สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  41.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

33) ความทรงจำสีจาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

 เว็บขีดเขียน

“อยากไปเที่ยวที่ไหนไหม? ”

 

 

หลังพาช่ออัญชันไปกินไอศกรีมเสร็จเรียบร้อย อาชาวินจึงพาหญิงสาวกลับมาที่รถ เป้าหมายต่อไปคงไม่พ้นไร่ดวงหทัยเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว เขากลัวว่าช่ออัญชันอาจเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปหากยังต้องตะลอนๆ อยู่ข้างนอก แต่คิดอีกทีเผื่อว่าช่ออัญชันมีที่ที่อยากไปเที่ยวแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ไหนๆ วันนี้เขาก็หยุดงานแล้ว มีเวลาว่างเหลือเฟือที่จะพาคนตัวเล็กไปที่ต่างๆ ขอแค่ช่ออัญชันเอ่ยบอก

 

 

“ไม่ดีกว่าค่ะ อัญอยากกลับไปช่วยป้าๆ ที่โรงครัวมากกว่า”

 

 

“ตามใจ”

 

 

เมื่อคนตัวเล็กไม่ต้องการ อาชาวินจึงขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังไร่ดวงหทัยทันที ความเงียบเกิดขึ้นเมื่อเขาตั้งหน้าตั้งตาขับรถและแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของคนนั่งข้างๆ ส่วนช่ออัญชันก็นั่งเกาะประตูมองออกนอกหน้าต่างไปเรื่อยเหมือนเด็กน้อยดีใจที่ได้ออกมาเที่ยวนอกบ้าน ระหว่างที่ลอบมองซีกแก้มใสๆ สลับกับถนนด้านหน้าเพลินๆ เสียงหวานของผู้หญิงที่เรียกเมียเขาว่า ‘โป’ ก็ดังขึ้นในสมอง ความสงสัยจึงย้อนกลับมาว่าตกลงเมียเขามีชื่อเล่นว่าอะไรกันแน่

 

 

“ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมผู้หญิงที่เจอในห้างถึงเรียกเธอว่าโปล่ะ ตกลงเธอชื่อเล่นว่าอะไร”

 

 

“ชื่อเล่นของอัญก็อัญนี่แหละค่ะ แต่ ‘โป’ คือชื่อที่เพื่อนๆ ตอนประถมตั้งให้ค่ะ”

 

 

“มีที่มาจากอะไร”

 

 

 

อาชาวินนึกถามอย่างสนใจ เพราะถ้าเป็นสมญานามในวัยเด็กที่เพื่อนๆ ในห้องตั้งให้ แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ชื่อพ่อชื่อแม่ที่แอบเห็นในสมุดพก ก็ต้องเป็นชื่อที่มีที่มาขำๆ ปนฮาอย่างแน่นอน

 

 

“ย่อมาจาก ‘โปลิโอ’ ค่ะ คือ…ตอนเด็กๆ อัญตัวเล็กที่สุดในห้อง น้ำหนักกับส่วนสูงของอัญต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมากเหมือนเด็ก…ขาดสารอาหาร คุณครูบอกว่าเป็นเพราะอัญไม่ค่อยได้กินของมีประโยชน์กับนม เพื่อนๆ ในห้องก็เลยล้อว่าอัญเป็นโปลิโอ เรียกกันติดปากมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นชื่อเล่นของอัญไปเลย”

 

 

คำบอกเล่าเสียงแผ่วเบาของช่ออัญชันทำเอาคนถามขำไม่ออก สองมือที่กุมพวงมาลัยรถของอาชาวินบีบแน่นจนเกรงว่ามันจะหักจนไม่สามารถควบคุมรถให้แล่นไปบนถนนได้อีกต่อไป อาชาวินจึงหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางเพื่อความปลอดภัยแล้วหันไปจ้องเสี้ยวหน้าของช่ออัญชันที่มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาไม่แน่ใจว่าสีหน้าของหญิงสาวเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าอารมณ์ของเขาอยู่ในโหมดเดือดดาลกับการกระทำแย่ๆ ของเพื่อนในชั้นเรียนช่ออัญชันเป็นที่สุด แม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมาเป็นสิบปีแล้วก็เถอะ

 

 

‘นี่สินะ ช่ออัญชันถึงทำหน้าเสียตอนถูกเขาแดกดันว่าผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหารด้วยสายตารังเกียจหลังจากจดทะเบียนสมรสเสร็จ ที่แท้เรื่องนี้มันคือปมด้อยในใจของเมียเขานี่เอง คำแดกดันไม่ตั้งใจของเขาดันไปกระทบใจดำของช่ออัญชันเข้าอย่างจัง ไอ้อาชา มึงมันปากหมา!’

 

 

“แล้วทำไมปล่อยให้ไอ้เด็กเวรพวกนั้นมันเรียกอยู่ได้ หรือว่าชอบ”

 

 

“เปล่าหรอกค่ะ อัญไม่ได้ชอบ” คงไม่มีเด็กคนไหนชอบที่เพื่อนๆ พากันล้อเลียนว่าเป็นโปลิโอหรอกมั้ง

 

 

“ไม่ชอบแล้วทำไมไม่บอกเพื่อนให้หยุดเรียก หรือไม่ก็ฟ้องครูประจำชั้น”

 

 

“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”

 

 

“รู้ได้ยังไง? ”

 

 

ร่างสูงหันหน้ามามองคนข้างตัวแล้วเอ่ยถามเสียงขรึมพอๆ กับใบหน้า กลายเป็นเรื่องที่อาชาวินให้ความสำคัญจริงจังเมื่อดวงตากลมๆ ที่เพิ่งมีแววสดใสหลังจากได้กินไอศกรีมก้อนโตกลับมาหมองเศร้าอีกครั้งทันที่ที่ถูกถาม ในแววตาคู่นั้นเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถอย่างเหม่อลอยคล้ายสมองกำลังย้อนภาพวันวานในอดีต และอาชาวินก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นอดีตที่เลวร้ายพอสมควร เพราะหลังจากนั้นริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากัน ขอบตาแดงๆ มีหยาดน้ำใสคลอขังเพียงแต่มันยังไม่หยดลงมาเลอะแก้มนวล เหมือนเจ้าของกำลังพยายามอดกลั้นความเสียใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

 

 

“เพราะบอกไป คุณครูก็ไม่มีวันจะต่อว่าหรือดุเพื่อนพวกนั้นไงคะ”

 

 

“รู้ได้ยังไง!” พูดเหมือนเคยทำแล้วแต่ไม่สำเร็จ

 

 

“เพราะถ้าคุณครูต่อว่าหรือทำให้เพื่อนพวกนั้นไม่พอใจ โรงเรียนจะไม่ได้เงินบริจาคจากพ่อแม่ของเพื่อนๆ คุณครูก็จะถูกครูใหญ่ต่อว่า แล้วอัญกับแม่ก็ต้องเจ็บตัวค่ะ”

 

 

ช่ออัญชันนั่งเหม่อมองออกไปด้านนอกจนไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่าตอนนี้ยังมีชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่บนรถกับเธอด้วย อีกทั้งสายตาของผู้ชายคนที่ว่ายังแข็งกร้าวดุดันเพียงรู้ว่าช่วงชีวิตในวัยเด็กของภรรยานอกจากจะต้องทำงานหนัก แล้วยังถูกไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนพวกนั้นล้อเลียนจนเกิดปมด้อยในใจอีกต่างหาก แต่อาชาวินยังไม่ทันได้ต่อว่าว่าเพราะเหตุใดช่ออัญชันถึงไม่หัดทำตัวสู้คนบ้าง ริมฝีปากบางที่เม้มจนห้อเลือดก็เปิดปากเล่าเรื่องราวในวันวานออกมาอีกครั้งเสียก่อน

 

 

“จำได้ว่าตอนอัญอยู่ปอหนึ่ง มีเพื่อนผู้ชายชื่อก้องตัวใหญ่กว่าอัญมากผลักอัญตกลงมาจากชิงช้าที่อัญนั่งเล่นอยู่จนปากกับหัวอัญแตกเลือดไหลเลอะเสื้อนักเรียนที่พี่พลอยให้มาทั้งตัวเลยค่ะ อัญเลยร้องไห้แล้วไปฟ้องคุณครู คุณครูเลยเรียกแม่ของก้องมาบอกว่าก้องแกล้งอัญจนได้เลือด อัญคิดว่าก้องจะต้องถูกตีหรือไม่ก็ถูกลงโทษที่เกเรเหมือนที่คุณครูเคยสอน แต่ทำไปทำมากลับเป็นอัญเสียเองที่กลายเป็นคนผิดและถูกครูตีต่อหน้าเพื่อนๆ ในห้องกับแม่ของก้อง อัญไม่เข้าใจว่าทำไมอัญที่ถูกแกล้งจึงกลายเป็นคนผิด อัญเลยเดินร้องไห้ไปหาคุณครูอีกครั้งก่อนกลับบ้านแล้วถาม คุณครูดึงอัญเข้ามากอดแล้วบอกว่ามันจำเป็น คุณครูลงโทษก้องไม่ได้เพราะแม่ของก้องเป็นคนใหญ่คนโตของจังหวัด ตอนนั้นอัญก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พอกลับมาถึงบ้านอัญก็เล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง แม่ทำได้เพียงร้องไห้แล้วลูบมือตรงแผลของอัญเบาๆ แล้วแม่ก็ทำเหมือนคุณครูคือดึงอัญเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆ แม่บอกให้อัญอดทน อะไรยอมได้ก็ยอมไป เพราะแม่จน แม่ไม่มีปัญญาไปต่อสู้เรียกความยุติธรรมกับคนรวยๆ พวกนั้นได้ ถ้าพวกเขาไม่พอใจเอาเรื่องขึ้นมาครอบครัวเราอาจเดือดร้อนไม่มีที่อยู่”

 

 

พูดมาถึงตรงนี้มือบางก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันรินไหลลวกๆ แต่ดวงตาแดงช้ำคู่เดิมยังคงเหม่อมองออกไปเหมือนมีภาพเหตุการณ์เจ็บช้ำในอดีตฉายชัดอยู่ตรงหน้า

 

 

“หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็กลับมาบ้านค่ะ มาถึงพ่อก็คว้าด้ามไม้กวาดมาตีอัญหลายครั้ง ตีจนแม่ต้องเอาตัวมาบังอัญเอาไว้ แม่ก็เลยถูกตีจนหลังเป็นรอยแดงเต็มไปหมด แล้วพ่อก็จิกผมอัญขึ้นมาตบหน้าจนอัญล้มลงไปนอนกับพื้นจนแผลที่หัวปริเลือดไหลโชกอีกรอบ พ่อบอกว่าพ่อถูกแม่ของก้องตามไปด่าถึงที่บ่อนว่าเลี้ยงลูกไม่ได้เรื่องปล่อยให้ลูกสาวไปแกล้งลูกชายของท่าน แล้วแม่ของก้องก็บอกให้เจ้าของบ่อนไล่พ่อออกมาจากบ่อน ทำให้พ่อโกรธมาก พ่อก็เลยตีอัญ ตอนนั้นอัญยังเด็กเลยไม่เข้าใจเรื่องคนจนคนรวยสักเท่าไร อัญรู้แค่เพียงว่าถ้าอัญมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนแล้วครอบครัวเราจะเดือดร้อน และอัญกับแม่ก็จะถูกพ่อตี อัญไม่อยากให้แม่ถูกตี ไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้ ดังนั้นไม่ว่าเพื่อนจะล้อเลียนหรือแกล้งอัญสักกี่ครั้ง อัญก็ต้องอดทนค่ะ”

 

 

‘ระยำ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!’

 

 

อาการหัวร้อนของอาชาวินกำเริบรุนแรงเหมือนเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเขาเสียเองเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากของช่ออัญชัน ภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เลือดแดงฉานท่วมศีรษะเดินร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดไปฟ้องครูฟ้องแม่แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือมันช่างบีบรัดหัวใจเขาเหลือเกิน ดวงตาคู่คมจ้องมองผู้หญิงตัวบางๆ ที่ถูกรังแกมาตั้งแต่เด็กด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายก่อนถอนหายใจออกมาหนักๆ ระบายความอึดอัดคับแค้นในอก มือหนากำเป็นหมัดแน่นๆ อย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึก นึกเกลียดชังความโหดร้ายที่เด็กหญิงไร้เดียงสาคนหนึ่งถูกกระทำเพียงเพราะความจน การถูกรังแกจากคนที่มีอำนาจเงินเหนือกว่าหล่อหลอมให้ภรรยาของเขากลายเป็นคนไม่มีปากมีเสียงไปโดยปริยาย

 

 

‘เพราะอย่างนี้สินะ เมียกูถึงได้เชื่องนัก’

 

 

เข้าใจแล้วว่าทำไมตั้งแต่ที่ช่ออัญชันเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลแมคคานน์ ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะถูกเขารังแกหรือต่อว่าด้วยคำหยาบคายร้ายแรงสักแค่ไหนเจ้าหล่อนถึงไม่เคยโต้ตอบหรือชักสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้ง สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แม้กระทั่งถูกเขาย่ำยีปล้นพรหมจรรย์ล้ำค่าของลูกผู้หญิง ช่ออัญชันก็ไม่คิดเรียกร้องความรับผิดชอบ เพราะเจ้าหล่อนถูกสั่งสอนและบ่มเพาะมานี่เองว่าตัวเองคือคนจนไร้ศักดิ์และศรีไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ช่ออัญชันถูกความคิดผิดๆ ที่ถูกคนรอบข้างเหล่านั้นยัดเยียดกดชีวิตให้ต่ำติดดินจนมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะอย่างนี้ช่ออัญชันถึงไม่คิดต่อสู้กับใครเพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเองเอาเสียเลย ยายตาใสคงคิดว่าสู้ไปก็เสียเวลาเปล่า

 

 

“แต่คุณมุกเธอไม่รู้เรื่องด้วยหรอกค่ะ อัญเพิ่งรู้จักกับคุณมุกตอนเรียนมัธยม เธอได้ยินเพื่อนๆ ในห้องเรียก คุณมุกเธอเลยเรียกตาม”

 

 

อารมณ์เดือดดาลพลุ่งพล่านของอาชาวินถูกเบรกความดุดันลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินช่ออัญชันอธิบายเกี่ยวกับผู้หญิงที่เจอกันที่ห้างและเป็นคนที่เปิดประเด็นทำให้เขารู้เรื่องของภรรยามากขึ้น ดูท่าทางความสัมพันธ์ของช่ออัญชันกับคุณมุกอะไรนั่นจะค่อนข้างดี น้ำเสียงกับแววตาของช่ออัญชันจึงค่อนข้างอ่อนโยนยามเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น

 

 

“วันหลังถ้ามีใครเรียกเธอว่า ‘โป’ ก็บอกเขาไปว่าชื่ออัญ ชื่อจริงคือช่ออัญชัน แมคคานน์ เข้าใจหรือเปล่า”

 

 

 

“คะ? เข้าใจค่ะ”

 

 

ช่ออัญชันพยักหน้ารับแบบงงๆ ก่อนนั่งคิดทบทวนหลังจากรถกระบะคันเก่งกลับมาแล่นบนถนนอีกครั้ง ว่าทำไมอาชาวินถึงมีคำสั่งเช่นนั้น ความใสซื่อทำให้ช่ออัญชันหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าเป็นเพราะอาชาวินคงไม่คุ้นหูกับชื่อที่เพื่อนเธอเรียกกระมัง เขาเลยอยากให้เรียกเหมือนๆ กัน

 

 

 

ทั้งที่ในความเป็นจริงอาชาวินกำลังกางปีกปกป้องเจ้าหล่อนต่างหาก การประกาศว่าช่ออัญชันเป็นคนของตระกูลแมคคานน์ เป็นการย้ำเตือนให้คนที่เคยรังแกช่ออัญชันในอดีตได้รู้ว่าหากตอนนี้พวกมันยังกล้ารังแกภรรยาของเขาอีก สิ่งที่คนเหล่านั้นจะได้รับคือความหายนะเท่าที่อิทธิพลของตระกูลแมคคานน์จะสรรหามาประเคนให้มันได้ในชาตินี้

 

 

“เอาเสื้อผ้าที่ซื้อมาไปซักรีดให้เรียบร้อย ของอย่างอื่นเอาไปเก็บไว้ที่ห้องอัญชัน ส่วนเธอ ตามฉันมานี่”

 

 

ไม่นานอาชาวินก็พาช่ออัญชันกลับมาถึงบ้าน ลงจากรถได้มือใหญ่ก็คว้าข้อมือเล็กของช่ออัญชันเอาไว้แล้วจูงมือพาเข้าไปในบ้านพร้อมกัน จากนั้นก็สั่งให้แม่บ้านที่กำลังเช็ดกระจกขนเสื้อผ้าที่เขาซื้อมาไปซักเพื่อที่ช่ออัญชันจะได้นำมาใส่ พร้อมกับข้าวของอย่างอื่นที่นอนกองอยู่เต็มหลังรถ จากนั้นก็จูงมือบางขึ้นไปยังห้องนอน จัดการเปิดเครื่องปรับอากาศเรียบร้อยก็ช้อนร่างเล็กๆ ที่ยืนเกาะประตูทำหน้าหวาดหวั่นยามมองเข้าไปข้างในขึ้นอุ้มไปนอนบนเตียง ตามด้วยร่างสูงที่ทรุดตัวลงนั่งตรงขอบเตียงแล้วชี้นิ้วมาตรงหน้ายามที่ช่ออัญชันทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง

 

 

“นอน!”

 

 

“แต่ว่าอัญต้องไปช่วยงานที่โรงครัวนะคะ”

 

 

“ฉันสั่งให้นอน”

 

 

“แต่อัญยังไม่ง่วงนี่คะ”

 

 

“แน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่ง่วง ถ้าไม่ยอมนอนงั้นก็…ทำอย่างอื่น”

 

 

สิ้นเสียงขู่ ร่างสูงก็ขยับขึ้นมาบนเตียงทั้งตัวพร้อมทั้งใช้ท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างกดเรียวแขนเล็กๆ ให้แนบไปกับเตียงนอน ทิ้งเรือนกายหนาหนักทาบทับร่างบางจนช่ออัญชันขยับหนีไปไหนไม่รอด ดวงตาคู่คมฉายแววเจ้าเล่ห์เป็นประกายร้อนแรงจนคนใต้ร่างรู้สึกเนื้อตัวร้อนวูบวาบตลอดร่าง ใบหน้าขาวนวลเห่อร้อนดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่ออาชาวินจงใจแนบเจ้าสัตว์ประหลาดร้ายกาจของเขาเสียดสีตรงกลางกาย ช่ออัญชันหลับตาปี๋แล้วเบี่ยงหน้าไปด้านข้างหลบหลีกริมฝีปากได้รูปที่รู้พิษสงของมันดีว่าหากมันได้ประทับลงบนริมฝีปากของเธอเมื่อไร เตียงนอนได้ร้อนเป็นไฟเมื่อนั้นแน่นอน

 

 

“ง่วงค่ะ อัญอยากนอนแล้วค่ะ”

 

 

“ก็แค่เนี้ย ต้องให้บังคับ ยายผู้หญิงซาดิสต์ นอนเดี๋ยวนี้ หลับตาปี๋ไปเลย ถ้าแอบลืมตาจะถูกจับกด”

 

 

เรียวปากได้รูปแย้มยิ้มพึงพอใจที่ช่ออัญชันยอมล้มเลิกแผนการที่จะไปช่วยงานที่โรงครัวสักที เพราะทันทีที่ถูกขู่ ช่ออัญชันก็รีบหลับตาปี๋เหมือนเด็กน้อยอย่างที่ถูกสั่ง ที่นอนนุ่มๆ อากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ น้ำหนักมือเบาๆ ที่ลูบกลางหลัง อีกทั้งยังอดหลับอดนอนเมื่อคืนทำให้คนที่บอกปาวๆ ว่าไม่ง่วงหลับสนิทภายในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อแน่ใจว่าลมหายใจของคนหลับง่ายสม่ำเสมอ อาชาวินจึงทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างแล้วค่อยๆ ช้อนศีรษะของช่ออัญชันเข้ามานอนหนุนแขนของตัวเอง มือหนาดึงร่างบางเข้ามาโอบกอดเอาไว้แนบอก ก่อนก้มลงจูบหน้าผากเนียนแผ่วเบา จากนั้นก็นอนมองใบหน้าขาวนวลของผู้หญิงในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย สลับกับจรดปลายจมูกโด่งหอมแก้มใสของช่ออัญชันซ้ำๆ อย่างติดใจในความหอม จนกระทั่งความอ่อนเพลียคืบคลาน อาชาวินจึงทิ้งศีรษะบนที่นอนแล้วเกยปลายคางกับกระหม่อมเล็กและหลับตาลงนอนตามยายแก้มหอมไปอีกคน

 

 

‘หลับซะ ต่อจากนี้ฉันจะไม่ยอมให้ใครรังแกเธออีก ช่ออัญชัน แมคคานน์’

 

 

**********************************

สารจากพี่อาชาคนหล่อ...ถึงสาวๆ ทุกคน

เมื่อวานพี่มุ้งมิ้งจนสาวๆ หลงกันหัวปักหัวปำ แต่วันนี้พี่มาพร้อมกับอารมณ์พลุ่งพล่านมากครับ บอกเลยว่าตอนนี้หัวร้อนสุดๆ ยัยตาใสน่ะเมียพี่ พี่แกล้งได้คนเดียวคนอื่นอย่าได้แหยมเข้าใจมั้ย ถ้าไม่อยากถูกพี่โมโหใส่ สาวๆ ก็ห้ามแกล้งยัยอัญชันเด็ดขาดนะ เพราะพี่จะไม่ใจดีด้วย พี่เตือนไว้ล่วงหน้า

อ้อ! พี่ขอฝากอีกนิดครับ อาทิตย์หน้าเล่มพี่จะมาแล้ว สาวๆ ที่อยากได้พี่ไปนอนกอดที่บ้านรีบสั่งจองกับคนเขียนด่วนๆ เลยนะครับ จะได้จัดส่งพร้อมกันทีเดียว เพราะยัยไร้ท์ตัวกลม คนเดียวกับที่เขียนให้พี่ร้ายน่ะเค้าไม่ค่อยสะดวกออกมาส่งบ่อยๆ จองและโอนค่าตัวของพี่ได้ที่เพจ 'พิจักขณา พิชามญชุ์' เลยครับ รักพี่อย่าลืมรับพี่ไปอยู่ที่บ้านด้วยนะครับ ใครรักพี่แต่ไม่เอาพี่ไปอยู่ด้วย เดี๋ยวพี่จะว๊ากใส่ให้หงอไปเลย อย่าให้พี่ต้องร้าย แฮร่!

 

หรือใครถนัดโหลด ตอนนี้โหลดพี่ได้แล้วที่ Meb กับ Hytexts นะครับ

 

ขอจบสารสำคัญไว้เพียงเท่านี้

 

จากพี่อาชาสุดหล่อที่รักสาวๆ ทุกคน

 

**************************************************************

E-book ของพี่เอง ฝากโหลด ฝากกดหัวใจ และฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังให้พี่ด้วยครับ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา