ลิขิตรัก ณ การเวลาหนึ่ง

-

เขียนโดย FongFu

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.27 น.

  4 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,933 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 11.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ ๔ เมื่อแรกพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ ๔ เมื่อแรกพบ

  หลังจากที่ท่านเจ้าคุณรับจันทมณีมาเป็นคนในครอบครัว ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงก็กลัวว่าคนที่ไม่รู้เรื่องภายในครอบครัวของท่าน จะเอาลูกสาวบุญธรรมของท่านเจ้าคุณไปพูดในทางที่ไม่ดี ท่านได้ปรึกษากับคุณหญิงแล้วว่าจะพาหญิงสาวออกงานต่างๆ เพื่อประกาศไปในตัวหญิงสาวคนนี้เป็นลูกสาวของตน คนส่วนมากก็ไม่ได้ถามอะไรมากเพราะหน้าตาของหญิงสาวสวยคลายกับเมียของท่าน แต่ก็มีบางคนที่สนิทกับท่านเจ้าคุณมาก ต่างก็รู้กันดีว่าท่านเสียลูกสาวไปแล้วจากเหตุการณ์เรื่อล่มเมื่อสองปีก่อน เมื่อมีคนสงสัยท่านก็บอกกับคนเหล่านั้นไปว่าหญิงสาวเป็นลูกของเพื่อน แต่เพื่อนของท่านเสียไปแล้ว จึงได้รับหญิงสาวมาเป็นลูกบุญธรรมเนื่องจากหญิงสาวเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว คนพวกนั้นจึงเข้าใจ ไม่เพียงแต่ท่านเจ้าคุณเท่านั้นที่ทำเช่นนั้น คุณหญิงบัวเองก็ทำเช่นเดียวกัน เวลาคุณหญิงไปวัดท่านก็จะพาหญิงสาวไปด้วย คุณหญิงเองก็ตอบแบบเดียวกับท่านเจ้าคุณเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจแบบเดียวกัน และเป็นการอวดหลานสาวไปในตัว ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความสวยของหญิงสาวเป็นที่เลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำผู้ชายทั่วทั้งพระนครที่ได้ยินถึงความสวยของเธอ ต่างหมายปองที่จะได้ครอบครองกันทั้งนั้น

   จันทมณีเองยามอยู่บ้านก็ทำอาหารไทยทำขนมไทยตามคำสอนของคุณย่าเธอที่เสียไป สูตรขนมหรืออาหารต่างๆที่เธอทำได้เพราะคุณย่าที่เสียไปสอนมาตั้งแต่เด็กๆ งานบ้านงานครัวต่างๆที่มีให้ ก็ไม่ได้ทำให้เธอดูยุ่งยากอะไรมากมาก คุณหญิงบัวเองก็ยังเอ่ยปากชมว่าเก่งงานบ้านเรือนจนท่านแถบไม่ต้องสอนอะไรเลย แถมขนมที่หญิงสาวทำอร่อยถูกปากมากโดยเพราะขนม “บุหลันดั้นเมฆ” เป็นขนมที่หากินยากและหาคนทำอร่อยยาก เพราะคนที่จะทำขนมนี้ต้องเป็นคนที่เคยเข้าไปอยู่ในรั้วในวังมาก่อนเท่านั้นถึงจะทำเป็นและอร่อยเหมือนในวัง

 “เป็นอย่างไรบ้างค่ะคุณย่า” หญิงสาวถามขณะมองคุณหญิงยิ้มๆ ตอนที่คุณหญิงกำลังกินขนมที่เธอทำ

 “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าจะทำเป็น อร่อยมากเจ้าจันทร์” คุณย่าว่าพร้อมกับยิ้มให้เธอและหันไปกินขนมที่เธอทำต่อ

 “ไม่ขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ มันเป็นสูตรที่คุณย่าของจันทร์สอนมาเจ้าค่ะ เลยอร่อย” เธอว่าอย่างถ่อมตน

 “เอ่อ...จันทร์ขอไปดูครัวก่อนนะเจ้าค่ะ ใกล้เวลาที่เจ้าคุณพ่อจะกลับแล้วด้วยเจ้าค่ะ” เธอว่าพร้อมกับจะเดินลงไปที่ครัว คุณหญิงพยักหน้ารับ

 “ไปเถิดเจ้า ทำสบายใจย่าก็ไม่ห้าม แต่ก็ให้บ่าวไพร่มันทำบ้าง อย่าทำเหมือนจะไปแย่งงานพวกมันทำเสียหมด” คุณหญิงว่าพร้อมกับส่งสายตาเอ็นดูปนห่วงใยมาให้หญิงสาว ที่คอยดูแลเอาอกเอาใจท่านกับท่านเจ้าคุณเป็นอย่างดีเหมือนกับเป็นลูกหลานแท้ๆ

 “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อะไรที่จันทร์พอจะทำได้ให้จันทร์ทำเถิดเจ้าค่ะ เพื่อตอบแทนคุณหญิงกับท่านเจ้าคุณที่รักและเอ็นดูจันทร์เหมือนลูกเหมือนหลาน” จันทร์บอกเช่นนั้นก็เดินลงไปที่ครัว คุณหญิงมองตามอย่างเอ็นดูเพราะหญิงสาวมีนิสัยที่น่ารักเอาอกเอาใจคนแก่ รู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ยิ่งทำให้ท่านรักและเอ็นดูหญิงสาวเหลือเกิน

 “คุณย่าเจ้าค่ะ คุณย่าเจ้าขา” เสียงเรียกท่านจากหัวบันไดเรือน ทำให้คุณหญิงชะเง้อมองว่าใครกันที่มาและยังส่งเสียงเอะอะโวยวายเสียงดัง จึงรู้ว่าหลานสาวสองคนของท่านกับหลวงเดชมาหาท่านที่เรือน

 “คุณย่าเจ้าค่ะ คุณย่าเจ้าขา เพชรกับพลอยมาหาคุณย่าแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวสองก้าวขึ้นมาบนเรือนแล้วรีบเดินมานั่งข้างๆคุณหญิงบัว อีกคนนั่งข้างซ้ายอีกคนนั่งข้างขวาแล้วก็กอดท่าน เหมือนไม่ได้เจอกันเสียนาน

 “แม่เพชร แม่พลอย เจ้าสองคนโตเป็นสาวแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กๆอีกรึ” คุณหญิงว่าพร้อมกับมองหลานสาวสองคนอย่างรักใคร่ปนเอ็นดู ทั้งที่หลานของท่านทั้งสองคนโตเป็นสาวแถมสวยอีกต่างหาก

 “คุณย่าเจ้าขา ก็เพชรกับพลอยคิดถึงคุณย่ามากนิเจ้าคะ” พลอยว่าพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ ให้คุณหญิงใจอ่อน

 “ใช้เจ้าค่ะ เราสองคนไม่ได้เจอคุณย่าเกือบอาทิตย์เลยนะเจ้าคะ” เพชรว่าพร้อมกับอ้อนคุณหญิงเช่นกัน

   คุณหลวงเดชเองก็คลานเข่าเข้ามากราบคุณหญิงบัว

 “ไหวพระเถิดพ่อ” คุณหญิงว่าพร้อมกับเอามือไปแตะที่บ่าของหลวงเดช

 “คุณย่าเป็นเยี่ยงไรบางขอรับ สบายดีหรือไม่ขอรับ” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับมองคุณหญิงแล้วยิ้มให้ท่าน

 “ย่าสบายดี แล้วเจ้าเล่าหายหน้าหายตาไปเสียนานเป็นเยี่ยงใดบ้าง” คุณหญิงว่าพร้อมกับมองมาที่หลวงเดช

 “สบายดีขอรับ กระผมได้กลับมารับราชการในเมืองแล้วขอรับ” หลวงเดชตอบ

 “ดีแล้ว ที่เจ้าจะกลับมาอยู่บ้านสักที่ หมดทุกหมดโศกกันเสียทีนะ” คุณหญิงว่าพร้อมกับมองหลานทั้งสามคนอย่างสงสาร โดยเฉพะหลวงเดชที่เสียพ่อแม่ไปพร้อมๆกับคนรัก คุณหญิงท่านเห็นเป็นแบบนั้นก็ยิ่งสงสาร แต่ท่านก็คิดนะว่าถ้าหลวงเดชได้เจอกับแม่จันทมณีของท่านแล้วหลวงเดชจะรู้สึกเช่นไร

 “ขอรับคุณย่า กระผมก็ว่าจะกับมาอยู่ดูแลน้องๆ รบกวนคุณย่ากับคุณอามาเป็นแรมปีแล้ว กระผมเองเกรงใจเหลือเกินขอรับ” หลวงเดชตอบ

 “เจ้าก็พูดเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกล ยังไงเจ้าทั้งสามคนก็เป็นหลานย่าเช่นกัน นี่เห็นว่าแม่สองคนนี้หายไปเสียหลายวัน ย่าว่าจะให้อาของเจ้าไปดูเสียหน่อย ที่ไหนได้เจ้ากลับแล้วมานี่เอง แม่สองคนนี้เลยไม่เสนอหน้ามาหาย่าเลย” คุณหญิงว่าพร้อมกับทำหน้าเคืองๆหลานสาวทั้งสองที่หายไปเสียหลายวัน ปล่อยให้คนแก่เหงา นี่ดีนะที่ท่านได้แม่จันทมณีมาอยู่เป็นเพื่อนเลยไม่เหงาอย่างที่คิด

 “คุณย่าเจ้าขา อย่าเคืองเพชรกับพลอยเลยนะเจ้าค่ะ” พลอยว่าแล้วก็ซบไหล่คุณหญิงพร้อมกับกอดแขนท่านพร้อมกับออดอ้อน

 “ใช่เจ้าค่ะคุณย่า ย่าเคืองเพชรกับพลอยเลยเจ้าคะ เราสองคนก็มาหาคุณย่าแล้วไงเจ้าคะ อย่าเคืองไปเลยนะเจ้าค่ะ” เพชรว่าพร้อมกับทำแบบเดียวกันกับพลอย คุณหญิงบัวเห็นเช่นนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเอ็นดูส่งให้หลานทั้งสอง หลวงเดชเองเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มให้กับความน่ารักของน้องสาวทั้งสองของตนเช่นกัน ก่อนจะหันไปเห็นขนมที่ตั้งอยู่ใกล้กับคุณหญิง ซึ่งดูน่าท่านเหลือเกิน

 “คุณย่าขอรับ นี่คือขนมอะไรหรือขอรับ น่ากินนัก” หลวงเดชว่าพร้อมกับชี้ให้คุณหญิงดู

 “อ๋อ ขนมบุหลันดั้นเมฆ เป็นขนมสูตรในวังเค้า เจ้าลองกินดูซิ อร่อยนะ” คุณหญิงว่า เพชรกับพลอยเองก็หันไปดูขนมที่คุณย่าพูดถึง

 “นี้มันขนมที่แม่ดาวเรืองมาสอนเราทำใช่หรือไม่พลอย” เพชรว่าพร้อมกับหันมามองหน้าพลอย พลอยเองก็หามาดูขนมแล้วตอบ

 “ใช่เจ้าค่ะพี่เพชร แต่น้อยคนนักที่ทำเป็นนะเจ้าค่ะ” พลอยพูดพร้อมกับทำหน้าสงสัย ส่วนหลวงเดชเองก็มิได้สนใจ เอาแต่ชิมขนม เพราะเห็นว่าอร่อยจริงอย่างที่คุณย่าพูด

 “อื่ม อร่อยขอรับคุณย่า คุณย่าทำเองหรือขอรับ” หลวงเดชถามไปกินไป ด้วยเกิดความชื่นชอบขนมชื่อเพราะที่รสชาติอร่อยถูกปาก ทั้งที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน

 “ป่าวหรอก ย่าไม่ได้ทำเอง เดียวนี้ยามีคนทำให้กินแล้ว หลานสาวคนใหม่ของย่าเอง” คุณหญิงว่าพร้อมกับทำหน้ายิ้มๆ ส่วนหลานทั้งสามคนต่างทำหน้าตาสงสัยว่าหลานคนใหม่ที่ไหนกัน ที่ทำให้คุณย่าพูดถึงแล้วยิ้มออกมาได้

 “หลานสาวที่ไหนกันเล่าค่ะคุณย่า ก็คุณย่ามีหลานสาวเหลืออยู่แค่สองเท่าคนนั้น ก็คือเพชรกับพลอยไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ” เพชรว่าพร้อมกับทำหน้าสงสัยพร้อมกับมองมาที่คุณหญิงบัว เมื่อคุณหญิงได้ยินดังนั้นจึงเล่าเรื่องราวต่างๆให้หลานทั้งสามคนฟัง เพชรกับพลอยก็ทำหน้าตาตกใจกับเรื่องราวของหญิงสาวที่คุณหญิงเล่าให้ฟัง ก่อนจะโลงใจที่ได้ยินว่าหญิงสาวรอดมาได้ ส่วนหลวงเดชเองก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาพร้อมกับเก็บความสงสัยไว้ คุณหญิงเองก็ยังบอกไม่หมดว่า หญิงสาวที่ว่านั้นหน้าตาละไม้คลายกับหลานสาวและเมียของท่านเจ้าคุณที่เสียไปแล้ว ราวกับเอาสองคนมารวมกัน ท่านคิดว่าให้เห็นกับตาคงจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าทำมัยคุณหญิงกับท่านเจ้าคุณถึงรับหญิงสาวมาเป็นหลานและลูกบุญธรรม คุณหญิงเลยให้บ่าวไพร่ไปตามหญิงสาวมา ทุกคนต่างก็ชะเง้อคอรอดูว่าหน้าตาจะเป็นเยี่ยงไง ทำมัยคุณหญิงท่านถึงได้เอ็นดูนัก ไม่นานนักหญิงสาวที่คุณหญิงกล่าวถึงก็ขึ้นมาบนเรือน เพชรกับพลอยก็ทำหน้าตกตะลึงในความสวยของหญิงสาว ส่วนหลวงเดชเองก็ตกใจเป็นอย่างมากหญิงสาวที่เดินขึ้นมานั้นช่างเหมือนกับผู้หญิงในฝันของเขาเหลือเกิน ผู้หญิงที่เขาฝันเห็นมาตลอดสองปีหลังจากเสียเจ้าจันทร์หญิงที่รักไป หน้าตาละไม้คลายเจ้าจันทร์ของเขามาก แต่ผู้หญิงตรงหน้ากับสวยกว่านัก เค้าเองก็แถบหมดคำถามว่าทำมัยท่านอาของเขาถึงรับหญิงสาวมาเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนจันทร์เองก็ไม่ได้ดูหรือมองใคร เพราะรีบ ที่คุณหญิงให้บ่าวตามมาโดยด่วน จึงเอาแต่เดินก้มหน้าก่อนจะนั่งลง พอเงยหน้ามาจะถามคุณหญิงว่ามีอะไรให้ตนรับใช้หรือไม่ก็ต้องตกใจกับผู้ชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับคุณหญิง จึงร้องอุทานออกมา

 “คุณ!” จันทร์ตกใจมากจึงเผลอพูดออกมา คุณหญิงเองเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าเหมือรู้จักจึงหันไปถาม

 “รู้จักกันหรือแม่จันทร์” หญิงสาวเมื่อได้ยินดังนั้น จึงเรียกสติของตนกลับมา ก่อนจะสายหัวแล้วตอบ

 “ไม่รู้จักเจ้าค่ะ แค่คล้ายกับคนรู้จักเท่านั้นเองเจ้าคะ” จันทร์ว่าพร้อมกับก้มหน้า ก่อนที่จะเงยหน้าไปมองชายหนุ่มอีกครั้งจึงได้พบกับแววตาสงสัยที่มองมาที่หญิงสาว ช่างเหมือนกับผู้ชายในฝันของเธอเหลือเกิน

  หลวงเดชเองก็สงสัย ทั้งที่ทักเหมือนรู้จักแต่กลับบอกไม่รู้จัก และทำมัยเขาเองถึงรู้สึกแปลบๆแค่หญิงสาวบอกไม่รู้จัก ประโยคที่หญิงสาวพูดมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆหลวงเดชคิด

 “นี่คือหลานของย่าแม่จันทร์ ส่วนแม่จันทร์นี่แม่พลอยแม่เพชรน้องสาวของหลวงเดช ซึ่งก็เป็นหลานแท้ๆของย่า” คุณหญิงว่าพร้อมกับชี้ให้จันทร์เห็นว่าใครเป็นใครบ้าง หญิงสาวเมื่อได้ยินดังนั้นจึงไหว้ตามมารยาทกับทุกคน เพชรกับพลอยเองเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบลุกไปนั่งข้างๆหญิงสาวคนละข้าง

 “พี่จันไม่ต้องไหว้ฉันกับพลอยดอก” เพชรว่าพร้อมกับเกาะแขนหญิงสาวเหมือนได้พี่สาวคนใหม่ไว้อ้อน พลอยเองก็เช่นกัน

 “ใช่เจ้าค่ะ พี่จันทร์ก็เป็นลูกสาวท่านอาก็เท่ากับเป็นพี่สาวของเราสองคนเจ้าค่ะ” ทั้งสองสาวยิ้มให้กับหญิงสาวด้วยความยินดีและจริงใจ ทำให้หญิงสาวคลายกังวนไปบ้างว่าหลานแท้ๆของคุณหญิงจะไม่ชอบหน้าเธอ แต่ก็ไม่เหมือนอย่างที่เธอคิด ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปไหว้หลวงเดชที่ส่งสายตาคมมองมาที่หญิงสาว สายตาที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นๆ แถมยังทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

 “สวัสดีเจ้าค่ะ คุณหลวงเดช” หญิงสาวว่าพร้อมกับยกมือไหว้ ชายหนุ่มเองเห็นดังนั้นก็ไม่แสดงอาการอะไรออกไปมาก แค่พยักหน้าพร้อมส่งสายตาที่ดุๆให้กลับหญิงสาวโดยไม่รู้สาเหตุ ว่าโกรธหญิงสาวด้วยสาเหตุอะไร หรือแค่เห็นหญิงสาวทำเหมือนไม่รู้จักแค่นั้นก็โกรธ แต่ก็ไม่น่าจะต้องรู้สึกโกรธเคืองเพราะเขาและเธอไม่เคยเจอกันจริงๆมาก่อน เพียงแต่ได้พบเธอในฝันเท่านั้น แต่ใจเขาก็รู้สึกแปลกๆเพียงแรกพบ ยังขนมนั้นอีกที่อร่อยถูกปากเขานักทั้งที่เขาก็มิได้เป็นคนชอบกินขนมหวาน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ และหวังว่าหญิงสาวตรงหน้าเองก็อาจรู้สึกเหมือนกัน  แต่ไอ้ท่าทีที่ไม่รู้สึกอะไรของหญิงสาวนี่ละที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

  จันทมณีเองก็คิด หลวงเดชมองเธอตลอดเลย เธอทำอะไรไม่ถูกไม่ควรหรือป่าว หรือพูดอะไรให้เชาโกรธ เขาถึงได้ส่งสายตาดุๆมาให้  ถึงจมองแบบดุๆ แต่ก็ทำให้ใจเธอสั่นไหว ยิ่งคนที่มองอยู่คล้ายกับผู้ชายในฝันของเธอมาก  มันยิ่งทำให้เธอประหม่ามากกว่าปกติ ยิ่งสายตาที่มองเหมือนจะพยายามสื่อความหมายนั้นยิ่งทำให้เธอไม่ปกติทั้งตัวและหัวใจ ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เธอก็ต้องเก็บอาการเพื่อไม่ให้คุณหญิงบัวเห็นเพราะมันจะดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่  ส่วนคุณหญิงเองนั้นก็พอจะมองออกเพราะท่านก็แก่แล้ว ผ่านอะไรมาก็เยอะ เห็นหลานสาวคนใหม่ของท่านนั่งหน้าแดงตัวแดงไปหมดทั้งตัว และยังจะสายตาของเจ้าหลานชายจอมนิ่งนี้อีก ยิ่งทำให้ท่านเข้าใจง่ายขึ้น แต่ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่อยากให้อะไรมันเกินงามอะไรที่อยู่ในสายตาท่านมันคงจะดีที่สุด ท่านคิด

 “อ่าวนั่งกันหมดเลย ย่าว่าให้น้องไปเตรียมกับข้าวกับปลาใกล้เวลากินแล้วด้วย เดียวเจ้าทั้งสามคนกินข้าวกับย่ากับแม่จันทร์นะวันนี้” คุณหญิงเอ่ยขึ้น ท่านยิ้มๆพร้อมกับหันมามองหลวงเดชที่ยังมอง หญิงสาวไม่ว่างตา

 “ขอรับคุณย่า ไม่ว่าอะไรนะแม่จันทร์พี่กับน้องๆจะมากินข้าวกับเจ้าและคุณย่า” หลวงเดชบอกพร้อมกับสงสายตาคมมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้า หญิงสาวเองก็พยักหน้ารับ แต่ไม่ได้มองตอบกลัวจะเจอสายตาที่ทำให้รู้สึกใจสั่นมากไปกว่านี้อีก แค่นี้เธอก็ไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว

 “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ยินดีเสียอีกคุณย่าท่านจะได้ไม่เหงา เดียวจันทร์ขอไปดูกับข้าวกับปลาก่อนนะเจ้าค่ะคุณย่า” หญิงสาวว่า พร้อมกับหันไปบอกคุณหญิง แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปเหมือนกับจงใจหลบหน้าใคร ชายหนุ่มเองก็รู้สึกเคืองๆที่หญิงสาวคุยกับเขาแต่ไม่ยอมเงยหน้ามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตอบ ไม่ยอมสบตามันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งนัก

 “งั้นเพชรกับพลอยขอไปช่วยพี่จันทร์ในครัวดีกว่าเจ้าค่ะคุณย่า” เพชรว่าพร้อมกับจูงมือพลอยไปหาหญิงสาวในครัว คุณหญิงเองก็เห็นว่าไม่มีใครแล้วก็หันมามองหน้าหลานชายอย่างยิ้มๆ กับอาการที่เหมือนจะเก็บความรู้สึกนั้นแต่มันดันทะลุออกมาทางสายตาแทนอย่างคนเก็บอาการไม่อยู่ หลวงเดชเองเมื่อเห็นคุณย่ามองอยู่เลยถามขึ้น

 “มีอะไรขอรับคุณย่า คุณย่ามองกระผมแปลกๆ” หลวงเดชว่า

 “ไม่มีอันไดหรอก แค่จะบอกว่าเจ้ามันเก็บอาการไม่เก่งเท่านั้นเอง” คุณย่าว่าพร้อมหัวเราะเบาๆพร้อมกับยิ้มให้กับหลานชาย

 “อะไรนะขอรับ กระผมไม่เข้าใจที่คุณย่าพูดขอรับ” เขาเองยังงงๆกับคำพูดของย่า ที่บอกเหมือนกับรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นหน้าหญิงสาวเป็นครั้งแรก

 “ถึงเจ้าจะทำท่าทางดุๆ แต่สายตามันไม่ได้ดุอย่างท่าทางของเจ้าเลยย่ารู้ แต่ย่าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แรกเห็นย่ายังคิดเลยว่าแม่จันทร์คือเจ้าจันทร์ ฟ้าคงใจดีส่งแม่จันทร์คืนกลับมาให้ แต่คนที่ตายไปแล้วจะกลับมาได้เยี่ยงไร เหมือนแค่ไหนก็มิใช้คนเดียวกัน” คุณย่าว่าพร้อมกับดวงตามีน้ำตาคลอขึ้นมา

 “กระผมรู้ขอรับ” หลวงเดชว่า

“ย่าเข้าใจเจ้านะ แม่จันทร์นั้นหน้าตาละไม้คลายเจ้าจันทร์ของเจ้านัก แถมชื่อยังชื่อคล้ายกันมาก แต่เจ้าก็อย่าลืมว่าหญิงสาวสองคนคือคนละคนกัน มิใช้คนๆเดียวกัน” คุณหญิงว่าพร้อมเอามือไปลูบที่หัวไหลของชายหนุ่มเพื่อเป็นการปลอบใจ

 “กระผมก็มิได้ลืมขอรับคุณย่า คนที่ตายไปแล้วจะมาอยู่ตรงนี้ได้เยี่ยงไร นอกจากคนเป็นเท่านั้นที่ยังอยู่ตรงนี้ได้ และไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกขอรับคุณย่า” หลวงเดชว่าพร้อมกับสายตาที่หม่นลง

 “ย่าไม่ได้จะติเจ้า แค่จะบอกว่าถ้าเจ้าสองคนรู้สึกดีต่อกันย่ายินดีด้วย แต่ถ้าเป็นเจ้าเท่านั้นที่รู้สึกอยู่คนเดียวเพราะความที่เขาคลายคนรักเก่า เจ้านั้นละที่จะเจ็บ ที่ย่าพูดเพราะย่าเป็นห่วงเจ้านัก รู้หรือไม่” คุณหญิงว่าพร้อมกับส่งสายตาห่วงใยไปให้หลางเดช

 “ขอบคุณขอรับคุณย่าที่เตือนสติกระผม แต่กระผมทำใจเรื่องเจ้าจันทร์ได้นานแล้ว เจ้าจันทร์เป็นแค่ความสงจำดีๆที่ไม่มีวันจางหายของกระผมเท่านั้น ส่วนแม่จันทร์คือหญิงสาวที่กระผมฝันถึงหลังจากเจ้าจันทร์ตายขอรับคุณย่า” หลวงเดชบอกความจริงที่ตนพบเจอ คุณหญิงเองก็ตกใจกับคำบอกเล่า

 “ย่างงเหลือเกินหลวงเดช เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไรกัน” คุณหญิงทำหน้างงกับเรื่องที่หลานชายเล่า

 “กระผมก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหน แต่หลังจากเจ้าจันทร์ตาย กระผมก็ฝันเห็นหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายเจ้าจันทร์มาก แต่หญิงคนนั้นงามกว่านักแถมอ่อนหวานเหลือเกิน ตอนแรกกระผมก็คิดว่าเป็นเพียงความคิดถึงและโหยหาคนที่จากไป แต่ที่ไหนได้เมือฝันเห็นทุกวันเข้า  ยิ่งทำให้รู้สึกรักเธอคนนั้น มากว่าที่เคยรักเจ้าจันทร์ ทั้งรู้สึกโหยหาและคิดถึงมากกว่านัก แถมยังรู้สึกรอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกัน แล้วฟ้าก็ลิขิตให้ได้พบเธอ ที่เรือนคุณย่านี่แหละขอรับ กระผมถึงมั่นใจว่าเธอไม่ได้มาเพื่อเป็นตัวแทนของใคร แต่มาเพราะฟ้าลิขิตให้ได้พบเจอเสียมากกว่าขอรับ” หลวงเดชบอกเล่าความรู้สึกต่างให้คุณหญิงฟังพร้อมกับสายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโหยหาหญิงสาวที่เห็นเหลือเกิน ท่านเองก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าฟ้าลิขิตมาเช่นนั้นก็คงหนี้สิ่งเหล่านี้ไปไม่พ้น คุณหญิงเองก็มิได้รังเกียจหญิงสาวหญิงสาวแต่อย่างได แถมยังรักและเอ็นดูหญิงสาวขึ้นทุกวันๆ เหมือนกับว่าความดีที่หญิงสาวทำ ทำให้คนรอบข้างยิ่งรักเธอมากขึ้นทุกวัน

 “ย่าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นพรมลิขิตหรือไม่ แต่อย่าทำอะไรให้เกินงามนักแล้วกัน เพราะหญิงสาวที่เจ้าเล่ามานั้นคือลูกสาวอีกคนของท่านอาของเจ้า จะทำอะไรก็ขอให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ก็พอ” คุณหญิงว่า เหมือนกับเปิดทางให้หลานชายของท่าน

 “ขอรับคุณย่า” หลวงเดชเองก็มิได้จะทำอันไดที่ไม่ดีไม่งาม ขอแค่คุยได้เห็นก็คงเพียงพอแล้ว ดีกว่าฝันเห็นแต่มิได้เจอกันจริงๆสักครั้ง แบบนั้นมันคงทำให้เขาแถบขาดใจตายเสียมากกว่า

  หลังจากที่ได้เวลากินข้าว กับข้าวกับปลาต่างๆ ก็ถูกนำมาว่างเรียงกันตรงหน้า คุณหญิงเองเมื่อเห็นหน้าตาอาหารแล้วก็ยิ้ม ที่หลานสาวของท่านคนนี้ช่างเก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนยิ่งนัก โดยที่ท่านไม่ต้องเสี้ยมสอนอะไรเลย

 “อื่อหือ จัดเต็มเลยนะแม่จันทร์” คุณหญิงว่าแกมหยอกพร้อมกับหันไปยิ้มเอ็นดูให้กับหญิงสาว

 “เจ้าค่ะคุณย่า” หญิงสาวว่าพร้อมกับยิ้มรับแบบเขินๆ

 “คุณย่าเจ้าขาคุณพี่จันทร์ทำอาหารเก่งมากเจ้าค่ะ แถมยังทำของโปรดให้คุณพี่เดชอีกต่างหากเจ้าค่ะ” เพชรว่าพร้อมกับส่งสายตาแซวๆไปทางหญิงสาว จันทร์เองก็เขินหนักไปอีก ยิ่งทุกคนต่างมองมาที่เธอด้วยสายตายิ้มๆ โดยเฉพาะสายตาที่พยายามสื่อความหมายนั้นอีกยิ่งทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก

 “ก็คุณพลอยให้ทำเพิ่มเห็นบอกว่าอยากกิน จันทร์ก็เลยทำเพิ่ม จันทร์เองก็ไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าเป็นของชอบคุณหลวงเดช” หญิงสาวว่าพร้อมกับก้มหน้าก้มตาหลบสายตาที่มองมา โดยที่เธอเองนั้นไม่เห็นสายตาของแต่ละคนที่มองมาที่เธอ คุณหญิงเองก็มองด้วยความเอ็นดูที่เห็นหญิงสาวเขิน เพชรกับพลอยมองหน้าหญิงสาวเหมือนจะแซวๆพร้อมกับขำขันราวกับเป็นเรื่องตลก ส่วนคุณหลวงเองนั้นมองมาที่หญิงสาวอย่างมีความหมาย แต่เธอกับไม่ยอมหันมามองที่หลวงเดชเลย ยิ่งทำให้ชายหนุ่มน้อยใจกับคำตอบและท่าทีของหญิงสาวตรงหน้ายิ่งนัก ...นี่ถ้าเขาบอกว่าอยากกินหล่อนคงไม่ทำให้กินอย่างงั้นรึ... หลวงเดชคิด  จันทร์เองก็คิดว่าจะมองอะไรกันนักหนาเธอทำอะไรไม่ถูกแล้วถ้าลุกออกไปก็คงจะดี นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณหญิงนั่งอยู่ เธอเองคงลุกออกไปเสียนานแล้ว ไม่มานั่งให้เขามองแบบนี้หรอก ความหมั่นใจของเธอหายไปไหนหมดนะ

 “เอากินข้าวเถิด มัวแต่หยอกล้อกัน ประเดียวข้าวปลาก็เย็นชืดหมดดอก” คุณหญิงท่านว่าก่อนที่จะทำสายตาดุมาที่เพชรกับพลอยที่ชอบแกล้งชอบแหย่คนอื่น จันทร์เองเป็นคนกินข้าวน้อยพอเธออิ่มเร็วทุกคนก็หันมามองด้วยความสงสัย ว่าทำมัยเธอช่างกินน้อยจังแล้วเธอจะเอาเรียวแรงมาจากไหน หลวงเดชเองก็มองด้วยสายตาห่วงใย จนทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด กับสายตาคู่นั้นที่มองมาเมื่อสักครู่

 “อิ่มแล้วรึ แม่จันทร์” หลวงเดชถามขึ้นให้หายสงสัย

“นั้นสิ จันทร์เจ้ากินข้าวกินปลาน้อยเหลือเกินเดียวก็เป็นลมเป็นเล้งดอก” คุณหญิงว่าเสริม ด้วยความเป็นห่วง

“คุณย่าเจ้าคะ คือจันทร์รู้สึกไม่ค่อยหิวนะเจ้าคะเลยกินน้อย คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงจันทร์หรอกเจ้าค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับหันมาคุณหญิงด้วยความรักที่เห็นท่านอ่อนโยนต่อเธอเสมอ แต่เธอก็ไม่กล้าหันมามองทางหลวงเดช กลัวจะเจอสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว และอาการที่เธอเป็นอยู่นี้เขาเรียกว่าหลบหน้าเขา เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงความรู้สึกใดๆออกมาต่อหน้าเขา  เธอยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าหรือพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าได้ปกติเนื่องจากเธอรู้สึกขัดเขินมากเสียจนทำตัวไม่ถูก หลวงเดชเองเมือเห็นหญิงสาวไม่หันมาตอบตน มันยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งเธอขึ้นขึ้นมา เขาก็เลยหาเรื่องมาคุยกับหญิงสาว

 “อืม...กระผมว่ากระผมคงติดใจฝีมือน้ำพริกของแม่จันทร์เข้าแล้วขอรับคุณย่า” หลวงเดชเกริ่น

 “จริงรึ ถ้าชอบกินจริงเดียวย่าให้แม่จันทร์ทำให้เจ้ากินบ่อยๆก็แล้วกัน” คุณหญิงว่าพร้อมกับส่งสายตายิ้มๆให้กลับหลานชายและหลานสาวทั้งสอง จันทร์ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าตกใจ ที่คุณหญิงเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจกับชายหนุ่มที่คอยมองมาที่เธอเหมือนแกล้ง เธอคิด .....ถ้าต้องทำให้เขากินทุกวันเธอคงได้เจอสายตาแปลกๆนั่นทุกวัน แย่แน่เลยจันทร์เอ๋ย.... แค่คิดเธอก็ขนลุกอย่างบอกไม่ถูกและหัวใจดวงน้อยๆของเธอจะทนต่อสายตาที่เขาขยันส่งมาให้หรือไม่นะ

 “งั้น สงสัยพี่คงต้องมารบกวนให้เจ้าทำน้ำพริกให้กินทุกวันเสียแล้วละ เพราะถูกปากเหลือเกิน” หลวงเดชว่าพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวยิ้ม ยิ่งเห็นเธอหน้าแดงเขาก็ยิ่งมีความสุข

 “ถ้าคุณหลวงอยากกินก็บอกจันทร์ได้เจ้าคะ ไม่ต้องเกรงใจ” หญิงสาวตอบไปตามมารยาท ใจจริงเธออยากบอกว่า .....อย่าอยากกินบ่อยนักเลยเจ้าค่ะ มันจะทำให้ใจดวงน้อยๆของเธอดวงนี้สั่นไหว..... เดียวเธอจะหลงคิดว่าเขาชอบเธอมากกว่าน้ำพริกที่อยากกินทุกวัน หญิงสาวคิด

 “อ่อ อย่างงั้นรึ ถ้าเป็นเยี่ยงนั้น พี่ก็ไม่เกรงใจละ พี่จะมาให้เจ้าทำน้ำพริกให้กินทุกวันก็แล้วกัน หวังว่าเจ้าคงไม่ว่าอันใดนะ” หลวงเดชว่ายิ้มๆ เหมือนจงใจแกล้งให้หญิงสาวลำบากใจ จันทร์เองเมื่อยิ่งได้ยินแบบนั้นก็เผลอหันไปมองเขา เพราะรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งเธออยู่ พอมองปับก็พบกับสายตากึ่งล้อเลียนมาให้เธออย่างจัง เธอเองจึงรีบหลบสายตานั้นแทบไม่ทัน ใจมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก.....ผู้ชายอะไรชอบแกล้งผู้หญิงนิสัยไม่ดีเลย....... จันทร์คิด

 “เลิกแกล้งน้องได้แล้วหลวงเดช น้องอายหมดแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่” คุณหญิงว่า พร้อมกับส่งสายตาเอ็นดูมาที่หญิงสาวที่ไม่ได้แดงเฉพาะที่หน้า แต่แดงไปทั้งตัว ใครเห็นก็เอ็นดูกับอาการของหญิงสาวที่แสนน่ารัก

 “คุณย่าเจ้าขา อย่าพูดอย่างงั้นสิเจ้าค่ะ  เดียวก็เข้าใจผิดกันหมดหรอกเจ้าค่ะ” จันทร์ว่าพร้อมกับทำหน้าไม่ถูกเพราะทุกคนต่างก็พากันแกล้งให้หญิงสาวเขิน

   หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแล้ว หลวงเดชเองก็ขอตัวกลับเพราะมืดแล้ว หลังจากที่แขกกลับไป จันทร์เองก็ยังรู้สึกเขินๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอกับชายในฝัน เธอเองรักเขาตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้า แต่พอได้พบหน้ากันกับกลัวว่าจะรักเขาเข้าจริงๆ เพราะความจริงกับความฝันมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เธอเองก็พอรู้มาจากชบาบ้างเหมือนกันว่าหลวงเดชนั้นเคยเป็นคนรักและคู่หมั่นคู่หมายของคุณหนูเจ้าจันทร์ที่เสียไป ถ้าเขาจะรักจะชอบเธอเพราะเหมือนกับคนรักเก่าของเขาละ...เธอเองจะเจ็บแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าเขาใจดีกับเธอเพราะคำว่าเหมือนกับคนรักเก่าของเขามาก...เธอเองจะปวดใจแค่ไหน เธอต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องมาเป็นเงาให้กับคนอื่น ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักเธอที่เป็นเธอ แต่กับรักเธอเพราะเธอเหมือนกับคนรักเก่าของเขา แค่คิดเธอก็เจ็บแล้ว ทางที่ดีเธอควรจะต้องอยู่ห่างจากเขาไว้ให้มากที่สุด เพื่อรักษาใจดวงน้อยๆให้เจ็บปวดน้อยที่สุด รักแค่ไหนแต่ต้องมาเป็นเหมือนตัวแทนของใครเธอเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน หญิงสาวคิดพร้อมกับมองออกมานอกหน้าต่างด้วยแววตาเศร้าสร้อย จันทร์เองก็ไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่จองมองเธอด้วยความเป็นห่วง

  หลวงเดชเองพอกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกแปลกๆกับตัวเอง หัวใจเขาเอาแต่เฝ้าคิดถึงหญิงสาวที่เขินอายจนแดงไปทั้งตัว ยิ่งคิดใจเขาก็ยิ่งเต้นแรงและเร็วขึ้น ยิ่งรู้สึกโหยหามากขึ้น ยิ่งอยากเจอหน้าหญิงสาวมากขึ้นไปอีก จนทำให้เขานอนไม่หลับ มารู้ตัวอีกทีตอนนี้เขาดันมายืนอยู่ใต้ต้นจันทน์กระพ้อที่ส่งกลิ่นอบอวนไปทั่วบริเวณข้างห้องนอนของหญิงสาว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเดินมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้เรือนเขากับเรือนคุณย่าจะไม่ไกลกันนัก แต่จะเดินมาเวลานี้ก็ไม่สมควรเขาเองก็รู้แต่ใจมันพาเขามา ให้เขาได้เห็นหญิงสาวที่ตนเฝ้าเรียกหามานานตั้งแต่อยู่ในฝันยืนพิงขอบหน้าตาห้องนอนพร้อมกับเหม่อมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย เหมือนมีเรื่องอะไรที่ทำให้หญิงสาวไม่สบายใจยิ่งนัก

 “เป็นอันไดเล่าจันทร์ของพี่ เรื่องอันไดกันที่ทำเจ้าเศร้าสร้อยถึงเพียงนี้” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ละส่งสายตาที่อ่อนโยนปนความเป็นห่วงเป็นใยไปให้หญิง แบบที่หญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว

 “เจ้าจะรู้หรือไม่นะว่ายิ่งเห็นเจ้าเศร้า พี่เองก็เศร้าไปด้วย” หลวงเดชพึมพำกับตัวเอง ราวกับว่าเขาเองก็เจ็บปวดไปกับดวงตาคู่สวยคู่นั้นเช่นกัน

   แค่เพียงแรกพบเท่านั้น หัวใจของหลวงเดชเป็นได้ถึงเพียงนี้ ถ้าได้พบเจอกันทุกเพลา หัวใจของเขาจะเป็นเช่นไร แค่จากลากันไม่กี่ชั่วโมงก็โหยหาหญิงสาวถึงเพียงนี้ แล้วถ้าจากลากันไกลเป็นปีๆหัวใจเขาจะเป็นเช่นไร จะคิดถึงละโหยหาค่ะไหน

     ....ฟ้าลิขิตให้รักตั้งแต่แรกพบ........เมื่อบรรจบพบเจอที่เฝ้าฝัน........จะพรากรักจากไปทำมัยกัน......อยู่ด้วยกันเพื่อสร้างฝันให้เป็นจริง.......

  เมื่อความรักเกิดขึ้นตั้งแต่ในฝัน แต่ความฝันกับความจริงมันช่างต่างกันลิบลับ ใครจะรู้ว่าฟ้าลิขิตให้เจอกับอะไรบ้าง แค่ความรักมันจะพอมัยสำหรับคนสองคน แค่แรกพบอีกคนรู้สึกถึงความรักแต่อีกกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ตามมากับรัก เขาและเธอจะผ่านมันไปได้มัย   ไม่มีใครรู้ฟ้าเท่านั้นที่รู้

 

 

 

 

 

 

****อาจจะมาลงให้ช้าไปนิด แต่ก็คงไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกผิดหวัง เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ ผิดพลาดตรงไหน ผู้อ่านสามารถติชมได้นะค่ะ เพี่อที่ผู้แต่งจะทำมาปรับปรุงต่อไปค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆนะค่ะที่เข้ามาอ่าน อย่าลืมติดตามกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ********

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา