สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  41.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) พี่อาชาสายเปย์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

“ลองสวมดูซิ ว่าพอดีเท้าไหม คับไปหลวมไปหรือเปล่า”

 

 

นี่เป็นคำพูดครั้งที่เท่าไรแล้วก็เกินความสามารถที่จะนับเพราะมันมากมายจริงๆ ตั้งแต่ที่เหยียบเท้าเข้าสู่อาณาเขตของห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัด ตอนถูกจูงออกมาจากบ้านเธอไม่รู้หรอกว่าอาชาวินจะพาเธอไปไหน เขาไม่บอกเธอก็ไม่กล้าถาม ระหว่างทางทำได้เพียงสอดสายตามองว่าเส้นทางที่อาชาวินพาไปจะไม่ใช่ทางไปแองเจิ้ลคลับ พอรถมาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าเธอก็โล่งใจและคิดว่าอาชาวินคงพาเธอมาช่วยถือของ แต่รู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่าเธอคือตุ๊กตาที่ถูกชายหนุ่มจับแต่งตัวตามใจชอบต่างหาก

 

 

เพราะตั้งแต่ที่ถูกมือใหญ่จับจูงเข้ามาในร้านเสื้อผ้าของสตรี อาชาวินก็เดินดูชุดในร้านไปเรื่อยๆ โดยที่เธอเลือกที่จะนั่งรอตรงโซฟารับรองแขก ไม่นานในมือของเขาก็มีชุดเดรสสีหวานอยู่นับสิบ จากนั้นชายหนุ่มก็สั่งให้เธอเอามันเข้าไปลองสวมทั้งหมดแล้วบังคับให้เธอสวมมันออกมาให้เขาพิจารณาด้วย เดินเข้าเดินออกในห้องลองเป็นว่าเล่น สุดท้ายในมือของอาชาวินทั้งสองข้างก็ถือถุงบรรจุเสื้อผ้าออกมาเต็มไม้เต็มมือ และนั่นไม่ใช่แค่ร้านเดียวที่อาชาวินลากเธอเข้าไป ชายหนุ่มยังพาเธอเข้าไปลองเสื้อผ้าอีกสามร้าน แต่ละร้านก็ออกมาสภาพเดียวกันคือถุงกระดาษพะรุงพะรังเต็มมือจนถือไม่ไหวต้องเดินเอาไปเก็บที่รถก่อนหนึ่งรอบ

 

 

จากนั้นชายหนุ่มก็พาเธอไปยังแผนกชุดชั้นใน ชายหนุ่มเรียกพนักงานเข้ามาวัดขนาดหน้าอกของเธอ พอรู้ไซซ์ดวงตาของเขาก็ฉ่ำวาว จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกโดยไม่ถามความคิดเห็นของเธอสักคำ อาชาวินดูเพลิดเพลินกับการเปรียบเทียบสีและแบบของชุดชั้นในจนเธอกับพนักงานขายที่เป็นผู้หญิงยังต้องอาย พอเลือกที่ถูกใจมาได้น่าจะประมาณยี่สิบชุดพร้อมชุดนอนผ้าลื่นสีหวานเขาจึงเรียกพนักงานให้นำไปคิดเงิน เธอทำได้เพียงเดินตามเขาจับจูงต้อยๆ ไม่กล้าพูดอะไร บอกตามตรงว่าเธอยังคิดอะไรไม่ออก ด้วยเพราะยังตกใจไม่หายที่อยู่ๆ อาชาวินก็ซื้อของให้เธอมากมายขนาดนี้

 

 

แล้วก็มาถึงร้านรองเท้าที่ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ เธอถูกอาชาวินกดไหล่ให้นั่งบนโซฟารับรองนุ่มๆ โดยมีเขาคอยเดินเลือกแบบรองเท้าที่ชอบมาให้เธอลองสวม คู่ไหนใส่ได้พอดีและถูกใจเขาก็จะให้พนักงานแยกเอาไว้ ตอนนี้มีวางไว้หกคู่ แบบส้นเตี้ยทรงบัลเล่ต์สีชมพู สีน้ำตาลอ่อน สีดำและสีแดง รองเท้าแตะสานสีน้ำตาลน่ารักหนึ่งคู่ รองเท้าส้นสูงสีดำ และดูท่าทางที่เขายังคงเดินดูไปเรื่อยๆ ก็เดาว่ามันจะไม่หยุดอยู่แค่คู่ที่หกแน่นอน

 

 

“ใส่ได้ค่ะ”

 

 

“เอาคู่นี้ด้วย”

 

 

นั่นปะไร พอช่ออัญชันตอบกลับว่าใส่ได้ปุ๊บ อาชาวินก็สั่งให้พนักงานนำมันไปวางรวมอยู่กับกองที่เลือกเอาไว้ทันที เป็นคนใส่เสียอีกที่ได้แต่นั่งมองตามรองเท้าแต่ละคู่ตาละห้อย เพราะราคาของมันไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ละคู่ราคาหลักหลายพันทั้งนั้นทำเอาเธอแทบเป็นลม เพราะในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้สวมรองเท้าราคาแสนแพงแบบนี้ ปกติแค่ราคาร้อยสองร้อยเธอก็ตัดใจแล้วไม่ว่ามันจะสวยถูกใจมากขนาดไหน แต่นี่คู่ละเกือบหมื่น เธอยังไม่รู้เลยว่าที่ซื้อไปจะทำใจเอามันมาใส่ได้ลงหรือเปล่า

 

 

“รองเท้าที่เธอใส่มาวันนี้ของใคร”

 

 

นั่งมองพนักงานบรรจุรองเท้าที่อาชาวินเลือกไว้ลงกล่องเพลินๆ อยู่ๆ ชายหนุ่มที่เดินดูแบบรองเท้าไปทั่วร้านก็พาร่างสูงมานั่งเคียงข้าง ท่อนขาเพรียวยาวภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มยกขึ้นไขว่ห้าง ลำแขนสีแทนพาดแขนไปกับพนักโซฟาที่ช่ออัญชันนั่งอยู่คล้ายกำลังโอบกอดหญิงสาว ก่อนเอ่ยปากถามเมื่อได้มีเวลานั่งมองเรียวเท้าเล็กๆ ที่ถูกสั่งให้ถอดๆ สวมๆ รองเท้าอยู่หลายแบบแล้วเห็นรองเท้าที่เจ้าหล่อนสวมออกมาจากบ้าน เขามั่นใจว่านี่ต้องไม่ใช่รองเท้าของช่ออัญชันเองแน่ เพราะขนาดเสื้อผ้าชุดชั้นในเจ้าหล่อนยังไม่มีเงินซื้อ แล้วรองเท้าสวยๆ แบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่คนทำงานหนักเพื่อส่งเงินแทบทุกบาทกลับมาไถ่ถอนบ้านจะยอมเจียดเงินมาครอบครอง

 

 

“ของพี่บัวค่ะ พี่บัวให้อัญยืม”

 

 

ช่ออัญชันตอบกลับไปเสียงเบาไม่กล้าเงยหน้ามองอาชาวิน เพราะไม่รู้เหตุผลที่ชายหนุ่มถาม เธอกลัวว่าเขาอาจไม่พอใจ แล้วจะกลายเป็นว่าพี่บัวจะต้องมาเดือดร้อนกับเธอด้วย แต่ผิดคาด…

 

 

“งั้นไปเลือกมาหนึ่งคู่ เอาไปฝากบัว แล้วแต่เธอเลยว่าจะเอาคู่ไหน ไปสิ นั่งมองอยู่ได้” เดี๋ยวพ่อจับจูบ!

 

 

อาชาวินจับร่างบางที่วันนี้กลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยๆ ให้เขาแต่งตัวขึ้นจากโซฟาแล้วดันหลังเจ้าหล่อนให้ไปเลือกรองเท้าในร้านมาหนึ่งคู่ เพื่อเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจของบัวที่อุตส่าห์ช่วยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเมียเขาโดยที่เขาไม่ต้องสั่ง แต่ถ้าถามว่าทำไมเขาไม่เลือกเองทั้งที่ตั้งแต่เข้ามาเขาคือคนเดียวที่เดินไปเดินมาดูวุ่นวาย คำตอบมีเพียงข้อเดียวก็คือ…ก็บัวไม่ใช่เมียเขา!

 

 

“ได้แล้วค่ะ อัญเลือกคู่นี้ คุณอาชาอนุญาตหรือเปล่าคะ”

 

 

ใช้เวลาไม่นานช่ออัญชันก็เดินกลับมาพร้อมกับรองเท้าสไตล์บัลเล่ต์หนังกลับสีดำตัดขอบสีทองหนึ่งคู่ รูปแบบเรียบๆ แต่ดูเก๋ไก๋ด้วยดีไซน์และโทนสีทำให้หญิงสาวค่อนข้างถูกใจมันและคิดว่าพี่บัวน่าจะชอบ

 

 

“ฉันเป็นคนบอกให้เธอเลือก ฉันก็ต้องอนุญาตสิ เอาคู่นี้ด้วยครับ”

 

 

อาชาวินหันมาพยักหน้าอนุญาตแล้วเรียกพนักงานมานำรองเท้าในมือของช่ออัญชันไปใส่กล่อง จากนั้นก็ควักบัตรเครดิตให้พนักงานนำไปชำระค่ารองเท้าทั้งหมด ระหว่างรอพนักงานทำงานมือหนาก็ตบลงบนพื้นที่โซฟาข้างตัวหนักๆ เป็นคำสั่งให้ยายตุ๊กตาหน้าใสทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เขา

 

 

“เดินซื้อของหลายอย่าง เหนื่อยหรือเปล่า”

 

 

“ไม่เลยค่ะ”

 

 

อยากบอกเหลือเกินว่าแค่เดินไปเดินมาในห้างที่มีแอร์เย็นๆ แบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้สร้างความลำบากให้เธอเลยสักนิด เพราะในชีวิตเธอคุ้นชินกับการทำงานหนักตากแดดตากฝนมาตั้งแต่เด็กยันอายุยี่สิบสองปี เป็นอาชาวินเองเสียอีกที่น่าจะมีอาการเหนื่อยล้ามากกว่าเธอ เพราะเขาเดินเลือกซื้อของให้เธอไม่หยุด เธอแค่มีหน้าที่นั่งรอกับลองสวมใส่ให้เขาดูเท่านั้น ขนาดถุงใส่ข้าวของทั้งหมดที่ซื้อมาอาชาวินยังแย่งมันไปถือคนเดียวเลย แล้วเธอจะเหนื่อยจะเมื่อยได้อย่างไรล่ะ

 

 

“งั้นไปซื้อของต่อเลยแล้วกัน ซื้อเสร็จค่อยไปหาอะไรกิน”

 

 

“ค่ะ” ‘คุณอาชาจะพาเราไปซื้ออะไรอีกนะ ที่ขนซื้อมาทั้งหมดนี่ยังไม่พออีกหรือ’

 

 

ปล่อยให้ร่างเคลื่อนไหวไปตามแรงลากจูงของมือใหญ่ไม่ดื้อดึงขัดขืนก็จริง แต่ภายในใจยังครุ่นคิดเกิดความสงสัยไม่หายว่าอาชาวินกำลังจะพาเธอไปซื้ออะไรอีก และที่สงสัยยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะเหตุใดเขาถึงได้ใจดีกับเธอนัก ทั้งที่เมื่อก่อนสายตาของเขามองเธอยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือน่ารังเกียจ หรือเป็นเพราะ…เรื่องเมื่อคืน

 

 

 

‘จริงสินะคุณอาชาเคยบอกว่าเราคือนางบำเรอขัดดอกของเขา นี่คงเป็นค่าตอบแทนที่เมื่อคืนนางบำเรอคนนี้ปรนเปรอเขาได้ถูกใจกระมัง’

 

 

มือข้างซ้ายยกขึ้นทาบอก ทั้งที่ไม่เคยคาดหวังว่าผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างเธอจะมีค่ามีราคาในสายตาของอาชาวิน แต่ไม่รู้ทำไมเพียงแค่คิดว่าเขาเห็นเธอเป็นเพียงนางบำเรอมีประโยชน์ยามต้องการปลดเปลื้องกามาแค่บางเวลาเท่านั้น ทำไมก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายของเธอมันถึงได้เต้นช้าลงเหมือนภายในหัวใจมันหวิวโหวงรู้สึกอ่อนแรงนัก

 

 

 

‘อัญชัน เธอเป็นไบโพล่าหรือเปล่าเนี่ย? ’

 

 

ช่ออัญชันคิดอย่างกังวลใจว่าตัวเองอาจป่วยเป็นโรค เพราะพอลดสายตามองมือคล้ำแดดที่กุมมือของเธอเอาไว้ ความรู้สึกกลับแตกต่าง ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายมันด้วยถ้อยคำใด รู้แค่เพียงว่าเธอรู้สึกดียามที่ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนามันค่อยๆ แผ่ซ่านมายังฝ่ามือหยาบกร้านของเธอ ความอบอุ่นจากมือของเขาเหมือนย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง แต่เธอมีเขาคอยเคียงข้างเสมอ แม้ว่านี่จะดูเป็นการแปลความรู้สึกที่เกินความจริงและเข้าข้างตัวเองเกินไปก็ตาม แต่ความสุขก้อนน้อยๆ ก็เกิดขึ้นในหัวใจได้อย่างประหลาดที่ได้คิดเพ้อเจ้อไปแบบนั้นตราบเท่าที่เขายังไม่ปล่อยมือ

 

 

เดินตามแรงจูงมาเรื่อยๆ พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่นานอาชาวินก็พาช่ออัญชันเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านเครื่องสำอางสัญชาติเกาหลี ดวงตากลมใสกะพริบถี่คาดไม่ถึงว่าอาชาวินจะพามาร้านแบบนี้พลางมองเข้าไปข้างในอย่างสนใจ ภายในร้านมีตู้ดิสเพลย์แบบกระจกใสจัดวางเครื่องสำอางมากมาย ด้วยตัวบรรจุภัณฑ์ที่วางโชว์ออกแบบโทนสีชมพูหวานผสมกลิตเตอร์กลิตให้ความแวววาว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีชมพูดูสดใส บวกการจัดวางที่เสริมเติมแต่งด้วยตุ๊กตาเด็กผู้หญิงน่ารักกับเครื่องสำอางเลียนแบบขนาดจิ๋ว จึงทำให้ร้านนี้ดูน่ารักนักในสายตาของช่ออัญชันที่กำลังเบิกตากว้างมองไปรอบๆ ร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ และทุกกิริยาอาการของหญิงสาวก็ตกอยู่ในสายตาของอาชาวินเช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มพอใจเมื่อเห็นแบบนั้น เดาไว้ไม่ผิดว่ายายตาใสของเขาจะต้องชอบบรรยากาศร้านนี้แน่ๆ

 

 

“สวัสดีค่ะ สนใจผลิตภัณฑ์ชิ้นไหนสอบถามได้นะคะ”

 

 

เมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน พนักงานขายสาวสวยก็เดินออกมาให้การต้อนรับพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

 

 

“ผมอยากได้ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ครีมทาหน้า ครีมอาบน้ำ ยาสระผม แล้วก็… เอาเป็นว่ามีอะไรเอามาให้ผมดูให้หมด หรือมีชิ้นไหนน่าสนใจอยากแนะนำก็เอามาให้ผมดูด้วย”

 

 

“ได้ค่ะ รบกวนคุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ”

 

 

พนักงานหน้าตาสะสวยเหมาะสมกับการขายเครื่องสำอางยิ้มรับพร้อมหันหลังกลับเข้าไปนำผลิตภัณฑ์สำหรับทดลองใช้มาให้ลูกค้าที่ดูทางทางจะเป็นพ่อบุญทุ้มไม่น้อย ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับขวดผลิตภัณฑ์มากมายที่นำมาวางบนเคาท์เตอร์กระจกใสกลางร้าน

 

 

“ตัวนี้จะเป็นครีมบำรุงผิวนะคะ มีสองสูตรให้เลือก ขวดสีชมพูเน้นบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส ขวดสีเหลืองจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว”

 

 

“ขอลองสีเหลืองครับ ไม่เน้นผิวขาว เพราะแค่นี้ก็ขาวเป็นผีจูออนแล้ว อยากได้ที่ช่วยให้ผิวนุ่มมากกว่า”

 

 

“ได้ค่ะ รบกวนคุณลูกค้ายื่นแขนนิดนึงนะคะ ดิฉันจะลงเนื้อครีมบนแขนให้ดูก่อนว่าชอบไหม”

 

 

“ยื่นแขนไปสิ”

 

 

เมื่อช่ออัญชันยังยืนมองนั่นนี่ตากลมแป๋วไม่คิดจะยื่นแขนออกมาตามที่พนักงานร้องขอ อาชาวินจึงหันไปสั่งให้คนตัวเล็กยื่นแขนออกไป แต่ช่ออัญชันกลับทำหน้าเหลอหลาตาโตประมาณว่า ‘อัญเหรอคะ’ อาชาวินจึงส่ายหัวกับคนซื่อบื้อแล้วเป็นฝ่ายจับแขนเล็กๆ ของช่ออัญชันไปวางบนเคาท์เตอร์ด้วยตัวเอง

 

 

“ตัวนี้เนื้อครีมจะบางเบาซึมง่ายค่ะ กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ คุณลูกค้าลองดมดูหน่อยไหมคะว่าชอบหรือเปล่า”

 

 

“อืม หอมดี”

 

 

พนักงานบีบครีมเนื้อเนียนสีขาวลงบนแขนของช่ออัญชันแล้วเกลี่ยเบาๆ ให้ครีมค่อยๆ ซึมลงผิวพร้อมบรรยายสรรพคุณไปเรื่อย รอจนครีมซึมเข้าผิวเรียบร้อยจึงเอ่ยปากชวนให้ช่ออัญชันลองดมแขนของตัวเองว่าชอบกลิ่นของครีมหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่พนักงานแนะนำ กลับกลายเป็นอาชาวินที่ยืนตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ ที่เป็นคนก้มใบหน้าจนปลายจมูกสัมผัสกับผิวเนื้อบริเวณที่ถูกทาครีมเอาไว้เป็นการพิสูจน์

 

 

“แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจ ขอลองทาอีกหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

“ได้ค่ะ นี่ค่ะ คุณลูกค้าลองทาได้ตามสะดวกเลยค่ะ” พนักงานสาวสวยรีบยื่นกระปุกครีมให้อาชาวินด้วยความเต็มใจเมื่อถูกชายหนุ่มหน้าตาดีร้องขอ

 

 

“ขอบคุณครับ ฟอด! หอมจริงๆ ด้วย”

 

 

“คุณอาชา!”

 

 

ช่ออัญชันยกมือบางขึ้นกุมพวงแก้มพลางทำตาโตหน้าตาตื่นเมื่อถูกอาชาวินจรดปลายจมูกโด่งสูดดมความหอมบนผิวแก้มใสที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อๆ ทีละนิดๆ จนแดงปลั่งไปทั้งหน้า คนหน้าบางรีบก้มหน้างุดเพราะขัดเขินสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่ส่งยิ้มยียวนมาให้ ก็เขาเล่นเอาครีมบำรุงผิวที่ขอมาจากพนักงานขายมาแต้มลงบนแก้มของเธอบางเบา ยังคิดตามคนเจ้าเล่ห์ไม่ทันจนไร้การปัดป้อง ปลายจมูกโด่งๆ ก็ก้มลงมาชิด กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกหอมแก้มในที่สาธารณะ อาชาวินก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปคุยกับพนักงานขายที่เห็นฉากหวานๆ พลางอมยิ้มเขินแทนลูกค้าสาวจนแก้มตุ่ย

 

 

“แล้วครีมกระปุกอื่นล่ะครับ มีชิ้นไหนน่าสนใจอีกบ้าง”

 

 

“ชิ้นนี้เลยค่ะ เป็นสินค้าขายดี…”

 

 

จากนั้นพนักงานขายสาวสวยกับลูกค้าสุดหล่อก็พูดคุยปรึกษากันถึงผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์โดยมีช่ออัญชันเป็นหนูทดลองตัวน้อยๆ คอยยื่นแขนยื่นมือเป็นที่ลองเครื่องสำอางอีกหลายชนิด นอกจากทำตามที่พนักงานขายร้องขอ ระหว่างที่ฟังสองคนพูดคุยซักถามกัน ช่ออัญชันก็แอบเหล่ตามองอาชาวินอยู่เป็นระยะพลางคิดอย่างแปลกใจว่าตกลงนี่เขามาซื้อเครื่องประทินผิวที่เธอไม่เคยมีในครอบครองพวกนี้ให้เธอหรือซื้อเอาไว้ใช้เองกันแน่ เพราะเขาดูตั้งใจฟังที่พนักงานแนะนำมากๆ เหมือนเขาจะซื้อไว้ใช้เอง แต่ทุกเนื้อครีมกลับลองทาบนผิวของเธอจนเธอชักสับสน

 

 

“อีกสามวันถ้าเรียวปากเธอไม่นุ่ม มือเธอไม่นิ่ม ผิวเธอไม่นวล ผมเธอไม่หอมละมุน เธอเจอดีแน่”

 

 

อาชาวินก้มหน้าลงมากระซิบขู่ชิดใบหูของคนตัวเล็กเนื่องจากพนักงานขายการันตีว่าเพียงสามวันที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน นั่นเพราะอาชาวินตกลงเหมาซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชิ้นที่พนักงานขายเอามานำเสนอ ซึ่งคำนวณเป็นตัวเงินคร่าวๆ ก็ไม่ใช่น้อยอีกเช่นเคย ชายหนุ่มจึงต้องการผลลัพธ์ให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไปจนต้องข่มขู่เอาไว้ล่วงหน้า เป็นการบังคับว่าช่ออัญชันต้องใช้ครีมบำรุงที่เขาซื้อให้ทุกชิ้นเป็นประจำจนทุกส่วนบนเรือนกายของเจ้าหล่อนนั้นนิ่มนวลชวนหลงใหล

 

 

โดยเฉพาะครีมทาผิวทามือที่อาชาวินเลือกซื้อมาอย่างละสามชิ้น สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงเช้าที่เขาได้เห็นร่องรอยความยากลำบากที่ต้องทำงานหนักในชีวิตของช่ออัญชันจนฝากความหยาบกร้านขาดการดูแลไว้บนฝ่ามือบาง มันแย่มากในความรู้สึกของเขา เพราะธรรมชาติของผู้หญิงนั้นรักสวยรักงานกันทุกคน แต่เมียเขากลับไม่มีโอกาสได้ดูแลตัวเองเลย วันนี้เขาจึงอยากทดแทนสิ่งเหล่านั้นให้ช่ออัญชันบ้าง รวมทั้งเสื้อผ้ารองเท้าและชุดชั้นในที่เขาซื้อให้ก่อนหน้านี้ด้วย

 

 

“ถ้าดื้อจะโดน…”

 

 

“โป โปใช่ไหมจ๊ะ”

 

 

“คุณมุก”

 

 

ยังไม่ทันที่อาชาวินจะได้ข่มขู่ช่ออัญชันอีกรอบ เสียงหวานๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเสียก่อน ตอนแรกอาชาวินไม่ได้สนใจอะไรเพราะเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงทักคนอื่นที่อยู่ไม่ไกลกับพวกเขา แต่แล้วกลับต้องหรี่ตาทำหน้าฉงนเมื่อผู้หญิงท่าทางคล้ายพวกลูกคุณหนูมีอันจะกินเจ้าของเสียงหวานๆ คนนั้นเข้ามาจับมือภรรยาของเขาแล้วทักทายด้วยความดีใจเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน ยิ่งเห็นช่ออัญชันยิ้มยินดีและพูดคุยกับคนมาใหม่ อาชาวินก็ยิ่งเกิดความสงสัยเพิ่มในใจ เพราะถ้าหูไม่ฝาด เขามั่นใจว่าเมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้เรียกเมียเขาว่า ‘โป’ แต่เขากลับยืนฟังสองสาวทักทายกันอยู่เงียบๆ อย่างมีมารยาท รอจนกระทั่งพนักงานนำถุงบรรจุครีมบำรุงผิวมาให้ สองสาวจึงได้บอกลาแล้วแยกย้าย จากนั้นอาชาวินจึงพาช่ออัญชันไปรับประทานอาหาร ตบท้ายด้วยไอศกรีมที่ทำเอาแววตาของคนตัวเล็กเป็นประกายสดใสที่ได้กินไอศกรีมสีสวยที่เคยนึกอยากกินในวัยเด็ก

 

 

 

*********************************************************************************

วันนี้พี่อาชายังคงคอนเซ็ปต์ความน่าร๊ากกกกก เราจึงอัพให้ฟินกันยาวๆ พี่น่ารักขนาดนี้ สาวๆ อย่าหยุดรักพี่นะครับ และนี่คือ E-book ของพี่ ไปโหลดๆ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา