สยบรักเมียบำเรอ
7.2
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
41 ตอน
3 วิจารณ์
41.84K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) หัวใจกระตุก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอน!”
นั่งทำงานในมืออยู่เพลินๆ อยู่ๆเสียงเข้มบ่งบอกว่าไม่พอใจก็ตะคอกถามขึ้นมาจนทำให้ร่างเล็กของช่ออัญชันที่นั่งอยู่ตรงประตูห้องของตัวเองสะดุ้งเฮือก ใบหน้าขาวเนียนเงยขึ้นมองต้นเสียงด้วยความตกใจอัตโนมัติจนเรียวปากบางอ้าค้างไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ กว่าจะดึงสติกลับมาได้ อาชาวินก็มายืนทำหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า มือบางจึงรีบซ่อนมือไว้ด้านหลังแม้ว่ามันน่าจะไม่ทันการเสียแล้ว
“ทำอะไร ทำไมต้องซ่อน เอามือออกมาเดี๋ยวนี้!”
ท่าทางส่อพิรุธของช่ออัญชันทำให้เขาไม่ไว้ใจ เห็นแว่บๆเหมือนจะเป็นผ้าที่อยู่ในมือของหญิงสาวเมื่อครู่แต่ก็ไม่มั่นใจนัก ทั้งที่ยืนอยู่ใกล้แต่เขากลับไม่ได้ให้ความสนใจมันสักเท่าไร นั่นเพราะเขามัวแต่มองหน้าหวานๆของคนตัวเล็กที่ดึกป่านนี้แล้วยังไม่ยอมเข้าห้องไปนอนจนเดือดร้อนเขาต้องเดินเข้ามาดู ถ้าเอาเวลาพักผ่อนมาทำเรื่องไร้สาระล่ะโดนดีแน่!
แล้วถ้าถามกลับว่าแล้วเขาล่ะป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน คำตอบคงเป็น…นั่นสิ! ทำไมวะ?
จริงๆมันคงเป็นอารมณ์ที่ค้างคาตั้งแต่ตอนกลับมาถึงบ้านแล้วกระมัง ไม่รู้ครึ้มอกครึ้มใจอะไรวันนี้เขาจึงอยากให้ยายตาใสมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนกัน จินตนาการไปว่าได้นั่งตักข้าวเข้าปากสลับกับมองหน้าหวานๆของช่ออัญชันคงทำให้มื้อเย็นวันนี้ของเขาอร่อยขึ้น แต่ทุกอย่างที่หวังกลับล้มเหลวเมื่อเรนุกากลับมา หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาจึงขอแยกตัวไปนั่งทำงานในห้องทันที ส่วนเรนุกาก็คงเข้าไปพักในห้องนอนของเจ้าหล่อนล่ะมั้งเขาไม่ได้สนใจ นั่งเผาเวลาทิ้งไปเรื่อยงานการไม่ได้ทำเกือบๆสามชั่วโมงเขาก็เริ่มทนไม่ไหว ดูนาฬิกาแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าเวลานี้แม่บ้านคงกลับไปพักที่เรือนหลังเล็กกันหมดแล้วจึงออกมาจากห้องทำงาน
จากนั้นก็เดินลัดเลาะมาเรื่อยเปื่อยกะว่าจะมาสูดอากาศยามค่ำคืนสักพักแล้วค่อยกลับขึ้นไปนอน ซึ่งตรงนี้แหละที่เขาไม่มั่นใจว่าตั้งใจหรือเรื่องบังเอิญ เพราะรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาถึงเรือนคนใช้หลังบ้านเสียแล้ว ที่สำคัญคือทิศทางที่เขาเดินมาคือทางไปห้องพักห้องริมสุดเสียด้วย แต่ถามว่ารู้ตัวแล้ว แล้วทำไมเขาไม่ชักขากลับ เขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน คิดง่ายๆแค่ว่าไหนๆก็มาแล้วขอเดินไปดูหน่อยซิว่ายายตาใสนอนบริจาคเลือดให้ยุงอีกหรือเปล่า แต่พอเห็นว่าเจ้าหล่อนยังนั่งก้มหน้าทำอะไรสักอย่างที่หน้าประตู อารมณ์หงุดหงิดก็พุ่งทะยาน เพราะเวลานี้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว มันคือเวลาที่เจ้าหล่อนสมควรนอนต่างหาก
“ฉันสั่งให้ยื่นมือมาข้างหน้า!”
อาชาวินตะคอกสั่งอีกครั้งเสียงห้วนเมื่อยายตัวเล็กยังไม่ยอมยื่นมือที่ซ่อนเอาไว้ให้เขาดู นับเวลาที่ช่ออัญชันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เป็นเวลาเดือนเศษแล้ว เพิ่งเคยเจอครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละว่าเจ้าหล่อนก็มีมุมดื้อ แถมยังดื้อเงียบจนน่าจับมาหวดก้นอีกต่างหาก
เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยง ช่ออัญชันจึงค่อยๆดึงสองมือสั่นๆด้วยความกลัวกลับมาข้างหน้าพร้อมของกลาง เพียงสองตาคมเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของช่ออัญชัน ดวงตาของอาชาวินก็ลุกโพลงแข็งกร้าว เพราะคิดว่าหญิงสาวเกลียดขี้หน้าเขามากจนต้องเอาเสื้อเขามาทำลายระบายความคับแค้นใจที่ถูกเขารังแก ที่สำคัญเสื้อตัวนี้มันเป็นตัวโปรดของเขาด้วย
“นี่มัน…เสื้อฉัน เธอทำอะไรกับเสื้อฉัน ฮะ!”
“มันขาดค่ะ ฉันเลยเอามา…เย็บ ขอโทษค่ะที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณอาชาก่อน”
เพราะกลัวว่าอาชาวินจะโกรธที่เธอเอามือสกปรกๆของตัวเองไปแตะต้องข้าวของส่วนตัวของเขา ช่ออัญชันจึงก้มหน้าหลบสายตาแล้วสารภาพผิดออกไปเสียงอ่อย หากจะโดนอาชาวินต่อว่าเธอก็ไม่โกรธ เพราะเข้าใจดีว่าเขาคงไม่อยากให้เธอวุ่นวายกับชีวิตเขาเท่าไร แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะตอนที่เธอกลับมาจากโรงครัวแล้วมาช่วยพี่ๆแม่บ้านทำงานบ้าน พี่บัวฝากให้เธอเก็บเสื้อผ้าของอาชาวินที่ซักตากเอาไว้ไปวางที่ห้องรีดผ้า เธอจึงเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้ตะเข็บตรงด้านข้างมันขาดเป็นทางยาวเหมือนไปเกี่ยวโดนอะไรมา ช่ออัญชันจึงเอาเสื้อตัวนี้มาไว้ที่ห้องเพื่อรอซ่อมแซมหลังจากที่ทำงานบ้านช่วงค่ำเสร็จ ตั้งใจว่านั่งเย็บคืนนี้แล้วพรุ่งนี้เช้าจะได้รีดแล้วฝากพี่บัวเอาไปแขวนในตู้เสื้อผ้าของเขา แต่เพิ่งจะเริ่มต้นเย็บได้ไม่เท่าไร ดันถูกเจ้าของเสื้อจับได้เสียก่อน
‘ที่แท้ยายแก้มหอมนั่งซ่อมเสื้อให้เรา’
ความจริงที่ถูกเปิดเผยทำเอาอาชาวินพูดไม่ออก นอกจากเรื่องราวมันจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคาดเดา สิ่งที่ช่ออัญชันทำให้ในตอนนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘จุก’ ความรู้สึกมันตื้อตันเหมือนโดนชกเข้าที่ท้องหนักๆจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ รู้เพียงว่าหัวใจเขามันเต้นแรงและพองขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนแน่นคับอกไปหมด สองตาได้แต่มองหน้าหญิงสาวที่ก้มจนคอแทบหักสลับกับมองเสื้อของตัวเองในมือขาวๆของช่ออัญชันอยู่ซ้ำๆแบบนั้น แล้วหลับตาลงซึมซับเก็บกักความรู้สึกนี้ไว้กับตัวให้มากที่สุด สารภาพอย่างไม่อายเลยว่าเขากำลังรู้สึกดีมากๆ เนื้อตัวโล่งเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อารมณ์คุกรุ่นค้างคาที่ถูกเรนุกาทำให้ผิดแผนผ่อนคลายจนค่อยๆจางหายไปจากต่อมความรู้สึก
“อยากทำก็ทำไป แต่ถ้าโดนเข็มตำมือ เธอจะถูกตี”
เรียวปากได้รูปเม้มแน่นอยู่หลายครั้งเหมือนลังเลที่จะพูดจะบอกบางอย่างให้คนขี้กังวลฟัง สุดท้ายแล้วอาชาวินก็เปลี่ยนใจ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆ ดวงตาคมทอดมองช่ออัญชันเป็นประกายอ่อนโยนไม่รู้ตัว แต่กระนั้นก็ยังต้องรักษาฟอร์มด้วยการข่มขู่คนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงเข้มๆ เพราะเขาไม่อยากเห็นร่อยรอยบนเนื้อตัวของเจ้าหล่อนอีก ไม่ว่ามันจะใหญ่หรือเล็กจิ๋วแค่ไหนก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ”
น่าตลกสิ้นดีที่ช่ออัญชันต้องเป็นฝ่ายขอบคุณทั้งที่ความจริงหญิงสาวต่างหากที่ต้องได้ยินคำๆนี้จากปากของเจ้าของเสื้อที่เธอมีน้ำใจมอบให้ แต่ก็นั่นแหละ แค่อาชาวินไม่โวยวายด่าทอก็ถือเป็นพระคุณสำหรับช่ออัญชันมากเหลือเกินแล้วที่เขายอมให้เมียตีทะเบียนคนนี้แตะต้องเสื้อตัวโปรดของเขา
แต่ใช่ว่าอนุญาตแล้วจะจบเรื่อง เพราะอาชาวินยังไม่ไปไหน และไม่มีทีท่าว่าจะไปง่ายๆด้วยเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มลดตัวลงนั่งตรงประตูห้องที่มีช่ออัญชันนั่งอยู่ก่อน ตัวเขาใหญ่โตแต่ช่องประตูแคบนิดเดียวทำให้เจ้าของห้องต้องเป็นฝ่ายกระถดตัวถอยหลังเข้าไปนั่งด้านใน แม้ไม่มีไฟฟ้าแต่แสงสว่างจากด้านนอกก็เพียงพอให้ช่ออัญชันสามารถนั่งเย็บผ้าได้
‘นี่เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมคุณอาชาถึงได้นั่งจ้องเราแบบนี้’
ระหว่างที่นั่งเย็บผ้าช้าๆด้วยความประณีต ช่ออัญชันก็นั่งคิดหาคำตอบไปด้วย บอกตามตรงว่าตอนนี้เธอชักทำตัวไม่ถูก นั่นเพราะถูกชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าหันหลังพิงบานประตูจ้องมองไม่วางตา อาชาวินไม่ได้ดุ ไม่ได้ตะคอก เขาทำเพียงแค่นั่งมองเฉยๆ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ใจสั่นนัก ยิ่งตอนที่แอบเหลือบสายตาขึ้นมองแล้วสบตากับดวงตาล้ำลึกที่มองอยู่ก่อน หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นระรัวรู้สึกหวิวๆในอกบอกไม่ถูก
“คุ…คุณอาชาทำอะไรคะ”
ช่ออัญชันทำหน้าเหลอหลาพลางถามออกไปเสียงสั่นเมื่อนั่งเย็บผ้าอยู่ดีๆก็มีศีรษะของคนตัวโตนอนทับลงมาบนตักอย่างรวดเร็ว น้ำหนักตัวของเขาไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อน แต่เพราะไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนจึงทำให้ทำตัวไม่ถูก จะผลักออกก็ไม่ได้เพราะในมือยังถือเข็มกับเสื้อของเขาเอาไว้ ทำได้เพียงมองหน้าของเขาด้วยสายตาอ้อนวอนเพราะสิ่งที่อาชาวินกำลังทำมันทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาร้อนวูบวาบ สองมือสองไม้รู้สึกอ่อนเปลี้ยไปหมด
“กินนมมั้ง ถามโง่ๆ”
ดวงตาของอาชาวินกลับพริ้มหลับอย่างสบายอารมณ์ อีกทั้งเรียวปากได้รูปยังยกยิ้มน้อยๆอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น แต่ที่ต้องตอบออกไปคล้ายคนหงุดหงิดเป็นเพราะต้องการกลบเกลื่อนความรู้สึกที่อยู่ภายในใจไม่ให้เจ้าของตักอุ่นรู้ตัว เขานั่งมองอยู่นานแล้ว และก็นั่งข่มใจอยู่นานเช่นกันที่จะไม่เผลอทำอะไรอย่างที่ใจร่ำร้อง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เพราะยิ่งมองเห็นความตั้งใจของช่ออัญชันยามปักปลายเข็มลงไปในเนื้อผ้าด้วยความประณีต ความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนก็กระแทกหัวใจเข้าอย่างจัง
ทั้งที่หญิงสาวถูกเขารังแกอย่างโหดร้ายตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอาศัยในบ้านแมคคานน์ และอีกหลายๆครั้งที่ช่ออัญชันถูกเขากลั่นแกล้งให้หวาดกลัวตกใจจนเสียน้ำตา บางครั้งก็เจ็บตัว บางครั้งถึงกับเป็นลมหมดสติ แต่หญิงสาวกลับไม่มีท่าทีเกลียดชังอาฆาตแค้นให้เห็น ถ้าจะอ้างว่าเป็นเพราะกลัวจึงไม่กล้าแสดงออกก็อาจเป็นไปได้ แต่หากช่ออัญชันโกรธเกลียดเขาขนาดนั้น หญิงสาวคงไม่เอาเสื้อเขามานั่งซ่อมให้อย่างที่ทำอยู่ เพราะถึงช่ออัญชันจะไม่ทำ เดี๋ยวแม่บ้านคนอื่นก็ต้องทำให้อยู่ดี
สิ่งที่ช่ออัญชันทำให้ มันทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนยวบ รู้สึกเหมือนกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนโยนของเจ้าหล่อน ยิ่งมองเห็นความตั้งใจของหญิงสาว เขาก็ยิ่งรู้สึกดีจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ออก เพราะภาพที่ยายตาใสนั่งเย็บเสื้อให้ มันทำให้เขานึกถึงมารดาที่เสียชีวิตไป แม้ในตอนนั้นเขาจะมีอายุเพียงสี่ห้าขวบ แต่เขาก็ยังจำได้ยามคุณดวงหทัยนั่งปักชื่อลงบนเสื้อนักเรียนให้เขา แม่ค่อยๆปักเข็มแท่งเล็กลงไปบนเนื้อผ้าที่ร่างตัวอักษรด้วยดินสอช้าๆ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลานานนับชั่วโมง แต่เมื่อผลงานออกมาสวยสมใจ มือบางๆของคุณดวงหทัยค่อยๆลูบลงไปบนชื่อของเขาอย่างรักใคร่ เขาถามแม่ว่าทำไมต้องลงมือทำด้วยตัวเองทั้งที่จ้างร้านให้ทำให้ก็ได้ คุณดวงหทัยบอกว่าที่ร้านไม่ได้ใส่ความรักลงไปในระหว่างที่ปัก เพียงแค่นั้นเขาก็เข้าใจและไม่คิดสงสัยอะไรอีก ภูมิใจมากด้วยซ้ำที่ชื่อบนเสื้อนักเรียนทุกตัวของเขาถูกปักขึ้นด้วยความรักของแม่ทุกตัวอักษร
และหากในยามนี้เขาจะโมเมเข้าข้างตัวเองว่าเหตุผลที่ช่ออัญชันลงมือเย็บเสื้อของเขาด้วยตัวเองนั้นเป็นเหตุผลเดียวกับคุณดวงหทัย คงไม่ผิดใช่หรือไม่
“หยุดทำไม ไม่เย็บต่อไปล่ะ”
นอนหนุนตักอุ่นคิดถึงภาพมารดาด้วยความสุขเพลินอารมณ์อยู่พักใหญ่ อาชาวินจึงรู้สึกได้ถึงอาการแข็งเกร็งของเจ้าของตัก ชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้นมองและก็เห็นว่าช่ออัญชันนั่งทำหน้าเอ๋อเร๋อกะพริบตาปริบๆเหมือนคนกำลังสับสน อีกทั้งสองมือยังหยุดซ่อมเสื้อของเขา ความสงสัยจึงบังเกิด
“เยะ..เย็บ..เย็บไม่ได้ค่ะ มือมันสั่น” ถ้าเกิดเย็บพลาดแล้วเข็มทิ่มมือเธอก็ต้องถูกเขาตีอีก
จากตอนแรกที่คิ้วเข้มหนาขมวดจนยุ่งเหยิงด้วยคิดไปว่าช่ออัญชันรังเกียจที่เขาเข้าใกล้จนเกือบเผลอตัวอาละวาด แต่มาตอนนี้อาชาวินกลับต้องพลิกตัวซุกหน้ากับต้นขาเล็กๆเพื่อปิดซ่อนรอยยิ้มกว้างที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้จริงๆจากดวงตากลมๆของยายตาใส คำตอบซื่อๆกับดวงตาแป๋วแหว๋วไร้จริตมารยาของเจ้าหล่อนมันทำให้เขาอยากยิ้มขึ้นมากะทันหัน เวลาช่ออัญชันทำหน้าเหวอๆหวั่นๆแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน รู้สึกเอ็นดูกับความไร้เดียงสาขั้นสุดของเมียสาวยิ่งนัก
“งั้นเย็บต่อไปให้เสร็จ เสร็จแล้วเอาขึ้นไปให้ฉันที่ห้องทันที เข้าใจหรือเปล่า”
ซบหน้ากับต้นขาอุ่นอยู่ครู่ใหญ่จนมั่นใจว่าเขาสามารถเก๊กหน้าขรึมได้อย่างปกติอาชาวินจึงยอมพลิกตัวและลุกขึ้นนั่ง สายตาคู่คมมองใบหน้าของคนมือสั่นนิ่งๆจนเกิดความเงียบ ทำให้ช่ออัญชันเงยหน้าขึ้นมองว่าอาชาวินกำลังทำอะไร เมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก็ทำตาโตอ้าปากหวอแล้วรีบก้มหน้าแดงๆหลบสายตาล้ำลึกชวนให้ขนในกายลุกซู่มองตักตัวเอง ตักที่เมื่อครู่มีศีรษะทุยๆของเขานอนทาบทับแต่เธอกลับไม่รู้สึกว่ามันหนักเลยสักนิด
‘ห้องนี้มัน…ไม่สะดวก’
แกล้งจ้องหน้าให้ช่ออัญชันได้อายเพราะอยากเห็นแก้มแดงๆได้สมใจ อาชาวินจึงกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนน้อยๆของเมียสาวแล้วถอนหายใจออกมาหนักหน่วงกับความแคบขั้นสุดของมัน ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงปากประตูหรอกถึงสามารถอยู่ร่วมกับช่ออัญชันได้ไม่ลำบาก แต่ถ้าจะให้เข้ามานั่งมานอนพร้อมกันทีเดียวสองคนคงไม่ได้แน่ๆ ไม่ทับกันตายก็ขาดอากาศหายใจตายไปก่อน เขาต้องการพื้นที่มากกว่านี้จึงต้องสั่งให้ยายแก้มหอมเอาเสื้อไปส่งให้ที่ห้องนอน ซึ่งดูแล้วยายตาใสคงยังรู้ไม่ทันจุดประสงค์ร้ายกาจของเขาแน่ๆถึงได้รับคำง่ายดายแล้วตั้งหน้าตั้งตาเย็บเสื้อต่อไป
‘มีเมียซื่อบื้อนี่มันก็ดีเหมือนกันแฮะ หลอกง่ายชิบหาย!’
‘เมียงั้นเหรอ?’ คำถามเกิดขึ้นในใจเมื่อเขามอบคำว่า ‘เมีย’ ให้ช่ออัญชันอย่างไม่คิดหวงแหน
“เข้าใจค่ะ” สงสัยพรุ่งนี้คุณอาชาคงอยากใส่เสื้อตัวนี้
ด้วยความเข้าใจว่าอาชาวินคงอยากใส่เสื้อเชิ้ตตัวนี้ในวันรุ่งขึ้น ช่ออัญชันจึงตั้งสมาธิแล้วเร่งมือเย็บเสื้อต่อไป ฝ่ายอาชาวินก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันมามองคนขยันก่อนเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยรอยยิ้มมาดหมาย ไม่นานช่ออัญชันก็ตามอาชาวินขึ้นไปบ้านใหญ่อีกคนพร้อมด้วยเสื้อเชิ๊ตที่ซ่อมแซมเรียบร้อย
ก๊อก…
แอ๊ดดดดด
“เสื้อได้แล้วค่ะ อุ้ย! คุณอาชา อื้ออออ”
สิ้นเสียงเคาะประตูครั้งแรก ประตูห้องนอนของอาชาวินก็เปิดออกทันทีราวกับคนที่อยู่ข้างในยืนรออยู่ตรงนั้น พร้อมลำแขนสีแทนที่รวบเกี่ยวเอวบางเข้าหาตัวพร้อมบานประตูที่ถูกปิดสนิทอย่างรวดเร็ว ปิดบังเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนั้นจากสายตาอาฆาตร้ายของเรนุกาที่แอบมองอยู่หลังแจกันประดับบ้านใบใหญ่ตรงบันได ยืนกัดฟันกำหมัดรออยู่ร่วมๆสิบนาที เรนุกาจึงยอมพาร่างเพรียวระหงกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง อยู่รอไปก็เมื่อยขาเปล่าๆ เพราะมั่นใจแล้วว่าค่ำคืนนี้อาชาวินคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงมอซอเปื้อนดินโคลนคนนั้นออกมาจากห้องนอนของเขาแน่ คิดแล้วให้แค้นใจนัก
‘เสวยสุขให้เต็มที่ เพราะหลังจากนี้ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น นังอัญชัน!’
*********************************
อ่ะ พาพี่อาชาสุดหล่อมาเสิร์ฟแล้ว ความโหดมันก็จะค่อยๆลดระดับลงอ่ะนะช่วงนี้ ช่วงนี้พี่ใจดี ขอสาวๆจงกลับมาเทใจให้อิพี่เหมือนเดิมเถอะ พี่โดนด่าเปิดเปิงจนขวัญผวาแล้ว ฮ่าๆๆ
ปล.และย้ำกันอีกนิดนะคะว่าวันนี้ จะเปิดให้ลงชื่อจองพร้อมโอนรูปเล่มของพี่อาชากะหนูอัญชันในราคาพิเศษ จาก 390 บาท เหลือเพียง 350 บาทพร้อมส่งฟรีลงทะเบียน และรับของที่ระลึก เป็นวันสุดท้ายแล้ว เปิดโอกาสให้จองได้ถึง 23.59 น.ค่ะ ที่เพจ 'พิจักขณา พิชามญชุ์' และเฟซบุ๊ก 'พิจักขณา พิชามญชุ์ นักเขียน'
อยากได้ตัวอุ่นหนาๆของพี่อาชาไปกอด สั่งจองโลดค่ะ เพราะหากสั่งหลังจากวันนี้ ราคา 390 บาทตามปกเท่านั้นค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ