สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) ชำระความ2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ระยำ!”
เพราะคนที่พูดคือผู้หญิงและยังเป็นผู้หญิงสูงวัยที่ควรค่าแก่การดูแลรักษามากกว่าจะถูกทุบตี หมัดหนักๆจึงได้แต่ชกอยู่ในอากาศระบายความเดือดดาลที่อัดอั้นอยู่ภายในซ้ำไปซ้ำมา ตอนนี้อาชาวินจำเป็นต้องรีบหันหลังให้ป้าๆแม่ครัวทั้งสาม เพราะชายหนุ่มไม่มั่นใจตัวเองเอาเสียเลยว่าหากเขามองหน้าป้าๆต่อไปอีกสักนาทีสองนาทีแล้วเขาจะสามารถหักห้ามใจไม่ให้ทำร้ายคนแก่ได้หรือเปล่า นั่นเพราะเหตุผลที่ป้าแม้นบอกมามันทำให้เขาโกรธจนแทบคลั่ง โกรธที่สามคนนี้ใช้อคติโง่เขลาบังตาจนไม่มีความเมตตาปรานีให้เด็กสาวตัวเล็กๆอย่างช่ออัญชันเลยสักนิด เพียงเพราะอยากประจบประแจงจึงไม่เคยสนใจว่าคนตัวเล็กจะเหน็ดเหนื่อยสาหัสมากมายขนาดไหน ภาพในจินตนาการยามนึกไปว่ายายตาใสต้องนั่งล้างจานกองโตเพียงคนเดียวจนมือเปื่อยซีด ต้องไปหิ้วถุงกับข้าวหนักๆมากมายที่ตลาดคนเดียว มันทำให้เนื้อตัวของเขาตอนนี้สั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ นี่หากเป็นผู้ชายล่ะก็ อาชาวินมั่นใจเลยว่าเขาจะตะบันหน้าคนที่กล้ารังแกช่ออัญชันให้รู้สึกไปเลยว่าเจ็บจนแทบไม่อยากมีลมหายใจต่อมันเป็นยังไง
“ไปตามสามสาวนั่นมาพบฉัน เดี๋ยวนี้!”
พยายามหักห้ามอารมณ์ไม่ให้ฉุนเฉียวจนขาดสติลงมือทำร้ายแม่ครัวอยู่ครู่ใหญ่จนระดับความพลุ่งพล่านของอะดรีนาลีนในร่างกายลดลง อาชาวินจึงหันไปสั่งเจิดที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านนอกให้ออกไปตามตัวการที่ถูกจำเลยซัดทอดมาสอบปากคำเพิ่ม
“มาแล้วครับนายน้อย”
ไม่ถึงสิบนาทีเจิดก็กลับมาพร้อมด้วยคนงานสาวอีกสามคนที่ตอนแรกยังไม่รู้ชะตากรรมจึงมีสีหน้ายิ้มแย้มรื่นเริงเมื่อรู้ว่าอาชาวินเรียกหา แต่พอเห็นสภาพของป้าแม่ครัวทั้งสามที่นั่งน้ำตาคลอหันหลังชนฝา เฟื้องฟ้า เปิ้ล และขวัญถึงกับกลั้นหายใจร่างกายแข็งทื่อหยุดชะงักไม่กล้าก้าวขาเข้าไปในห้องพักของป้าแม้นเลยทีเดียว ยิ่งเมื่ออาชาวินเงยหน้าขึ้นมอง สายตาดุกร้าวของชายหนุ่มที่มองมาก็ทำเอาสามสาวถึงกับตัวสั่นเทิ้มเหงื่อแตกพลั่กเริ่มมีอาการเหมือนป้าๆทั้งสามไม่มีผิด
“เอ่อ…นะ..นายน้อยเรียกพวกเรามา มีอะไรเหรอคะ”
สายตาเฉียบดุที่อาชาวินจ้องมองนิ่งๆอยู่นานหลายนาทีโดยไม่ยอมพูดจาทำเอาเฟื่องฟ้าที่เป็นดั่งหัวหน้าแก๊งจำต้องเปิดปากถาม ไม่ได้กล้าไม่ได้ถือดีริอ่านเล่นของสูง แต่เป็นเพราะกำลังถูกสายตาของนายน้อยที่เธอหมายตาอยากได้มาเป็นพ่อของลูกกดดันจนมีการหวิวๆคล้ายจะเป็นลมต่างหากจึงต้องทำใจกล้าถามออกไป เผื่อว่ามันอาจไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรงอย่างที่เธอกำลังหวาดกลัวก็เป็นได้
“เธอใช่ไหมเจ้ากี้เจ้าการยุให้ป้าสามคนนี้รังแกอัญชัน”
“เฟื่องเปล่านะคะนายน้อย เฟื่อง…เฟื่องไม่ได้ทำ พวกป้าใส่ร้ายหนูทำไมจ๊ะ”
ดวงตาของเฟื่องฟ้าและเพื่อนอีกสองคนเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำถามจากเจ้านายหนุ่มหล่อ สามสาวทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนก้มหน้าหลบสายตาคาดคั้นแล้วรีบปฏิเสธออกไปตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด จากนั้นไม่นานคนไม่เคยยอมรับความผิดอย่างเฟื่องฟ้าก็รีบปั้นหน้าทำตาใสซื่อแล้วหันหน้าไปมองป้าแม่ครัวทั้งสามพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นพล่า ทำตาแดงๆเหมือนคนถูกรังแกเพื่อตบตาอาชาวิน ไม่มีหลักฐานซะอย่างเธอจะไม่ยอมถูกจับได้เด็ดขาด
“ข้าไปใส่ร้ายอะไรเอ็ง ก็เอ็งนั่นแหละเดินมาบอกว่านังอัญชันน่ะมันร่านใช้มารยาสาไถยจับนายน้อยทำผัวหวังรวยทางลัด แกบอกว่านังอัญชันมันชอบทำหน้าซื่อตาใสให้คนสงสารทั้งที่จริงมันร้ายแล้วก็ตอแหลมาก นายน้อยเกลียดมันมากไม่ได้อยากได้มันเป็นเมีย ให้ข้าใช้งานมันหนักๆ นายน้อยจะได้ชอบใจแล้วตรางวัลให้ แกบอกข้าแบบนี้นังเฟื่อง”
“ป้ายืนยันได้ค่ะนายน้อยว่านังเฟื่องกับอีสองตัวนี่มันพูดแบบนี้จริง”
เมื่อถูกเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทิ้งเอาตัวรอดกลางทาง ป้าๆทั้งสามคนจึงไม่คิดจะยอม ป้าแม้น ป้าวงศ์ กับป้าปลิกจึงรีบแฉความร้ายกาจของสามสาวหมดเปลือก ไหนๆอาชาวินก็รู้เรื่องที่พวกแกทำหมดแล้ว เพราะฉะนั้นแกจะไม่ปล่อยให้ตัวการร้ายอย่างนางสามตัวนี้ชิ่งหนีเอาตัวรอดหน้าด้านๆ
“ไม่จริงค่ะนายน้อย เฟื่องไม่เคยทำแบบนั้นเฟื่องจะไปทำแบบนั้นทำไมล่ะคะ เฟื่องไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับอัญชันสักหน่อย”
“จริงค่ะนายน้อย เราไม่เคยรู้จักอัญชันมาก่อน เราไม่กล้าหาเรื่องคนที่เราไม่รู้จักหรอกค่ะ”
เห็นทักษะการเอาตัวรอดของหัวหน้าแก๊งที่ต้องยอมรับว่าปั้นหน้าสร้างภาพเก่งได้โล่ เปิ้ลกับขวัญจึงไม่รอช้ารีบสวมบทบาทคนดีไม่เคยหาเรื่องทำร้ายใครได้อย่างแนบเนียนเช่นกัน
“อย่ามาตอแหล เอ็งพูดเองนังเฟื่องว่านายน้อยน่ะเกลียดนังนั่นมาก ข้าจำได้”
“ฉันไม่รู้ว่าป้าพูดเรื่องอะไร แต่พวกป้าไม่ควรทำแบบนี้นะ ป้าทำป้าก็ยอมรับผิดไปสิ จะดึงพวกฉันที่ไม่รู้เรื่องไปเกี่ยวด้วยทำไม ทำไมพวกป้าเป็นคนแบบนี้ กล้าใส่ร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉย ป้าอย่าใจร้ายกลั่นแกล้งพวกเราแบบนี้เลยนะ ฉันขอร้อง”
“พวกเอ็ง…”
“ป้าอย่า…”
“หุบปาก!”
ทิ้งเวลาให้ผู้หญิงทั้งหกคนโต้เถียงกันอยู่นานแต่คำแก้ต่างของทั้งสองฝ่ายกลับไม่ตรงกันเอาซะเลย ซึ่งหมายความว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังโกหกและไม่มีทีท่าว่าจะยอมสารภาพความจริงทั้งหมดหากไม่มีหลักฐานมาทำให้จนมุม ความอดทนของอาชาวินจึงหมดลง ชายหนุ่มตวาดเสียงเข้มให้จำเลยจำนวนครึ่งโหลหุบปากเสียที ซึ่งแน่นอนว่าน้ำเสียงเฉียบคมประดุจสายฟ้าฟาดสามารถหยุดการโต้เถียงไฟแล่บของสองฝ่ายได้ชะงัดนัก บรรยากาศในตอนนี้จึงเงียบกริบวังเวงเหมือนไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
“ให้เวลาเก็บกระเป๋าครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วไปรับเงินเดือน ทุก - คน!”
“นายน้อยขา อย่าไล่พวกป้าออกเลยนะคะ ป้าขอโทษ ป้าผิดไปแล้ว ป้าสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่แกล้งหนูอัญชันอีก ป้าสัญญา อย่าไล่พวกเราออกเลยนะคะ พวกเราผิดไปแล้ว ฮือ ฮือ”
ประกาศิตเสียงเข้มอัดแน่นไปด้วยความเด็ดขาดทำเอาป้าๆทั้งสามปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ป้าปลิก ป้าแม้น ป้าวงศ์รีบคลานเข้ามากอดเข่าของอาชาวินเขย่าไปมาเรียกหาความเห็นใจด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา พวกแกทำงานอยู่ที่ไร่ดวงหทัยมาตั้งแต่สมัยยังสาวๆรู้สึกผูกพันกับที่นี่เหมือนเป็นบ้านของตัวเอง อยู่ๆจะมาถูกไล่ออกแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะแก่หง่อมขนาดนี้คงไม่มีใครอยากรับไปทำงาน ลูกเต้าก็ไม่มี ที่ทางบ้านช่องก็ไม่มี หากถูกไล่ออกคงต้องอาศัยนอนอยู่ข้างถนนกลายเป็นคนจรจัด
ไม่น่าเลย! พวกแกไม่น่าทุบหม้อข้าวด้วยการกลั่นแกล้งเมียเจ้าของหม้อข้าวเลยจริงๆ หาเรื่องอดตายเองแท้ๆ
“นายน้อย เฟื่องไม่ได้ทำจริงๆนะคะ ไม่ได้ทำ นายน้อยอย่าไล่พวกเราเลยนะคะ พวกเราไม่ได้ทำจริงๆ นายน้อยสงสารพวกเราด้วยนะคะ ฮือ เฟื่องไม่ได้ทำ เฟื่องถูกใส่ร้าย”
กลุ่มสามสาวเองก็ตกใจไม่ต่างกันกับการตัดสินความผิดครั้งนี้ของอาชาวิน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ต่อมความสำนึกผิดทำงาน เพราะทันทีที่เฟื่องฟ้าคุกเข่าแล้วเข้ามากอดขาอีกข้างของเจ้านายหนุ่มเอาไว้ หญิงสาวก็ยังยืนยันต่อไปได้หน้าตาเฉยว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของป้าแก่ๆทั้งสาม อีกทั้งยังหวังว่าหน้าอกที่ถูไถกับท่อนขาแข็งแรงจะช่วยทำให้อาชาวินยอมใจอ่อนให้พวกเธออยู่ที่นี่ต่อไป
“นายน้อยขา ให้อภัยพวกเราสักครั้งนะคะ ป้าสามคนขอสัญญาว่าต่อไปนี้ เราจะไม่แกล้งหนูอัญชันอีกแล้วจริงๆ หากพวกป้าทำอีก พวกป้าจะยอมถูกไล่ออกไปจากไร่นี้ไม่มีบิดพลิ้วเลยค่ะ นะคะนายน้อย ขอโอกาสให้พวกป้าสักครั้งนะคะ เมตตาคนแก่ๆไม่มีที่ไปอย่างพวกป้าสักครั้ง”
เมื่ออาชาวินยังยืนกอดอกมองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ยินคำร้องขอ ป้าแม้นจึงปาดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นอ้อนวอนอาชาวินอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง และเพราะคำว่า ‘คนแก่ๆไม่มีที่ไป’ นี่เองที่ทำให้อาชาวินเหลือบสายตามองป้าแม้น ดวงตาคู่คมประเมินความน่าเชื่อถือของแม่ครัวเก่าแก่ จริงๆถ้าไม่นับเรื่องที่แกทำกับช่ออัญชัน ป้าแม่ครัวสามคนนี่ก็ไม่เคยทำความผิดอะไร แกทำงานของพวกแกไปเรื่อยไม่เคยมีปัญหา ถ้าหากถูกไล่ออกแล้วป้าสามคนนี้จะไปอยู่ที่ไหนเขาเองก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
“ป้าสัญญาจริงๆค่ะนายน้อย ป้าสัญญา”
“เห็นแก่ที่ป้าทำงานรับใช้ครอบครัวผมมานาน ครั้งนี้จะยอมให้อภัยสักครั้ง แต่ถ้าผมรู้ว่าพวกป้ายังกลั่นแกล้งช่ออัญชันอีก ต่อให้ร้องไห้ลงไปนอนชักดิ้นชักงอ ผมก็ไม่ให้อภัย”
“ค่ะๆ นายน้อย พวกป้าสัญญา ขอบคุณนายน้อยอีกครั้งค่ะ ป้าขอบคุณจริงๆ”
ป้าแม่ครัวทั้งสามรีบพนมมือไหว้ขอบคุณพลางพยักหน้ารับคำหนักแน่นจริงจัง มั่นใจว่ายังไงซะพวกแกคงได้อยู่ที่นี่จนวาระสุดท้ายของชีวิตแน่ๆ เพราะแกจะไม่แกล้งช่ออัญชันอีกแล้ว เนื่องจากตอนนี้พวกแกรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญกับอาชาวินมาก ช่ออัญชันไม่ใช่เมียที่นายน้อยของเธอไม่ต้องการอย่างที่คนงานเล่าลือกันแน่นอน แม้ปากจะไม่ได้พูด แต่สายตาหวงแหนปกป้องของเจ้านายหนุ่มบอกอย่างนั้น รู้ความจริงอย่างนี้แล้วคิดว่าพวกแกจะกล้าหาเรื่องแกล้งนายหญิงน้อยของไร่ดวงหทัยได้อีกหรือ ไม่ล่ะ!
“อย่าเพิ่งขอบคุณ เพราะผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ผมจะหักเงินเดือนของป้าทั้งสามคนเดือนนี้ให้เป็นของอัญชันทั้งหมด โทษฐานที่โยนงานให้อัญชันทำอยู่คนเดียว ส่วนพวกเธอ…”
อาชาวินจัดการบทลงโทษให้ป้าแม่ครัวเสร็จก็หันหน้ามามองสามสาว สายตาลึกล้ำที่กวาดมองสามสาวไปทีละคนๆช้าๆทำเอาเฟื่องฟ้า เปิ้ล ขวัญ ชักหายใจไม่ค่อยสะดวกรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่รู้ว่าบทลงโทษของตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง
“ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาความเพราะไม่มีหลักฐานพอ แต่ถ้าฉันรู้ว่ามีใครกล้ารังแกอัญชันอีก ฉันซัดไม่เลี้ยงแน่ จำไว้!”
นั่นคือคำขู่ที่อาชาวินตั้งใจทิ้งท้ายไว้ย้ำเตือนทั้งหกคนก่อนเดินออกไปจากห้องพักของป้าแม้น โดยเฉพาะเฟื่องฟ้าที่อาชาวินจ้องมองนานที่สุด เป็นเพราะหลักฐานไม่เพียงพอจึงทำให้รอดตัวไป แต่ลึกๆแล้วชายหนุ่มกลับเชื่อคำพูดของป้าแม้นว่าสามคนนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ ยิ่งเฟื่องฟ้าเถียงคอเป็นเอ็นไม่มีท่าทางจะยอมรับผิดก็ยิ่งทำให้อาชาวินมองออกว่าสาวๆกลุ่มนี้มีความร้ายกาจอยู่พอตัว ทำให้ต้องขู่ดักทางเอาไว้ล่วงหน้า เพราะเขาไม่อยากให้ช่ออัญชันถูกใครรังแกเอาอีก ยิ่งเมียเขานุ่มนิ่มไม่สู้คนแบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องป้องกันไว้ก่อน
‘เป็นเพราะแกคนเดียวนังอัญชัน แกทำให้นายน้อยโกรธฉัน ฉันเอาคืนแกแน่!’
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“อัญชันอยู่ไหน?”
โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่มีโอกาสได้พูดคุยกับอาชาวินบ่อยๆ เพราะเป็นบัวอีกเช่นเคยที่กำลังกวาดพื้นตรงบันไดทางเข้าบ้านจนต้องเป็นคนรับหน้าและตอบคำถามนี้ของนายน้อยที่เดินเข้ามาหา ในระยะหลังๆมานี้อาชาวินมีพฤติกรรมแปลกไปหลายอย่าง นอกจากไม่ค่อยทำหน้าบึ้ง ไม่พูดเสียงดุ ไม่ตะคอกให้ขวัญผวา ชายหนุ่มยังชอบถามถึงช่ออัญชันบ่อยครั้งยามไม่เห็นร่างเล็กๆเดินทำนู่นทำนี่อยู่ในระยะสายตา
อย่างเช่นตอนนี้ อาชาวินเพิ่งกลับมาจากคัดเงาะส่งให้แม่ค้าที่มารอรับไปขายต่อ เพียงแค่จอดรถที่หน้าบ้านแล้วเปิดประตูกระโดดลงมาจากกระบะคู่ใจ นายน้อยสุดหล่อก็เดินลิ่วๆตรงเข้ามาหาแม่บ้านที่เห็นคนแรกเหมือนคิดถึงมากมาย แต่ในความเป็นจริงอาชาวินกลับต้องการถามหาใครอีกคนที่คงกำลังช่วยแม่บ้านทำอาหารเย็นอยู่ในครัว เพราะนับตั้งแต่วันที่อาชาวินคาดโทษป้าสามแม่ครัวนั่นไว้ ตั้งแต่นั้นมาช่ออัญชันก็ไม่ต้องทำงานที่โรงครัวคนเดียวอีก พองานเสร็จเร็วหญิงสาวเลยกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าเดิมจนมีเวลาช่วยแม่บ้านคนอื่นๆทำงานบ้าน
“อยู่ในครัวค่ะ กำลังเตรียมตั้งโต๊ะให้นายน้อย”
“ไปตามมา…”
“อาชา กลับมาแล้วเหรอคะ โรสคิดถึงคุณจังเลย เหนื่อยไหมคะวันนี้”
ยังไม่ทันได้สั่งจบว่าให้ไปเรียกช่ออัญชันมานั่งกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนเขา เสียงแหลมๆของเรนุกาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน อาชาวินจึงหันไปมองสตรีสาวสวยที่ส่งยิ้มหวานมาแต่ไกลแล้วเดินเยื้องย่างเข้ามากอดแขนเขาไว้อย่างสนิทสนม
“ไม่หรอกครับ งานพวกนี้ผมทำจนชินแล้ว โรสกลับมาถึงนานแล้วเหรอครับ”
“ตอนบ่ายแก่ๆค่ะ ตอนแรกว่าจะอยู่อีกสักสองสามวัน แต่คิดถึงอาชาเลยให้เพื่อนพามาส่ง”
เรนุกาตอบด้วยใบหน้าสดใส แต่ภายในใจกลับเดือดปุดๆด้วยความโกรธจัด เพราะเธอตั้งใจแซะออกไปขนาดนั้นแล้ว แต่อาชาวินก็ยังทำเฉย นี่เขาไม่รู้สึกผิดเลยหรือที่ปล่อยให้เธอเดินทางกลับมาที่นี่ด้วยตัวเอง หนำซ้ำตั้งแต่ที่เธอไปพักกับเพื่อนเขายังไม่เคยโทรหาเธอเลยสักครั้ง
ก่อนหน้านี้เธอขออนุญาตอาชาวินไปค้างที่คอนโดฯของเพื่อนสนิทสักสามสี่วัน อ้างว่าเพื่อนในกลุ่มที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศกลับมาเยี่ยมเยียน แต่ใจจริงเธอต้องการเรียกร้องความสนใจจากอาชาวินต่างหาก หวังไว้ว่าเขาจะไม่ยอมอนุญาตหรือไม่ก็ต่อรองให้จำนวนวันที่เธอไปลดน้อยลง
แต่เปล่าเลย! อาชาวินพยักหน้าอนุญาตทันทีเหมือนไม่ต้องคิด ไม่มีอ้อนวอน ไม่มีทีท่าว่าจะเสียใจ หรือจะให้พูดตรงๆก็คือ เขาไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ พฤติกรรมของอาชาวินทำให้เธอปรึกษาเพื่อนด้วยความร้อนใจว่าตกลงแล้วเขาคิดกับเธออย่างไรกันแน่ เพราะตอนพามาเขาทำเหมือนหลงเธอมากมายทำให้เข้าใจว่าเธอคือว่าที่นายหญิงน้อยของไร่ดวงหทัย แต่พอได้มาอยู่ที่ไร่กลับตรงกันข้าม อาชาวินไม่เรียกหาไม่ถามถึง แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ไม่เคยเกิดขึ้น เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่ในบ้าน
และที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจนั่นคือพอเธอเป็นฝ่ายเข้าหาเขาและมีช่ออัญชันอยู่ตรงนั้น เขากลับแสดงออกว่ารักเธอหลงเธอหัวปักหัวปำ ซึ่งคำตอบของเพื่อนมันตรงกับความกลัวลึกๆในใจของเธอ แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นจริง ทำให้การกลับมาของเธอครั้งนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป้าหมายที่ว่าก็คือยึดครองตำแหน่งนายหญิงของไร่ดวงหทัยมาเป็นของเธอให้ได้!
“อาชากลับมาถึงเหนื่อยๆ โรสว่าคุณไปอาบน้ำให้สดชื่นดีกว่านะคะ จะได้ลงมาทานข้าวเย็นกัน วันนี้โรสสั่งให้แม่ครัวทำของโปรดของอาชาไว้หลายอย่างเลย”
“ครับ”
อาชาวินรับคำพลางส่งยิ้มอ่อนให้เรนุกาก่อนหมุนตัวเดินไปยังบันไดกลางบ้านเพื่อกลับขึ้นไปอาบน้ำในห้องนอน เรนุกาจึงไม่เห็นสีหน้าซังกะตายและอาการถอนหายใจหนักๆด้วยความไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่ม ในขณะเดียวกัน อาชาวินก็ไม่เห็นแววตามุ่งมาดร้ายกาจที่เรนุกามองตามหลังเขาไปจนสุดสายตาเช่นกัน
**************************************
กระซิบบอกสาวๆคร่า ว่าสำหรับรูปเล่มของพี่อาชากับหนูอัญชันยังลงชื่อจับจองกันได้อยู่นะคะ เปิดให้จองถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น หลังจากปิดจอง สามารถสั่งซื้อได้ที่ไร้ท์เหมือนเดิมเพราะภัคจะพิมพ์มาเผื่อนิดหน่อย แต่ราคาขายตามปกนะคะ คือ 390 บาท เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่อยากจ่ายแพง รีบสั่ง รีบจองกันภายในวันพรุ่งนี้นะคะ
รักพี่อาชา สงสารหนูอัญชัน อยากรู้ว่าบทสรุปของคู่นี้จะเป็นอย่างไร รีบสั่งจองกันเลยค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ