆเป็นนะ”
“เพราะพ่อพี่ทานอาหารยุโรปไง พี่เลยไม่ค่อยได้ทานอาหารไทยๆ”
“งั้นลองอันนี้สิคะ” คนหน้าหวานตักบางอย่างใส่จานคนหน้าคม
คนหน้าคมค่อยๆตักเข้าปาก ปรากฏว่า เผ็ด
“เมล แกล้งพี่” คนหน้าคมที่เผ็ดจนมีเหงื่อไหลออกมาตามใบหน้า ลำคอ ทำให้คนที่นั่งอยู่รอบๆ ต้องกลืนน้ำลาย เมื่อคนหน้าคมปลดกระดุมเสื้อออก
“คุณๆ ฉันขอโทษ นี่น้ำ” คนหน้าหวานยื่นแก้วน้ำให้
เมื่อทานอาหารกันเสร็จจึงพากันเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
“เฮ้อ ร้อนไปหมดเลย” เมื่อขึ้นมาบนรถ คนหน้าคมก็ถอดเสื้อออกเหลือแต่เสื้อกล้าม
“นี่คุณ จะร้อนอะไรขนาดนั้น” คนหน้าหวานรีบหันไปมองนอกกระจก
“ก็พี่ร้อนเพราะอะไรเมลน่าจะรู้นะ” คนหน้าหวานถอนหายใจ ยอมรับว่าผิดเองที่ไปแกล้ง คนหน้าคม
เมื่อขับมาจอดยังที่เดินกับเมื่อตอนก่อนออกไป คนหน้าคมก็รีบใส่เสื้อให้เรียบร้อย
“คุณยังไม่กลับเหรอคะ” คนหน้าหวานที่เห็นคนหน้าคมใส่เสื้อจึงถามขึ้นมา
“ใช่ พี่จะดูงานให้เมลเอง” คนหน้าหวานพยักหน้ารับ
ทั้งสองต่างเดินคู่กันไป รอลิฟต์ ทุกสายตาต่างจับจ้องมองมาที่ทั้งคู่ ลูกสาวท่านประธานก็สวย เซ็กซี่ อีกคนก็สวยแบบเท่ๆ ถูกมองเป็นอาหารตา
พอเข้ามาถึงห้อง คนหน้าหวานจึงถอดเสื้อสูทออกและนั่งอ่านเอกสารต่อ ส่วนคนหน้าคมที่เห็นอย่างนั้น จึงมองไปรอบๆห้องและเดินไปข้างๆคนหน้าหวาน และพยายามชี้แจงอะไรต่างๆให้คนหน้าหวาน
ทำให้เข้าใจงานรวดเร็วขึ้นมาก เมื่อมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าจะใกล้เลิกงานแล้ว คนหน้าหวานจึงหันไปรอบๆเมื่อเสียงคนหน้าคมเงียบให้ไปตอนไหนรู้ ก็เจอคนหน้าคมนอนหลับอยู่บนโซฟาตัวยาว คนหน้าหวานเดินไปเปิดตู้เอาผ้าห่มออกมาเพื่อไปห่มให้คนหน้าคม เมื่อห่มให้เสร็จคนหน้าหวานที่กำลังหันหลังให้จะลุกก็โดนคนหน้าคมที่อยู่ๆก็ลุกมานั่งตอนไหนไม่รู้ ดึงให้มานั่งข้างๆ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อคนหน้าคมกอดร่างคนหน้าหวานใช้มืออีกข้างเชยคางประกบปากจูบ คนหน้าหวานที่ยังคงตะลึงจึงไม่ได้ขัดขืนอะไร คนหน้าคมค่อยๆละจากปากหวานออกมามองหน้าคนหน้าหวาน
“พี่ชอบเมลนะ” คนหน้าหวานที่กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ถูกคนหน้าคมใช้นิ้วปิดปากไว้
“พี่รู้ว่าจะพูดอะไร เรื่องหมั้นพี่ยกเลิกได้ แต่ใจพี่หยุดชอบเมลไม่ได้นะ” คนหน้าคมพูดจบจึงปล่อยนิ้วมือออกจากปาก คนหน้าหวานที่ยังคงนิ่ง คนหน้าคมจึงพูดต่อ
“พี่จะรุกแล้วนะ” คนหน้าคมยิ้มหวานให้ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ก็จะไม่ยอมเลิกรุกแน่”
“แต่ฉัน....” คนหน้าหวานที่กำลังเขิน หันหน้าหนีคนหน้าคม
“แต่อะไรคะ?” คนหน้าคมที่ยังคงกอดอยู่ถาม
“แต่ฉันยังไม่แน่ใจเลยนะคะว่าใจฉันจะเป็นของคุณได้หรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร พี่จะทำให้แน่ใจได้ในไม่ช้าแน่” คนหน้าคมค่อยๆปล่อยอ้อมกอดออกให้คนหน้าหวานเป็นอิสระ
“งานเข้าใจเยอะหรือยังคะ” คนหน้าคมถามออกไป
“ก็ได้คุณช่วยเลยเข้าใจเยอะเลยค่ะ”
“ดีค่ะ เพราะเมลเข้ามาอยู่ในใจพี่แล้ว” คนหน้าหวานได้ยินอย่างนั้น ทำเป็นเดินไปนั่งเก้าอี้อ่านเอกสารต่อ แต่ก็ปิดไม่มิด เมื่อแก้มแดงๆมันฟ้องว่าเขินอย่างนั้น
“เขินเหรอคะ” คนหน้าคมถามออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
“เปล่าซะหน่อยค่ะ” คนหน้าหวานเริ่มเก็บอาการไม่อยู่
“เมล ได้เวลาเลิกงานแล้ว กลับกันเถอะ” คนหน้าคมชวนคนหน้าหวานกลับ
“แต่ว่างานละคะ” คนหน้าหวานมองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ
“ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ ไปค่ะ” คนหน้าคมพับผ้าห่มเก็บให้และเดินมาหยิบสูทคนหน้าหวานพาดแขนไว้ข้างซ้ายตน
“กลับกันค่ะ” คนหน้าคมเปิดประตูรอ
คนหน้าหวานทำตามที่บอก และเดินตามคนหน้าคมไป
มารอดูกันซิว่า เมลจะใจแข็งขนาดไหนกันเมื่อเซนจะรุกแล้ว
ฝากติชม ให้กำลังกันด้วยยย~
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ