ลิขิตรัก ณ การเวลาหนึ่ง
-
เขียนโดย FongFu
วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.27 น.
4 ตอน
2 วิจารณ์
5,791 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 11.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ ๓ ครอบครัวใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากผ่านมาประมาณสองวัน หญิงสาวที่ท่านเจ้าคุณช่วยไว้ก็ฟื้น ชบาที่คอยดูแล้วหญิงสาวจึงรีบไปแจ้งให้คุณหญิงบัวทราบ
“คุณท่านเจ้าค่ะ คุณท่านเจ้าขา” ชบาวิ่งไปพร้อมกับเรียกท่านเสียงดัง
“มีกะไรรึนังชบา เอ็งเอะอะเสียงดังทำมัยกันหะ” คุณหญิงหันมาดุ
“เอ่อ คือ แม่หญิงที่ท่านเจ้าคุณช่วยไว้ ฟื้นแล้วเจ้าคะ” ชบาพูดพร้อมกับหายใจหอบจนตัวโยน
“อ่าว แล้วทำมัยเอ็งไม่รีบบอกข้าละ นั่งหอบอยู่ได้” คุณหญิงว่าพร้อมกับรีบเดินเข้าไปดูหญิงสาวในห้อง
“อะ..อ่าว.. บ่าวก็บอกอยู่ไงเจ้าค่ะ” ชบาว่าพร้อมกับรีบเดินตามคุณหญิงเข้ามาในห้อง
เมื่อคุณหญิงบัวเดินเข้ามาในห้องก็เห็นหญิงสาวตรงหน้าทำหน้าตำตาเหลอหลา จันทร์เองก็ตกใจเมื่อตื่นมาก็เจอกับที่แปลกๆคนแปลกๆ เธอตั้งใจจะตายแท้ๆ ทำมัยถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่มันที่ไหน แล้วทำมัยคนพวกนี้แต่งตัวแปลกๆ ใส่กระโจมอกแถมนุ่งโจงกระเบนอีกต่างหาก และเธอก็หันไปเห็นคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง เธอถึงกับตกใจ หน้าท่านช่างเหมือนกับคุณย่ามาก เหมือนคุณย่าของเธอมากเหลือเกิน ไม่เหมือนก็คือการแต่งกายที่คล้ายกับคนในยุคโบราณ หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ร้องห่มร้องไห้แล้วก็ลุกขึ้นไปกอดคุณหญิงที่เพิ่งเดินเข้า คุณหญิงเองก็ใจที่อยู่ๆหญิงสาวก็เข้ามากอดตนแล้วร้องไห้ เหมือนกับว่ารู้จักกับคนมาเนิ่นนาน
“คุณย่าขา คุณย่าของจันทร์ใช่มัยค่ะ ใช่คุณของจันทร์จริงๆใช่มัยค่ะ ฮือออ..อึก..ฮือออ” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายเสียยกใหญ่ คุณหญิงเองเมื่อเห็นดังนั้นก็นึกเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าที่หน้าตาคล้ายหลานสาวของตน ท่านกอดแล้วปลอบปะโลม บ่าวไพร่ที่เห็นก็ตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวทำ และยังตกใจที่เห็นนายของตนเอ็นดูเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ
“เป็นอะไรไปหรือเจ้า ฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เรียกฉันว่าคุณย่า แล้วร้องห่มร้องหายป่านจะขาดใจเยื่องนี้ หึ” คุณหญิงถามพร้อมกับลูบหัวหญิงสาวเพื่อเป็นการปลอบประโลมด้วยความเอ็นดู ทางด้านของจันทร์ได้ยินดังนั้นจึงรีบพละออกจากอ้อมกอดของคุณหญิงท่าน เธอมองและพิจารณาดูแล้วท่านคล้ายคุณย่าของเธอมากแต่สำเนียงการพูดเหมือนคนโบราน ถ้าเป็นย่าเธอจริงจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันคุณย่าท่านเสียไปแล้ว ถ้าเธอจะพบท่านได้ก็คือตายไปพบท่าน หรือไม่ก็ฝันว่าได้พบท่านเท่านั้น แต่เมื่อกี้เธอไม่ได้ฝันแน่นอนเพราะเธอรู้สึกตัว และเธอก็ไม่ได้ตายเพราะเมื่อกี้ที่กอดกับผู้หญิงคนนั้นอุณหภูมิของร่างยังอุ่นอยู่เลยเธอรู้สึกได้
คุณหญิงเห็นหญิงสาวมองตนแล้วทำถ้าคุ้นคิดถึงจึงถามออกไปอีกเหมือนเป็นการเรียกสติของหญิงสาวกลับมา
“เป็นอันไดรึ ทำมัยถึงมองฉันแปลกๆเล่า” คุณหญิงว่าพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“เอ่อ..หนูไม่รู้จะเริ่มยังงัย มันงงมันสับไปหมดเลยคะ หนูไม่รู้ว่าหนูที่ไหน แล้วหนูมาอยู่นี้ได้ยังไงค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำหน้าคิดหนักเหมือนคนคิดไม่ตก คุณหญิงเห็นดังนั้นก็นึกสงสาร
“เอาเยี่ยงนี้แล้วกัน เจ้าก็นอนพักอีกหน่อยให้หายดี แล้วเราค่อยคุยกัน เจ้าว่าดีมัย” คุณหญิงว่าพร้อมกับส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เธอ
“เอ่อ..แล้วคุณคือใครค่ะ แล้วที่นี่บ้านใครค่ะ” จันทร์ถามออกไปเพราะนึกสงสัย
“ฉันคือคุณหญิงบัว แล้วก็บ้านที่เจ้าว่าหมายถึงเรือนนี้ใช้มัย” ท่านถามหญิงสาวแล้วนึกสงสัยว่าทำมัยสำเนียงการพูดถึงแปลก
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับตอบ
“บ้านฉันเอง ต่อไปเรียกฉันว่าคุณหญิงบัวก็ได้ หรือจะเรียกแบบเมื่อกี้ก็ได้นะ”
“ค่ะคุณหญิง คุณหญิงขา ขอจันทร์เรียกว่าคุณย่านะคะ”
“อื่ม..ได้ เรียกตามที่เจ้าถนัดเถิด พักผ่อนซะ เจ้าเองยังตัวร้อนอยู่ ฉันจะให้นังชบาค่อยดูแลรับใช้เจ้าก็แล้วกัน หายป่วยเมื่อไดค่อยว่ากัน” คุณหญิงว่าพร้อมกับลูบผมหญิงสาวเป็นการปลอบประโลมปนเอ็นดู จันทร์ได้แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ เดินกลับไปที่เตียงก่อนที่ค่ะค่อยๆนอนลง
“ชบาข้าฝากดูแลด้วยนะ ดูแลให้เป็นอย่างดีละ ข้าไปละ” คุณหญิงหันมาบอกชบาแล้วก็เดินออกไปจากห้องของหญิงสาว
ส่วนจันทร์นั้นก็คิดหนักมาว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วทำมัยคุณหญิงถึงเหมือนคุณย่าของเธอเหลือเกินแถมชื่อของท่านยังเหมือนกันอีก ทำมัยคุณหญิงท่านถึงใจดีกับเธอเหลือเกินนะ หญิงสาวนอนคิดหน้ายุ่ง ชบาหันมาเห็นว่าแม่หญิงของตนทำหน้าคิดหนักจึงถามออกไป
“แม่หญิงเป็นอันไดรึเจ้าค่ะ หน้ายุ่งเฉียว” ชบาว่าพร้อมกับมองสำรวจหญิงสาว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของชบานั้นสวยเหลือเกิน สวยว่าหญิงสาวที่ชบาเคยพบเคยเจอ แถมหน้าของหญิงสาวก็ละไม้คล้ายคุณมณีกับคุณหนูเจ้าจันทร์ เหมือนกับเอาสองคนมารวมกันและยิ่งไปกว่านั้นคือราวกับคนๆเดียวกันเลยด้วยซ้ำไป
“ป่าวหรอกจะ ฉันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ว่าแต่พี่ชื่ออะไรจะ” จันทร์ถามพร้อมกับมองหน้าชบา
“ชบาจะ”
“พี่ชบาฉันถามอะไรหน่อยสิจะ” หญิงสาวทำท่าคุ้นคิดว่าจะถามดีมัยนะ
“ถามมาเถิดแม่หญิงถ้าตอบได้ อิฉันจะตอบให้เจ้าค่ะ” ชบาว่าพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้ เหมือนกลับจะบอกว่าไว้ไจหล่อนได้
“คือ เมืองนี้เมืองอะไรค่ะ แล้วเราอยู่ในรัชสมัยอะไรเหรอค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับทำท่าเหมือนกับตั้งใจรอฟังคำตอบอย่างมาก
“อ่อ.. กรุงศรีอยุธยาเจ้าคะ รัชกาลที่สามเจ้าคะ” ชบาตอบพร้อมกลับคิดว่าทำมัยหญิงถึงถามเรื่องนี้ แปลกคนเหมือนกับไม่รู้มาก่อน ชบามองท่าทีแปลกของหญิงสาวที่อ่าปากพะงาบๆ จันทร์อึงจนหาเสียงตัวเองไม่เจอเลยที่เดียว
............ฉันมาทำอะไรที่นี้เนี้ยะ แล้วฉันย้อนอดีตกลับมาได้จริงเหรอ แล้วต้องทำยังไงละที่นี้ หรือเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เพื่อที่จะอยู่รอด ก็ในเมื่อจะตายแล้วไม่ได้ตาย ก็ต้องอยู่ให้ได้ ยัยจันทร์เอ๊ย..........
หญิงสาวคร่ำครวญอยู่ในใจ ชบาเองเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไปนานก็นึกว่าไข้กลับเลยให้หญิงสาวนอนพัก
เช้าวันต่อมาเธอก็ตื่นแต่เช้าโดยมีชบาคอยอยู่ดูแลรับใช้ตั้งแต่ตื่นนอนยันอาบน้ำแต่งตัว ถึงจะอายๆแต่จันทร์ถือคติว่า..เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม... ก็เลยผ่านเรื่องพวกนี้มาได้
“เสร็จแล้วเจ้าคะ รีบไปทานข้าวเถิดเจ้าคะ คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณรออยู่เจ้าคะ” ชบาที่ช่วยหญิงสาวแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็พาหญิงสาวออกมาหาคุณหญิง
“มาแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง” ชบาที่เดินนำหน้ามาบอกกับคุณหญิง แล้วก็พาหญิงสาวเข้าไปนั่งใกล้คุณหญิงส่วนตนลงมานั่งข้างล่าง
“มาแล้วรึ มาแม่มากินข้าวกัน” คุณหญิงว่าพร้อมกับเขยิบให้จันทร์เข้ามานั่งใกล้ๆ
“เจ้าคะ” หญิงสาวว่า
“แล้วหายดีแล้วรึ” ขณะกินข้าวไปท่านเจ้าคุณก็ถามขึ้น ท่านเอ็นดูหญิงสาวเหลือเกิน เพราะหน้าตาที่คล้ายลูกสาวของท่านท่านจึงรู้สึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“เจ้าค่ะ หายแล้วเจ้าค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับกินข้าวไปด้วย มันจะกินลำบากสักหน่อยเพราะเธอไม่เคยกินข้าวกับมือ แต่จันทร์ก็พยายามทำเป็นคำเล็กๆเพื่อให้กินสะดวกขึ้น เธอคิดว่าทำๆไปเดียวก็ชินเอง
หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเสร็จแล้ว คุณหญิงบัวกับท่านเจ้าคุณเทพก็ถามถึงเรื่องราวความเป็นมาของเธอแต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรมากมาย แค่บอกกับท่านว่าบ้านของเธอโดนยึด ย่ากับแม่เธอก็เสียไปแล้ว ส่วนพ่อก็หายสาบสูญ เธอเลยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำ ทำให้คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจมาก หลังจากที่ได้ฟังหญิงสาวเล่า ชีวิตของหญิงสาวช่างน่ารันทดนัก ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย
“น่าสงสารยิ่งนัก เด็กน้อย ต่อไปอย่าคิดฆ่าตัวตายอีกนะลูก” คุณหญิงว่าพร้อมกับเอามือมาลูบที่แก้มของหญิงสาวด้วยความเอ็นดูปนสงสาร จันทร์เองก็รู้สึกอบอุ่นกับสิ่งที่คุณหญิงทำ น้ำตาก็เลยไหลออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“แล้วชื่ออันได้เล่า ข้ากับแม่ท่านจักได้เรียกเจ้าถูก” ท่านเจ้าคุณที่นั่งข้างคุณหญิงบัว คนละฝั่งกับหญิงสาวเอ่ยถามออกมา
“ชื่อจันทมณี เจ้าคะ หรือเรียกจันทร์ เฉยๆได้เจ้าค่ะ” เมื่อหญิงสาวพูดจบ คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจเป็นอย่างมาก ท่านทั้งสองต่างมองหน้ากัน เหมือนฟ้าลิขิตให้ท่านทั้งสองได้เจอกับหล่อน เหมือนกับส่งลูกสาวและหลานกับมาให้ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงบัวยังงัยอย่างงั้น
หลังจากที่คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจได้สักพัก คุณหญิงบัวก็เรียกสติกลับคืนมา แล้วก็เล่าให้หญิงสาวฟังว่า ท่านเจ้าคุณเคยมีลูกสาวแต่เสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว อายุน่าจะเท่ากับเธอ น่าตาก็คล้ายกับเธอมากเหลือเกิน จนทำให้ท่านทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก เธอเองก็บอกกับท่านว่าคุณหญิงบัวนั้นหน้าตาช่างคล้ายกับคุณย่าของเธอเช่นกันแถมชื่อยังเหมือนกันอีกต่างหาก จันทร์หันไปมองท่านเจ้าคุณที่สงสายตาเศร้ามาให้หลอน ส่วนคุณหญิงเองก็น้ำตาคลอมองมาที่เธอเช่นกัน
“เสียใจด้วยเจ้าคะ” หญิงสาวว่าพร้อมกับก้มหน้า
“ไหนๆเจ้าก็ไม่มีที่ไปแล้ว ก็มาอยู่เสียด้วยกันที่นี่ มาอยู่เป็นหลานฉันได้มัย แม่จันทร์” คุณหญิงว่าพร้อมกับเขยิบเข้าไปกอดหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆท่าน ก่อนที่ท่านจะหันมาถามท่านเจ้าคุณ
“เห็นว่าเยี่ยงนั้นมัย พ่อเทพ” ท่านเจ้าคุณได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า
“ขอรับคุณแม่ ต่อไปแม่จันทร์เป็นลูกหลานเรือนนี้แล้วนะ และต่อไปก็ให้เรียกข้าว่าพ่อ แล้วก็เรียกคุณหญิงแม่ว่าคุณยาเถิด เข้าใจหรือไม่แม่จันทร์” หลังจากที่ท่านเจ้าคุณว่าเสร็จ จันทร์เองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ออกมา คุณหญิงเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปกอดปลอบ
“ร้องไห้ทำมัยเล่าแม่จันทร์ เป็นลูกเป็นหลานเรือนนี้ไม่ดีใจรึ เป็นสาวเป็นแส่มีพ่อมีย่าคอยดูแล น่าจะดีใจไม่ใช่หรือเจ้า” คุณหญิงทั้งกอดทั้งปลอดให้หญิงสาวคลายความเศร้าลง
“จันทร์ดีใจเจ้าคะ ดีใจเหลือเกินเหมือนได้เกิดใหม่ เหมือนได้ครอบครัวใหม่เจ้าค่ะ” จันทร์ผละออกจากอ้อมกอดคุณหญิงพร้อมกับตอบ คุณหญิงได้ยินดังนั้นจึงนึกรักและเอ็นดูหญิงสาวมากกว่าเก่า ท่านจึงเอามือเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวด้วยความอ่อนโยน
“ดีใจก็ดีแล้ว อะ..แม่จันทร์เจ้าเข้าไปกราบพ่อของเจ้าเถิด” คุณหญิงว่าพร้อมกับหันมามองหน้าท่านเจ้าคุณเทพ จันทร์เขยิบไปกราบท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณเองก็เอ็นดูจันทร์เหมือนลูก ท่านก็ได้แต่ลูบหัวหญิงสาวเพื่อแสดงให้รู้ว่าท่านจะรักและเอ็นดูหล่อนเหมือนลูกแท้ๆของท่าน
“อดีตเป็นเยี่ยงไรพ่อไม่รู้ พ่อรู้แต่ว่า ต่อแต่นี้เจ้าเป็นลูกเป็นหลานเรือนนี้แล้ว ก็จงทำตัวให้สมกับเป็นลูกหลานเรือนนี้เถิด เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่เข้าใจหรือไม่เจ้าจันทร์” ท่านว่าไปพร้อมกับน้ำตาคลอไปเช่นเดียวกับหญิงสาว
“เจ้าค่ะคุณพ่อ” จันทร์ว่าพร้อมกับกราบท่านเจ้าคุณอีกรอบ ก่อนจะหันไปกอดคุณหญิงพร้อมกับยิ้มให้กับท่านเจ้าคุณเทพ
..............เธอมีครอบครัวแล้ว เธอมีบ้านแล้ว เธอจะรักและดูแลท่านทั้งสองเป็นอย่างดี ให้สมกับที่ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูเธอ..........
ฟ้าลิขิตให้เธอเจอกับครอบครัวที่รักและเอ็นดูเธอมาก แต่จันทร์คงไม่รู้เลยว่าฟ้าก็ลิขิตให้เจอกับรักเช่นกัน
**************************************************
**********ส่งท้ายบทจร้า อีกเดียวก็จะได้เจอกับชายในฝันแล้ว อดใจรอกันนิดนึงนะคะ nc มาแน่นอนจร้า ผู้อ่านสามารติชมผลงานได้นะค่ะ ผู้เขียนจะได้นำมาปรับปรุงงานให้ดีขึ้นจร้า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ*******************
“คุณท่านเจ้าค่ะ คุณท่านเจ้าขา” ชบาวิ่งไปพร้อมกับเรียกท่านเสียงดัง
“มีกะไรรึนังชบา เอ็งเอะอะเสียงดังทำมัยกันหะ” คุณหญิงหันมาดุ
“เอ่อ คือ แม่หญิงที่ท่านเจ้าคุณช่วยไว้ ฟื้นแล้วเจ้าคะ” ชบาพูดพร้อมกับหายใจหอบจนตัวโยน
“อ่าว แล้วทำมัยเอ็งไม่รีบบอกข้าละ นั่งหอบอยู่ได้” คุณหญิงว่าพร้อมกับรีบเดินเข้าไปดูหญิงสาวในห้อง
“อะ..อ่าว.. บ่าวก็บอกอยู่ไงเจ้าค่ะ” ชบาว่าพร้อมกับรีบเดินตามคุณหญิงเข้ามาในห้อง
เมื่อคุณหญิงบัวเดินเข้ามาในห้องก็เห็นหญิงสาวตรงหน้าทำหน้าตำตาเหลอหลา จันทร์เองก็ตกใจเมื่อตื่นมาก็เจอกับที่แปลกๆคนแปลกๆ เธอตั้งใจจะตายแท้ๆ ทำมัยถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่มันที่ไหน แล้วทำมัยคนพวกนี้แต่งตัวแปลกๆ ใส่กระโจมอกแถมนุ่งโจงกระเบนอีกต่างหาก และเธอก็หันไปเห็นคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง เธอถึงกับตกใจ หน้าท่านช่างเหมือนกับคุณย่ามาก เหมือนคุณย่าของเธอมากเหลือเกิน ไม่เหมือนก็คือการแต่งกายที่คล้ายกับคนในยุคโบราณ หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ร้องห่มร้องไห้แล้วก็ลุกขึ้นไปกอดคุณหญิงที่เพิ่งเดินเข้า คุณหญิงเองก็ใจที่อยู่ๆหญิงสาวก็เข้ามากอดตนแล้วร้องไห้ เหมือนกับว่ารู้จักกับคนมาเนิ่นนาน
“คุณย่าขา คุณย่าของจันทร์ใช่มัยค่ะ ใช่คุณของจันทร์จริงๆใช่มัยค่ะ ฮือออ..อึก..ฮือออ” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายเสียยกใหญ่ คุณหญิงเองเมื่อเห็นดังนั้นก็นึกเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้าที่หน้าตาคล้ายหลานสาวของตน ท่านกอดแล้วปลอบปะโลม บ่าวไพร่ที่เห็นก็ตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวทำ และยังตกใจที่เห็นนายของตนเอ็นดูเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ
“เป็นอะไรไปหรือเจ้า ฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เรียกฉันว่าคุณย่า แล้วร้องห่มร้องหายป่านจะขาดใจเยื่องนี้ หึ” คุณหญิงถามพร้อมกับลูบหัวหญิงสาวเพื่อเป็นการปลอบประโลมด้วยความเอ็นดู ทางด้านของจันทร์ได้ยินดังนั้นจึงรีบพละออกจากอ้อมกอดของคุณหญิงท่าน เธอมองและพิจารณาดูแล้วท่านคล้ายคุณย่าของเธอมากแต่สำเนียงการพูดเหมือนคนโบราน ถ้าเป็นย่าเธอจริงจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันคุณย่าท่านเสียไปแล้ว ถ้าเธอจะพบท่านได้ก็คือตายไปพบท่าน หรือไม่ก็ฝันว่าได้พบท่านเท่านั้น แต่เมื่อกี้เธอไม่ได้ฝันแน่นอนเพราะเธอรู้สึกตัว และเธอก็ไม่ได้ตายเพราะเมื่อกี้ที่กอดกับผู้หญิงคนนั้นอุณหภูมิของร่างยังอุ่นอยู่เลยเธอรู้สึกได้
คุณหญิงเห็นหญิงสาวมองตนแล้วทำถ้าคุ้นคิดถึงจึงถามออกไปอีกเหมือนเป็นการเรียกสติของหญิงสาวกลับมา
“เป็นอันไดรึ ทำมัยถึงมองฉันแปลกๆเล่า” คุณหญิงว่าพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“เอ่อ..หนูไม่รู้จะเริ่มยังงัย มันงงมันสับไปหมดเลยคะ หนูไม่รู้ว่าหนูที่ไหน แล้วหนูมาอยู่นี้ได้ยังไงค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำหน้าคิดหนักเหมือนคนคิดไม่ตก คุณหญิงเห็นดังนั้นก็นึกสงสาร
“เอาเยี่ยงนี้แล้วกัน เจ้าก็นอนพักอีกหน่อยให้หายดี แล้วเราค่อยคุยกัน เจ้าว่าดีมัย” คุณหญิงว่าพร้อมกับส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เธอ
“เอ่อ..แล้วคุณคือใครค่ะ แล้วที่นี่บ้านใครค่ะ” จันทร์ถามออกไปเพราะนึกสงสัย
“ฉันคือคุณหญิงบัว แล้วก็บ้านที่เจ้าว่าหมายถึงเรือนนี้ใช้มัย” ท่านถามหญิงสาวแล้วนึกสงสัยว่าทำมัยสำเนียงการพูดถึงแปลก
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับตอบ
“บ้านฉันเอง ต่อไปเรียกฉันว่าคุณหญิงบัวก็ได้ หรือจะเรียกแบบเมื่อกี้ก็ได้นะ”
“ค่ะคุณหญิง คุณหญิงขา ขอจันทร์เรียกว่าคุณย่านะคะ”
“อื่ม..ได้ เรียกตามที่เจ้าถนัดเถิด พักผ่อนซะ เจ้าเองยังตัวร้อนอยู่ ฉันจะให้นังชบาค่อยดูแลรับใช้เจ้าก็แล้วกัน หายป่วยเมื่อไดค่อยว่ากัน” คุณหญิงว่าพร้อมกับลูบผมหญิงสาวเป็นการปลอบประโลมปนเอ็นดู จันทร์ได้แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ เดินกลับไปที่เตียงก่อนที่ค่ะค่อยๆนอนลง
“ชบาข้าฝากดูแลด้วยนะ ดูแลให้เป็นอย่างดีละ ข้าไปละ” คุณหญิงหันมาบอกชบาแล้วก็เดินออกไปจากห้องของหญิงสาว
ส่วนจันทร์นั้นก็คิดหนักมาว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วทำมัยคุณหญิงถึงเหมือนคุณย่าของเธอเหลือเกินแถมชื่อของท่านยังเหมือนกันอีก ทำมัยคุณหญิงท่านถึงใจดีกับเธอเหลือเกินนะ หญิงสาวนอนคิดหน้ายุ่ง ชบาหันมาเห็นว่าแม่หญิงของตนทำหน้าคิดหนักจึงถามออกไป
“แม่หญิงเป็นอันไดรึเจ้าค่ะ หน้ายุ่งเฉียว” ชบาว่าพร้อมกับมองสำรวจหญิงสาว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของชบานั้นสวยเหลือเกิน สวยว่าหญิงสาวที่ชบาเคยพบเคยเจอ แถมหน้าของหญิงสาวก็ละไม้คล้ายคุณมณีกับคุณหนูเจ้าจันทร์ เหมือนกับเอาสองคนมารวมกันและยิ่งไปกว่านั้นคือราวกับคนๆเดียวกันเลยด้วยซ้ำไป
“ป่าวหรอกจะ ฉันก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ว่าแต่พี่ชื่ออะไรจะ” จันทร์ถามพร้อมกับมองหน้าชบา
“ชบาจะ”
“พี่ชบาฉันถามอะไรหน่อยสิจะ” หญิงสาวทำท่าคุ้นคิดว่าจะถามดีมัยนะ
“ถามมาเถิดแม่หญิงถ้าตอบได้ อิฉันจะตอบให้เจ้าค่ะ” ชบาว่าพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้ เหมือนกลับจะบอกว่าไว้ไจหล่อนได้
“คือ เมืองนี้เมืองอะไรค่ะ แล้วเราอยู่ในรัชสมัยอะไรเหรอค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับทำท่าเหมือนกับตั้งใจรอฟังคำตอบอย่างมาก
“อ่อ.. กรุงศรีอยุธยาเจ้าคะ รัชกาลที่สามเจ้าคะ” ชบาตอบพร้อมกลับคิดว่าทำมัยหญิงถึงถามเรื่องนี้ แปลกคนเหมือนกับไม่รู้มาก่อน ชบามองท่าทีแปลกของหญิงสาวที่อ่าปากพะงาบๆ จันทร์อึงจนหาเสียงตัวเองไม่เจอเลยที่เดียว
............ฉันมาทำอะไรที่นี้เนี้ยะ แล้วฉันย้อนอดีตกลับมาได้จริงเหรอ แล้วต้องทำยังไงละที่นี้ หรือเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม เพื่อที่จะอยู่รอด ก็ในเมื่อจะตายแล้วไม่ได้ตาย ก็ต้องอยู่ให้ได้ ยัยจันทร์เอ๊ย..........
หญิงสาวคร่ำครวญอยู่ในใจ ชบาเองเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไปนานก็นึกว่าไข้กลับเลยให้หญิงสาวนอนพัก
เช้าวันต่อมาเธอก็ตื่นแต่เช้าโดยมีชบาคอยอยู่ดูแลรับใช้ตั้งแต่ตื่นนอนยันอาบน้ำแต่งตัว ถึงจะอายๆแต่จันทร์ถือคติว่า..เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม... ก็เลยผ่านเรื่องพวกนี้มาได้
“เสร็จแล้วเจ้าคะ รีบไปทานข้าวเถิดเจ้าคะ คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณรออยู่เจ้าคะ” ชบาที่ช่วยหญิงสาวแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็พาหญิงสาวออกมาหาคุณหญิง
“มาแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง” ชบาที่เดินนำหน้ามาบอกกับคุณหญิง แล้วก็พาหญิงสาวเข้าไปนั่งใกล้คุณหญิงส่วนตนลงมานั่งข้างล่าง
“มาแล้วรึ มาแม่มากินข้าวกัน” คุณหญิงว่าพร้อมกับเขยิบให้จันทร์เข้ามานั่งใกล้ๆ
“เจ้าคะ” หญิงสาวว่า
“แล้วหายดีแล้วรึ” ขณะกินข้าวไปท่านเจ้าคุณก็ถามขึ้น ท่านเอ็นดูหญิงสาวเหลือเกิน เพราะหน้าตาที่คล้ายลูกสาวของท่านท่านจึงรู้สึกเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“เจ้าค่ะ หายแล้วเจ้าค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับกินข้าวไปด้วย มันจะกินลำบากสักหน่อยเพราะเธอไม่เคยกินข้าวกับมือ แต่จันทร์ก็พยายามทำเป็นคำเล็กๆเพื่อให้กินสะดวกขึ้น เธอคิดว่าทำๆไปเดียวก็ชินเอง
หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเสร็จแล้ว คุณหญิงบัวกับท่านเจ้าคุณเทพก็ถามถึงเรื่องราวความเป็นมาของเธอแต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรมากมาย แค่บอกกับท่านว่าบ้านของเธอโดนยึด ย่ากับแม่เธอก็เสียไปแล้ว ส่วนพ่อก็หายสาบสูญ เธอเลยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำ ทำให้คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจมาก หลังจากที่ได้ฟังหญิงสาวเล่า ชีวิตของหญิงสาวช่างน่ารันทดนัก ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย
“น่าสงสารยิ่งนัก เด็กน้อย ต่อไปอย่าคิดฆ่าตัวตายอีกนะลูก” คุณหญิงว่าพร้อมกับเอามือมาลูบที่แก้มของหญิงสาวด้วยความเอ็นดูปนสงสาร จันทร์เองก็รู้สึกอบอุ่นกับสิ่งที่คุณหญิงทำ น้ำตาก็เลยไหลออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“แล้วชื่ออันได้เล่า ข้ากับแม่ท่านจักได้เรียกเจ้าถูก” ท่านเจ้าคุณที่นั่งข้างคุณหญิงบัว คนละฝั่งกับหญิงสาวเอ่ยถามออกมา
“ชื่อจันทมณี เจ้าคะ หรือเรียกจันทร์ เฉยๆได้เจ้าค่ะ” เมื่อหญิงสาวพูดจบ คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจเป็นอย่างมาก ท่านทั้งสองต่างมองหน้ากัน เหมือนฟ้าลิขิตให้ท่านทั้งสองได้เจอกับหล่อน เหมือนกับส่งลูกสาวและหลานกับมาให้ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงบัวยังงัยอย่างงั้น
หลังจากที่คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณตกใจได้สักพัก คุณหญิงบัวก็เรียกสติกลับคืนมา แล้วก็เล่าให้หญิงสาวฟังว่า ท่านเจ้าคุณเคยมีลูกสาวแต่เสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว อายุน่าจะเท่ากับเธอ น่าตาก็คล้ายกับเธอมากเหลือเกิน จนทำให้ท่านทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก เธอเองก็บอกกับท่านว่าคุณหญิงบัวนั้นหน้าตาช่างคล้ายกับคุณย่าของเธอเช่นกันแถมชื่อยังเหมือนกันอีกต่างหาก จันทร์หันไปมองท่านเจ้าคุณที่สงสายตาเศร้ามาให้หลอน ส่วนคุณหญิงเองก็น้ำตาคลอมองมาที่เธอเช่นกัน
“เสียใจด้วยเจ้าคะ” หญิงสาวว่าพร้อมกับก้มหน้า
“ไหนๆเจ้าก็ไม่มีที่ไปแล้ว ก็มาอยู่เสียด้วยกันที่นี่ มาอยู่เป็นหลานฉันได้มัย แม่จันทร์” คุณหญิงว่าพร้อมกับเขยิบเข้าไปกอดหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆท่าน ก่อนที่ท่านจะหันมาถามท่านเจ้าคุณ
“เห็นว่าเยี่ยงนั้นมัย พ่อเทพ” ท่านเจ้าคุณได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า
“ขอรับคุณแม่ ต่อไปแม่จันทร์เป็นลูกหลานเรือนนี้แล้วนะ และต่อไปก็ให้เรียกข้าว่าพ่อ แล้วก็เรียกคุณหญิงแม่ว่าคุณยาเถิด เข้าใจหรือไม่แม่จันทร์” หลังจากที่ท่านเจ้าคุณว่าเสร็จ จันทร์เองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ออกมา คุณหญิงเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปกอดปลอบ
“ร้องไห้ทำมัยเล่าแม่จันทร์ เป็นลูกเป็นหลานเรือนนี้ไม่ดีใจรึ เป็นสาวเป็นแส่มีพ่อมีย่าคอยดูแล น่าจะดีใจไม่ใช่หรือเจ้า” คุณหญิงทั้งกอดทั้งปลอดให้หญิงสาวคลายความเศร้าลง
“จันทร์ดีใจเจ้าคะ ดีใจเหลือเกินเหมือนได้เกิดใหม่ เหมือนได้ครอบครัวใหม่เจ้าค่ะ” จันทร์ผละออกจากอ้อมกอดคุณหญิงพร้อมกับตอบ คุณหญิงได้ยินดังนั้นจึงนึกรักและเอ็นดูหญิงสาวมากกว่าเก่า ท่านจึงเอามือเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวด้วยความอ่อนโยน
“ดีใจก็ดีแล้ว อะ..แม่จันทร์เจ้าเข้าไปกราบพ่อของเจ้าเถิด” คุณหญิงว่าพร้อมกับหันมามองหน้าท่านเจ้าคุณเทพ จันทร์เขยิบไปกราบท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณเองก็เอ็นดูจันทร์เหมือนลูก ท่านก็ได้แต่ลูบหัวหญิงสาวเพื่อแสดงให้รู้ว่าท่านจะรักและเอ็นดูหล่อนเหมือนลูกแท้ๆของท่าน
“อดีตเป็นเยี่ยงไรพ่อไม่รู้ พ่อรู้แต่ว่า ต่อแต่นี้เจ้าเป็นลูกเป็นหลานเรือนนี้แล้ว ก็จงทำตัวให้สมกับเป็นลูกหลานเรือนนี้เถิด เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่เข้าใจหรือไม่เจ้าจันทร์” ท่านว่าไปพร้อมกับน้ำตาคลอไปเช่นเดียวกับหญิงสาว
“เจ้าค่ะคุณพ่อ” จันทร์ว่าพร้อมกับกราบท่านเจ้าคุณอีกรอบ ก่อนจะหันไปกอดคุณหญิงพร้อมกับยิ้มให้กับท่านเจ้าคุณเทพ
..............เธอมีครอบครัวแล้ว เธอมีบ้านแล้ว เธอจะรักและดูแลท่านทั้งสองเป็นอย่างดี ให้สมกับที่ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูเธอ..........
ฟ้าลิขิตให้เธอเจอกับครอบครัวที่รักและเอ็นดูเธอมาก แต่จันทร์คงไม่รู้เลยว่าฟ้าก็ลิขิตให้เจอกับรักเช่นกัน
**************************************************
**********ส่งท้ายบทจร้า อีกเดียวก็จะได้เจอกับชายในฝันแล้ว อดใจรอกันนิดนึงนะคะ nc มาแน่นอนจร้า ผู้อ่านสามารติชมผลงานได้นะค่ะ ผู้เขียนจะได้นำมาปรับปรุงงานให้ดีขึ้นจร้า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ*******************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ