ปีกสยอง
8.0
เขียนโดย sphinxis
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.46 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,701 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 14.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“นี่จะบ้าเหรอ ผีเสื้อเนี่ยนะ???” แม้ฮาร์ทจะมีเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร้ออยู่ในหัวของเขา แต่ก็ต้องจำใจวิ่งตามเจ้าไปด้วยความเป็นห่วง
“โอ๊ยยย รอฉันบ้างงง ฉันมีขาน้อยกว่านายข้างนึงนะโว้ยย”
“เออใช่ ฉันลืมไป โทษที” เจ้าหยุดพักและยืนรอคนขาเดี้ยงที่วิ่งตามมา ทั้งสองคนยืนหอบอยู่ในจุดๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกตนอยู่ไหน
“แฮ่กๆ ล่ะ...แล้ว ผีเสื้อที่นายเห็นมันมีลักษณะยังไงล่ะ?” ฮาร์ทเอ่ยถามทั้งๆที่ตัวเองแทบจะหายใจไม่ทัน
“สีของปีกมันเป็นสีแดงสดเหมือนเลือด ไม่มีปล้องเหมือนกับผีเสื้อทั่วไปแต่ตัวมันใหญ่มาก...มากจนน่าตกใจ มันมีหางยาวเฟื้อยที่ลากไปกับพื้นขณะที่มันบินไป ฉันยังไม่แน่ใจว่ามันคือตัวอะไร” เด็กหนุ่มที่วิ่งนำเข้ามาพูดด้วยความฉงนปนอยากรู้
“แล้วนายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะตามมันไป ตอนนี้เราเริ่มเข้ามาลึกมากเกินไปแล้ว ฉันว่ามันจะอันตรายนะ เพราะเจ้าตัวนั้นมันคืออะไรก็ไม่รู้ ทำร้ายคนได้รึเปล่า ดีไม่ดีเข้ามาลึกๆอย่างนี้มันเสี่ยงที่เราจะหลงทางอีกด้วย” ฮาร์ทพูดอย่างมีเหตุผล
“ฉันคิดว่าถ้าถ่ายรูปมันได้ แล้วจับมันมาศึกษาหรือส่งมันให้องค์กรวิทยาศาสตร์ พวกเราจะดังแล้วก็รวยเละเลยน่ะสิ เพราะฉันเชื่อว่าไอ้เจ้าตัวประหลาดนั่นมันต้องไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อนอย่างแน่นอน” เจ้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตาลุกวาว
“แต่ตอนนี้พวกเราหลงซะแล้วล่ะ โชคร้ายจริงๆเลย” หนุ่มน้อยที่มีร่างกายครบ 32 หันไปมาเพื่อดูรอบข้าง และพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“เพราะนายนั่นแหละ!!!” ฮาร์ทชี้ไปที่ตัวการในครั้งนี้
“โทษทีๆ ฉันว่าตอนนี้เรามาช่วยกันหาทางออกดีกว่านะ” เจ้าพยายามคิดหาทางแก้ไขความผิดที่ตัวเองทำ
ทั้งคู่เริ่มเดินย้อนกลับไปยังทางที่พวกเขาเดินเข้ามา แต่ปรากฏว่าการที่พวกเขารีบวิ่งเข้ามานั้นทำให้ทั้งคู่จำทางกลับไม่ได้ แม้ว่าจะเดินอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ยังไม่ใกล้เคียงกับทางออกเสียที
“แย่แล้วแฮะ!” ฮาร์ทพูดขึ้นพร้อมเอามือเท้าสะเอว
“ขอโทษนะ ฉันขอโทษจริงๆทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” เจ้าผู้ก่อปัญหากล่าวพร้อมยกมือขอโทษขอโพย
ทั้งคู่เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เพราะส่วนแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปและไม่มีแม้แต่ป้ายบอกทางเลยสักนิด
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาเดินมาจนพบกับกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ที่อายุไล่เลี่ยกันประมาณ 3-4 คน และหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักของพวกเขาที่ชื่อโป้ง เขาเป็นคนฉลาดแต่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว พวกเขารู้จักโป้งจากการที่เรียนห้องเดียวกัน
“อ้าว นี่พวกนายกำลังจะไปไหนน่ะ?” หนุ่มทั้งสองถามนักเรียนกลุ่มนั้น
“แล้วพวกนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” โป้งถามกลับเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเดินดุ่มๆเข้ามา
“คือ พวกฉันตามผีเสื้อตัวใหญ่เข้ามา แล้วหลงทางอยู่ที่นี่” ทั้งสองกล่าว
“พวกฉันก็ตามผีเสื้อประหลาดนั่นมาเหมือนกัน เพราะมันดันเอาหางแหลมๆมาทิ่มแขนแฟนฉันจนเป็นแผลน่ะสิ” โป้งพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วนายก็เลยเข้ามาที่นี่ เพื่อที่จะจับมันอย่างนั้นเหรอ?” เจ้าถาม
“ฉันอยากจะเหยียบมันให้ตายเลยน่ะสิ อยากให้มันชดใช้สิ่งที่ทำกับแฟนฉัน” แล้วโป้งก็โชว์แผลที่แขนของแฟนสาวให้ดู บาดแผลค่อนข้างลึกเอาการและบวมมาก แถมยังมีเลือดออกซิบๆ ดูไม่น่าเป็นไปได้เลยที่สัตว์อย่างผีเสื้อจะสร้างบาดแผลให้มนุษย์ได้ขนาดนั้น
“โหย กะอีแค่ผีเสื้อตัวเดียว มันทำได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?” ฮาร์ทยังไม่เชื่อกับสิ่งที่ตาเห็น
“แต่ยังไงก็เถอะ ฉันว่าพวกเราช่วยกันหาทางออกจากที่นี่ก่อนดีกว่า ก่อนที่มันจะเย็นมากไปกว่านี้ แล้วเราจะออกไปลำบาก” เจ้าพูดแนะ โดยแฟนของโป้งก็แสดงความเห็นด้วยกับเจ้า เนื่องจากตอนนี้เวลาก็ใกล้จะ 5 โมงเย็นแล้ว แสงจากดวงอาทิตย์คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
“เรากลับกันก่อนเถอะนะโป้ง” แฟนโป้งบอก
“เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้” โป้งพูดแม้ว่าตัวเองจะยังไม่หายโกรธ
ทั้งหมดจึงเกาะกลุ่มเดินตามกันไปเรื่อยๆเพื่อหาทางออก
...แต่แล้วเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของโป้งก็ชี้ไปที่ตัวอะไรบางอย่างที่อยู่บนท่อนไม้ห่างไปไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ทั้งหมดจึงเดินเข้าไปดูและพบกับสิ่งมีชีวิตคล้ายผีเสื้อตัวมหึมาที่มีปีกหนา ขนาดเท่าคนตัวเล็กๆได้ มันกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนท่อนไม้ใหญ่ที่หักลงมาราวกับสิ้นลมหายใจ ปีกของมันมีรอยหยาบและเป็นสีแดงฉาน มันมีหางที่ยาวมากและปลายแหลมราวกับมีด มีหนามอ่อนๆงอกออกมาตามหางของมันตลอดเส้น ตรงกลางลำตัวของมันแทนที่จะเป็นปล้องท้องเหมือนผีเสื้อตัวอื่นๆ กลับแทนที่ด้วยอวัยวะขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นวงกลม ตรงขอบมีเนื้อเป็นสันนูนขึ้นมาและมีฟันซี่แหลมยาวจำนวนมากเรียงรายจากรอบข้างทิ่มเข้ามาตรงศูนย์กลางเป็นวงกลมเหมือนปากที่กำลังปิดอยู่ ดูเผินๆเหมือนกับปากของหนอนยักษ์กินคนในทะเลทรายโกบีเลยทีเดียว
“เฮ้ย! นี่มันเจ้าผีเสื้อยักษ์ที่พวกเราตามเข้ามานี่ฮาร์ท ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะเจอมันเข้าจริงๆ” เจ้าบอกฮาร์ทด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับสำรวจลักษณะทางกายภาพของเจ้าสัตว์ที่ว่าอย่างรวดเร็วและไม่ลืมที่จะหยิบกล้องของตนขึ้นมาถ่ายรูป
“จริงเหรอเจ้า? แต่มันดูไม่ค่อยเหมือนผีเสื้อเลยนะ รูปร่างประหลาดอย่างนี้แถมยังไม่มีปล้องด้วย” ฮาร์ทชี้ไปที่ตรงกลางลำตัวของสิ่งมีชีวิตลึกลับด้วยความตกใจ
“นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย???” มัตพูดขึ้น
“อี๋ย์...มันตายแล้วเหรอ? กลิ่นของมันชวนอ้วกมากเลย” สายแฟนของโป้งรีบเอามือปิดจมูกตัวเองเพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นสาปจากเจ้าผีเสื้อตัวเขื่องนั้นเข้าจมูก
“ดูสิ มีน้ำอะไรไม่รู้ออกมาจากลำตัวของมันด้วย มันปล่อยน้ำเมือกออกมางั้นเหรอ? ดูเหมือนตรงนี้จะเป็นปากของมันเลยนะ และกลิ่นมันก็...อี๋ย์ เหม็นมาก กลิ่นเหม็นชวนอ้วกมาจากน้ำเมือกนี่เอง” เจ้ารีบเอามือปิดจมูกไปอีกคน
“โธ่เว้ย! ฉันอยากจะฆ่ามันด้วยน้ำมือของตัวเองแท้ๆ...ยังไงก็เถอะ ฉันจะเอามันกลับบ้าน” จู่ๆโป้งก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
“เอ๋ ไม่ได้นะ!!! ทำไมล่ะ นายเกลียดมันไม่ใช่เหรอ? เอากลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ฉันชอบศึกษาพวกแมลง ให้ฉันเอามันกลับไปเถอะนะ” เด็กหนุ่มพยายามขอร้องอย่างถึงที่สุด
“ไม่ได้! ฉันจะจัดการเจ้าตัวประหลาดโสโครกนี่เอง” โป้งใช้กำปั้นทุบลงไปที่กลางตัวของเจ้าผีเสื้ออย่างแรง จนทำให้ละอองสีแดงฟุ้งออกมาจากปีกทั้งสองข้าง เพื่อประกาศว่ามันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“เฮ้ย มัตกับต้อม พวกแกมาช่วยฉันยกไอ้เจ้าตัวน่าเกลียดนี่กลับบ้านหน่อยซิ” เด็กหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างอวบอ้วนสองคนเดินเข้ามาหาโป้ง ทั้งสามคนช่วยกันยกเจ้าอสูรกายตัวนั้นขึ้นมา และค่อยๆเดินไปตามที่หัวหน้าสั่ง ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขากำลังแบกนั้นมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย และหางที่แหลมยาวของมันก็ลากไปกับพื้น ทำให้เกิดรอยเป็นเส้นยาวบนพื้นดิน
“นั่นล่ะ เดินไปเรื่อยๆ”
ตอนนี้เหล่าวัยรุ่นทุกคนเดินตามหัวหน้ากลุ่มไปเพื่อจะหาทางกลับบ้าน แม้ว่าใครบางคนจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม
ขณะนั้นปากของผีเสื้อค่อยๆอ้าออก เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมอีกชุดหนึ่งที่อยู่ด้านใน
มันส่งเสียง ซี่... ซี่...
ทันใดนั้น โป้งเห็นเจ้าปีศาจกำลังแยกเขี้ยวออก จนเห็นคราบน้ำเมือกเกาะอยู่บนเขี้ยวที่น่าขยะแขยงของมัน พร้อมที่จะทำร้ายคนได้ทุกเมื่อ เขารีบตะโกนเรียกมัตกับต้อมด้วยเสียงดัง
“เฮ้ย!พวกนายระวัง มันแยกเขี้ยวออกมาแล้ว!!!”
มัตที่กำลังแบกอยู่ด้านหน้ารีบหันหน้ามาดูอย่างรวดเร็ว
“ว๊ากกกกก!!!” เสียงมัตกับต้อมร้องตะโกนขวัญกระเจิง เมื่อเห็นคมเขี้ยวที่น่ากลัวของมัน ทุกคนรีบปล่อยมือออกอย่างกะทันหันโดยที่ปีศาจตัวนั้นตกอยู่ด้านหลังของมัต
ยังไม่ทันที่มัตจะได้ก้าวขาวิ่ง เจ้าสัตว์ร้ายกระพือปีกเด้งตัวขึ้นมาด้วยปีกหนาของมันจากพื้นดิน และใช้ปลายเขี้ยวอันแหลมคมเฉาะเข้าไปที่หัวของมัต มันกระพือปีกถี่ๆและกัดซ้ำไม่หยุด มีน้ำเมือกสีเขียวไหลออกมาเต็มหัวของมัต เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าผีเสื้อใช้หางคมกริบของมันเจาะไปที่ต้นคอของเหยื่ออย่างทารุณ
“อ๊ากกกกก!!!” เขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“กรี๊ดดดด!” แฟนสาวโป้งกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีดพร้อมฟุบลงไปกับพื้น ขณะที่ทุกคนควบคุมสติไม่อยู่และวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง มีแค่ต้อมเท่านั้นที่พยายามต่อกรกับเจ้าสัตว์ร้ายเพื่อช่วยมัต
เจ้าวิ่งไปทางเดียวกับโป้ง เขาเห็นฮาร์ทพยุงแฟนโป้งลุกขึ้นมาและพากันวิ่งไปอีกทางหนึ่ง และนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งทิ้งคนพิการไว้กับคนที่เป็นลม ช่างฉลาดเสียจริงๆ
เด็กหนุ่มทั้งสองหนีมาไกลจนมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ไหนสักแห่งในสวนนี้
“นี่คงเป็นห้องน้ำที่สร้างไว้ให้คนที่มาชมสวนแน่ๆ พวกเรารีบเข้าไปหลบในนั้นกันก่อนเถอะ” เจ้าพูดด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“แหงสิ ถ้าไม่เข้าไปหลบที่นี่แล้วจะให้ไปที่ไหนล่ะ?” โป้งพูดด้วยความฉุนเฉียว
“เอ๊ะ นายเห็นหลุมนั่นมั้ย?” โป้งชี้ไปที่หลุมขนาดเท่าลูกตะกร้อที่กระจายตัวอยู่บนพื้น แต่ละหลุมมีรูเล็กๆอยู่หนึ่งรู
“เห็นสิ ฉันเคยเห็นมันมาก่อน เอาไว้เข้าไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” เจ้ารีบตัดบทและชวนโป้งเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อพวกเขาเข้ามายังด้านในก็พบว่า ห้องน้ำแห่งนี้มีกระจกอยู่หลายบาน มีคราบสกปรกเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีความชื้นและดูโทรมอยู่พอตัวเหมือนว่าไม่ถูกใช้งานมาเป็นปี
“สรุปว่าไอ้หลุมพวกนั้นมันคืออะไร?” โป้งถามต่อ
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจ ตอนที่ฉันเดินเข้ามาที่สวนนี้ก็เห็นหลุมแบบนี้อยู่เต็มไปหมด มีหางแหลมๆโผล่ออกมาด้วย มันตวัดไปมาเหมือนคอยหาเหยื่อเลย ...จะว่าไป รูปร่างมันเป็นแบบเดียวกับหางของเจ้าแมลงประหลาดนั่นเป๊ะเลย ตอนแรกฉันนึกว่ามันเป็นแค่เถาวัลย์หรือรากไม้ธรรมดา มันเป็นจุดที่ฉันตามเจ้าผีเสื้อพิลึกนั่นเข้ามา” เด็กหนุ่มสาธยายจนแทบไม่ได้หยุดหายใจ
“นายกำลังจะหมายความว่า สัตว์ประหลาดพวกนั้นอาศัยอยู่ในหลุมอย่างนั้นเหรอ?” โป้งซักเจ้าเพื่อหาคำตอบ
“หางที่โผล่ออกมาจากหลุมนั่นต้องเป็นของผีเสื้อพวกนี้อย่างแน่นอน เพราะว่ารูปร่างมันเหมือนกันไม่มีผิด” เขายืนยันในความคิดของตน
“โอ๊ยยย รอฉันบ้างงง ฉันมีขาน้อยกว่านายข้างนึงนะโว้ยย”
“เออใช่ ฉันลืมไป โทษที” เจ้าหยุดพักและยืนรอคนขาเดี้ยงที่วิ่งตามมา ทั้งสองคนยืนหอบอยู่ในจุดๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกตนอยู่ไหน
“แฮ่กๆ ล่ะ...แล้ว ผีเสื้อที่นายเห็นมันมีลักษณะยังไงล่ะ?” ฮาร์ทเอ่ยถามทั้งๆที่ตัวเองแทบจะหายใจไม่ทัน
“สีของปีกมันเป็นสีแดงสดเหมือนเลือด ไม่มีปล้องเหมือนกับผีเสื้อทั่วไปแต่ตัวมันใหญ่มาก...มากจนน่าตกใจ มันมีหางยาวเฟื้อยที่ลากไปกับพื้นขณะที่มันบินไป ฉันยังไม่แน่ใจว่ามันคือตัวอะไร” เด็กหนุ่มที่วิ่งนำเข้ามาพูดด้วยความฉงนปนอยากรู้
“แล้วนายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะตามมันไป ตอนนี้เราเริ่มเข้ามาลึกมากเกินไปแล้ว ฉันว่ามันจะอันตรายนะ เพราะเจ้าตัวนั้นมันคืออะไรก็ไม่รู้ ทำร้ายคนได้รึเปล่า ดีไม่ดีเข้ามาลึกๆอย่างนี้มันเสี่ยงที่เราจะหลงทางอีกด้วย” ฮาร์ทพูดอย่างมีเหตุผล
“ฉันคิดว่าถ้าถ่ายรูปมันได้ แล้วจับมันมาศึกษาหรือส่งมันให้องค์กรวิทยาศาสตร์ พวกเราจะดังแล้วก็รวยเละเลยน่ะสิ เพราะฉันเชื่อว่าไอ้เจ้าตัวประหลาดนั่นมันต้องไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อนอย่างแน่นอน” เจ้าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตาลุกวาว
“แต่ตอนนี้พวกเราหลงซะแล้วล่ะ โชคร้ายจริงๆเลย” หนุ่มน้อยที่มีร่างกายครบ 32 หันไปมาเพื่อดูรอบข้าง และพูดด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“เพราะนายนั่นแหละ!!!” ฮาร์ทชี้ไปที่ตัวการในครั้งนี้
“โทษทีๆ ฉันว่าตอนนี้เรามาช่วยกันหาทางออกดีกว่านะ” เจ้าพยายามคิดหาทางแก้ไขความผิดที่ตัวเองทำ
ทั้งคู่เริ่มเดินย้อนกลับไปยังทางที่พวกเขาเดินเข้ามา แต่ปรากฏว่าการที่พวกเขารีบวิ่งเข้ามานั้นทำให้ทั้งคู่จำทางกลับไม่ได้ แม้ว่าจะเดินอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ยังไม่ใกล้เคียงกับทางออกเสียที
“แย่แล้วแฮะ!” ฮาร์ทพูดขึ้นพร้อมเอามือเท้าสะเอว
“ขอโทษนะ ฉันขอโทษจริงๆทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” เจ้าผู้ก่อปัญหากล่าวพร้อมยกมือขอโทษขอโพย
ทั้งคู่เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เพราะส่วนแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปและไม่มีแม้แต่ป้ายบอกทางเลยสักนิด
เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาเดินมาจนพบกับกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ที่อายุไล่เลี่ยกันประมาณ 3-4 คน และหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักของพวกเขาที่ชื่อโป้ง เขาเป็นคนฉลาดแต่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว พวกเขารู้จักโป้งจากการที่เรียนห้องเดียวกัน
“อ้าว นี่พวกนายกำลังจะไปไหนน่ะ?” หนุ่มทั้งสองถามนักเรียนกลุ่มนั้น
“แล้วพวกนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” โป้งถามกลับเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเดินดุ่มๆเข้ามา
“คือ พวกฉันตามผีเสื้อตัวใหญ่เข้ามา แล้วหลงทางอยู่ที่นี่” ทั้งสองกล่าว
“พวกฉันก็ตามผีเสื้อประหลาดนั่นมาเหมือนกัน เพราะมันดันเอาหางแหลมๆมาทิ่มแขนแฟนฉันจนเป็นแผลน่ะสิ” โป้งพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วนายก็เลยเข้ามาที่นี่ เพื่อที่จะจับมันอย่างนั้นเหรอ?” เจ้าถาม
“ฉันอยากจะเหยียบมันให้ตายเลยน่ะสิ อยากให้มันชดใช้สิ่งที่ทำกับแฟนฉัน” แล้วโป้งก็โชว์แผลที่แขนของแฟนสาวให้ดู บาดแผลค่อนข้างลึกเอาการและบวมมาก แถมยังมีเลือดออกซิบๆ ดูไม่น่าเป็นไปได้เลยที่สัตว์อย่างผีเสื้อจะสร้างบาดแผลให้มนุษย์ได้ขนาดนั้น
“โหย กะอีแค่ผีเสื้อตัวเดียว มันทำได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?” ฮาร์ทยังไม่เชื่อกับสิ่งที่ตาเห็น
“แต่ยังไงก็เถอะ ฉันว่าพวกเราช่วยกันหาทางออกจากที่นี่ก่อนดีกว่า ก่อนที่มันจะเย็นมากไปกว่านี้ แล้วเราจะออกไปลำบาก” เจ้าพูดแนะ โดยแฟนของโป้งก็แสดงความเห็นด้วยกับเจ้า เนื่องจากตอนนี้เวลาก็ใกล้จะ 5 โมงเย็นแล้ว แสงจากดวงอาทิตย์คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
“เรากลับกันก่อนเถอะนะโป้ง” แฟนโป้งบอก
“เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้” โป้งพูดแม้ว่าตัวเองจะยังไม่หายโกรธ
ทั้งหมดจึงเกาะกลุ่มเดินตามกันไปเรื่อยๆเพื่อหาทางออก
...แต่แล้วเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของโป้งก็ชี้ไปที่ตัวอะไรบางอย่างที่อยู่บนท่อนไม้ห่างไปไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ทั้งหมดจึงเดินเข้าไปดูและพบกับสิ่งมีชีวิตคล้ายผีเสื้อตัวมหึมาที่มีปีกหนา ขนาดเท่าคนตัวเล็กๆได้ มันกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนท่อนไม้ใหญ่ที่หักลงมาราวกับสิ้นลมหายใจ ปีกของมันมีรอยหยาบและเป็นสีแดงฉาน มันมีหางที่ยาวมากและปลายแหลมราวกับมีด มีหนามอ่อนๆงอกออกมาตามหางของมันตลอดเส้น ตรงกลางลำตัวของมันแทนที่จะเป็นปล้องท้องเหมือนผีเสื้อตัวอื่นๆ กลับแทนที่ด้วยอวัยวะขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นวงกลม ตรงขอบมีเนื้อเป็นสันนูนขึ้นมาและมีฟันซี่แหลมยาวจำนวนมากเรียงรายจากรอบข้างทิ่มเข้ามาตรงศูนย์กลางเป็นวงกลมเหมือนปากที่กำลังปิดอยู่ ดูเผินๆเหมือนกับปากของหนอนยักษ์กินคนในทะเลทรายโกบีเลยทีเดียว
“เฮ้ย! นี่มันเจ้าผีเสื้อยักษ์ที่พวกเราตามเข้ามานี่ฮาร์ท ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะเจอมันเข้าจริงๆ” เจ้าบอกฮาร์ทด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับสำรวจลักษณะทางกายภาพของเจ้าสัตว์ที่ว่าอย่างรวดเร็วและไม่ลืมที่จะหยิบกล้องของตนขึ้นมาถ่ายรูป
“จริงเหรอเจ้า? แต่มันดูไม่ค่อยเหมือนผีเสื้อเลยนะ รูปร่างประหลาดอย่างนี้แถมยังไม่มีปล้องด้วย” ฮาร์ทชี้ไปที่ตรงกลางลำตัวของสิ่งมีชีวิตลึกลับด้วยความตกใจ
“นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย???” มัตพูดขึ้น
“อี๋ย์...มันตายแล้วเหรอ? กลิ่นของมันชวนอ้วกมากเลย” สายแฟนของโป้งรีบเอามือปิดจมูกตัวเองเพื่อไม่ให้กลิ่นเหม็นสาปจากเจ้าผีเสื้อตัวเขื่องนั้นเข้าจมูก
“ดูสิ มีน้ำอะไรไม่รู้ออกมาจากลำตัวของมันด้วย มันปล่อยน้ำเมือกออกมางั้นเหรอ? ดูเหมือนตรงนี้จะเป็นปากของมันเลยนะ และกลิ่นมันก็...อี๋ย์ เหม็นมาก กลิ่นเหม็นชวนอ้วกมาจากน้ำเมือกนี่เอง” เจ้ารีบเอามือปิดจมูกไปอีกคน
“โธ่เว้ย! ฉันอยากจะฆ่ามันด้วยน้ำมือของตัวเองแท้ๆ...ยังไงก็เถอะ ฉันจะเอามันกลับบ้าน” จู่ๆโป้งก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
“เอ๋ ไม่ได้นะ!!! ทำไมล่ะ นายเกลียดมันไม่ใช่เหรอ? เอากลับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ฉันชอบศึกษาพวกแมลง ให้ฉันเอามันกลับไปเถอะนะ” เด็กหนุ่มพยายามขอร้องอย่างถึงที่สุด
“ไม่ได้! ฉันจะจัดการเจ้าตัวประหลาดโสโครกนี่เอง” โป้งใช้กำปั้นทุบลงไปที่กลางตัวของเจ้าผีเสื้ออย่างแรง จนทำให้ละอองสีแดงฟุ้งออกมาจากปีกทั้งสองข้าง เพื่อประกาศว่ามันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“เฮ้ย มัตกับต้อม พวกแกมาช่วยฉันยกไอ้เจ้าตัวน่าเกลียดนี่กลับบ้านหน่อยซิ” เด็กหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างอวบอ้วนสองคนเดินเข้ามาหาโป้ง ทั้งสามคนช่วยกันยกเจ้าอสูรกายตัวนั้นขึ้นมา และค่อยๆเดินไปตามที่หัวหน้าสั่ง ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขากำลังแบกนั้นมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย และหางที่แหลมยาวของมันก็ลากไปกับพื้น ทำให้เกิดรอยเป็นเส้นยาวบนพื้นดิน
“นั่นล่ะ เดินไปเรื่อยๆ”
ตอนนี้เหล่าวัยรุ่นทุกคนเดินตามหัวหน้ากลุ่มไปเพื่อจะหาทางกลับบ้าน แม้ว่าใครบางคนจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม
ขณะนั้นปากของผีเสื้อค่อยๆอ้าออก เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมอีกชุดหนึ่งที่อยู่ด้านใน
มันส่งเสียง ซี่... ซี่...
ทันใดนั้น โป้งเห็นเจ้าปีศาจกำลังแยกเขี้ยวออก จนเห็นคราบน้ำเมือกเกาะอยู่บนเขี้ยวที่น่าขยะแขยงของมัน พร้อมที่จะทำร้ายคนได้ทุกเมื่อ เขารีบตะโกนเรียกมัตกับต้อมด้วยเสียงดัง
“เฮ้ย!พวกนายระวัง มันแยกเขี้ยวออกมาแล้ว!!!”
มัตที่กำลังแบกอยู่ด้านหน้ารีบหันหน้ามาดูอย่างรวดเร็ว
“ว๊ากกกกก!!!” เสียงมัตกับต้อมร้องตะโกนขวัญกระเจิง เมื่อเห็นคมเขี้ยวที่น่ากลัวของมัน ทุกคนรีบปล่อยมือออกอย่างกะทันหันโดยที่ปีศาจตัวนั้นตกอยู่ด้านหลังของมัต
ยังไม่ทันที่มัตจะได้ก้าวขาวิ่ง เจ้าสัตว์ร้ายกระพือปีกเด้งตัวขึ้นมาด้วยปีกหนาของมันจากพื้นดิน และใช้ปลายเขี้ยวอันแหลมคมเฉาะเข้าไปที่หัวของมัต มันกระพือปีกถี่ๆและกัดซ้ำไม่หยุด มีน้ำเมือกสีเขียวไหลออกมาเต็มหัวของมัต เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าผีเสื้อใช้หางคมกริบของมันเจาะไปที่ต้นคอของเหยื่ออย่างทารุณ
“อ๊ากกกกก!!!” เขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“กรี๊ดดดด!” แฟนสาวโป้งกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีดพร้อมฟุบลงไปกับพื้น ขณะที่ทุกคนควบคุมสติไม่อยู่และวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง มีแค่ต้อมเท่านั้นที่พยายามต่อกรกับเจ้าสัตว์ร้ายเพื่อช่วยมัต
เจ้าวิ่งไปทางเดียวกับโป้ง เขาเห็นฮาร์ทพยุงแฟนโป้งลุกขึ้นมาและพากันวิ่งไปอีกทางหนึ่ง และนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งทิ้งคนพิการไว้กับคนที่เป็นลม ช่างฉลาดเสียจริงๆ
เด็กหนุ่มทั้งสองหนีมาไกลจนมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ไหนสักแห่งในสวนนี้
“นี่คงเป็นห้องน้ำที่สร้างไว้ให้คนที่มาชมสวนแน่ๆ พวกเรารีบเข้าไปหลบในนั้นกันก่อนเถอะ” เจ้าพูดด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“แหงสิ ถ้าไม่เข้าไปหลบที่นี่แล้วจะให้ไปที่ไหนล่ะ?” โป้งพูดด้วยความฉุนเฉียว
“เอ๊ะ นายเห็นหลุมนั่นมั้ย?” โป้งชี้ไปที่หลุมขนาดเท่าลูกตะกร้อที่กระจายตัวอยู่บนพื้น แต่ละหลุมมีรูเล็กๆอยู่หนึ่งรู
“เห็นสิ ฉันเคยเห็นมันมาก่อน เอาไว้เข้าไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง” เจ้ารีบตัดบทและชวนโป้งเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อพวกเขาเข้ามายังด้านในก็พบว่า ห้องน้ำแห่งนี้มีกระจกอยู่หลายบาน มีคราบสกปรกเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีความชื้นและดูโทรมอยู่พอตัวเหมือนว่าไม่ถูกใช้งานมาเป็นปี
“สรุปว่าไอ้หลุมพวกนั้นมันคืออะไร?” โป้งถามต่อ
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจ ตอนที่ฉันเดินเข้ามาที่สวนนี้ก็เห็นหลุมแบบนี้อยู่เต็มไปหมด มีหางแหลมๆโผล่ออกมาด้วย มันตวัดไปมาเหมือนคอยหาเหยื่อเลย ...จะว่าไป รูปร่างมันเป็นแบบเดียวกับหางของเจ้าแมลงประหลาดนั่นเป๊ะเลย ตอนแรกฉันนึกว่ามันเป็นแค่เถาวัลย์หรือรากไม้ธรรมดา มันเป็นจุดที่ฉันตามเจ้าผีเสื้อพิลึกนั่นเข้ามา” เด็กหนุ่มสาธยายจนแทบไม่ได้หยุดหายใจ
“นายกำลังจะหมายความว่า สัตว์ประหลาดพวกนั้นอาศัยอยู่ในหลุมอย่างนั้นเหรอ?” โป้งซักเจ้าเพื่อหาคำตอบ
“หางที่โผล่ออกมาจากหลุมนั่นต้องเป็นของผีเสื้อพวกนี้อย่างแน่นอน เพราะว่ารูปร่างมันเหมือนกันไม่มีผิด” เขายืนยันในความคิดของตน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ