ปริศนาอาถรรพ์ วังเปรต
-
เขียนโดย ไปรยาลน้อย
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.05 น.
8 บท
0 วิจารณ์
10.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) แมวสีดำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตอนที่ 4 แมวสีดำ
เดินมาไม่นานนัก เมฆค่อย ๆ ก่อตัวทมิฬมืดขึ้นมา แสงจากดวงอาทิตย์ที่พอจะลอดผ่านมา ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ แต่ภาพทุกอย่างมีสีฟ้าผสมสีเทาอึมครึม แม้มองเห็นทุกอย่างได้ชัดแต่ก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี
พวกเราเดินมาถึงป้ายหมู่บ้านที่ผมกับปุณย์เคยเดินมาถึงมาก่อน บรรยากาศของหมู่บ้านที่อยู่ในดงของต้นไม้ และบรรยากาศที่หม่นมัวขึ้นทำให้บรรยากาศน่ากลัวกว่าครั้งที่แล้ว
“ เห้อ บรรยากาศ ไม่น่าทำงานเลย” ปุณย์พูดขึ้น
“ แกอย่ามาขี้เกียจ ทำเร็วก็เสร็จเร็ว “ ยายหวีพูดขึ้น
“ งานนี้ฉันว่าเราเดินสำรวจดูก่อนไหม ที่กว้างขนาดนี้วัดไม่เสร็จทันปีใหม่แน่ งานค้างข้ามปีแน่ ๆ” ป้าหวีพูดต่อ
พวกเราตัดสินใจจะเดินสำรวจพื้นที่ก่อน ว่าจะวัดพื้นที่ตรงไหนก่อนดี สำหรับผมกับชายไม่เคยมีประสบการณ์รังวัดหรอก เพราะหน้าที่พวกนี้เป็นของเจ้าพนักงานรังวัด ก็คือ ป้าหวี กับ ปุณย์ อันที่จริงผมนั่งรออยู่อีกหมู่บ้านก็ได้ แต่มาช่วยป้าหวีกับปุณย์ เพราะถ้าปล่อยสองคนนี้มาทำงานแค่สองคนก็ค่อนข้างน่าห่วงอยู่
พวกเราเดินตามรอยถนนเข้าหมู่บ้าน ที่แทบไม่เหลือร่องรอยถนนเหลืออยู่แล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยหลังคาสังกะสี ที่หล่นลงมาตั้งแต่ครั้งภัยพิบัติ ซากบ้านแต่ละหลังพักโครมลงมา มีร่องรอยการเก็บกู้ซากบ้านเรือนบางหลังมากองรวม ๆ กันไว้ เป็นพะเนินเทินทึก บางหลังเก็บซากไม่หมดก็ปล่อยไว้เป็นโครงตามสภาพเมื่อเหตุภัยพิบัติ ผมค่อนข้างรู้สึกคุ้นตากับซากบ้านร้างใกล้กับป้ายชื่อหมู่บ้านมาก เมื่อมองถนนในแนวตรงก็จะเห็นเสาเปรตชัดเจน แต่พวกเราก็ไม่มีใครอยากพูดถึงมัน
“ เราน่าจะลองวัดเส้นตามขอบของหมู่บ้านก่อน จะได้รู้ว่าเส้นเขตยังเหมือนเดิมไหม ฉันเอาข้อมูลเส้นเขตเก่ามา ถ้าเทียบแล้วคล้ายกัน พวกเราน่าจะทำงานกันง่ายขึ้น “ ป้าหวีพูดขึ้น แล้วมองไปที่ไอปุณย์
ไอ้ปุณย์ก็รู้งาน แบกเอากล้องวัดมุมที่ถือมามาใส่ฐานตั้ง แล้วเดินหาเส้นเขตเก่า ตามข้อมูลป้าหวีเพื่อเทียบดู
ป้าหวีหันไปมองลุงจี๊ดที่สูบบุหรี่อยู่ ก่อนจะพูดว่า “ช่วยไปหาที่สูบที่อื่นได้ไหมคะ” นิสัยป้าหวีเป็นคนตรง ๆ
ลุงจี๊ดก็เดินออกไปทางเสาเปรต และยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น
“ อืม! ฉันกับปุณย์ ไปหาเส้นเขตนี้ก่อนนะ พวกแกเดินเล่นไม่ก็หาที่นั่งรอก็ได้ “ ป้าหวีพูด จากนั้นก็เดินไปกับไอปุณย์ “
เสียงคุยงานและเถียงกันระหว่างป้าหวีกับปุณย์ขณะกำลังเดินห่างไปเรื่อย ๆ
“ นี่ หมู่บ้านนี้มีแม่น้ำผ่าตรงกลางมาก่อน แล้วก็มีชายป่าขนาบสองข้าง ซ้ายขวาจากทางเข้า เอ็งจำเอาไว้นะ ไอปุณย์ “ ป้าหวีพูด“
“ งั้นไปที่แนวเส้นนี้กัน มันน่าจะใกล้ที่สุด “ ปุณย์พูดขึ้นและน่าจะชี้ไปในแผนที่นั้น ผมไม่เห็นเพราะทั้งสองคนกำลังเดินหันหลังให้ผม เดินห่างออกไปผ่านเสาเปรตพอทั้งสองเดินอ้อมไปด้านหลังของเสาเปรต เสาใหญ่จนบังทั้งสองมิด จนไม่ได้ยินเสียงของทั้งคู่
ผมอยู่กับชายก็หาที่นั่งพักเพราะเดินกันมานาน ผมมองหาว่าจะมีที่ไหนบ้างให้เรานั่งได้ ผมกวาดตาไปเจอม้านั่งเก่าอยู่หนึ่งตัว อยู่ตรงข้ามกับซากบ้านหลังที่ใกล้ป้ายหมู่บ้านที่สุด เป็นหลังที่ผมมีความรู้สึกแปลก ๆ
“ ชายไปนั่งพักตรงนั้นกันเถอะ” ผมพูดขึ้น
“ อืม “ ชายตอบพร้อมพยักหน้า
ผมกับชายเดินไปนั่งที่ม้านั่งนั้น ภาพที่มองจากม้านั่งนั้นจะเป็นภาพบ้านร้างข้างหน้า เป็นบ้านหลังหนึ่ง ที่ดูอดีตเคยหลังใหญ่ไม่น้อยในหมู่บ้านนี้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่มีร่องรอยเคยยกสูงแบบบ้านทรงไทยสมัยก่อน แต่เสาของบ้านหักพังลงไป ทำให้โครงบ้านเหมือนหล่นลงมาที่พื้นทั้งหลัง จากบ้านที่เคยยกสูงกลายเป็นบ้านที่อยู่ติดพื้น และบางส่วนของบ้านพังจนละเอียด ข้าวของในบ้านหลายชิ้นยังคงวางอยู่
ผมก็หาเรื่องคุยกับชาย ก็นึกถึงเรื่องเสียงแปลก ๆ ในห้องน้ำ ผมถามชาย “ ชายในห้องน้ำบ้านพักโรจน์ มีเสียงแปลก ๆ ดัง ตอนอาบน้ำตอนกลางคืน มันคือเสียงอะไรเหรอ “
ชายก็ถามว่า “เสียงเป็นยังไงเหรอ”
ผมตอบ “ เสียงเหมือนมีอะไรถู ๆ ไถ ๆ “
ชายขมวดคิ้ว และมีสีหน้ากังวลขึ้นมา “มาจากห้องป้าหวีหรือเปล่า ป้าหวีชอบทำอะไรแปลก ๆ “
“ป้าหวีทำอะไร แปลกเหรอ “ ผมถาม
“ ชายไม่รู้หรอก แต่ในห้องแกน่ะ แกห้ามทุกคนไม่ว่าใครห้ามเหยียบเข้าไปในห้องแกเด็ดขาด “ ชายตอบกลับ
ระหว่างที่ชายตอบเรื่องป้าหวี ผมก็พลันหันเข้าไปในบ้าน เห็นของเล่นเป็นชุดกองทหารของเล่นเก่า ๆ ตกหล่นมาจากกล่องของเล่น ที่อยู่ติดกับซากประตูห้อง ๆ หนึ่งในบ้านร้างหลังนั้น
ผมนึกได้ว่าผมเคยมีของเล่นอะไรแบบนี้ และเคยมีกล่องของเล่นแบบนี้ในวัยเด็ก ผมมองมันพักนึง แล้วจู่ ๆ ที่ประตูนั้น ผมเห็นเงาขาเหลือบ ๆ กับของเล่นที่วางกองอยู่ ผมตกใจและมองไปที่ประตูนั้นให้ชัด
แอ๊ด… ประตูห้องนั้นค่อย ๆ เปิด อย่างช้า ๆ เหมือนเชื้อเชิญให้ผมเข้าไป ผมรู้สึกอยากที่จะเปิดเข้าไปในห้อง ๆ นั้น
“ โรจน์ ๆ “ เสียงชายเรียกดังก้องขึ้นมา ผมหันไปถามชาย “มีอะไรเหรอ”
“ เปล่าเห็นโรจน์จู่ ๆ ก็เหม่อแล้วเงียบไป เป็นอะไรหรือเปล่า “ ชายถาม
“โรจน์แค่เห็นประตูจู่ ๆ มันเปิด ก็คิดว่ามีตัวอะไรอันตรายออกมาหรือเปล่าน่ะ “ ผมตอบ
ชายมองไปที่ประตูนั้น “ มีจริง ๆ ด้วยโรจน์ “ ผมหันไปเห็นเป็นแมวสีดำตัวหนึ่งกำลังโผล่ออกมาจากประตูที่แง้มเปิดอยู่นั้น
“ เห่อ ชายอยากขอโทษแทนคนหมู่บ้านชาย ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านนี้ “ ชายพูดขึ้นลอย ๆ
ผมได้ยินตั้งใจจะถามว่าขอโทษอะไร แต่จู่ ๆ แมวตัวนั้น มันเดินเข้ามาหาพวกเรา แต่หางของมันกลับชี้ อย่างแปลก ๆ มันเดินเข้ามาใกล้ ชายเอื้อมมือไปจะลูบมัน ทันใดนั้น มันควั่นชายที่แขนเลือดไหลออกซิบ ๆ โอ้ย! ชายร้อง และมันกัดนิ้วของชายไม่หยุดเลย ชายร้องดังมาก
ผมตัดสินใจ ถีบแมวตัวนั้นหวังให้มันหลุดจากชาย มันกลับกัดนิ้วชายไม่ปล่อย ผมเห็นหินที่กองอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมา และขว้างใส่หัวมัน มันเลือดออกที่หัว มันหันมาทางผมตาของแมวตัวนี้แดงก่ำ และจะเข้ามาทำร้ายผม ผมง้างหินขึ้นจะทุบมันอีก มันเห็นผมแบบนั้น มันขู่ฟ่อ จากนั้นก็เอี่ยวตัวหนีไป
ผมหันไปหาชาย “ ชาย เจ็บไหม “
ชายพยักหน้าตอบ
“ผมว่าวันนี้ เราลางานไปหาหมอกันเถอะ ” ผมพูดกับชาย ชายพยักหน้าตอบ
เราตัดสินใจลุกไป จะไปบอกป้าหวีกับปุณย์กันก่อน ป้าหวีกับปุณย์จะได้ไม่ต้องรอ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าป้าหวีกับปุณย์เดินไปทางไหนกัน และก็ไม่อยากทิ้งชายไว้คนเดียว เดี๋ยวแมวตัวนั้นจะเข้ามาทำร้ายอีก
เราเดินไปทางเสาเปรตนั้น มันสูงและแท่งใหญ่มากพอจนบังทัศนียภาพด้านหลังของเสานั้นหมด
พวกเราเดินอ้อมเสานั้นไป พวกเราก็เห็นเป็นคนนอนแน่นิ่งอยู่ไกล ๆ เห็นเป็นชายโสร่งสีแดง ๆ เราเห็นดังนั้นผมกับชายวิ่งไป
เห็นเป็นลุงจี๊ดนอนอยู่ มีเลือดอาบไปทั่วตัว มีรอยควั่นที่มือเหมือนรอยควั่นของแมวตัวนั้นตามตัว และรอยของมีดปาดที่คอ ชายตกใจมาก หน้าชายซีดเผือก ผมบอกชาย “ ไม่ต้องกลัว เรารีบหาป้าหวีกับปุณย์ก่อนเถอะ เผื่อสองคนจะเจออันตราย เพราะนี่รอยมีด ไม่รู้ใครฆ่า ลุงจี๊ด“ ผมจับมือชายให้วิ่ง ผมลืมไปว่าชายมีแผลอยู่ ชายร้องโอ้ย!
ผมตัดสินใจ คงไม่ได้การ คงต้องหาอะไรมาซับเลือดนี้กันก่อน ผมตัดสินใจถอดเสื้อสีกากีของผมออก ฉีกออกเป็นสองซี่ เอามาพันที่แขน และมือของชายก่อน จากนั้นเรารีบวิ่งไปหาป้าหวี
ท้องฟ้ามืดครึ้มมากยิ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ และพายุฝนเริ่มก่อตัว ผมรีบนึกว่าป้าหวีกับปุณย์จะไปที่ไหนกันได้ ผมนึกว่ายังไงสองคนนั้นก็ต้องหาชายขอบเส้นเขตที่น่าจะเห็นได้ชัด ก็มีแค่ที่ระหว่างเขตป่ากับที่ดินหมู่บ้าน ไม่ก็ที่ดินริมแหล่งน้ำ ซักที่นึงที่ต้องใช่แน่ ๆ ผมรีบถามชาย “ชาย! แถวนี้มีตรงไหนติดแม่น้ำ หรือเขตป่าไหม”
ชายตอบแม่น้ำ “ เคยได้ยินว่าหมู่บ้านนี้มีแม่น้ำไหลผ่าน อยู่กลางหมู่บ้าน “
ผมตัดสินใจจะไปกลางหมู่บ้าน และบอกชายว่า “ รีบไปหาแม่น้ำนั้น เผื่อป้าหวีกับปุณย์จะไปหาเส้นเขตแถวนั้น “
ชายดึงมือผมไว้ “ เดี๋ยว! แม่น้ำนั้นมันคงไม่เป็นแนวเดิมแล้วล่ะ โรจน์ “
ผมถาม “ ทำไมล่ะ “
“ จำไม่ได้เหรอว่าตระพังน้ำเก่าถล่มลงมา ไม่มีอะไรกักน้ำแล้ว ยังไงเส้นแม่น้ำก็ขยายขึ้น ชายว่าป้าหวีน่าจะรู้ดี" ชายพูด
“เราต้องหาแนวชายป่า ที่ใกล้ที่สุดจากที่เจอป้าหวีกับปุณย์ครั้งสุดท้าย”
ผมจำได้ลาง ๆ ว่าปุณย์กับป้าหวี เถียงกันเอาไว้ ตอนจะแยกทางกันป้าหวีว่ามีแนวชายป่า ขนาบสองข้าง ซ้ายขวาจากทางเข้า
ผมพูดกับชาย “ จำได้แล้วชาย มันมีป่าขนาบสองข้างจากทางเข้า แต่ไม่รู้ว่าด้านซ้ายหรือขวามันใกล้ที่สุด ”
“ อืม ชายก็ไม่รู้ “ ชายพูดพร้อมกับเสียงเหนื่อยหอบ
ผมเห็นชายเริ่มไม่ไหวแล้ว ผมพยุงแขนชาย และครั้งนี้ผมต้องวัดดวงจริง ๆ ผมตัดสินใจจะไปเดินทางทางซ้าย…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ