ปริศนาอาถรรพ์ วังเปรต
-
เขียนโดย ไปรยาลน้อย
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.05 น.
8 บท
0 วิจารณ์
10.33K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) หมู่บ้าน "เขาจะกะ"
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3 หมู่บ้าน "เขาจะกะ"
ผมกับแชมป์เดินกลับมาที่ทางแยก และมุ่งไปทางแยกอีกทางซึ่งเป็นทางลาดขึ้นไปบนเขา ก็พึ่งสังเกตว่าทางนี้มีเสาไฟฟ้าเรียงขึ้นไป ทำไมตอนแรกผมกับไอปุณย์สังเกตกันไม่เห็น
พวกเราเดินขึ้นกันเหนื่อย จนถึงตัวหมู่บ้านตัวผมกับปุณย์ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถึงแม้อากาศจะเย็นก็ตาม แต่อากาศบนเขาหนาวขึ้นมากเหงื่อพวกเราเลยแห้ง กันเร็ว
ชาวบ้านคนหนึ่งก็เข้ามาทักทายเรา “ ไอ้นาย มาทำอะไรกันหึ “
ผมตอบกลับไปว่า “ อ่อ พวกผมมาหาบ้านผู้ใหญ่บ้านน่ะครับ “
ชาวบ้านคนนั้นบอกว่าบ้านผู้ใหญ่เขียด เดินไปฝั่งท้ายหมู่บ้าน ริมตระพังน้ำเก่า “ พร้อมทั้งชี้มือใบ้ทางไป
ผมหันไปมองป้ายชื่อหมู่บ้าน “ บ้านเขาจะกะ “ ก็นึกสงสัยว่าชื่อหมู่บ้านทำไมเหมือนกัน หรือคนจากหมู่บ้านด้านล่างจะย้ายขึ้นมาอยู่ที่นี่กัน ถ้าย้ายมานี่เขาย้ายกันมาทำไม
เดินผ่านหมู่บ้านนี้มีวัดประจำหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านไปวัดกันแทบหมดหมู่บ้านไปฟังเทศน์ฟังธรรมกัน วัดที่บนนี้ดูครึกครื้น ต่างจากวัดด้านล่าง วัดวังจะกะที่ทรุดโทรมไม่มีคนไปทำบุญกันเท่าไหร่เลย
วัดบนเขานี้ก็ชื่อว่า วัดเขาจะกะ หมู่บ้านนี้มีโรงเรียน มีคนอยู่พอสมควร มีร้านขายของโชว์ห่วย อยู่หนึ่งร้าน สภาพเหมือนชุมชนตามชนบททั่วไป มีไฟฟ้าเข้ามาถึงตัวหมู่บ้าน
เราเดินไปก็เห็นแนวดินยกสูงเป็นทาง ริมผาชัน ๆ เหมือนเคยเป็นที่กักเก็บน้ำมาก่อน มีบ้านหลังใหญ่ชั้นแรกเป็นปูนก่ออิฐ ชั้นบนเป็นไม้น่าจะเป็นไม้สักอย่างดี
ผมเห็นกรงสัตว์ขนาดใหญ่ ด้านข้างของบ้าน เลี้ยงทั้งนกเงือก แล้วก็ชะนีเอาไว้ ส่งเสียง อั๊ว ๆ ๆ ไปทั่ว ผมคิดในใจว่าคงมีอิทธิพลไม่น้อย เลี้ยงสัตว์ต้องห้ามขนาดนี้ได้โดยไม่ถูกจับ
ผมเดินไปก็เห็นชายกับป้าหวี กำลังกินกับข้าวอยู่ริมระเบียงบ้านที่มีหลังคาเป็นกันสาดยื่นออกมานั้น เพราะว่าตอนนี้ก็เลยเที่ยงมาจะบ่ายแล้ว ผมเดินเข้าไป ยามก็กันไว้ ผมบอกว่ามากับสองคนนั้น เขาถึงให้ผมเข้าไป เดินไปถึงป้าหวีก็หันมาพอดี
“ อ้าว มากันแล้วเหรอ ไหว้ผู้ใหญ่เขาสิ “ ป้าหวีใช้หางตาชี้ไปพลาง ผมกับปุณย์ก็ไหว้ผู้ใหญ่บ้านตามป้าหวีบอก
“ พวกแกก็มากินกันซิ “ ป้าหวีชวน
ไอปุณย์ก็ไม่รอช้าเข้าไปรวมวง ผมก็ไปนั่งกินข้าง ๆ กับชาย มีกับมีอาหาร วันนั้นผู้ใหญ่เขาก็อนุญาตให้เรารังวัดกันตามสบาย
แล้วผู้ใหญ่เล่าว่าจริง ๆ แต่ก่อนหมู่บ้านนั้นก็มีผู้ใหญ่บ้านของเขาเหมือนกัน แต่หมู่บ้านนั้นร้างไปแล้ว แกก็เลยเหมือนคอยดูแลแทน ผมก็ถามว่า “ หมู่บ้านนั้นร้างได้ยังไงครับ ผู้ใหญ่ “
ผู้ใหญ่เปลี่ยนสีหน้าจากที่ดูร่าเริง เป็นเครียด ๆ หน่อย ชายก็เปลี่ยนสีหน้าไปด้วยเหมือนกัน ก่อนที่ผู้ใหญ่จะตอบว่า “ ดินถล่มน่ะ “
“ แล้วมีคนรอดมาบ้างไหมครับ “ ผมถามกลับ “
มีอยู่แค่ คนเดียว แกชื่อยายขีด “ ผู้ใหญ่ตอบกลับมา
“ ผมเจอแกแล้วล่ะครับ ที่วัด “ ผมตอบ
ผู้ใหญ่แกบอกเล่าถึงยายขีดว่าตั้งแต่ที่หมู่บ้านนั้นโดนโคลนถล่ม ยายขีดก็สติไม่ดีนับแต่นั้น แกจะเกลียดไม่ชอบให้ใครเข้าไปในหมู่บ้านนั้น โดยเฉพาะคนจากหมู่บ้านนี้ และเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนก็เคยมีอยู่ทั้งสองหมู่บ้านด้วยกัน แต่แต่ก่อนสองหมู่บ้านเราก็ไม่ถูกกันมาตั้งนานแล้ว
หลังจากฟังมาผมก็ถามกลับ “ ทำไมไม่ถูกกันเหรอครับ “ ผู้ใหญ่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบว่า “ ก็เรื่องมันเก่าแล้วล่ะ “
ฟรึ้บ ๆ ผมได้ยินเสียงถูพื้น ถูเรือนดังขึ้นมา ผมก็นึกถึงเสียงที่ได้ยินในห้องน้ำนั้น และก็ตั้งใจจะถามชายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าข้างห้องอีกฝั่งเป็นใคร
ผมถาม “ชาย ๆ ข้างห้องติดกันฝั่งขวานี่เป็นห้องใครเหรอ “
ชายกำลังจะตอบ ปุณย์ก็ตอบแทรกขึ้นมาว่า “ ห้องป้าหวี “
ป้าหวีหันมาถามว่า “ มีอะไรเหรอ “
ผมตอบว่า “ เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ “
หลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จสรรพ พวกเราก็เดินกันออกมา แล้วบอกผู้ใหญ่ว่าจะไปเริ่มทำงานกันแล้ว ผู้ใหญ่ก็ให้คนไปคอยช่วยหนึ่งคน ชื่อลุงจี๊ด ผู้ใหญ่บอกว่าแถวนั้นมันอันตรายมีสัตว์ป่าอยู่ ให้ลุงจี๊ดไปด้วย ลุงจี๊ดแกพกปืนลูกซองไปด้วย แกนุ่งโสร่งตัวเดียว กับสะพายปืนไว้อย่างนั้น พวกผมก็รู้สึกเกร็ง ๆ หน่อย ๆ
พวกเราเดินออกมากันพร้อมกับลุงจี๊ด ลุงจี๊ดยืนตามหลังสูบบุหรี่อยู่ห่าง ๆ ผมกับชายเดินอยู่ด้านหน้า ซึ่งผมก็ยังสงสัยไม่หายเรื่องที่สองหมู่บ้าน ทะเลาะกัน
ได้โอกาสผมก็ถามชาย “ สองหมู่บ้านนี้เขาไม่ถูกอะไรกันเหรอ “
ชายตอบว่า “เรื่องมันเก่าแล้วล่ะ “
แต่ผมอยากรู้ก็เลย ถามไซร้ “ บอกหน่อยน้า ชาย ๆ “
ชายก็เล่าว่า “ ก็เรื่องน้ำนี่แหละ ”
ผมถามต่อ “ ยังไงเหรอ “
“ ก็ดูซิหมู่บ้านนี้น่ะอยู่ด้านบน แต่อีกหมู่บ้านน่ะอยู่ด้านล่าง แล้วบังเอิญสองหมู่บ้านนี้น้ำไหลผ่านหมู่บ้านนี้ก่อนจะลงไปวังจะกะไง เวลาน้ำแล้งสมัยก่อนหมู่บ้านบนก็กักน้ำเอาไว้ หมู่บ้านล่างก็เลยยกโขยงกันมาทะเลาะบ่อย ๆ บางปีน้ำหลากหมู่บ้านบนก็ปล่อยน้ำ น้ำก็ไหลลงไปท่วมหมู่บ้านล่าง เขาก็ไม่ถูกกันเพราะเรื่องนี้แหละ “
ผมก็เลยถาม “ ถ้าเป็นทางน้ำผ่านกัน ที่หมู่บ้านนั้นเคยโดนโคลนถล่มนี่เพราะหมู่บ้านนี้หรือเปล่า “
ชายเปลี่ยนสีหน้าเป็นค่อนข้างกังวล ๆ ก่อนตอบว่า “ ปีนั้นตระพังน้ำเก่ามันพังลงมา แล้วไหลไปถล่มหมู่บ้านนั้นพอดี “
จู่ ๆ มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “ นี่จะไปไหนกันน่ะ “
ผมอยู่ด้านหน้าก็ตอบไปว่า “ วังจะกะครับ จะไปวัดที่ครับ ”
ชาวบ้านคนนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ พวกแกไม่รู้เหรอว่า แถวนั้นเขาเรียกกันว่า วังเปรต ! “
“ วังเปรต ! “ ปุณย์พูดขึ้น
ชาวบ้านพูดต่อไปว่า “ แถวนั้นน่ะ เฮี้ยนมากเลยนะ พวกแกก็ระวัง ๆ ตัวกันหน่อยละกัน พยายามอย่าอยู่ดึก “
ชาวบ้านคนนั้นเดินไป หลังทำให้พวกเราเสียววาบกันขึ้นมา
หันไปหาป้าหวีก็ชักสีหน้าไม่ดี ผมก็บอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้ผมกับปุณย์ก็ไปกันมา “ ป้าหวียิ้มและดูโล่งใจขึ้น
ผมหันไปถามชาย “ วังเปรต นี่คือยังไงเหรอ “
ชายตอบว่า “ ก็แถวนั้นน่ะ วัดเขาไปตั้งเสาเปรตเอาไว้ เพราะแต่ก่อนหลังจากหมู่บ้านนั้นโดนถล่ม คนในหมู่บ้านเราก็อดอยาก เพราะไม่มีตระพังไว้เก็บน้ำแล้ว จากนั้น จู่ ๆ ก็มี ผีเปรตอาละวาดในหมู่บ้านเรา อยู่กันแทบไม่ได้ ทางวัดก็เลยต้องไปสร้างเสาเปรตไว้ที่นั่น เพื่อไม่ให้เปรตมาอาละวาดในหมู่บ้านนี้ “
“ แล้วจู่ ๆ ผีเปรตมาจากไหน “ ผมถามชาย
“ ชาวบ้านคิดว่ามาจากคนหมู่บ้านนั้นที่ตาย “ ชายตอบกลับ
แต่ผมก็เข้าใจว่าผีเปรตนี่ต้องทำบาปรุนแรงไม่ใช่เหรอ ชาวบ้านนั้นเขาก็ไม่ได้ทำบาปนี่ ผมถามชายกลับไป ตามนี้ ชายตอบกลับมาว่า “ อันนี้ชายก็ไม่รู้นะ ส่วนใหญ่ชายก็ได้ยินเรื่องเล่ามาจากแถวบ้านชาย “
ครั้งนี้พวกเราเดินลงเขาไม่เหนื่อยเลยเพราะเป็นขาลงไม่ต้องออกแรงเดินนัก แถมอากาศยังเย็นสบายสดชื่นอีกต่างหาก ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ครั้งนี้ผมก็คุยเล่นกับชายไป
“ รู้จักกับชายมายังไม่รู้เลย ชายอายุเท่าไหร่นะ “ ผมถามชาย
“ ยี่สิบเจ็ด “ ชายตอบ
“ โอ้ แบบนี้ ก็ต้องเรียกพี่เลยเดะ อายุมากกว่าผมตั้งสามปีแนะ “ ผมพูดเชิงหยอกล้อกลับไป
“ ไม่ต้องหรอก “ แล้วชายก็หัวเราะในลำคอนิด ๆ
จากนั้นป้าหวีก็เดินแทรกเข้ามาตรงกลาง
แล้วก็มาถามผม “นี่ แกน่ะโรจน์ แกมีแฟนหรือยังเนี่ย “
ผมตอบว่า “ ยังไม่มีครับ “
“ แหม่ แนวคม ๆ อย่างแกนี่น่าจะหาได้สบาย “ ป้าหวีแซว
ก่อนพูดต่อว่า “แหม่ ฉันไม่เข้าใจเลย แกสองคนก็หน้าตาดีทั้งคู่ แต่ทำไม ไม่ยักกะมีแฟนกันเลย ดูไอปุณย์นู่น หน้าตาอย่างกะ ประจวดมันยังมีแฟนเลย “
ผมกับชายก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ
ปุณย์ก็เถียงกลับมา “ ป้าหวีละครับ ไม่เห็นจะแต่งงานกับเค้าบ้างเลย “
ป้าหวีหันไปหยิกหู ไอปุณย์ “ แล้วโต้ว่า “ ก็ฉันอยากใช้นางสาว แกจะทำไมวะ “
ปุณย์เถียงกลับพลันว่า “ นางสาวเกือบเกษียณเลยนะยาย “
จากนั้นป้าหวีกับปุณย์ทะเลาะกันอยู่ด้านหลังไป ส่วนลุงจี๊ดก็เดินสูบบุหรี่เงียบ ๆ ของลุงไป
พวกเราเดินมาถึงทางแยก เดินมาเจอยายคนนั้น ยายขีดกำลังเอาอาหารมาใส่กระทงไว้ตรงทางสามแพร่ง แกหันมามองพวกเรานิดหน่อย ก่อนที่จะลงไปเทสำรับอาหารต่อ ผมเห็นว่าไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้วพวกเราก็ต้องเข้าไปแถวหมู่บ้านแก ก็เลยน่าจะบอกแกไว้
ผมตะโกนออกไปว่า “ ยาย ๆ พวกเราต้องเข้าไปทำงานในหมู่บ้านวังจะกะน่ะยาย อย่าไล่พวกเราได้ไหม “
ยายก็หันมา ก่อนจะตวาดเสียงว่า “ แกจะเข้าไปทำไม แกอยากตายกันหรือไง “
ผมตอบยายว่า “ทางอำเภอเขาให้ผมไปรังวัดที่ เรื่องที่ดินน่ะยาย มันจำเป็นจริง ๆ ยาย “
ยายแกก็ตอบกลับมา “ ก็ได้ แต่ใครเป็นอะไรไปฉันไม่เกี่ยวนะ แล้วก็ฉันต้องไปบอกเพื่อนบ้าน บ้านฉันก่อน “
พวกเราทั้งหมดได้ยินก็เสียววาบ ในเมื่อหมู่บ้านนั้นมีแต่แกอยู่แค่คนเดียว
ยายแกลุกขึ้นแล้วก็เดินลงทางลาดไป ทิ้งปิ่นโต กับกระทงใส่ข้าวไว้ตรงทางสามแพร่ง
แกกำลังจะเดินลงไป ก็หันมาชี้ใส่ชาย บอกว่า “ ไอหนุ่มนั่น ห้ามลงไป “ แล้วแกก็เดินลงไป พวกเราก็หันมาคุยกันสักครู่
ผมถามว่า “ มีใครกลัวไหม ไม่ต้องลงไปก็ได้“
ป้าหวีเดินเข้ามาจับไหล่ “ ฉันไม่กลัวหรอก ไปกันเถอะ อย่างไงวันนี้ก็คงได้แค่มาดูสภาพที่ดินน่า“
ส่วนปุณย์ถึงจะแสดงออกมาชัดว่ากลัว ๆ และกังวล มันก็ไม่ได้ปฏิเสธ และจะไปด้วยกัน ส่วนชายก็พูดขึ้นมาว่า “งั้นไปกันเถอะ ยังไงวันนี้ถ้างานคืบหน้า งานเราก็จะได้เสร็จเร็วขึ้น
พวกเราเดินลงไปทางลาดไปยังหมู่บ้านวังจะกะ ตอนนี้ก้อนเมฆค่อย ๆ จับก้อน และฟ้าเริ่มสลัว ๆ แม้จะเป็นช่วงบ่ายอยู่ก็ตาม และอากาศที่เย็นครั้งนี้กลับทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ