บุรุษวิปริต สตรีวิปลาส

7.3

เขียนโดย DontAddMe

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.

  9 บท
  0 วิจารณ์
  10.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เป็นนักเรียนควรหมั่นศึกษา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทเรียนที่ ๕    เป็นนักเรียนควรหมั่นศึกษา

 

 

 

 

หากสุ่มตัวผู้ใดก็ตามจากถนนแล้วถามว่าโรงเรียนใดดีที่สุดในอาณาจักร ร้อยทั้งร้อยย่อมตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า โรงเรียนหลวงแห่งนอร์ทฟอร์เรส โรงเรียนที่ตั้งบนพื้นที่ป่าในทางเหนือของเมืองหลวง สถาบันที่ผลิตขุนนางมีความสามารถ และเจ้าหน้าที่ผู้เก่งกาจมานักต่อนัก

 

 

กระทั่งราชวงศ์ยังส่งเลือดเนื้อเชื้อไขของตนไปรับการศึกษามาหลายต่อหลายรุ่นปะปนกับทายาทขุนนางชั้นผู้น้อย แทนที่จะว่าจ้างอาจารย์ส่วนตัวมาสอนในพระราชวัง 

 

 

และหากถามว่านักเรียนรุ่นใดที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้งโรงเรียน ร้อยทั้งร้อยย่อมตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า นักรียนรุ่นที่ ๒๑๓ แห่งสถานศึกษาหลวงนอร์ทฟอร์เรส

 

 

รุ่นที่เปลี่ยนองค์ชายรัชทายาทผู้เคยเป็นที่เยาะเย้ยของชาวประชา กลายเป็นกษัตริย์ผู้ปราดเปลื่องขึ้นครองราชย์ด้วยวัยไม่ถึงสามสิบปี

 

 

รุ่นที่ผลิตองค์ราชินีคู่ฟ้าผู้อารี เสริมส่งบัลลังค์ให้สูงส่งในใจทุกผู้คน

 

 

รุ่นที่ผลิตขุนนางชั้นยอดผู้โหมงานนักคล้ายไม่รู้เหนื่อย ขจัดความอดอยากจากสาราณุกรมของปวงชน

 

 

รุ่นที่ผลิตกองอัสวินอมตะผู้ที่รบติดต่อกันนับอาทิตย์ได้โดยไม่ต้องกินนอน สั่นประสาทอริราศจนเขจิงสิ้น

 

 

รุ่นที่ถูกขนานนามว่าเป็นรุ่นแห่งปราฏิหาริย์

 

 

ในรุ่นแห่งปราฏิหาริย์กว่าสองร้อยคนนั้น ไม่มีแม้คนเดียวที่ได้คะแนนน้อยกว่า ๙๐ คะแนน จากคะแนนเต็มร้อยในการสอบทุกครั้งตลอดหกปีการศึกษา

 

 

กระทั่งเด็กที่ขึ้นชื่อว่ามีปัญหา นิสัยเกเรสำมะเลเทเมาจนแทบถูกตัดออกจากวงศ์ตระกูล ยังกลายเป็นเด็กเรียบร้อยขยันเข้าห้องเรียนไม่มีขาดหลังเปิดการศึกษาเพียงไม่ถึงเดือน ทำผลการเรียนเพื่มฮวบฮาบในระดับที่เด็กอัจฉริยะของรุ่นก่อนหน้ายังอิจฉา

 

 

คนนอกอาจสงสัยว่าโรงเรียนอาจปรับลดมาตรฐานการสอนให้ง่ายลง หรือมีเกิดการโกงข้อสอบในวงกว้าง แต่มีเพียงเหล่าอาจารย์เท่านั้นที่รู้ดีว่าข้อสอบของรุ่นนี้นั้นยากที่สุดจากที่เคยมีมา...

 

 

 

***

 

 

 

ครั้งแรกที่ผลสอบออกมาว่าเด็กทุกคนได้คะแนนเกือบเต็มในทุกวิชา ทั้งๆที่เด็กทุกคน...เว้นเพียงหนึ่ง นั่งหลับทันทีที่เข้าเรียนทุกคาบวิชา อาจารย์ทั้งหลายต่างลงความเห็นว่าข้อสอบคงรั่วไหล วันรุ่งขึ้นจึงได้กวาดต้อนนักเรียนปีหนึ่งทุกคนเข้าห้องโถงใหญ่ ห้ามใครพูดคุย หรือไปไหนทั้งส้ินจนกว่าจะสอบซ่อมทีละคนตัวต่อตัวกับคณาจารย์ทุกคนจนหมด แม้ต้องใช้เวลานับร้อยชั่วโมงก็ต้องทำ

 

 

น่าแปลกที่แทนที่เด็กทั้งหลายจะโวยวายเดือดร้อนหรือเคร่งเคียดกับสถาณการณ์ แทบทุกคน...เว้นเพียงหนึ่ง กลับหล่ังน้ำตาด้วยความปราบปลื้มปิติ? ส่งเสียงบูชาสรรเสริญครูบาอาจารย์...

 

 

 

...และนั่งหลับบนเก้าอี้ในบัดดล

 

 

 

คณะครูทั้งหลายที่มีหน้าที่จับตาดูเด็ก เกิดความมึนเข้าแทรกและแสดงสีหน้าที่ท่านอาจารย์ใหญ่เรียกว่า ‘เงิบแดก’ ก่อนส่ายศรีษะเรียกสติที่โบยบินกลับคืน และขานชื่อเรียกนักเรียนคนแรกออกไป

 

 

ข้อสอบชุดใหม่ถูกเขียนขึ้นก่อนสอบซ่อมเพียงไม่กี่ชั่วโมง จึงหมดโอกาศที่จะรั่วไหล แม้จำนวนข้อลดลงแต่เพิ่มระดับความยากขึ้นและเป็นอัตนัยทั้งหมด ข้อที่มีการคำนวณต้องแสดงรายละเอียดอธิบายทุกทรษฎีและกระบวนการทำ นอกจากนั้นยังต้องตอบคำถามปากเปล่ากับอาจารย์ ที่เพิ่งคิดสดๆร้อนๆ ณ ที่นั่น

 

 

แม้การสอบซ่อมครั้งนี้จะดูเกินเลยไปเสียหน่อย แต่สำหรับโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในอาณาจักรนั้นไม่มีคำว่าเกินเลย การรักษาชื่อเสียงที่สั่งสมมามากกว่าสองร้อยปีไม่ให้มัวหมองเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ แม้ต้องใช้เวลาหลายวันก็ต้องทำ...

 

 

 

...แต่เวลาที่เลยมาเป็นอาทิตย์นี่ก็เกินไป

 

 

 

เด็กทุกคนใช้เวลาทำข้อสอบนานเสียจนเหล่าครูบาที่ต้องจับตาดูเขาตลอดนั้นแทบหลั่งน้ำตาไหลเป็นเลือด ไม่ใช่เพราะเด็กทำไม่ได้ เนื่องจากคำตอบนั้นถูกต้องแทบหมดทุกข้อ หากแต่เป็นเด็กที่ดูเหมือนพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด... 

 

 

ทุกบรรทัด ทุกคำศัพท์ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย เว้นช่องไฟเท่ากันอย่างไม่น่าเชื่อ หากไม่ได้เห็นกับตาคงนึกว่าออกมาจากแป้นพิมพ์น้ำหมึึก ทุกตัวอักษรปราณีตบรรจงเสียจนนึกว่าบาทหลวงชั้นสูงกำลังคัดลอกพระคัมภีร์อยู่

 

 

การถามตอบปากเปล่าก็ทำได้ดีไม่มีบกพร่อง เพียงถามไม่กี่คำเด็กก็สามารถอธิบายรายระเอียดถี่ยิบเสียจนอาจารย์ต้องไปหาหนังสือมาเปิดเทียบ ดั่งนักเรียนกับครูสลับบทบาทกัน เมื่อเสร็จสิ้น เด็กที่กลับเข้าห้องประชุมจะรีบกลับไปนั่งที่และหลุดเข้าห้วงราตรีโดยพลัน นักเรียนอันดับต่อมาจะลืมตาตื่นเหมือนนกรู้แล้วออกไปสอบทันทีโดยไม่ต้องเรียก และเหตุการณ์เดิมก็วนเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนภาพฉายซ้ำซ้อน

 

 

ในที่สุดมหกรรมการสอบซ่อมก็เสร็จสิ้น คณะอาจารย์ที่นั่งถ่างตาค้างแข็งเป็นอาทิตย์มีสภาพเหมือนศพเดินได้ ตรงกันข้ามกับนักเรียนปีหนึ่งที่นั่งหลับเป็นตายบนเก้าอี้มาทั้งอาทิตย์โดยไม่เคลื่อนไหว นอกจากเดินออกไปสอบแล้ว พวกคุณเธอทั้งหลายไม่มีแม้แต่จะตื่นขึ้นกินอาหารหรือเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำไป...ไม่ทราบว่าไปอดนอนจากที่ใดมา...

 

 

ผลการสอบซ่อมแสดงให้เห็นชัดว่าทุกคนมีความรู้จริง โดยเฉพาะองค์ชาย, ท่านหญิงพระคู่หมั้น, และนักเรียนทุน ที่ได้คะแนนเต็มทุกวิชา

 

 

คณะอาจารย์ที่หมดสิ้นวิบากกรรมแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีพวกเขาเองก็ต้องการเวลาพักผ่อนบ้าง

 

 

ท่านรองอาจารย์ใหญ่ชราจึงขึ้นกล่าวสรุปผลแทนที่ท่านอาจารย์ใหญ่ ผู้บัดนี้กำลังไปนั่งยุแหย่นักเรียนทุนเล่นดั่งเด็กเจ็ดขวบ...

 

 

“พวกเธอทั้งหลายโปรดฟัง จากการทดสอบในหลายวันที่ผ่านมาพวกเธอได้แสดงให้โรงเรียนหลวงแห่งนี้เห็นแล้วว่าความสามารถของพวกเธอนั้นเป็นของจริง ฝีมือความรู้เป็นสิ่งที่ต้องบากบั่นสั่งสมเองจะไปช่วงชิงจากใครนั้นเป็นไม่ได้ ความขยันของพวกเธอจึงเป็นสิ่งที่ครูขอชื่นชมว่าดี และขอให้พวกเธอคงความดีนั้นต่อไป เพราะมันจะเป็นกำลังให้เธอในวันข้างหน้า ครูต้องขออภัยที่ต้องทำให้พวกเธอเสียเวลามาหลายวันและเพื่อเป็นการไถ่โทษ อาทิตย์หน้าโรงเรียนจะงดการศึกษาทั้งอาทิตย์ ขอให้พวกเธอได้ฟังผ่อนเที่ยวเล่นกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณ”

 

 

[แปะๆๆ]

 

 

เหล่าคณาจารย์ทั้งหลายปรบมือชื่นชมรองอาจารย์ แม้พวกเขาปล่อยโอวาทส่วนใหญ่ให้ทะลุผ่านรูหูทั้งสอง แค่คำว่า อาทิตย์หน้างด ก็ทำให้พวกเขายินดียิ่ง

 

 

น่าแปลกที่แทนที่เด็กทั้งหลายจะโห่ร้องยินดี เฉลิมฉลองสถาณการณ์ แทบทุกคน...เว้นเพียงหนึ่ง กลับหล่ังน้ำตาด้วยความโศกเศร้า? ส่งเสียงโวยวายดั่งสัมภเวสีระทมทุกข์

 

 

“ท่านอาจารย์! โปรดอย่าพูดสิ้นคิดเช่นนั้น!!”

 

 

“ไม่นะ! ม่าาาาย! เวลาหลับในคาบอันน้อยนิดของฉัน!”

 

 

“!!!”

 

 

“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย~ กรรมใดที่ฉันเคยก่อ~ [ฮื้อๆๆ]”

 

 

“ถอดหมั่น!! ไอ้หอกหักจ๊ะ มึงปล่อยน้องหญิงไปเถอะนะจ๊ะ”

 

 

“นังน้องหญิงจ๋า~ คู่สามีภรรเมียต้องรับสุขทุกข์ร่วมกันมิใช่หรือจ๊ะ จะท้ิงพี่ให้รับกรรมคนเดียวได้เช่นไร”

 

 

“ลาออก! ข้าขอลาออก! ลาาาออออกกกก!!!”

 

 

“ต๋าย! ต๋าย! งวดนี้สูเขาต๋ายจิง!”

 

 

“…”

 

 

เสียงร้องระงมระคนตัดพ้อดังก้องทั่วหอประชุม นักเรียนปีหนึ่งทุกคน...เว้นเพียงหนึ่ง ส่งเสียงสะอ้ืนไห้เหมือนนักโทษถูกสั่งประหารโดยใช้แท่งเหล็กร้อนทะลวงทวาร

 

 

คณะครูทั้งหลายเกิดความมึนเข้าแทรกและแสดงสีหน้า ‘เงิบแดก’ ก่อนส่ายศรีษะเรียกสติที่โบยบินกลับคืน ในใจพลางคิดว่า...

 

 

 

 

‘เด็กรุ่นนี้ช่างรักการเรียนย่ิงนัก’

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา