King of love ผมนะเหรอภรรยา (เมีย)...ราชาปีศาจ

8.3

เขียนโดย Byตั้งโอ๋

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.09 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  15.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560 14.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ณ จุดเริ่มต้นที่ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่****12 ณ****จุดเริ่มต้นที่ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้

ในอดีตกาลนั้นโลกได้ถูกปกครองด้วยผู้ที่เป็นประมุขหนึ่งเดียวบุคคลที่ได้กล่าวขาลว่าเป็นดั่งลมหายใจของสรรพสิ่งบนโลก เป็นที่ตั้งหนึ่งเดียวของทุกสิ่งค่อยแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว ยามใครทุกร้อนไม่ว่าจะชนชั้นใดไม่เคยมีเลยสักคลาที่ท่านจะเบิกเฉย แม้กายจะไม่ได้แข็งแรงกำย่ำอย่างบุรุษเพศที่ควรจะเป็นหากแต่งดงามราวสตรีผู้สูงส่ง เส้นผมสีทองยาวที่ทอประกายแสงอย่างทรงสง่างาม รอยยิ้มที่ประทับบนใบหน้างดงามหาไร้ที่ติ ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยชุดยาวสีขาวสะอาดนั้นช่วยขับผิวขาวให้ยิ่งดูผ่องใส เสื้อผ้าที่เผยตรงช่วงไหล่และอกจนเห็นรอยสลักรูปพระจันทร์เสียวสีแดงเด่น เพราะสิ่งนี้ทำให้ตัวเขาต้องมายืนบนจุดสูงสุดนี้

บนโลกนั้นมีทั้งแสงสว่างและความมืดมิด มีทั้งขาวและดำมันล้วนแต่เป็นไปตามกฎของโลก แต่นั้นไม่ใช้ตัวเขาเลย เป็นแค่คนกลางที่ไม่ว่าจะมืดมิดแค่ไหนก็ยังคงอยู่เป็นแสงสว่างให้ใครๆ ได้แม้จะไม่ได้เจิดจ้าแต่มันทำให้สามารถมองเห็นเส้นทางได้ แม้ในยามสว่างตัวเขาก็ยังคงอยู่เป็นแรงเสริมให้แสงสว่างนั้นแม้จะน้อยนิดแต่เมื่อใดที่ขาดหายคงไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเชื่อมทั้งสองเป็นแน่แท้เขาที่ได้ชื่อว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราผู้ที่เป็นดั่งลมหายใจ เป็นดั่งแสงสว่างในความมืด เป็นดั่งแรงเสริมความสว่างและเป็นดั่งหยดน้ำทิพย์ที่ค่อยชุ่มใจทุกสรรพสิ่ง การที่โลกดำเนินไปอย่างสงบสุขได้นั้นลำพังเขาคนเดียวโลกทั้งใบคงไม่ได้สงบสุขแบบนี้แน่นอนถ้าหากไม่ได้สองบุรุษที่ค่อยช่วยเหลือ และคอยชี้แนะให้ บุรุษผู้หนึ่งได้ชื่อว่าเป็นดังแสงสว่างของโลกผู้ที่ครอบครองแสงแห่งราวินทรา อีกหนึ่งบุรุษเป็นดั่งความมืดมิดของโลกผู้ครองราหูทมิฬ ทั้งสามต่างตั้งอกตั้งใจทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับสรรพสิ่งบนโลกเพื่อความสงบสุข แต่แล้วสุดท้ายสิ่งที่ทั้งสามเฝ้าฟูมฟักรักษานั้นต้องพังลงด้วยน้ำมือของพวกเขาเองเมื่อกิเลสภายในจิตใจที่ยากจะห้ามได้ จุดเริ่มต้นคงมาจากผู้ที่เป็นดั่งแสงสว่างและผู้ที่เป็นดั่งความมืดมิดเกิดมีใจให้กับผู้ที่เป็นดั่งลมหายใจของโลก

เขาทั้งสองคนรู้ดีว่ามันไม่ควรเกิดเรื่องเช่นนี้แต่ทุกคนมีจิตใจ มีกิเลสมันยากยิ่งนักที่จะหักห้ามใจ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยดีเมื่อผู้เป็นดั่งลมหายใจไม่มีใจโอนเอนไปทางฝังใด แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าหัวใจก็ย่อมมีความรู้สึก ใจดวงน้อยนั้นพร้อมสั่นไหวได้ทุกคลาหากแต่ไม่สามารถเห็นแก่ตัวรับความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้เขามีหน้าที่ และทั้งสองก็เช่นกันล้วนมีหน้าที่ของตนเองจะมาเห็นแก่ความสุขของตนเองมิได้ จนแล้วจนเล่าเวลาผ่านมาเนินนานทั้งสองฝ่ายก็ไม่เคยที่จะลดละมอบความรักมาให้จนสุดท้ายใจที่คิดว่าแข็งกลับพังลงไม่สามารถะทนทานได้อีกต่อไปเมื่อใจน้อยๆ นั้นโอนเอนให้กับผู้เป็นดั่งแสงสว่างของโลก หากแต่ก็รู้สึกผิดเหลือเกินที่เขาไม่สามารตอบรับความรู้สึกของอีกคนได้ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจแต่เขาไม่สามารถมอบใจให้กับอีกคนได้จริงๆ และเพราะเขาเป็นแบบนี้มันเลยทำให้สิ่งเลวร้ายที่สุดนั้นเกิดขึ้น

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะไม่ปันใจให้ผู้ใดเด็ดขาดแต่เพราะเวลาไม่สามารถย้อนกลับได้เรื่องมันถึงต้องเป็นเช่นนี้โลกที่เคยสงบต้องลุกเป็นไฟด้วยตัวของเขาเองความสัมพันธ์ที่เคยดีงามของทั้งสามต้องแตกหักเป็นสอง ผู้เป็นดั่งความมืดประกาศลั่นว่าจะเป็นปริปักกับเขาทั้งสองไปชั่วกัปชั่วกัลป์เขาจะไม่เศร้าเลยถ้ามันเป็นกับตัวเขาแต่เปล่าเลยพี่น้องร่วมโลกต้องมาเดือดร้อนเพราะเขา

ตั้งแต่บัดนั้นโลกปีศาจก็ไม่เคยสงบอีกเลย เกิดสงครามระหว่างกันมาโดยตลอด ผู้ครองราหูทมิฬไม่เคยหยุดกระทำผู้ชื่อว่าเป็นคนที่ตนรัก และผู้ที่เป็นดั่งเพื่อนเขาไม่อาจยอมรับมันได้ในเมื่อเขาไม่สมหวังพวกมันก็ต้องไม่สมหวังเขาสาบานกับตนเองเสมอว่าจะตามจองล้างคนทั้งคู่ไปตลอดจะค่อยขัดขวางทุกวิถีทาง และโลกทั้งใบต้องเป็นของเขาตอนนั้นทั้งสองจะต้องอยู่ในกำมือของเขา จากความรักที่เคยมีล้นใจค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเกียจชังจนกลายเป็นความแค้นภายในจิตใจ

แม้ผู้เป็นดั่งลมหายใจจะรู้สึกผิดมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจทำการใดได้มีแต่ต้องยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น และพยายามจนสุดกำลังเพื่อที่จะปกป้องสิ่งที่ตนรัก ข้างกายมีผู้เป็นที่รักไม่เคยห่างถึงแม้จะรู้สึกผิดมากเพียงใดแต่เขาไม่อาจห้ามใจได้เช่นกันในเมื่อปักใจให้ไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่ช่วยกันปกป้องสิ่งที่ทั้งสองรักพร้อมกับดูแลความรักของกันและกันแม้ปัญหาจะใหญ่หลวงมากเพียงใดเขาทั้งสองเชื่อเสมอว่ามันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีจะต้องรักษาความรักของทุกคน และรวมไปถึงความรักของเขาเอง ทั้งสองอยากจะทำให้เพื่อนอีกคนยอมในความรักของเขาให้ได้อยากให้เข้าใจกันว่าความรู้สึกนั้นห้ามกันมิได้มันไม่สามารถจะเป็นไปได้ดั่งที่เขาหวังเสมอไป

“เจ้าอ่านสิ่งใด” ร่างสูงใหญ่เอ่ยถามคนรักที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากับการอ่านหนังสืออยู่ตรงโต๊ะไม้สวยที่ตั้งตระหง่านนอยู่กลางห้องรอบด้านนั้นรายล้อมไปด้วยเหล่าหนังสือนานาชนิด

เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้วอัสบัสจึงมาตามข้าวสวยที่มาอยู่หอสมุดตั้งแต่เช้าหวังจะได้กินข้าวเที่ยงด้วยกัน ตอนเข้ามานั้นเห็นข้าวสวยนั่งอ่านหนังสืออย่างมุ่งมั่นสีหน้าที่เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวทำสายตาละห้อย หรือไม่ก็ทำหน้าเศร้ามันทำให้อัสบัสนึกสงสัยขึ้นอะไรจะจริงจังกับหนังสือขนาดนั้น

“อ่าว คุณ” คนถูกเอ่ยถามค่อยๆ ละสายตาจากหนังสือมามองก่อนจะทักกลับไป

“ว่าไง เจ้าอ่านอะไรอยู่เห็นทำหน้าเครียด” อัสบัสถามขึ้นมาอีกคลาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังไม่ให้คำตอบเขาเลย สายตาก็มองมาที่หนังสือในมือของข้าวสวย อัสบัสรู้สึกใจกระตุกทันทีที่เห็นว่าหนังสือเล่มนั้นคือ

“ตราบสิ้นดวงหฤทัย” น้ำเสียงที่แปล่งออกมานั้นช่างรู้สึกสั่นครือยิ่งนัก อัสบัสรับรู้มันได้คงเพราะเคยอ่านมาก่อนถึงทำให้รู้สึกเช่นนี้ข้อความในหนังสือมันช่างน่าเศร้าความรักของคนสามคนมันก็ย่อมมีหนึ่งคนที่ผิดหวัง

“เรื่องนี้ผมอ่านแล้วรู้สึกเศร้าจังแต่ก็อยากอ่านให้จบอยากรู้ความรักของพวกเขาทั้งสามจะเป็นยังไงแล้วโลกที่พวกเขาทุ่มเทดูแลนั้นเป็นอย่างไร แต่อีกใจผมกลับไม่อยากอ่านมันเลยมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เวลาอ่านผมรู้สึกเหมือนผมเป็นผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเลย คนเขียนเก่งมากเลยถึงทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ ผมคงอินไปหน่อยแต่ว่านะผมว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเขาน่าสงสารนะคุณว่าไหม ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นหรอกแต่จะทำไงได้ใจคนเราบังคับกันได้ที่ไหนกันละ แต่ผมก็สงสารรามิฬเหมือนกันนะ ผมอยากให้เขาย่อมรับความรักของจันทรากับคาวินจังเลย”

นี้คงเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ข้าวสวยพูดกับอัสบัสได้ยาวขนาดนี้แต่ ณ เวลานี้มันไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้อัสบัสรู้ดีว่าตอนสุดท้ายมันเป็นยังไงเพราะเขาอ่านมันมาหลายรอบเหลือเกินตั้งแต่ครั้งยังเด็กจนเขาโตแม้มันจะให้ความรู้สึกเจ็บปวดแต่เขาก็ต้องอ่านมันซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

“ข้าว่าเจ้าไม่ต้องอ่านจนจบหรอกมันไม่มีอะไรสนุกหรอกนะ” อัสบัสบอกพร้อมกับลูบกลุ่มผมของข้าวสวยอย่างอ่อนโยน

“คุณอ่านจบแล้วใช่ไหม”

“อืม ถึงบอกไงว่าไม่สนุก”

“ไม่สนุกยังไงเล่าให้ฟังได้ไหมตอนจบพวกเขาสามคนเข้าใจกันดีไหม” ข้าวสวยยังคงถามขึ้นอย่างสงสัยแต่อัสบัสกับเงียบเปลี่ยนเรื่องมาชวนข้าวสวยไปกินข้าวแทน

“ไปกินข้าวดีกว่าข้าหิวแล้ว”

“เล่าให้ผมฟังก่อนสิว่าจบยังไง” คนอยากรู้ยังคงเซ้าซี่

“เฮ้อ! มันไม่มีตอนจบหรอกนะ”

“เอะ! ไม่มีตอนจบเป็นไปได้ไงละ ใครบ้าจะแต่งไม่จบคุณไม่อยากบอกผมใช่ไหม” ข้าวสวยว่าอัสบัสอย่างรู้สึกเคืองที่มาบอกแบบนั้นใครกันจะแต่งให้คนอ่านมารู้สึกค้างกัน

“มันไม่มีตอนจบจริงๆ ไม่เชื่อเจ้าเปิดไปดูหน้าสุดท้าย” อัสบัสว่าก่อนจะเบนสายตาไปทางหนังสือ

ข้าวสวยเมื่อได้ยินก็รีบเปิดหนังสือไปหน้าสุดท้ายทันทีซึ่งมันทำให้ข้าวสวยต้องตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อกระดาษแผ่นสุดท้ายนั้นหายไปเพราะไอ้รอยขาดของกระดาษนั้นเป็นตัวบอกเขาได้อย่างดีว่ามันได้ขาดหายไปจริงๆ สายตารีบกวาดอ่านในกระดาษหน้าที่มันเป็นแผ่นสุดท้ายแทนแผ่นที่หาย ในแผ่นนี้มันพูดถึงตอนที่ทั้งสามกำลังต่อสู้กันและเหมือนกับว่าจันทราและคาวินกำลังเสียเปรียบรามิฬอยู่ แต่ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคงเป็นลำแสงสีดำที่พุ่งมาทางคาวินกับจันทราที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อเพราะเนื้อหาต่อจากนี้มันได้ขาดหายไปเสียแล้ว

“ไม่จริงทำไมเป็นแบบนี้ละ คาวินกับจันทราจะเป็นอะไรไหมคุณ แต่ผมว่านะเขาคงจะไม่เป็นอะไรหรอกยังไงตัวเอกก็ต้องคู่กันและจบแบบสมหวังอยู่แล้วเนอะคุณว่าไหม” จากสีหน้าที่สลดลงนั้นก็กลับมายิ้มอีกครั้งเมื่อคิดได้ แต่ข้าวสวยจะรู้ไหมว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นมันไม่เสมอไปหรอกนะความรักที่ไม่สมหวังมันก็มี เรื่องราวที่จบด้วยความเศร้ามันก็มี ใครๆ ถึงชอบพูดกันไงว่ารักดีๆ มันมีแต่ในนิยาย แต่เพราะนี้มันไม่ใช่นิยาย

“ทีนี้จะไปกินข้าวได้หรือยัง ข้าหิวจนตอนนี้กินเจ้าได้ทั้งตัวรู้หรือไม่” อัสบัสว่าพร้อมกับทำสายตาหยาดเหยิ้มส่งให้คนถูกพาดพิงถึงกับสะดุ้งสุดตัว หื่นไม่เลือกเวลาจริงๆ ไอ้เขาควายบ้ากาม

ณ ปราสาทใหญ่โตที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด สายหมอกขาวนวลที่เคลื่อนผ่านทุกอณูของพื้นที่นั้นช่างให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกหากแต่ใช่เย็นกายไม่มันกลับให้ความรู้สึกเหน็บหนาวไปยังก้นบึ่งของหัวใจ จากความเจ็บปวดที่แสนสาหัสค่อยๆ กลายมาเป็นความเย็นชาจนใจรู้สึกด้านชา นานเท่าไหร่แล้วที่เขาต้องเป็นอยู่แบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เขารอมัน ชีวิตที่ยาวนานกว่าใครใช่ว่ามันจะดีมานึกเสียใจตอนนี้มันก็สายเกินไป

‘ถ้าเจ้ารักข้าบางก็คงจะดี’ คำนี้ผุดขึ้นในใจเมื่อนึกถึงอดีตที่แสนยาวนาน

“พระองค์ตอนนี้ทางฝั่งนั้นคุมกำลังแน่นหนามากจนยากที่จะเข้าใกล้ตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรา พ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึ อย่างนั้นหรือ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเจ้าก็ไม่เปลี่ยนเลยนะคาวิน ไอ้นิสัยหวงของ ช่วงนี้คอยจับตาดูไปก่อนก็แล้วกันสบโอกาสเมื่อไหร่ค่อยจัดการเอาตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรมา ช่วงนี้ก็ปล่อยข่าวให้พวกปีศาจหน้าโง่มันไปก่อกวนพวกมันกันไปก่อน”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา