angelic ภาค หัวใจสีขี้เถ้า
9.3
เขียนโดย zusuran
วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.50 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
15.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) มารฝันกับเจ้าชายปีศาจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโครม!
บางอย่างกระแทกประตูห้องจนเปิดเข้ามาด้านในเพียงเสี้ยวอึดใจ ทำลายความโรแมนติกที่กำลังจะก่อตัวขึ้นมาจนทลายไปหมดสิ้น และยิ่งตกใจยิ่งกว่าที่เห็นเงาของใครคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาอย่างไม่รีรอ
“เจ้าหญิง เจ้าเป็นยังไงบ้าง!”
เสียงห้าวทะลุโลกแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าพยัคฆ์จอมโวยวายนามว่าไลน์ ทันทีที่เปิดประตูได้เจ้าตัวก็ตรงรี่เข้ามาเขย่าร่างบอบบางจนหญิงสาวอยากจะล้มลงไปกองอีกสักรอบ
“ข้ากลับไปที่จุดพักในป่าไม่เจอพวกเจ้าก็เลยตามกลิ่นมาจนถึงที่นี่ นึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรไปซะอีก”
“ข้าจะล้มลงไปอีกรอบจริงๆถ้าเจ้ายังไม่เลิกเขย่าข้าแบบนี้”
“โอ๊ะ! โทษทีลืมตัวไปหน่อย”
อย่าลืมให้บ่อยนักจะเป็นพระคุณอย่างสูง
เฮเลียสอยากพูดประโยคนี้ออกมาอีกประโยคเป็นการประชดอีกระลอก แต่ดูท่าจะยากเพราะเสืออย่างไลน์ไม่ค่อยสนใจอะไรนานเกินหนึ่งนาที เมื่อกี้ยังเขย่าเธอจะเอาให้ตายแต่ตอนนี้กลับไปสนใจโทรเฟ่นที่นั่งใบ้กินอยู่ข้างๆแทนเสียนี่ นับเป็นเสือสมาธิสั้นที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา
“พี่ข้าอยู่ที่ไหน”
พยัคฆ์หนุ่มถามอย่างร้อนรนเหมือนกับว่าได้จากกันมาเป็นชาติอย่างนั้น…แต่เดี๋ยวก่อน
หลายวันเหรอ….
“พี่เจ้าออกไปดูลาดเลากับเอเมรัลด์” โทรเฟ่นให้คำตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ แต่กลับทำให้เจ้าของคำถามดิ้นพล่าน
“ว่าไงนะ!กับเจ้าเตี้ยนั่นน่ะเหรอ”
“อืม…เราจำเป็นต้องอยู่ที่นี่หลายวัน เจ้าเองก็ต้องทำตัวกลมกลืนกับที่นี่ด้วย”
เทพหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีม่วงอ่อนพูดเหมือนสั่งพลางคว้าผ้าที่พับไว้บนโต๊ะใกล้ตัวส่งให้ไลน์หนึ่งชุด ทันทีที่เห็นผ้าเนื้อหยาบสีพื้นเหมือนเปลือกไม้ลวดลายไร้รสนิยมพยัคฆ์หนุ่มก็ถึงกับทำหน้าเหม็นเขียว แวบหนึ่งก็หันมาจับจ้องเฮเลียสเหมือนจะขอความเห็น แต่สาวเจ้าก็ยังคงนิ่งเงียบและจ้องกลับด้วยสีหน้าระคนเช่นกัน เจ้าเสือโจมโวยจึงยอมรับชุดที่เทพหนุ่มส่งมาให้อย่างจำยอม เพราะถ้าไม่ใส่ก็อย่าหวังเลยว่าจะออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกได้ง่ายๆ อย่างน้อยเจ้าเทพหัวม่วงนี่แหล่ะที่จะจัดการอัดเขาติดฝากลายเป็นเสือสตาร์ฟโชว์หราเด่นสง่าสมใจอยาก
“เห็นแก่พี่หรอกถึงได้ยอม”
เฮเลียสรู้สึกสงสารไลน์มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาคงอึดอัดกับการเดินทางครั้งนี้มากกว่าใคร ทั้งต้องอยู่ในร่างมนุษย์ถูกบังคับให้ขี่ม้าที่แสนเชื่องช้าและพยศจนกระทืบเขาจมดิน และมาคราวนี้ก็ยังต้องจำทนสวมชุดชาวบ้านที่ไร้รสนิยมเพื่อทำให้ดูเหมือนคนจรจัดธรรมดาๆที่ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามที่สุดแสนจะน่าภูมิใจ
“เจ้าเองก็ด้วย”
โทรเฟ่นหันมามองเฮเลียสที่ยังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง พร้อมใช้สายตาบอกถึงตำแหน่งที่วางของชุดที่เธอควรจะเปลี่ยน ซึ่งมันได้พับวางไว้บนปลายเตียงนอนของเธอนี่เอง ก่อนที่เขาจะลุกเดินออกไปข้างนอกอย่างรู้มารยาท
“ข้าจะออกไปสำรวจหมู่บ้านซักพัก เดี๋ยวกลับมา”
“ข้าจะไปหาพี่”
ไลน์เสริมส่งและรีบจรลีออกไปอีกคน ภายในห้องแคบจึงเหลือเพียงเฮเลียสที่มองตามชายหนุ่มทั้งสองตาปริบๆ ภายในห้องมิดชิดมีเพียงประตูบานเดียวที่ใช้เป็นทางเข้าออก จึงไม่มีอะไรกังวลหากจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องทั้งอย่างนี้ แต่เฮเลียสก็ดันพบกับอุปสรรคกองโตซะได้
จู่ๆร่างกายท่อนบนซีกขวาก็กลายเป็นอัมพาตกะทันหันเสียอย่างนั้น!
หญิงสาวผ่อนลมหายใจเข้าออกหลายต่อหลายรอบกว่าจะทำใจและฝืนทนเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยตัวเองจนสำเร็จ รู้สึกแปลกๆกับร่างกายที่ขัดๆอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะกับซีกขวาที่มีร่องรอยของคำสาปปะทับอยู่ทนโท่
แอ๊ด…
พระเจ้า! ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยมารผจญก็เข้ามาเสียได้
เฮเลียสสะดุ้งสุดตัวมองไปยังร่างที่กำลังเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่นิ่งสนิท เพราะแสงจ้าจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาทำให้มองเห็นใบหน้าและรายละเอียดของร่างนั้นไม่ชัดนอกจากเงาสีดำที่สูงบางจนต้องเรียกว่าผอมกะหร่อง ผมยาวสยายลงมาจรดเอวพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินอย่างแช่มช้า ไม่ใช่โทรเฟ่น ไม่ใช่ไลน์และไม่น่าจะเป็นลิกไนต์ไปได้ แล้วเขาคนนี้คือใคร
“ท่าน…เป็นใคร”
“ลืมข้าแล้วรึ เฮเลียส”
ตึกกกก!!!!
หัวใจเฮเลียสเต้นแรงเหมือนอยากแหกอกออกมาสูดอากาศด้านนอก เหมือนจังหวะการหายใจได้ถูกช่วงชิงไปชั่วขณะเมื่อได้พบกับคนที่ไม่คาดฝัน
“เค…เคโอเรสเตอร์…เคออน!”
“เฮเลียส”
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีร่างนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรายละเอียดที่เริ่มจะชัดเจนจนเห็นได้แม้กระทั่งสีตาที่มืดดำดั่งอัญมณีจากความมืด เจ้าชายปีศาจยิ้มน้อยๆบนใบหน้าขาวซีดที่โซมไปด้วยเหงื่อเหมือนคนที่อดนอนมาเป็นชาติ ก่อนที่ร่างสูงบางผอมกะหร่องนั้นจะโน้มเข้ามาโอบร่างบอบบางของหญิงสาวไปแนบอกอย่างถวิลหา
“ค่อยยังชั่วที่เจ้ายังปลอดภัย”
ไม่เสียแรงที่ดั้นด้นตามหาจนเจอ…
ขอบตาเริ่มร้อนวูบพร้อมกับน้ำใสๆที่รื้นขึ้นมาคลอหน่วย ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแบบนี้เหมือนจะห่างหายไปนานแสนนาน
“ร้องไห้รึ”
เฮเลียสปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่คิดห้าม แต่ก็ยังคงน้ำเสียงโทนเดิมไว้อย่างแนบเนียนเช่นกัน
“ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาหาข้า คิดว่าคงจะไม่ได้เจอท่านอีก”
“ได้เจอสิ ข้ามาหาเจ้าแล้วนี่ไงล่ะ”
เคโอเรสเตอร์ปลอบโยนคลายอ้อมกอดให้หลวม หาพิรุธของเด็กขี้แยที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองแบบส่งๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา และเป็นดังที่คาดเมื่อเธอร้องไห้เสร็จสิ่งที่ตามมาก็คือรอยยิ้มอ่อนหวานราวกับแสงสาดส่องของพระจันทร์ ทว่าแสงสีนวลอ่อนหวานตอนนี้กลับเศร้าหมอง ซีดเซียวไร้ชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนนี้นัก
คำสาปนั้นคงเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ดูจากแขนขวาของเธอที่ดูจะอ่อนแรงเสียจนติดกระดุมเองไม่ได้ จนทำให้เธอดูเหมือนคนที่แต่งกายไม่เรียบร้อยยิ่งกว่าสามัญชนเดินดินเสียอีก
“คงทรมานมากสินะ คำสาปบ้านั่นน่ะ”
เจ้าชายปีศาจว่าพลางยื่นมือเข้าช่วยติดกระดุมที่แขนเสื้อให้หญิงสาวที่ยิ้มเจื่อน เฮเลียสอยากบอกเหลือเกินว่ากำลังได้ยาดีจากเผ่าพันธุ์ปีศาจตนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะพูดไม่ทันเพราะเสียงแหลมปรี๊ดได้เข้ามาขัดซะก่อน
โครมมม!!!!
“เจ้าชายยยยยย!!!!”
เคโอเรสเตอร์หันไปมองเจ้าของเสียงแหลมสูงร่างเล็กในชุดคลุมสีหม่นที่วิ่งตรงเข้ามาหาอย่างอึ้งตะลึง
เอเมรัลด์โยนของที่หอบพะรุงพะรังทิ้งให้พ้นทาง ก่อนจะโผเข้ากอดเจ้าชายปีศาจพร้อมกับคำพร่ำพรรณนาสารพัดประโยคยิ่งกว่าบทสวดมนตร์
“ฮืออออออ!!! เจ้าชาย เจ้าชายจริงๆด้วย ข้านึกว่าจะไม่ได้พบกับท่านอีกแล้วในชาตินี้ ดีใจจังที่ท่านยังปลอดภัย ข้าเป็นห่วงท่านมากเลยรู้ไหมขอรับ เจ้าชาย”
“เจ้า…เป็นใคร”
แหง็ก!
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแตกร้าวดังเปรี๊ยะ จากร่างเล็กที่แข็งทื่อเกาะขาเจ้าชายปีศาจราวคราบจักจั่น
กา…กา…กา…
เสียงอีการ้องโบยบินผ่านไปพร้อมกับสายลมยะเยือก สร้างบรรยากาศเคว้งคว้างได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เอเมรัลด์ไม่ต่างจากตุ๊กตาลานขาดที่จะขยับร่างกายแต่ละทีก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเอี๊ยดอ๊าด เฮเลียสสงสารเจ้าปีศาจตัวกระจ้อยจนนึกอยากแผ่เมตตาให้เหลือเกิน
และ สามนาทีต่อมา…
“หึ… ฮ่าๆๆๆ”
“ฮึก! เจ้าชายลืมข้าไปแล้วจริงๆสินะ”
“บ้า! ใครจะลืมลง”
“ฮะ! จริงรึ นี่ท่านแกล้งข้ารึ!”
ร่างกระจ้อยถูกเจ้าชายปีศาจยกขึ้นจนใบหน้าได้เสมอเทียมทัดและมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของอีกฝ่ายได้ ดวงตาสีนิลดั่งอัญมณีแห่งรัตติกาล สำหรับเอเมรัลด์นี่คือนายเหนือหัวที่เขาติดตามมาตั้งแต่เริ่มคลาน
“เจ้าชาย เป็นท่านจริงๆด้วย โฮ!!!!!”
และน้ำตาก็ไหลโจ๊กๆ ออกมาจากตาสีมรกตของเจ้าปีศาจหัวเขียวราวกับน้ำในเขื่อนไหลทะลักยังไงอย่างนั้น เคโอเรสเตอร์ยังอุ้มร่างเล็กให้เสมอตนพร้อมกับยิ้มกวนประสาทที่นานทีจะมีซักหน เฮเลียสรู้สึกซึ้งตามไปด้วยเพียงครึ่งทาง รอยยิ้มก็เริ่มเจื่อนเมื่อภาพเบื้องหน้าเริ่มจะวูบไหวไปอีกรอบ หญิงสาวพยายามทำเนียนนั่งลงบนเตียงอย่างเงียบสงบ ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่างกาย แต่ก็ยังไม่มากขนาดที่จะทนไม่ไหว ทว่า ร่างกายกลับตอบสนองต่อความเจ็บปวดเร็วเกินคาด
ปัง!
เสียงประตูเปิดดังพอที่จะทำให้คนในห้องหันไปสนใจ และคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายซักเท่าไหร่ ทว่า กับเจ้าชายปีศาจนั้นต่างกัน
“เจ้า!”
“ดูท่าทางจะยังสบายดีอยู่นะ เคโอเรสเตอร์”
“ไฮเพอรีเนอร์!”
เคโอเรสเตอร์ครางเสียงต่ำ จะเป็นหมอนี่ได้ยังไงในเมื่อพันธมิตรที่ควรจะช่วยเหลือเขาต้องเป็นไฮเพอทีอัส ราชาเทพผู้ปกครองแคว้นเหนือ ไม่ใช่ราชานักรบผมสีม่วงจอมกวนโอ๊ยคนนี้
“เป็นเจ้าไปได้ยังไง”
“บอกแล้วไม่ใช่รึ ว่าพันธมิตรที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขาไม่สามารถปกป้องใครได้ในตอนนี้น่ะ”
โทรเฟ่นตอบตามจริง แต่ดูท่าเจ้าชายปีศาจจะรับคำตอบนี้ไม่ได้
“แต่ถึงยังไงก็ต้องไม่ใช่เจ้า!”
“ยังหัวรั้นไม่เปลี่ยนเลยนะ เคโอเรสเตอร์”
เสียงราบเรียบมาจากหญิงสาวผมสีดำยาวสยายตกกลางหลังที่ยืนอยู่ด้านหลังเทพหนุ่ม เคโอเรสเตอร์ผู้ซึ่งถูกปรามาสมองเจ้าของคำพูดเหยียดนั้นอย่างชั่งใจ รู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดๆที่รู้ว่ามีเธอคนนี้เดินทางมาด้วย ลิกไนต์มีพลังด้านมืดซึ่งเป็นพลังเฉพาะของเผ่าพยัคฆ์ที่เป็นนักล่า จึงปกป้องทุกคนได้ไม่ลำบาก และอีกอย่าง หากว่าเธอคนนี้อยู่ที่นี่ก็ต้องมีตัวติดตามมาด้วยอย่างแน่นอน
“โอ๊ะโอ ดูซิว่าใครมา”
พอนึกถึงก็มาเร็วทันใจ เจ้าเสือดำเจ้าปัญหาที่ชอบทำตัวติดพี่สาวราวกับเห็บหมัด
เคโอเรสเตอร์วางเอเมรัลด์ลงและยังจ้องโทรเฟ่นด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก โดยที่เทพหนุ่มผมสีม่วงไม่ยักหลบ แถมยังตีหน้านิ่งเหมือนยั่วโมโหอีกฝ่าย
“ข้าไม่เคยขอร้องให้เทพอย่างเจ้ามาช่วย”
“ข้าก็ไม่ได้รับคำขอร้องจากเจ้านี่”
เหมือนจะเกิดสงครามขนาดย่อมของสองเผ่าพันธุ์เข้าให้แล้ว ยิ่งมองเฮเลียสก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย แต่ก่อนที่เธอจะได้หลับสมใจ สงครามน้ำลายก็ยุติโดยที่เทพหนุ่มเป็นผู้กำชัยอย่างงดงาม
“เจ้าต้องยอมให้ข้าไปด้วยแน่ เพราะข้าคือคนเดียวที่สามารถปลุกเฮเลียสให้ตื่นจากความฝัน”
“อะไรนะ”
“จริงขอรับ เจ้าชาย ยาสกัดคำสาปของข้ามีผลข้างเคียงกับเจ้าหญิงเฮเลียสมาก” เอเมรัลด์เสริมต่ออีกเสียง
“และต้องเป็นผู้ที่มีพลังหลายสายอย่างท่านโทรเฟ่นเท่านั้นที่จะปลุกนางให้ฟื้นจากความฝันได้”
“กะอีแค่ความฝัน! ถ้าเฮเลียสหลับได้นานๆก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่ต้องทนทรมานเวลาที่คำสาปนั่นกำเริบไงล่ะ”
“ผิดแล้ว”
คนที่สอดแทรกเข้ามาคือลิกไนต์ พยัคฆ์สาวยังคงยืนพิงประตูกอดอกอย่างผู้มีความคิด ดวงตาสีขี้เถ้าจับจ้องเจ้าชายปีศาจที่ยังคงรั้นหัวชนฝาก่อนจะอธิบาย
“ความฝันของเจ้าหญิงเฮเลียส เหมือนความจริงที่เกิดขึ้นในอีกมิติหนึ่ง นางจะรู้สึกได้ทุกอย่างสัมผัสได้ทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น และหากปล่อยให้อยู่ในนั้นนานๆ นางจะไม่เหลือโอกาสที่จะออกมาอีก ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง เจ้าก็เจ้าเถอะ คงไม่มีทางที่คว้านางได้แม้เพียงเส้นผม…เข้าใจหรือยัง เคโอเรสเตอร์ ว่าคนที่สามารถทำให้นางตื่นได้ก็คือโทรเฟ่น!”
ประโยคสุดท้ายหนักแน่นเหมือนย้ำให้จำขึ้นใจ เคโอเรสเตอร์ก้มหน้ากำมือแน่น ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะไร้ประโยชน์อย่างนี้
เฮเลียสเริ่มรู้สึกอึดอัด ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่งร่างกายซีกขวา อยากรู้นักว่าตัวเองกลายเป็นภาระให้คนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
………………………………………………………………………….
“เอานี่…ยาขวดที่สามจะช่วยให้เจ้าขยับแขนขาข้างนั้นได้”
เอเมรัลด์พูดพร้อมส่งยาขวดเล็กๆเท่าหัวแม่มือให้เฮเลียสที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง หญิงสาวรับมาแต่ก็ลังเลที่จะเทมันเข้าปาก และดูเหมือนเอเมรัลด์จะรู้สึกถึงความลังเลของเธอดีจึงพูดปลอบใจ
“วางใจเถอะ ยานี่จะไม่ทำให้เจ้าฝันหรอก มันเป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการชาของแขนขาเจ้าเท่านั้น”
“อย่างนั้นรึ เช่นนั้นก็ค่อยเบาใจ”
ว่าพลางกระดกยาเข้าปากและกลืนมันลงท้องอย่างว่าง่าย ผ่านไปสองนาที สาม สี่ และห้านาที ในที่สุดร่างกายซีกขวาที่หนักอึ้งจนขยับไม่ได้ก็กลับเบาหวิวและกลับมาขยับได้ตามปกติ เฮเลียสมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ใจชื้นได้ไม่ถึงนาที คำพูดของเอเมรัลด์ก็ทำให้เธอต้องยิ้มเจื่อนอีกครั้ง
“แค่บรรเทาได้ชั่วคราวเท่านั้นนะ อีกไม่กี่ชั่วยามยาก็จะหมดฤทธิ์และร่างกายของเจ้าจะหนักขึ้นกว่าเดิมด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยทำให้ข้าหลายๆขวดได้ไหม”
“แต่ถ้าเจ้าดื่มมากไป ร่างกายของเจ้าจะไม่ต่างจากยกหินทั้งก้อนไว้บนบ่านะ”
“เรื่องนั้นข้าไม่สน ยังไงข้าก็จะใช้มัน จนกว่าจะถึงไกอาห์”
“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะ…”
“อย่าปากโป้งไปล่ะ ช่วยข้าทีนะ…ถือซะว่านี่เป็นการขอร้องที่ไร้มารยาทจากข้าเถอะ”
เฮเลียสก้มมองปีศาจตัวจ้อยพร้อมยกมือสองข้าประกบกันเป็นการขอร้องเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย เอเมรัลด์ไม่กล้าเงยหน้าสบตาและยังคงก้มหน้าเม้มปากด้วยความลำบากใจ เฮเลียสผู้นี้คิดจะทำอะไรเขาเองก็อ่านออกบ้างเป็นบางเรื่อง เพราะมนุษย์น่ะ อ่านความคิดง่ายจะตายไป แต่กับเธอคนนี้ไม่ใช่มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ที่อ่อนด้อยอย่างนั้น ความคิดจึงซับซ้อนมากไม่ต่างจากเขาวงกต สิ่งเดียวที่พอจะเดาได้ผ่านดวงตาสีพระจันทร์คู่นั้นคือ ‘ความหยิ่งทะนงที่ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร’
คืนนี้มีงานเต้นรำที่นานทีจะมีซักหนในหมู่บ้านของชนเผ่าอิสระ ดูท่าคนที่ตื่นเต้นมากกว่าใครเพื่อนคือไลน์ เพราะงานรื่นเริงคือสิ่งที่เขาปรารถนา
‘ก็แน่ล่ะ เพราะจะได้จับคู่กับพี่สาวแสนงามนี่’
“พี่! เร็วสิ งานจะเริ่มแล้วนะ”
“ฮึ…จริงๆเลยนะ เด็กคนนี้”
ถึงจะบ่นอุบเหมือนละเหี่ยใจ แต่ลิกไนต์ก็ยังเดินตามน้องชายเข้าไปยังงานเลี้ยงที่กำลังรื่นเริงกลางหมู่บ้าน เป็นภาพที่ใครได้เห็นก็คงคิดว่าเป็นแม่ที่คอยตามลูกชายซุกซน ในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนล้วนแต่จับคู่เต้นรำตามจังหวะเพลงโดยไม่จำกัดเพียงแค่เผ่าพันธุ์ของตน และหนึ่งในคู่นั้นก็คือเจ้าพยัคฆ์ใจร้อนที่ลากพี่สาวเข้าไปร่วมวงจนกลายเป็นที่สะดุดตาของคู่อื่น แน่นอนว่าอยู่ในสายตาของเฮเลียสที่มาด้วยกัน เคโอเรสเตอร์ออกไปล่าเลือดตามประสาปีศาจที่กระหายเหยื่อ โดยมีเอเมรัลด์ขอตามไปด้วยเหมือนเห็บหมัด ที่เหลือก็มีแค่โทรเฟ่นที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับงานสังสรรค์แบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเฮเลียสจะคิดผิด
“ให้เกียรติข้าสักครั้งนะ ยอดหญิง”
เทพหนุ่มโค้งตัวอย่างงดงามตามแบบฉบับของเจ้าชายสูงศักดิ์ เฮเลียสเก้อเขินไปชั่วขณะก่อนจะยอมยื่นมือไปให้มือที่รอรับ
การเต้นรำกับเทพหนุ่มผมสีม่วงคนนี้ทำให้เฮเลียสรู้สึกเหมือนได้กางปีกโดดเด่นมากกว่าใคร แทบจะลืมความลำบากใจไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาสีทองคู่นั้นดูดุดันดุจนักรบแต่บางครั้งก็ไร้เดียงสาซึ่งกำลังจะสื่อความหมายหลากหลายจนยากที่จะตีความออกมาง่ายๆ แต่ก่อนที่เฮเลียสจะได้เชยชมไปมากกว่านี้ ก็รู้สึกว่าร่างกายถูกกระชากไปด้านหลังเข้าสู่อ้อมกอดของใครอีกคนพร้อมกับหมุนตัวหนึ่งรอบ คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชายปีศาจ
ทีใครทีมัน!
ชายหนุ่มต่างเผ่าพันธุ์สื่อคำพูดถึงกันโดยผ่านสายตาเขม่นจนอยากเข้าฉะกันซักยก ถึงจะดูออกแต่เฮเลียสก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งอย่างจนใจ กับท่าทางที่แย่งกันเต้นรำกับสาวงามของสองชายหนุ่ม จนกลายเป็นการเต้นรำที่สวยงามแบบพิสดารเข้าไปแล้ว คนนั้นที คนนี้ทีจนชักเวียนหัวและหมดความอกทน เฮเลียสหมุนตัวออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มทั้งสองอย่างงดงาม พร้อมทั้งยังผลักทั้งคู่เข้าหากันอย่างแนบเนียน
=[]=!!!!
ช่างเป็นโลกที่น่ามองที่สุดในโลกของพวกลักเพศ ที่จู่ๆหนุ่มรูปงามทั้งสองต่างขั้วสายพันธุ์ก็มาจับคู่ประสานมือเต้นรำกันอย่างไม่ได้นัดหมาย สีหน้าของทั้งคู่อึ้งตะลึงงันเหมือนเห็นผี รีบลนลานสะบัดมือเหมือนสะบัดเชื้อโรคก็ไม่ปาน เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้อย่างดี โทรเฟ่นอยากร้องจ๊ากออกมาดังๆ พอๆกับเจ้าชายปีศาจที่ทำหน้าเหมือนอยากอาเจียนเต็มแก่
“อย่าคิดว่าจะมีครั้งที่สอง”
“เหมือนกันนั่นแหล่ะ”
ทั้งคู่ส่งสายตาเขม่นเข่นเขี้ยวให้กันก่อนเดินแยกออกไปคนละทางท่ามกลางงานรื่นเริงที่ครึกครื้นขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าเวลาของเฮเลียสกำลังจะหดสั้นลงไปอีกก้าว
“อึก!”
ร่างบางของหญิงสาวทรุดพิงต้นไม้อย่างโรยแรงพร้อมกับเหงื่อที่ไหลโซมกาย ร่างกายซีกขวาเริ่มกลับมาหนักอึ้งอีกแล้ว แถมคราวนี้รู้สึกจะหนักกว่าครั้งก่อน ไม่ผิดไปจากคำพูดของเอเมรัลด์เลยซักนิด
“ยาคงหมดฤทธิ์แล้วล่ะ”
“เอเมรัลด์”
“แน่ใจเหรอว่าจะใช้มันต่อ”
“ข้าไม่ต้องการ…ความห่วงใยจากใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
เอเมรัลด์หลับตาข่มจังหวะการหายใจให้เป็นปกติ คิดเอาไว้แล้วเหมือนกันว่าคงจะได้คำตอบแบบนี้ นี่คงจะเป็นนิสัยดื้อรั้นที่ได้รับอานิสงจากโลหิตของทายาทแห่งแดนมิคสัญญี
“ยาที่เจ้าอยากได้…ให้แค่สิบขวดนะ”
เฮเลียสรับถุงผ้าเล็กเท่าฝ่ามือจากเอเมรัลด์ ก่อนจะคลี่ปากถุงและคว้ายาขวดแรกมาดื่มอย่างไม่ฟังเสียงใคร ต่อหน้าผู้ที่ปรุงมันขึ้นมาให้
“อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ”
นี่คือคำขอร้องที่เอเมรัลด์ต้องรับไว้อย่างไม่เต็มใจ เขาต้องกลายเป็นคนโป้ปดเพราะคำขอร้องแสนเอาแต่ใจของเจ้าหญิงหัวรั้นนี่คนเดียว ถ้าเจ้าชายเหนือหัวรู้เข้าจะเป็นยังไงนะ ถ้าไม่โกรธจนโลกาวินาศก็คงจะดี
การเดินทางคนเดียวดูท่าจะยากกว่าที่คิด แต่เฮเลียสก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเดินฝ่าทะเลทรายไปด้วยความอดทนทั้งหมดที่มี ความร้อนทำให้สายตาพล่า แต่เธอก็ยังไม่คิดจะถอยหลังกลับ อีกแค่สามวัน สามวันที่ยาของเอเมรัลด์จะหมด ถึงตอนนั้นบางทีเธออาจไปถึงไกอาห์ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่าทิศทางนั้นมันอยู่ที่ไหนก็เถอะ
ครืน!
“อะไรน่ะ”
สายลมทะเลทรายพัดกระหน่ำจนต้องหยุดเดินชั่วขณะ แต่แล้วท่ามกลางความขุ่นมัวนั่นกลับแฝงบางอย่างเข้ามาด้วย
ผัวะ!
“อึก!!!!”
พลั่ก!
ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่ากลางทะเลทรายแห่งนี้จะยังมีสัตว์ตัวใหญ่มหึมาอยู่ เฮเลียสลอยละลิ่วไปตามแรงตบกลิ้งไปบนพื้นทรายอันร้อนระอุ เสียงย่ำเท้าหนักหน่วงดังเข้ามาใกล้มากทุกที ทว่า หญิงสาวกลับไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขยับแม้เพียงน้อยนิด
“ลุกสิ...ได้โปรดร่ายกายข้า จงลุกขึ้น!”
ม่านตาที่ริบหรี่จนแทบจะเป็นเส้นตรงได้เบิกกว้างพร้อมกับพลังอีกเฮือกที่พาร่างกายหนักอึ้งเคลื่อนย้ายพ้นจากกรงเล็บสังหารได้อย่างเฉียดฉิว เฮเลียสร่อนลงบนพื้นทรายครูดถอยหลังไปหลายเมตร เจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังอาละวาดนั่นมีขนาดใหญ่จนต้องแหงนหน้ามอง รูปร่างของมันเหมือนแมวกึ่งกระต่ายแถมยังมีสองหางเป็นพวงพู่ ขนของมันเป็นสีแดงทั้งตัว และแถมยังอาบชโลมไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาเหมือนเปิดก๊อก
“บาดเจ็บจนคุ้มคลั่งสินะ”
การระงับอาการคุ้มคลั่งของสัตว์ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหญิงจะถนัดมากมายเท่ากับเจ้าชายปีศาจที่ออกล่าเลือดจากพวกมันทุกวัน แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างอาการคุ้มคลั่งของเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะทำให้การเดินทางของเธอหยุดชะงักอยู่ที่ทะเลทรายแห่งนี้ก็ได้ เฮเลียสรวบรวมกำลังทั้งหมดก้าวเท้ายาวๆกระโดดขึ้นไปบนหลังเจ้าสัตว์ตัวสีแดงตัวเขื่องก่อนจะใช้สันมือที่อาบพลังเวทให้แข็งเหมือนสันดาบฟาดสันคอของมันสุดแรง
ผัวะ!
ก๊าซซซซซ!!!!
ตูม!
ร่างสีแดงล้มกองบนพื้นทรายดังสนั่น ความคุ้มคลั่งหายไปเหลือเพียงเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เฮเลียสร่อนลงเหยียบพื้นอย่างเหน็ดเหนื่อย จับจ้องดวงตาสีน้ำเงินสั่นระริกของเจ้าตัวเขื่องนั้นอย่างเห็นใจ
“ทรมานมากสินะ…ข้าเองก็ทรมานเช่นกัน”
ร่างบางซวนเซจะล้มอยู่รอมร่อ สะท้อนอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินดั่งห้วงลึกของมหาสมุทรที่จ้องมองอย่างหวาดกลัว และยังส่งเสียงขู่เหมือนสัตว์จนตรอกที่กำลังถูกนายพรานปลิดชีพ
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
แต่ก็ทุบซะจนล้มลงนอนหมอบกระแตไปแล้ว
“ไหน ขอข้าดูบาดแผลเจ้าหน่อย”
เฮเลียสไม่รอให้เจ้าสัตว์ตัวสีแดงยินยอม หญิงสาวแหวกขนหนาๆของมันเข้าไปจนเจอลูกธนูประหลาดที่ปักคาอยู่ถึงสามดอก เลือดของมันยังคงไหลออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ลำพังพละกำลังของเธอคงไม่สามารถดึงลุกธนูออกเองได้ นอกจากจะใช้เวทมนตร์ซึ่งมันก็ร่อยหรอจนไม่เหลือสติแม้แต่จะยืนต่อ แต่ก็เอาเถอะ ขืนปล่อยไว้ก็ไม่ได้ต่างไปจากฆ่ามันทางอ้อม
กรร….
เสียงขู่คำรามยังดังมาเป็นระยะระหว่างที่ใช้เวทดึงลูกธนูออก ความหวาดระแวงได้ค่อยๆหายไปจากดวงตาสีน้ำเงิน เฮเลียสลูบขนสีแดงแสนหยาบของมันสองสามที ถึงจะรู้ว่าใช้ไม้ตีมันก็ไม่รู้สึกก็เถอะ ความอดทนได้ถึงขีดจำกัด ภาพเบื้องหน้าเกิดพล่ามัวก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและรุกคืบเข้ามาราบล้อมอย่างไร้ทางออก
นี่คงจะเป็นจุดจบของการเดินทางของเธอแล้วล่ะ
บางอย่างกระแทกประตูห้องจนเปิดเข้ามาด้านในเพียงเสี้ยวอึดใจ ทำลายความโรแมนติกที่กำลังจะก่อตัวขึ้นมาจนทลายไปหมดสิ้น และยิ่งตกใจยิ่งกว่าที่เห็นเงาของใครคนหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาอย่างไม่รีรอ
“เจ้าหญิง เจ้าเป็นยังไงบ้าง!”
เสียงห้าวทะลุโลกแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าพยัคฆ์จอมโวยวายนามว่าไลน์ ทันทีที่เปิดประตูได้เจ้าตัวก็ตรงรี่เข้ามาเขย่าร่างบอบบางจนหญิงสาวอยากจะล้มลงไปกองอีกสักรอบ
“ข้ากลับไปที่จุดพักในป่าไม่เจอพวกเจ้าก็เลยตามกลิ่นมาจนถึงที่นี่ นึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรไปซะอีก”
“ข้าจะล้มลงไปอีกรอบจริงๆถ้าเจ้ายังไม่เลิกเขย่าข้าแบบนี้”
“โอ๊ะ! โทษทีลืมตัวไปหน่อย”
อย่าลืมให้บ่อยนักจะเป็นพระคุณอย่างสูง
เฮเลียสอยากพูดประโยคนี้ออกมาอีกประโยคเป็นการประชดอีกระลอก แต่ดูท่าจะยากเพราะเสืออย่างไลน์ไม่ค่อยสนใจอะไรนานเกินหนึ่งนาที เมื่อกี้ยังเขย่าเธอจะเอาให้ตายแต่ตอนนี้กลับไปสนใจโทรเฟ่นที่นั่งใบ้กินอยู่ข้างๆแทนเสียนี่ นับเป็นเสือสมาธิสั้นที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา
“พี่ข้าอยู่ที่ไหน”
พยัคฆ์หนุ่มถามอย่างร้อนรนเหมือนกับว่าได้จากกันมาเป็นชาติอย่างนั้น…แต่เดี๋ยวก่อน
หลายวันเหรอ….
“พี่เจ้าออกไปดูลาดเลากับเอเมรัลด์” โทรเฟ่นให้คำตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ แต่กลับทำให้เจ้าของคำถามดิ้นพล่าน
“ว่าไงนะ!กับเจ้าเตี้ยนั่นน่ะเหรอ”
“อืม…เราจำเป็นต้องอยู่ที่นี่หลายวัน เจ้าเองก็ต้องทำตัวกลมกลืนกับที่นี่ด้วย”
เทพหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีม่วงอ่อนพูดเหมือนสั่งพลางคว้าผ้าที่พับไว้บนโต๊ะใกล้ตัวส่งให้ไลน์หนึ่งชุด ทันทีที่เห็นผ้าเนื้อหยาบสีพื้นเหมือนเปลือกไม้ลวดลายไร้รสนิยมพยัคฆ์หนุ่มก็ถึงกับทำหน้าเหม็นเขียว แวบหนึ่งก็หันมาจับจ้องเฮเลียสเหมือนจะขอความเห็น แต่สาวเจ้าก็ยังคงนิ่งเงียบและจ้องกลับด้วยสีหน้าระคนเช่นกัน เจ้าเสือโจมโวยจึงยอมรับชุดที่เทพหนุ่มส่งมาให้อย่างจำยอม เพราะถ้าไม่ใส่ก็อย่าหวังเลยว่าจะออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกได้ง่ายๆ อย่างน้อยเจ้าเทพหัวม่วงนี่แหล่ะที่จะจัดการอัดเขาติดฝากลายเป็นเสือสตาร์ฟโชว์หราเด่นสง่าสมใจอยาก
“เห็นแก่พี่หรอกถึงได้ยอม”
เฮเลียสรู้สึกสงสารไลน์มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาคงอึดอัดกับการเดินทางครั้งนี้มากกว่าใคร ทั้งต้องอยู่ในร่างมนุษย์ถูกบังคับให้ขี่ม้าที่แสนเชื่องช้าและพยศจนกระทืบเขาจมดิน และมาคราวนี้ก็ยังต้องจำทนสวมชุดชาวบ้านที่ไร้รสนิยมเพื่อทำให้ดูเหมือนคนจรจัดธรรมดาๆที่ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามที่สุดแสนจะน่าภูมิใจ
“เจ้าเองก็ด้วย”
โทรเฟ่นหันมามองเฮเลียสที่ยังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง พร้อมใช้สายตาบอกถึงตำแหน่งที่วางของชุดที่เธอควรจะเปลี่ยน ซึ่งมันได้พับวางไว้บนปลายเตียงนอนของเธอนี่เอง ก่อนที่เขาจะลุกเดินออกไปข้างนอกอย่างรู้มารยาท
“ข้าจะออกไปสำรวจหมู่บ้านซักพัก เดี๋ยวกลับมา”
“ข้าจะไปหาพี่”
ไลน์เสริมส่งและรีบจรลีออกไปอีกคน ภายในห้องแคบจึงเหลือเพียงเฮเลียสที่มองตามชายหนุ่มทั้งสองตาปริบๆ ภายในห้องมิดชิดมีเพียงประตูบานเดียวที่ใช้เป็นทางเข้าออก จึงไม่มีอะไรกังวลหากจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องทั้งอย่างนี้ แต่เฮเลียสก็ดันพบกับอุปสรรคกองโตซะได้
จู่ๆร่างกายท่อนบนซีกขวาก็กลายเป็นอัมพาตกะทันหันเสียอย่างนั้น!
หญิงสาวผ่อนลมหายใจเข้าออกหลายต่อหลายรอบกว่าจะทำใจและฝืนทนเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยตัวเองจนสำเร็จ รู้สึกแปลกๆกับร่างกายที่ขัดๆอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะกับซีกขวาที่มีร่องรอยของคำสาปปะทับอยู่ทนโท่
แอ๊ด…
พระเจ้า! ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยมารผจญก็เข้ามาเสียได้
เฮเลียสสะดุ้งสุดตัวมองไปยังร่างที่กำลังเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่นิ่งสนิท เพราะแสงจ้าจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาทำให้มองเห็นใบหน้าและรายละเอียดของร่างนั้นไม่ชัดนอกจากเงาสีดำที่สูงบางจนต้องเรียกว่าผอมกะหร่อง ผมยาวสยายลงมาจรดเอวพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินอย่างแช่มช้า ไม่ใช่โทรเฟ่น ไม่ใช่ไลน์และไม่น่าจะเป็นลิกไนต์ไปได้ แล้วเขาคนนี้คือใคร
“ท่าน…เป็นใคร”
“ลืมข้าแล้วรึ เฮเลียส”
ตึกกกก!!!!
หัวใจเฮเลียสเต้นแรงเหมือนอยากแหกอกออกมาสูดอากาศด้านนอก เหมือนจังหวะการหายใจได้ถูกช่วงชิงไปชั่วขณะเมื่อได้พบกับคนที่ไม่คาดฝัน
“เค…เคโอเรสเตอร์…เคออน!”
“เฮเลียส”
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีร่างนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรายละเอียดที่เริ่มจะชัดเจนจนเห็นได้แม้กระทั่งสีตาที่มืดดำดั่งอัญมณีจากความมืด เจ้าชายปีศาจยิ้มน้อยๆบนใบหน้าขาวซีดที่โซมไปด้วยเหงื่อเหมือนคนที่อดนอนมาเป็นชาติ ก่อนที่ร่างสูงบางผอมกะหร่องนั้นจะโน้มเข้ามาโอบร่างบอบบางของหญิงสาวไปแนบอกอย่างถวิลหา
“ค่อยยังชั่วที่เจ้ายังปลอดภัย”
ไม่เสียแรงที่ดั้นด้นตามหาจนเจอ…
ขอบตาเริ่มร้อนวูบพร้อมกับน้ำใสๆที่รื้นขึ้นมาคลอหน่วย ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแบบนี้เหมือนจะห่างหายไปนานแสนนาน
“ร้องไห้รึ”
เฮเลียสปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่คิดห้าม แต่ก็ยังคงน้ำเสียงโทนเดิมไว้อย่างแนบเนียนเช่นกัน
“ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาหาข้า คิดว่าคงจะไม่ได้เจอท่านอีก”
“ได้เจอสิ ข้ามาหาเจ้าแล้วนี่ไงล่ะ”
เคโอเรสเตอร์ปลอบโยนคลายอ้อมกอดให้หลวม หาพิรุธของเด็กขี้แยที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองแบบส่งๆก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา และเป็นดังที่คาดเมื่อเธอร้องไห้เสร็จสิ่งที่ตามมาก็คือรอยยิ้มอ่อนหวานราวกับแสงสาดส่องของพระจันทร์ ทว่าแสงสีนวลอ่อนหวานตอนนี้กลับเศร้าหมอง ซีดเซียวไร้ชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนนี้นัก
คำสาปนั้นคงเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ดูจากแขนขวาของเธอที่ดูจะอ่อนแรงเสียจนติดกระดุมเองไม่ได้ จนทำให้เธอดูเหมือนคนที่แต่งกายไม่เรียบร้อยยิ่งกว่าสามัญชนเดินดินเสียอีก
“คงทรมานมากสินะ คำสาปบ้านั่นน่ะ”
เจ้าชายปีศาจว่าพลางยื่นมือเข้าช่วยติดกระดุมที่แขนเสื้อให้หญิงสาวที่ยิ้มเจื่อน เฮเลียสอยากบอกเหลือเกินว่ากำลังได้ยาดีจากเผ่าพันธุ์ปีศาจตนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะพูดไม่ทันเพราะเสียงแหลมปรี๊ดได้เข้ามาขัดซะก่อน
โครมมม!!!!
“เจ้าชายยยยยย!!!!”
เคโอเรสเตอร์หันไปมองเจ้าของเสียงแหลมสูงร่างเล็กในชุดคลุมสีหม่นที่วิ่งตรงเข้ามาหาอย่างอึ้งตะลึง
เอเมรัลด์โยนของที่หอบพะรุงพะรังทิ้งให้พ้นทาง ก่อนจะโผเข้ากอดเจ้าชายปีศาจพร้อมกับคำพร่ำพรรณนาสารพัดประโยคยิ่งกว่าบทสวดมนตร์
“ฮืออออออ!!! เจ้าชาย เจ้าชายจริงๆด้วย ข้านึกว่าจะไม่ได้พบกับท่านอีกแล้วในชาตินี้ ดีใจจังที่ท่านยังปลอดภัย ข้าเป็นห่วงท่านมากเลยรู้ไหมขอรับ เจ้าชาย”
“เจ้า…เป็นใคร”
แหง็ก!
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแตกร้าวดังเปรี๊ยะ จากร่างเล็กที่แข็งทื่อเกาะขาเจ้าชายปีศาจราวคราบจักจั่น
กา…กา…กา…
เสียงอีการ้องโบยบินผ่านไปพร้อมกับสายลมยะเยือก สร้างบรรยากาศเคว้งคว้างได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เอเมรัลด์ไม่ต่างจากตุ๊กตาลานขาดที่จะขยับร่างกายแต่ละทีก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเอี๊ยดอ๊าด เฮเลียสสงสารเจ้าปีศาจตัวกระจ้อยจนนึกอยากแผ่เมตตาให้เหลือเกิน
และ สามนาทีต่อมา…
“หึ… ฮ่าๆๆๆ”
“ฮึก! เจ้าชายลืมข้าไปแล้วจริงๆสินะ”
“บ้า! ใครจะลืมลง”
“ฮะ! จริงรึ นี่ท่านแกล้งข้ารึ!”
ร่างกระจ้อยถูกเจ้าชายปีศาจยกขึ้นจนใบหน้าได้เสมอเทียมทัดและมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของอีกฝ่ายได้ ดวงตาสีนิลดั่งอัญมณีแห่งรัตติกาล สำหรับเอเมรัลด์นี่คือนายเหนือหัวที่เขาติดตามมาตั้งแต่เริ่มคลาน
“เจ้าชาย เป็นท่านจริงๆด้วย โฮ!!!!!”
และน้ำตาก็ไหลโจ๊กๆ ออกมาจากตาสีมรกตของเจ้าปีศาจหัวเขียวราวกับน้ำในเขื่อนไหลทะลักยังไงอย่างนั้น เคโอเรสเตอร์ยังอุ้มร่างเล็กให้เสมอตนพร้อมกับยิ้มกวนประสาทที่นานทีจะมีซักหน เฮเลียสรู้สึกซึ้งตามไปด้วยเพียงครึ่งทาง รอยยิ้มก็เริ่มเจื่อนเมื่อภาพเบื้องหน้าเริ่มจะวูบไหวไปอีกรอบ หญิงสาวพยายามทำเนียนนั่งลงบนเตียงอย่างเงียบสงบ ความเจ็บแล่นปราดไปทั่วร่างกาย แต่ก็ยังไม่มากขนาดที่จะทนไม่ไหว ทว่า ร่างกายกลับตอบสนองต่อความเจ็บปวดเร็วเกินคาด
ปัง!
เสียงประตูเปิดดังพอที่จะทำให้คนในห้องหันไปสนใจ และคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายซักเท่าไหร่ ทว่า กับเจ้าชายปีศาจนั้นต่างกัน
“เจ้า!”
“ดูท่าทางจะยังสบายดีอยู่นะ เคโอเรสเตอร์”
“ไฮเพอรีเนอร์!”
เคโอเรสเตอร์ครางเสียงต่ำ จะเป็นหมอนี่ได้ยังไงในเมื่อพันธมิตรที่ควรจะช่วยเหลือเขาต้องเป็นไฮเพอทีอัส ราชาเทพผู้ปกครองแคว้นเหนือ ไม่ใช่ราชานักรบผมสีม่วงจอมกวนโอ๊ยคนนี้
“เป็นเจ้าไปได้ยังไง”
“บอกแล้วไม่ใช่รึ ว่าพันธมิตรที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขาไม่สามารถปกป้องใครได้ในตอนนี้น่ะ”
โทรเฟ่นตอบตามจริง แต่ดูท่าเจ้าชายปีศาจจะรับคำตอบนี้ไม่ได้
“แต่ถึงยังไงก็ต้องไม่ใช่เจ้า!”
“ยังหัวรั้นไม่เปลี่ยนเลยนะ เคโอเรสเตอร์”
เสียงราบเรียบมาจากหญิงสาวผมสีดำยาวสยายตกกลางหลังที่ยืนอยู่ด้านหลังเทพหนุ่ม เคโอเรสเตอร์ผู้ซึ่งถูกปรามาสมองเจ้าของคำพูดเหยียดนั้นอย่างชั่งใจ รู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดๆที่รู้ว่ามีเธอคนนี้เดินทางมาด้วย ลิกไนต์มีพลังด้านมืดซึ่งเป็นพลังเฉพาะของเผ่าพยัคฆ์ที่เป็นนักล่า จึงปกป้องทุกคนได้ไม่ลำบาก และอีกอย่าง หากว่าเธอคนนี้อยู่ที่นี่ก็ต้องมีตัวติดตามมาด้วยอย่างแน่นอน
“โอ๊ะโอ ดูซิว่าใครมา”
พอนึกถึงก็มาเร็วทันใจ เจ้าเสือดำเจ้าปัญหาที่ชอบทำตัวติดพี่สาวราวกับเห็บหมัด
เคโอเรสเตอร์วางเอเมรัลด์ลงและยังจ้องโทรเฟ่นด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก โดยที่เทพหนุ่มผมสีม่วงไม่ยักหลบ แถมยังตีหน้านิ่งเหมือนยั่วโมโหอีกฝ่าย
“ข้าไม่เคยขอร้องให้เทพอย่างเจ้ามาช่วย”
“ข้าก็ไม่ได้รับคำขอร้องจากเจ้านี่”
เหมือนจะเกิดสงครามขนาดย่อมของสองเผ่าพันธุ์เข้าให้แล้ว ยิ่งมองเฮเลียสก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย แต่ก่อนที่เธอจะได้หลับสมใจ สงครามน้ำลายก็ยุติโดยที่เทพหนุ่มเป็นผู้กำชัยอย่างงดงาม
“เจ้าต้องยอมให้ข้าไปด้วยแน่ เพราะข้าคือคนเดียวที่สามารถปลุกเฮเลียสให้ตื่นจากความฝัน”
“อะไรนะ”
“จริงขอรับ เจ้าชาย ยาสกัดคำสาปของข้ามีผลข้างเคียงกับเจ้าหญิงเฮเลียสมาก” เอเมรัลด์เสริมต่ออีกเสียง
“และต้องเป็นผู้ที่มีพลังหลายสายอย่างท่านโทรเฟ่นเท่านั้นที่จะปลุกนางให้ฟื้นจากความฝันได้”
“กะอีแค่ความฝัน! ถ้าเฮเลียสหลับได้นานๆก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่ต้องทนทรมานเวลาที่คำสาปนั่นกำเริบไงล่ะ”
“ผิดแล้ว”
คนที่สอดแทรกเข้ามาคือลิกไนต์ พยัคฆ์สาวยังคงยืนพิงประตูกอดอกอย่างผู้มีความคิด ดวงตาสีขี้เถ้าจับจ้องเจ้าชายปีศาจที่ยังคงรั้นหัวชนฝาก่อนจะอธิบาย
“ความฝันของเจ้าหญิงเฮเลียส เหมือนความจริงที่เกิดขึ้นในอีกมิติหนึ่ง นางจะรู้สึกได้ทุกอย่างสัมผัสได้ทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น และหากปล่อยให้อยู่ในนั้นนานๆ นางจะไม่เหลือโอกาสที่จะออกมาอีก ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง เจ้าก็เจ้าเถอะ คงไม่มีทางที่คว้านางได้แม้เพียงเส้นผม…เข้าใจหรือยัง เคโอเรสเตอร์ ว่าคนที่สามารถทำให้นางตื่นได้ก็คือโทรเฟ่น!”
ประโยคสุดท้ายหนักแน่นเหมือนย้ำให้จำขึ้นใจ เคโอเรสเตอร์ก้มหน้ากำมือแน่น ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะไร้ประโยชน์อย่างนี้
เฮเลียสเริ่มรู้สึกอึดอัด ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่งร่างกายซีกขวา อยากรู้นักว่าตัวเองกลายเป็นภาระให้คนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
………………………………………………………………………….
“เอานี่…ยาขวดที่สามจะช่วยให้เจ้าขยับแขนขาข้างนั้นได้”
เอเมรัลด์พูดพร้อมส่งยาขวดเล็กๆเท่าหัวแม่มือให้เฮเลียสที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง หญิงสาวรับมาแต่ก็ลังเลที่จะเทมันเข้าปาก และดูเหมือนเอเมรัลด์จะรู้สึกถึงความลังเลของเธอดีจึงพูดปลอบใจ
“วางใจเถอะ ยานี่จะไม่ทำให้เจ้าฝันหรอก มันเป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการชาของแขนขาเจ้าเท่านั้น”
“อย่างนั้นรึ เช่นนั้นก็ค่อยเบาใจ”
ว่าพลางกระดกยาเข้าปากและกลืนมันลงท้องอย่างว่าง่าย ผ่านไปสองนาที สาม สี่ และห้านาที ในที่สุดร่างกายซีกขวาที่หนักอึ้งจนขยับไม่ได้ก็กลับเบาหวิวและกลับมาขยับได้ตามปกติ เฮเลียสมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ใจชื้นได้ไม่ถึงนาที คำพูดของเอเมรัลด์ก็ทำให้เธอต้องยิ้มเจื่อนอีกครั้ง
“แค่บรรเทาได้ชั่วคราวเท่านั้นนะ อีกไม่กี่ชั่วยามยาก็จะหมดฤทธิ์และร่างกายของเจ้าจะหนักขึ้นกว่าเดิมด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยทำให้ข้าหลายๆขวดได้ไหม”
“แต่ถ้าเจ้าดื่มมากไป ร่างกายของเจ้าจะไม่ต่างจากยกหินทั้งก้อนไว้บนบ่านะ”
“เรื่องนั้นข้าไม่สน ยังไงข้าก็จะใช้มัน จนกว่าจะถึงไกอาห์”
“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะ…”
“อย่าปากโป้งไปล่ะ ช่วยข้าทีนะ…ถือซะว่านี่เป็นการขอร้องที่ไร้มารยาทจากข้าเถอะ”
เฮเลียสก้มมองปีศาจตัวจ้อยพร้อมยกมือสองข้าประกบกันเป็นการขอร้องเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย เอเมรัลด์ไม่กล้าเงยหน้าสบตาและยังคงก้มหน้าเม้มปากด้วยความลำบากใจ เฮเลียสผู้นี้คิดจะทำอะไรเขาเองก็อ่านออกบ้างเป็นบางเรื่อง เพราะมนุษย์น่ะ อ่านความคิดง่ายจะตายไป แต่กับเธอคนนี้ไม่ใช่มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ที่อ่อนด้อยอย่างนั้น ความคิดจึงซับซ้อนมากไม่ต่างจากเขาวงกต สิ่งเดียวที่พอจะเดาได้ผ่านดวงตาสีพระจันทร์คู่นั้นคือ ‘ความหยิ่งทะนงที่ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร’
คืนนี้มีงานเต้นรำที่นานทีจะมีซักหนในหมู่บ้านของชนเผ่าอิสระ ดูท่าคนที่ตื่นเต้นมากกว่าใครเพื่อนคือไลน์ เพราะงานรื่นเริงคือสิ่งที่เขาปรารถนา
‘ก็แน่ล่ะ เพราะจะได้จับคู่กับพี่สาวแสนงามนี่’
“พี่! เร็วสิ งานจะเริ่มแล้วนะ”
“ฮึ…จริงๆเลยนะ เด็กคนนี้”
ถึงจะบ่นอุบเหมือนละเหี่ยใจ แต่ลิกไนต์ก็ยังเดินตามน้องชายเข้าไปยังงานเลี้ยงที่กำลังรื่นเริงกลางหมู่บ้าน เป็นภาพที่ใครได้เห็นก็คงคิดว่าเป็นแม่ที่คอยตามลูกชายซุกซน ในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนล้วนแต่จับคู่เต้นรำตามจังหวะเพลงโดยไม่จำกัดเพียงแค่เผ่าพันธุ์ของตน และหนึ่งในคู่นั้นก็คือเจ้าพยัคฆ์ใจร้อนที่ลากพี่สาวเข้าไปร่วมวงจนกลายเป็นที่สะดุดตาของคู่อื่น แน่นอนว่าอยู่ในสายตาของเฮเลียสที่มาด้วยกัน เคโอเรสเตอร์ออกไปล่าเลือดตามประสาปีศาจที่กระหายเหยื่อ โดยมีเอเมรัลด์ขอตามไปด้วยเหมือนเห็บหมัด ที่เหลือก็มีแค่โทรเฟ่นที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับงานสังสรรค์แบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเฮเลียสจะคิดผิด
“ให้เกียรติข้าสักครั้งนะ ยอดหญิง”
เทพหนุ่มโค้งตัวอย่างงดงามตามแบบฉบับของเจ้าชายสูงศักดิ์ เฮเลียสเก้อเขินไปชั่วขณะก่อนจะยอมยื่นมือไปให้มือที่รอรับ
การเต้นรำกับเทพหนุ่มผมสีม่วงคนนี้ทำให้เฮเลียสรู้สึกเหมือนได้กางปีกโดดเด่นมากกว่าใคร แทบจะลืมความลำบากใจไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาสีทองคู่นั้นดูดุดันดุจนักรบแต่บางครั้งก็ไร้เดียงสาซึ่งกำลังจะสื่อความหมายหลากหลายจนยากที่จะตีความออกมาง่ายๆ แต่ก่อนที่เฮเลียสจะได้เชยชมไปมากกว่านี้ ก็รู้สึกว่าร่างกายถูกกระชากไปด้านหลังเข้าสู่อ้อมกอดของใครอีกคนพร้อมกับหมุนตัวหนึ่งรอบ คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชายปีศาจ
ทีใครทีมัน!
ชายหนุ่มต่างเผ่าพันธุ์สื่อคำพูดถึงกันโดยผ่านสายตาเขม่นจนอยากเข้าฉะกันซักยก ถึงจะดูออกแต่เฮเลียสก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งอย่างจนใจ กับท่าทางที่แย่งกันเต้นรำกับสาวงามของสองชายหนุ่ม จนกลายเป็นการเต้นรำที่สวยงามแบบพิสดารเข้าไปแล้ว คนนั้นที คนนี้ทีจนชักเวียนหัวและหมดความอกทน เฮเลียสหมุนตัวออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มทั้งสองอย่างงดงาม พร้อมทั้งยังผลักทั้งคู่เข้าหากันอย่างแนบเนียน
=[]=!!!!
ช่างเป็นโลกที่น่ามองที่สุดในโลกของพวกลักเพศ ที่จู่ๆหนุ่มรูปงามทั้งสองต่างขั้วสายพันธุ์ก็มาจับคู่ประสานมือเต้นรำกันอย่างไม่ได้นัดหมาย สีหน้าของทั้งคู่อึ้งตะลึงงันเหมือนเห็นผี รีบลนลานสะบัดมือเหมือนสะบัดเชื้อโรคก็ไม่ปาน เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้อย่างดี โทรเฟ่นอยากร้องจ๊ากออกมาดังๆ พอๆกับเจ้าชายปีศาจที่ทำหน้าเหมือนอยากอาเจียนเต็มแก่
“อย่าคิดว่าจะมีครั้งที่สอง”
“เหมือนกันนั่นแหล่ะ”
ทั้งคู่ส่งสายตาเขม่นเข่นเขี้ยวให้กันก่อนเดินแยกออกไปคนละทางท่ามกลางงานรื่นเริงที่ครึกครื้นขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าเวลาของเฮเลียสกำลังจะหดสั้นลงไปอีกก้าว
“อึก!”
ร่างบางของหญิงสาวทรุดพิงต้นไม้อย่างโรยแรงพร้อมกับเหงื่อที่ไหลโซมกาย ร่างกายซีกขวาเริ่มกลับมาหนักอึ้งอีกแล้ว แถมคราวนี้รู้สึกจะหนักกว่าครั้งก่อน ไม่ผิดไปจากคำพูดของเอเมรัลด์เลยซักนิด
“ยาคงหมดฤทธิ์แล้วล่ะ”
“เอเมรัลด์”
“แน่ใจเหรอว่าจะใช้มันต่อ”
“ข้าไม่ต้องการ…ความห่วงใยจากใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
เอเมรัลด์หลับตาข่มจังหวะการหายใจให้เป็นปกติ คิดเอาไว้แล้วเหมือนกันว่าคงจะได้คำตอบแบบนี้ นี่คงจะเป็นนิสัยดื้อรั้นที่ได้รับอานิสงจากโลหิตของทายาทแห่งแดนมิคสัญญี
“ยาที่เจ้าอยากได้…ให้แค่สิบขวดนะ”
เฮเลียสรับถุงผ้าเล็กเท่าฝ่ามือจากเอเมรัลด์ ก่อนจะคลี่ปากถุงและคว้ายาขวดแรกมาดื่มอย่างไม่ฟังเสียงใคร ต่อหน้าผู้ที่ปรุงมันขึ้นมาให้
“อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ”
นี่คือคำขอร้องที่เอเมรัลด์ต้องรับไว้อย่างไม่เต็มใจ เขาต้องกลายเป็นคนโป้ปดเพราะคำขอร้องแสนเอาแต่ใจของเจ้าหญิงหัวรั้นนี่คนเดียว ถ้าเจ้าชายเหนือหัวรู้เข้าจะเป็นยังไงนะ ถ้าไม่โกรธจนโลกาวินาศก็คงจะดี
การเดินทางคนเดียวดูท่าจะยากกว่าที่คิด แต่เฮเลียสก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเดินฝ่าทะเลทรายไปด้วยความอดทนทั้งหมดที่มี ความร้อนทำให้สายตาพล่า แต่เธอก็ยังไม่คิดจะถอยหลังกลับ อีกแค่สามวัน สามวันที่ยาของเอเมรัลด์จะหมด ถึงตอนนั้นบางทีเธออาจไปถึงไกอาห์ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่าทิศทางนั้นมันอยู่ที่ไหนก็เถอะ
ครืน!
“อะไรน่ะ”
สายลมทะเลทรายพัดกระหน่ำจนต้องหยุดเดินชั่วขณะ แต่แล้วท่ามกลางความขุ่นมัวนั่นกลับแฝงบางอย่างเข้ามาด้วย
ผัวะ!
“อึก!!!!”
พลั่ก!
ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆว่ากลางทะเลทรายแห่งนี้จะยังมีสัตว์ตัวใหญ่มหึมาอยู่ เฮเลียสลอยละลิ่วไปตามแรงตบกลิ้งไปบนพื้นทรายอันร้อนระอุ เสียงย่ำเท้าหนักหน่วงดังเข้ามาใกล้มากทุกที ทว่า หญิงสาวกลับไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขยับแม้เพียงน้อยนิด
“ลุกสิ...ได้โปรดร่ายกายข้า จงลุกขึ้น!”
ม่านตาที่ริบหรี่จนแทบจะเป็นเส้นตรงได้เบิกกว้างพร้อมกับพลังอีกเฮือกที่พาร่างกายหนักอึ้งเคลื่อนย้ายพ้นจากกรงเล็บสังหารได้อย่างเฉียดฉิว เฮเลียสร่อนลงบนพื้นทรายครูดถอยหลังไปหลายเมตร เจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังอาละวาดนั่นมีขนาดใหญ่จนต้องแหงนหน้ามอง รูปร่างของมันเหมือนแมวกึ่งกระต่ายแถมยังมีสองหางเป็นพวงพู่ ขนของมันเป็นสีแดงทั้งตัว และแถมยังอาบชโลมไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาเหมือนเปิดก๊อก
“บาดเจ็บจนคุ้มคลั่งสินะ”
การระงับอาการคุ้มคลั่งของสัตว์ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหญิงจะถนัดมากมายเท่ากับเจ้าชายปีศาจที่ออกล่าเลือดจากพวกมันทุกวัน แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างอาการคุ้มคลั่งของเจ้าสัตว์ตัวนี้อาจจะทำให้การเดินทางของเธอหยุดชะงักอยู่ที่ทะเลทรายแห่งนี้ก็ได้ เฮเลียสรวบรวมกำลังทั้งหมดก้าวเท้ายาวๆกระโดดขึ้นไปบนหลังเจ้าสัตว์ตัวสีแดงตัวเขื่องก่อนจะใช้สันมือที่อาบพลังเวทให้แข็งเหมือนสันดาบฟาดสันคอของมันสุดแรง
ผัวะ!
ก๊าซซซซซ!!!!
ตูม!
ร่างสีแดงล้มกองบนพื้นทรายดังสนั่น ความคุ้มคลั่งหายไปเหลือเพียงเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เฮเลียสร่อนลงเหยียบพื้นอย่างเหน็ดเหนื่อย จับจ้องดวงตาสีน้ำเงินสั่นระริกของเจ้าตัวเขื่องนั้นอย่างเห็นใจ
“ทรมานมากสินะ…ข้าเองก็ทรมานเช่นกัน”
ร่างบางซวนเซจะล้มอยู่รอมร่อ สะท้อนอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินดั่งห้วงลึกของมหาสมุทรที่จ้องมองอย่างหวาดกลัว และยังส่งเสียงขู่เหมือนสัตว์จนตรอกที่กำลังถูกนายพรานปลิดชีพ
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
แต่ก็ทุบซะจนล้มลงนอนหมอบกระแตไปแล้ว
“ไหน ขอข้าดูบาดแผลเจ้าหน่อย”
เฮเลียสไม่รอให้เจ้าสัตว์ตัวสีแดงยินยอม หญิงสาวแหวกขนหนาๆของมันเข้าไปจนเจอลูกธนูประหลาดที่ปักคาอยู่ถึงสามดอก เลือดของมันยังคงไหลออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ลำพังพละกำลังของเธอคงไม่สามารถดึงลุกธนูออกเองได้ นอกจากจะใช้เวทมนตร์ซึ่งมันก็ร่อยหรอจนไม่เหลือสติแม้แต่จะยืนต่อ แต่ก็เอาเถอะ ขืนปล่อยไว้ก็ไม่ได้ต่างไปจากฆ่ามันทางอ้อม
กรร….
เสียงขู่คำรามยังดังมาเป็นระยะระหว่างที่ใช้เวทดึงลูกธนูออก ความหวาดระแวงได้ค่อยๆหายไปจากดวงตาสีน้ำเงิน เฮเลียสลูบขนสีแดงแสนหยาบของมันสองสามที ถึงจะรู้ว่าใช้ไม้ตีมันก็ไม่รู้สึกก็เถอะ ความอดทนได้ถึงขีดจำกัด ภาพเบื้องหน้าเกิดพล่ามัวก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและรุกคืบเข้ามาราบล้อมอย่างไร้ทางออก
นี่คงจะเป็นจุดจบของการเดินทางของเธอแล้วล่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ