ผู้กล้าตายด้าน แต่เขาเป็นนักบวช
7.3
เขียนโดย ItsukakunG
วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.07 น.
15 ตอน
1 วิจารณ์
16.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2562 13.08 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) เทวภัณฑ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 13 เทวภัณฑ์
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่” คองจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
รีเชอร์ในตอนนี้กำลังค่อย ๆ เดินเข้าไปหาบอสมอนสเตอร์ด้วยร่างกายที่ดูไร้ซึ่งชีวิต เขาง้างดาบขึ้นแล้วฟาดฟันมันลงไปบนร่างของบอสมอนสเตอร์ทันที
“ก๊าซซซซซซ” บอสมอนสเตอร์ครางออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดจนถึงขีดสุด แต่รีเชอร์ก็ยังไม่หยุด เขาลากดาบฟันอย่างต่อเนื่อง
อีกด้าน
ที่นี่มันที่ไหนกัน ผมคิดขึ้นมาในใจ ไม่สิ ในหัวของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกว่างเปล่าไปหมด ตอนนี้ร่างกายมัน ไม่รู้สึก นี่เราตายแล้วงั้นเหรอ แต่ถ้าตายแล้วก็ไม่น่าจะมานอนแผ่อยู่ตรงนี้ได้นี่ ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนกันแน่นะ
“ฟื้นแล้วสินะ” เสียงอ่อนนุ่มราวกับเด็กหญิงที่แสนงดงาม
เธอเป็นใครกัน ผมมองไม่เห็นอะไรเลยแท้ ๆ แต่กลับได้ยินเสียงของเธอนี่มันหมายความว่ายังไง
“อ๊ะ จริงสิ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนสินะคะ ฉันคือ ดรากูนิตี้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็พึ่งคืนชีพได้แค่ 75 % เพราะแบบนั้นเลยแสดงร่างกายให้ท่านเห็นไม่ได้ค่ะ”
ไอ้ที่บอกว่าดรากูนิตี้นี่มันหมายความว่ายังไง แล้วที่นี่มันที่ไหนกันแน่
“อ๋อ ที่นี่คือโลกสมมติเทพที่เกิดจากอุปกรณ์ระดับเทวะค่ะ อ๊ะ จริงสิ ก่อนอื่นฉันคงต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้ท่านรับรู้ก่อนค่ะ”
ตอนนี้งั้นเหรอ
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ท่านกำลังถูกอุปกรณ์ระดับเทวะครอบงำค่ะ ไม่สิ ฉันขอบอกว่าเทวภัณฑ์ครอบงำค่ะ เนื่องจากจิตใจของท่านนั้นเสียสมดุลไปเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ครอบงำงั้นเหรอ อย่าบอกนะที่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยจะเป็นเพราะว่าเราโดนยึดร่างน่ะ แต่ช่วยบอกทีนะว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
“ท่านกำลังกระทืบเจ้าหมีอย่างซาดิสม์ค่ะ”
เดี่ยวดิเฮ้ย
“เรามาเข้าประเด็นหลักกันดีกว่านะคะ”
หา ประเด็นหลัก อะไรของเธออีกล่ะ
“ฉันอยากจะขอทำสัญญากับท่านค่ะ”
ทำสัญญาอะไรอีกล่ะ ไม่สิ เดี๋ยวนะ ดรากูนิตี้ อย่าบอกนะว่าเธอคือ
“ใช่แล้วค่ะ ฉันคือจิตวิญญาณแห่งดรากูนิตี้ หรือก็คือ เทวภัณฑ์ที่ท่านสวมใส่และใช้งานมันอยู่นั่นเองค่ะ”
งั้นก็หมายความว่าที่โดนครอบงำน่ะมันเป็นเพราะเทวภัณฑ์งั้นเหรอ แล้วว่าแต่ มีวิธีไหนที่จะทำให้หายจากการโดนครอบงำมะ
“กำลังจะพูดค่ะ งั้นเอาเป็นว่าเริ่มขั้นตอนเลยนะคะ”
ได้เลย
“ข้าคือดรากูนิตี้ วิญญาณแห่งเหล่ามังกรที่สถิตอยู่ในเทวภัณฑ์เหล่านี้ บัดนี้ข้าขอเป็นนายแก่ผู้คู่ควร ได้โปรดขานรับข้าด้วย”
ขอปฏิเสธ
“เอ๊ะ”
ฉันรู้นะว่าที่เธอพูดมันหมายความว่ายังไง ว่าแต่ มันต้องพูดแบบนี้สินะ ข้า รีเชอร์ อีคลิปส์ ขอน้อมรับให้กับการเข้ามาอยู่ภายใต้อาณัติของเรา ดรากูนิตี้เอ๋ย นี่มิใช่การรับใช้ แต่เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ต่อข้า รีเชอร์ ผู้เป็นนาย และนี่มิใช่การทำสัญญา แต่เป็นคำสั่ง
“นี่นายรู้ตัวไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกไป สัญญาลุล่วงไปแล้วนะ แบบนี้ฉันก็ต้องรับใช้นายไปจนกว่านายจะตายเลยนะ”
งั้นก็แค่รีบ ๆ แช่งให้ฉันตายเลยสิ ง่ายดีออก
“เฮ้อ แบบนั้นก็ไม่เอาย่ะ ไม่สิ แบบนั้นก็ขอปฏิเสธค่ะนายท่าน”
งั้น รีบ ๆ พาฉันกลับไปได้แล้วล่ะ พอดีเริ่มเบื่อที่นี่แล้วล่ะ
“รับทราบค่ะนายท่าน”
อีกด้าน(ก่อนเกิดเหตุการณ์ในโลกสมมติ)
บอสมอนสเตอร์กำลังโจมตีตอบโต้รีเชอร์อยู่ แต่สถานการณ์ที่ควรจะเป็นตามที่ว่านั้นกลับกลายเป็นว่า บอสมอนสเตอร์โจมตีไม่โดนเลยแม้แต่ครั้งเดียว รีเชอร์ที่ตอนนี้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะใด ๆ จึงทะลวงการโจมตีเข้าไปจากด้านบน
“ก๊าซซซซ” บอสมอนสเตอร์คำรามลั่น มันสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กระโจนเข้ามาจึงใช้โล่ป้องกันหัวของมันเอง
“ก๊าซซ” รีเชอร์คำรามกลับ ดาบของเขาทะลวงลงไปจนแขนของเจ้าโคบัลต์ยักษ์นั้นขาดสะบั้น โล่ที่แข็งแกร่งของมันกลับถูกทำลายเป็นเศษซาก ตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ดาบคาตานะที่มือของมันเท่านั้น
“นี่คอง ฉันคิดว่าที่หมอนี่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะแทรกซ้อนที่เรียกว่า มอนสเตอร์เซนส์ ซึ่งเป็นการที่ร่างกายยอมรับสัญชาตญาณของมอนสเตอร์เข้ามาในร่างของตนเอง แต่ของหมอนี่น่ะ อันตรายเกินไป เพราะที่เข้ามาสิงน่ะ มันคือมังกรยังไงล่ะ” กาลูเริ่มอธิบายขึ้น
“ถ้าฉันจำไม่ผิด แค่ฆ่ามังกรเพียงตัวเดียวจำเป็นต้องใช้กำลังทหารของทั้งทวีปเพื่อฆ่ามัน แต่แบบนี้นี่มัน” คาลดีร์เริ่มสบถออกมาด้วยสีหน้าแคลงใจ
“แย่แล้ว เจ้ารีเชอร์กำลังจะใช้สกิลแล้ว” กาลาทีนร้องลั่นขึ้น
“ก๊าซซซซซซซซซ” รีเชอร์คำรามลั่นต่อหน้าของโคบัลต์ที่แสดงสีหน้าของมอนสเตอร์ที่น่าหวาดกลัวขึ้น
“แย่แล้ว นี่มันสกิล [เสียงคำรามทำลายล้าง] ที่เป็นสกิลติดตัวของมังกรทุก ๆ ตัว ซึ่งมีผลทำให้ค่าสถานะของศัตรูลดลง 50 %” กาลาทีนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาคิดไว้ในใจก่อนเลยว่าถ้าเกิดปล่อยไว้แบบนี้ เจ้าบอสมอนสเตอร์นั่นตายแบบไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
เมื่อรีเชอร์คำรามจบ เจ้าโคบัลต์ก็เริ่มแสดงท่าทางหวาดหวั่น สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความกลัว รีเชอร์ที่ชะงักอยู่ก็กระโจนเข้าไปใกล้ตัวของมันทันที เมื่อเขากระโจนเข้าไปถึงตัว หมัดของเขาก็ทะลวงไปที่ท้องของโคบัลต์จนมันกระเด็นออกไปราว ๆ 5 เมตร
“เฮ้อ ไม่ว่าจะยังไง ร่างกายตัวเองก็ดีที่สุด เอาล่ะนะ ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ เอาล่ะนะดรากูนิตี้ แล้วก็เจ้าโคบัลต์ ต่อจากนี้คือ การล่าเหยื่อของฉันแล้ววววว” รีเชอร์ที่ยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยกล่าวขึ้นด้วยท่าทียียวน
ชื่อ : เจเนรัล โคบัลต์ ออฟ เมอร์เดอร์(บอส)
เผ่าพันธุ์ : โคบัลต์
เลเวล : 20
สเตตัส :
HP:7952/26900
MP:490/490
STR:2700(-50%) VIT:2800(-50%) INT:430(-50%) DEX:700(-50%) AGI:700(-50%) LUCK:1740(-10000)
สกิล :
คลื่นแตกทลาย = โจมตีศัตรูรอบตัวรัศมี 5 เมตร
เสียงคำรามจากนรก = ทำให้ตนเองติดสตั้น 3 วินาที กับศัตรูถูกลดค่าสถานะลง 10 %
สัญชาตญาณดิบ = มีสัมผัสที่ไวต่อจิตสังหาร
จบตอนที่ 13
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่” คองจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
รีเชอร์ในตอนนี้กำลังค่อย ๆ เดินเข้าไปหาบอสมอนสเตอร์ด้วยร่างกายที่ดูไร้ซึ่งชีวิต เขาง้างดาบขึ้นแล้วฟาดฟันมันลงไปบนร่างของบอสมอนสเตอร์ทันที
“ก๊าซซซซซซ” บอสมอนสเตอร์ครางออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดจนถึงขีดสุด แต่รีเชอร์ก็ยังไม่หยุด เขาลากดาบฟันอย่างต่อเนื่อง
อีกด้าน
ที่นี่มันที่ไหนกัน ผมคิดขึ้นมาในใจ ไม่สิ ในหัวของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกว่างเปล่าไปหมด ตอนนี้ร่างกายมัน ไม่รู้สึก นี่เราตายแล้วงั้นเหรอ แต่ถ้าตายแล้วก็ไม่น่าจะมานอนแผ่อยู่ตรงนี้ได้นี่ ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนกันแน่นะ
“ฟื้นแล้วสินะ” เสียงอ่อนนุ่มราวกับเด็กหญิงที่แสนงดงาม
เธอเป็นใครกัน ผมมองไม่เห็นอะไรเลยแท้ ๆ แต่กลับได้ยินเสียงของเธอนี่มันหมายความว่ายังไง
“อ๊ะ จริงสิ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนสินะคะ ฉันคือ ดรากูนิตี้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็พึ่งคืนชีพได้แค่ 75 % เพราะแบบนั้นเลยแสดงร่างกายให้ท่านเห็นไม่ได้ค่ะ”
ไอ้ที่บอกว่าดรากูนิตี้นี่มันหมายความว่ายังไง แล้วที่นี่มันที่ไหนกันแน่
“อ๋อ ที่นี่คือโลกสมมติเทพที่เกิดจากอุปกรณ์ระดับเทวะค่ะ อ๊ะ จริงสิ ก่อนอื่นฉันคงต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้ท่านรับรู้ก่อนค่ะ”
ตอนนี้งั้นเหรอ
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ท่านกำลังถูกอุปกรณ์ระดับเทวะครอบงำค่ะ ไม่สิ ฉันขอบอกว่าเทวภัณฑ์ครอบงำค่ะ เนื่องจากจิตใจของท่านนั้นเสียสมดุลไปเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ครอบงำงั้นเหรอ อย่าบอกนะที่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยจะเป็นเพราะว่าเราโดนยึดร่างน่ะ แต่ช่วยบอกทีนะว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
“ท่านกำลังกระทืบเจ้าหมีอย่างซาดิสม์ค่ะ”
เดี่ยวดิเฮ้ย
“เรามาเข้าประเด็นหลักกันดีกว่านะคะ”
หา ประเด็นหลัก อะไรของเธออีกล่ะ
“ฉันอยากจะขอทำสัญญากับท่านค่ะ”
ทำสัญญาอะไรอีกล่ะ ไม่สิ เดี๋ยวนะ ดรากูนิตี้ อย่าบอกนะว่าเธอคือ
“ใช่แล้วค่ะ ฉันคือจิตวิญญาณแห่งดรากูนิตี้ หรือก็คือ เทวภัณฑ์ที่ท่านสวมใส่และใช้งานมันอยู่นั่นเองค่ะ”
งั้นก็หมายความว่าที่โดนครอบงำน่ะมันเป็นเพราะเทวภัณฑ์งั้นเหรอ แล้วว่าแต่ มีวิธีไหนที่จะทำให้หายจากการโดนครอบงำมะ
“กำลังจะพูดค่ะ งั้นเอาเป็นว่าเริ่มขั้นตอนเลยนะคะ”
ได้เลย
“ข้าคือดรากูนิตี้ วิญญาณแห่งเหล่ามังกรที่สถิตอยู่ในเทวภัณฑ์เหล่านี้ บัดนี้ข้าขอเป็นนายแก่ผู้คู่ควร ได้โปรดขานรับข้าด้วย”
ขอปฏิเสธ
“เอ๊ะ”
ฉันรู้นะว่าที่เธอพูดมันหมายความว่ายังไง ว่าแต่ มันต้องพูดแบบนี้สินะ ข้า รีเชอร์ อีคลิปส์ ขอน้อมรับให้กับการเข้ามาอยู่ภายใต้อาณัติของเรา ดรากูนิตี้เอ๋ย นี่มิใช่การรับใช้ แต่เป็นทาสที่ซื่อสัตย์ต่อข้า รีเชอร์ ผู้เป็นนาย และนี่มิใช่การทำสัญญา แต่เป็นคำสั่ง
“นี่นายรู้ตัวไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกไป สัญญาลุล่วงไปแล้วนะ แบบนี้ฉันก็ต้องรับใช้นายไปจนกว่านายจะตายเลยนะ”
งั้นก็แค่รีบ ๆ แช่งให้ฉันตายเลยสิ ง่ายดีออก
“เฮ้อ แบบนั้นก็ไม่เอาย่ะ ไม่สิ แบบนั้นก็ขอปฏิเสธค่ะนายท่าน”
งั้น รีบ ๆ พาฉันกลับไปได้แล้วล่ะ พอดีเริ่มเบื่อที่นี่แล้วล่ะ
“รับทราบค่ะนายท่าน”
อีกด้าน(ก่อนเกิดเหตุการณ์ในโลกสมมติ)
บอสมอนสเตอร์กำลังโจมตีตอบโต้รีเชอร์อยู่ แต่สถานการณ์ที่ควรจะเป็นตามที่ว่านั้นกลับกลายเป็นว่า บอสมอนสเตอร์โจมตีไม่โดนเลยแม้แต่ครั้งเดียว รีเชอร์ที่ตอนนี้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะใด ๆ จึงทะลวงการโจมตีเข้าไปจากด้านบน
“ก๊าซซซซ” บอสมอนสเตอร์คำรามลั่น มันสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กระโจนเข้ามาจึงใช้โล่ป้องกันหัวของมันเอง
“ก๊าซซ” รีเชอร์คำรามกลับ ดาบของเขาทะลวงลงไปจนแขนของเจ้าโคบัลต์ยักษ์นั้นขาดสะบั้น โล่ที่แข็งแกร่งของมันกลับถูกทำลายเป็นเศษซาก ตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ดาบคาตานะที่มือของมันเท่านั้น
“นี่คอง ฉันคิดว่าที่หมอนี่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะแทรกซ้อนที่เรียกว่า มอนสเตอร์เซนส์ ซึ่งเป็นการที่ร่างกายยอมรับสัญชาตญาณของมอนสเตอร์เข้ามาในร่างของตนเอง แต่ของหมอนี่น่ะ อันตรายเกินไป เพราะที่เข้ามาสิงน่ะ มันคือมังกรยังไงล่ะ” กาลูเริ่มอธิบายขึ้น
“ถ้าฉันจำไม่ผิด แค่ฆ่ามังกรเพียงตัวเดียวจำเป็นต้องใช้กำลังทหารของทั้งทวีปเพื่อฆ่ามัน แต่แบบนี้นี่มัน” คาลดีร์เริ่มสบถออกมาด้วยสีหน้าแคลงใจ
“แย่แล้ว เจ้ารีเชอร์กำลังจะใช้สกิลแล้ว” กาลาทีนร้องลั่นขึ้น
“ก๊าซซซซซซซซซ” รีเชอร์คำรามลั่นต่อหน้าของโคบัลต์ที่แสดงสีหน้าของมอนสเตอร์ที่น่าหวาดกลัวขึ้น
“แย่แล้ว นี่มันสกิล [เสียงคำรามทำลายล้าง] ที่เป็นสกิลติดตัวของมังกรทุก ๆ ตัว ซึ่งมีผลทำให้ค่าสถานะของศัตรูลดลง 50 %” กาลาทีนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาคิดไว้ในใจก่อนเลยว่าถ้าเกิดปล่อยไว้แบบนี้ เจ้าบอสมอนสเตอร์นั่นตายแบบไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
เมื่อรีเชอร์คำรามจบ เจ้าโคบัลต์ก็เริ่มแสดงท่าทางหวาดหวั่น สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความกลัว รีเชอร์ที่ชะงักอยู่ก็กระโจนเข้าไปใกล้ตัวของมันทันที เมื่อเขากระโจนเข้าไปถึงตัว หมัดของเขาก็ทะลวงไปที่ท้องของโคบัลต์จนมันกระเด็นออกไปราว ๆ 5 เมตร
“เฮ้อ ไม่ว่าจะยังไง ร่างกายตัวเองก็ดีที่สุด เอาล่ะนะ ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีมีธุระนิดหน่อยน่ะ เอาล่ะนะดรากูนิตี้ แล้วก็เจ้าโคบัลต์ ต่อจากนี้คือ การล่าเหยื่อของฉันแล้ววววว” รีเชอร์ที่ยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยกล่าวขึ้นด้วยท่าทียียวน
ชื่อ : เจเนรัล โคบัลต์ ออฟ เมอร์เดอร์(บอส)
เผ่าพันธุ์ : โคบัลต์
เลเวล : 20
สเตตัส :
HP:7952/26900
MP:490/490
STR:2700(-50%) VIT:2800(-50%) INT:430(-50%) DEX:700(-50%) AGI:700(-50%) LUCK:1740(-10000)
สกิล :
คลื่นแตกทลาย = โจมตีศัตรูรอบตัวรัศมี 5 เมตร
เสียงคำรามจากนรก = ทำให้ตนเองติดสตั้น 3 วินาที กับศัตรูถูกลดค่าสถานะลง 10 %
สัญชาตญาณดิบ = มีสัมผัสที่ไวต่อจิตสังหาร
จบตอนที่ 13
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ