Vinity: แผนลับล้างพันธุ์มนุษย์
8.2
เขียนโดย Pakkie_Davie
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 02.35 น.
6 chapter
2 วิจารณ์
9,032 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Blue Whale
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ
ชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกเลยนับตั้งแต่รู้จักเกมที่มีชื่อว่า ‘Blue Whale’... มันคือต้นตอของการพบเจอกับความลับที่แสนจะอันตราย หรืออันที่จริงแล้วผมควรพูดว่า ‘มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมพัวพันกับความเป็นความตายของมนุษยชาติ’ เสียจะดีกว่า
คุณเคยได้ยินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินไหม? เกมที่ทำให้มีเด็กวัยรุ่นฆ่าตัวตายมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบคนด้วยกันในเวลาเพียงไม่กี่เดือนระหว่างปี 2015และ 2016 ในตอนนั้นผู้สร้างเกมถูกจับขังคุกและเกมก็เงียบหายไปนานชั่วรุ่นอายุคน
แต่แล้วเกมนี้ก็กลับมาอีกครั้งในปี 2084... มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในรัสเซียหรือยุโรปเท่านั้น หากแต่แพร่หลายในหมู่เด็กมีปัญหาภายในอเมริกาด้วยเช่นกัน
และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...
ทำไมผมจึงร่วมเล่นเกมบ้าบิ่นประเภทนี้น่ะเหรอ... มันไม่ใช่เพราะว่าผมอยากฆ่าตัวตายหรอก หากแต่เป็นเพราะว่าผมทนคำท้าของพวกเศษสวะในโรงเรียนไม่ไหวต่างหาก
ผมเริ่มต้นจากการตามหาต้นตอเว็บไซต์ที่ใช้ในการเจรจากับผู้ดูแลเกมปลาวาฬสีน้ำเงิน เรามีบทสนทนาร่วมกันเล็กน้อยก่อนจะตัดเข้าสู่การท้าทายให้เริ่มทำภารกิจอันแสนพิลึกกึกกือทั้งหมดห้าสิบครั้งเป็นเวลาห้าสิบวัน โดยในวันสุดท้ายคุณจะต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดตึกหรือแขวนคอ...
ฟังดูน่าสนใจดีใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลย...
ภารกิจที่หนึ่ง กรีดฝ่ามือตัวเองว่า ‘f57’ แล้วส่งภาพหลักฐานให้กับผู้ดูแลเกม... มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด เพียงแค่หยิบมีดข้างกายแล้วบรรจงวาดลวดลายบนผิวหนังของคุณ คุณก็ได้แผลที่ติดตัวไปจนวันตาย
คุณคิดว่าผมจะทำแบบนั้นเหรอ... หึ... ผมทำไปแล้ว
ภารกิจที่สอง ตื่นนอนตอนตีสี่ยี่สิบนาทีแล้วดูหนังสยองขวัญสั่นประสาท... นี่เป็นแบบทดสอบที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก นอกเสียจากการที่ผมต้องทนนอนคลุมโปงกลัวผีตลอดเวลาเช้าตรู่
ภารกิจที่สาม ใช้คัตเตอร์กรีดแขนตัวเองไม่ต้องลึกมาก กรีดแค่เพียงสามแผลเท่านั้น... อันที่จริงผมคงไม่ต้องกรีดแขนให้เสียเวลา เพราะผมได้รอยแผลมาจากพวกอันธพาลหลังเลิกเรียนทุกวันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามผมก็ทำตามที่ผู้ดูแลเกมบอก
ภารกิจที่สี่ วาดรูปปลาวาฬ... ผมส่งรูปปลาวาฬที่วาดออกมาเป็นงูตัวยาวๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แบบทดสอบนี้ผมกลับผ่านฉลุย
ภารกิจที่ห้า ถ้าหากคุณพร้อมที่จะเป็นปลาวาฬแล้วล่ะก็ ให้กรีดขาตัวเองด้วยคำว่า ‘ใช่’ แต่ถ้าหากคุณตอบว่าไม่ จงกรีดแขนตัวเองหลายทีเพื่อเป็นการลงโทษ... ผมควรส่งแฮชแท็ก #มองบน[1] ให้กับคำถามไร้แก่นสารแบบนี้ดีไหม ผมตอบว่าไม่ และส่งภาพชูนิ้วกลางพร้อมร่องรอยถูกกรีดบนแขนให้กับผู้ดูแลเว็บไซต์
ภารกิจที่หก ไขรหัสลับ... ผมไขรหัสที่แอดมินให้มาภายในเวลาหนึ่งนาที
ภารกิจที่เจ็ด กรีดแขนว่า ‘f40’ บนฝ่ามือ... ไม่ยาก
ภารกิจที่แปด ให้พิมพ์ว่า #i_am_whale’ ในบล็อกของคุณ... ผมใช้เวลาเพียงสิบนาทีให้กับงานนี้
ภารกิจที่เก้า คุณต้องเอาชนะความกลัว... ถ้าหากไม่ใช่หนังผีที่ดูวันก่อนผมก็ไม่กลัวอะไรง่ายๆหรอกนะ
ภารกิจที่สิบ ตื่นนอนตอนตีสี่ยี่สิบนาที แล้วขึ้นไปบนหลังคา ยิ่งสูงยิ่งดี... ใช่ ยิ่งสูงยิ่งดี ผมสูดรับลมเย็นยามดึกเต็มอก แล้วเดินกลับไปนอนพักผ่อนในอีกสิบนาทีถัดมา
ภารกิจที่สิบเอ็ด กรีดรูปปลาวาฬบนแขน... ผมเกลียดการวาดรูปชะมัด คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากผมวาดหน้าคุณกลายเป็นสปันจ์บ๊อบ... ความรู้สึกของคนวาดมันก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละ
ภารกิจที่สิบสอง ดูหนังสยองขวัญเช่นเคย แต่รอบนี้ต้องนั่งดูทั้งวัน... แย่ชะมัด
ภารกิจที่สิบสาม ผู้ดูแลเกมส่งเพลงหลอนประสาทมาให้ฟัง... ผมปิดลำโพงนับตั้งแต่จังหวะแรกที่ได้ยินเสียงเสียดหูดังขึ้น
ภารกิจที่สิบสี่ กรีดปากตัวเอง... คุณคิดว่าผมทำหรือเปล่า... เอาเป็นว่างานนี้ผมสอบผ่านนะ
ภารกิจที่สิบห้า ใช้เข็มแทงฝ่ามือหลายๆครั้ง... ผมใช้เข็มแทงจริงๆ แต่แทงตรงส่วนที่โดนเสี้ยนตำเพราะถูกพวกอันธพาลใช้ไม้หน้าสามฟาดใส่
ภารกิจที่สิบหก ทำให้ตัวเองเจ็บปวดทรมาน... ก็เพิ่งจะออกไปตีกับเด็กต่างโรงเรียนมาเนี่ย
ภารกิจที่สิบเจ็ด ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่สูงที่สุดเท่าที่จะหาได้ จงยืนที่ขอบ... ผมเดาได้ไม่ยากว่าภารกิจนี้คือการสร้างสถานการณ์ให้คุณต้องการที่จะฆ่าตัวตาย หากแต่ผมไม่ใช่คนที่คล้อยตามบรรยากาศหมองหม่นแบบนั้นง่ายนัก และอันที่จริงแล้วดาดฟ้าก็ไม่ใช่สถานที่เงียบเหงา
ผมกลับชื่นชอบมัน
การกระโดดไปมาบนขอบตึกเป็นสิ่งที่น่าท้าทาย บางครั้งผมก็ใช้เวลาแกว่งตัวไปมาระหว่างเสาบนขอบดาดฟ้าหลังเลิกเรียน บางทีก็กระโดดข้ามอาคารเรียนด้วยซ้ำ
ทำไมผมถึงชอบทำอะไรบ้าบิ่นพอๆกับคำท้าในเกมปลาวาฬสีน้ำเงินน่ะเหรอ?
นั่นก็เป็นเพราะผมคือนักเลงยังไงล่ะ
มาถึงภารกิจในลำดับที่สิบแปดซึ่งทำให้ผมได้เจอกับคนสำคัญอันเป็นชนวนเหตุของเรื่องราวทั้งหมด... ผมจะเล่าให้ฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ในวันนั้นผมเดินทางไปยังสะพานแห่งหนึ่ง สิ่งที่แอดมินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินต้องการให้ผมทำคือก้าวขาขึ้นไปเหยียบบนขอบสะพานแล้วชั่งใจดูว่าควรจะฆ่าตัวตายหรือไม่
แน่นอน... ผมไม่โง่พอที่จะเลือกทำร้ายตัวเองหรอก ผมยืนนิ่งๆปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านร่าง ก้มมองสายน้ำไหลเชี่ยวกราก หากตกลงไปในแม่น้ำจริงๆล่ะก็ ผมจินตนาการไม่ได้เลยว่าสภาพศพของตัวเองจะเป็นอย่างไร
“มาช่วยฉันหน่อย! ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้!”
ในตอนที่ความคิดเริ่มหลุดลอย สายตาก็พลันเห็นชายแก่คนหนึ่งมีลักษณะรูปร่างและหน้าตาเหมือนอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์พูดกับตัวเอง
ผมสะบัดหน้า... ยังคงเห็นภาพเคลื่อนไหวของคุณลุงอัลเบิร์ตอย่างชัดเจน
“ไอน์สไตน์ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”... แล้วคนๆนั้นคือใครกัน
คุณลุงรีบมาที่กลางสะพานสุดแรงเกิด โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าผมก็ยืนจังก้าอยู่บนขอบสะพานตรงนั้น
“คุณจะทำอะไรน่ะ”ผมตระเบ็งเสียงถาม สบมองอีกฝ่ายตะเกียกตะกายกระโดดข้ามขอบสะพาน คำถามของผมถูกสายลมกลบจนหมด
“คุณวิตมอร์!”เสียงหนึ่งตะโกนดัง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายในชุดสูทสวมแว่นฉาบปรอทสามคนวิ่งขึ้นมาบนสะพาน เพียงแค่แว่บเดียวที่ผมกำลังพยายามประติดประต่อเรื่องราว ลุงไอน์สไตน์ก็ตัดสินใจกระโดดจากสะพานสูง
“ลุง!!!!!”
ผมอุทานก้องด้วยความตกใจ รีบเขยิบขาคว้าร่างอีกฝ่ายไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่แล้วน้ำหนักก็ถ่วงให้ตัวผมเสียหลักร่วงออกจากขอบสะพานตามลุงไปด้วยอีกคน
ผมแหกปากร้องลั่นสุดเสียง ความเร่งที่ผมเคยเรียนในวิชาฟิสิกส์กำลังจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น
เราสองคนพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงตกสู่แม่น้ำสีโคลน
ผมกำลังจะตาย... นั่นคือสิ่งที่นึกออกในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างจะกระแทกกับผิวน้ำแล้วสลบไป
ตูม!!!
....
...
..
.
ผมฟื้นอีกทีในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือร่างผมบอบช้ำมาก ชนิดที่ว่าแค่อ้าปากก็เจ็บแก้มแล้ว
สิ่งแรกที่เห็นคือแสงสว่างจากหลอกไฟฟลูออเรสเซนส์และสีหน้าขึ้งโกรธของผู้เป็นพ่อ มีเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบยืนขมุกขมัวเหมือนก้อนอะไรสักอย่างอยู่ตรงมุมห้อง เสียงสนทนาและก่นด่าผสมความเสียใจของพ่อฟังดูอื้ออึง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกรำคาญหรือเสียใจเมื่อเห็นเขาร้องไห้
“เป็นอะไรบ้างมั้ยลูก อย่าฆ่าตัวตายอีกนะ มีอะไรก็คุยกัน”แม่ก้มกอดสอบถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงไฟในห้องได้ชัดเจน สิ่งแรกที่ผมเอ่ยออกไปคือ “ลุงคนนั้นเค้าเป็นยังไงบ้าง” และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้างงงวยของทุกคนภายในห้อง
“ลูกพูดถึงใคร”
“ไอน์สไตน์ ผมเจอไอน์สไตน์ที่สะพาน เขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ผมก็เลยช่วยเขาไว้”
“อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์น่ะเหรอ”
เจ้าหน้าที่ทำท่าจะขำพรืด พ่อเขม่นหน้าใส่พร้อมสายตาดุดันเหมือนเสือบนทุ่งหญ้าซาวันน่า
“ลูกไม่ได้พยายามจะฆ่าตัวตายใช่ไหม”
“เปล่า ผมเปล่า”
ทุกคนย่นคิ้วด้วยความสงสัย “ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้อีก”แม่เลื่อนมือลูบแก้ม สีหน้าโศกเศร้า
“ผมไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ผมช่วยลุงคนหนึ่งบนสะพาน เขาคือคนที่พยายามจะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่ผม”
“ขอโทษนะครับ” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเอ่ยขัด “เธอจำไม่ได้หรือ ในตอนนั้นเธออยู่บนสะพานคนเดียว ไม่มีใครเดินขึ้นไปบนสะพานในช่วงที่เธอตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำ... และที่สำคัญคือเราไม่พบร่างของใครสักคนใต้ก้นแม่น้ำนอกจากเธอ” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์ให้แก่ผม ผมเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
ไม่มีคุณลุงไอน์สไตน์อยู่ตรงนั้น... ผมตัดสินใจฆ่าตัวตายเองจริงๆ
ถ้าอย่างนั้น... คุณลุงที่ผมเห็นและช่วยเขาไว้คือใคร หรือมันอาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในวันนั้นก็ผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบ ทุกอย่างควรกลับสู่ความสงบหากไอ้เด็กเลวคนหนึ่งไม่นำเรื่องบนสะพานของผมไปล้อในโรงเรียน
แต่ช่างมันเถอะ ผมยังคงร่วมเล่นภารกิจปลาวาฬสีน้ำเงินไปโดยไม่มีแผลบนร่างกายที่เกิดจากเกมเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว
จนกระทั่งภารกิจสุดท้าย ผมต้องฆ่าตัวตาย... ผมเอาชนะคำสบประมาทของพวกเศษสวะในโรงเรียนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ คุณรู้ไหมว่าผมใช้วิธีจบเกมนี้อย่างไรโดยที่ยังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ไม่ยาก... ในวันที่ห้าสิบ สิ่งที่ผมทำคือส่งชื่อเว็บไซต์ให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วออกเดินทางจากแฟล็กเลอร์บีช[2] ไปยังรัฐโอไฮโอในคืนเดียวกัน ผมหักหลังเหล่าแอดมินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินด้วยการส่งตำรวจไปล้อมจับที่ซ่อนตัวทั้งสามแห่ง และทำการแก้แค้นด้วยการกระทืบพวกมันทั้งสามคนจนหนำใจในฐานะที่ทำให้ผมตัดสินใจฆ่าตัวตายบนสะพานในภารกิจที่สิบแปด (แม้ว่าตัวเองก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังอยู่นานนับสัปดาห์โทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นก็ตาม)
ในตอนนั้น... ผมโทษเกมว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจกระโดดจากสะพาน
ผมปักใจเชื่อจริงๆว่า เกมปลาวาฬสีน้ำเงินทำให้ผู้เล่นทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง และเชื่อมาตลอดว่าคุณลุงไอน์สไตน์ในวันนั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่ล่อลวงให้ผมตกลงไปในแม่น้ำ
ทว่า... ผมกลับไม่ได้เอะใจเลยว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยเฝ้ามองผมอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...
[1]อาการระอิดระอา หรือ ไม่พอใจ
[2] Flagler Beach, เมืองในเขตเทศมณฑลแฟล็กเลอร์และโวลูเซีย, รัฐฟลอริด้า, สหรัฐอเมริกา
ชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกเลยนับตั้งแต่รู้จักเกมที่มีชื่อว่า ‘Blue Whale’... มันคือต้นตอของการพบเจอกับความลับที่แสนจะอันตราย หรืออันที่จริงแล้วผมควรพูดว่า ‘มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมพัวพันกับความเป็นความตายของมนุษยชาติ’ เสียจะดีกว่า
คุณเคยได้ยินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินไหม? เกมที่ทำให้มีเด็กวัยรุ่นฆ่าตัวตายมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบคนด้วยกันในเวลาเพียงไม่กี่เดือนระหว่างปี 2015และ 2016 ในตอนนั้นผู้สร้างเกมถูกจับขังคุกและเกมก็เงียบหายไปนานชั่วรุ่นอายุคน
แต่แล้วเกมนี้ก็กลับมาอีกครั้งในปี 2084... มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในรัสเซียหรือยุโรปเท่านั้น หากแต่แพร่หลายในหมู่เด็กมีปัญหาภายในอเมริกาด้วยเช่นกัน
และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...
ทำไมผมจึงร่วมเล่นเกมบ้าบิ่นประเภทนี้น่ะเหรอ... มันไม่ใช่เพราะว่าผมอยากฆ่าตัวตายหรอก หากแต่เป็นเพราะว่าผมทนคำท้าของพวกเศษสวะในโรงเรียนไม่ไหวต่างหาก
ผมเริ่มต้นจากการตามหาต้นตอเว็บไซต์ที่ใช้ในการเจรจากับผู้ดูแลเกมปลาวาฬสีน้ำเงิน เรามีบทสนทนาร่วมกันเล็กน้อยก่อนจะตัดเข้าสู่การท้าทายให้เริ่มทำภารกิจอันแสนพิลึกกึกกือทั้งหมดห้าสิบครั้งเป็นเวลาห้าสิบวัน โดยในวันสุดท้ายคุณจะต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดตึกหรือแขวนคอ...
ฟังดูน่าสนใจดีใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลย...
ภารกิจที่หนึ่ง กรีดฝ่ามือตัวเองว่า ‘f57’ แล้วส่งภาพหลักฐานให้กับผู้ดูแลเกม... มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด เพียงแค่หยิบมีดข้างกายแล้วบรรจงวาดลวดลายบนผิวหนังของคุณ คุณก็ได้แผลที่ติดตัวไปจนวันตาย
คุณคิดว่าผมจะทำแบบนั้นเหรอ... หึ... ผมทำไปแล้ว
ภารกิจที่สอง ตื่นนอนตอนตีสี่ยี่สิบนาทีแล้วดูหนังสยองขวัญสั่นประสาท... นี่เป็นแบบทดสอบที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก นอกเสียจากการที่ผมต้องทนนอนคลุมโปงกลัวผีตลอดเวลาเช้าตรู่
ภารกิจที่สาม ใช้คัตเตอร์กรีดแขนตัวเองไม่ต้องลึกมาก กรีดแค่เพียงสามแผลเท่านั้น... อันที่จริงผมคงไม่ต้องกรีดแขนให้เสียเวลา เพราะผมได้รอยแผลมาจากพวกอันธพาลหลังเลิกเรียนทุกวันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามผมก็ทำตามที่ผู้ดูแลเกมบอก
ภารกิจที่สี่ วาดรูปปลาวาฬ... ผมส่งรูปปลาวาฬที่วาดออกมาเป็นงูตัวยาวๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แบบทดสอบนี้ผมกลับผ่านฉลุย
ภารกิจที่ห้า ถ้าหากคุณพร้อมที่จะเป็นปลาวาฬแล้วล่ะก็ ให้กรีดขาตัวเองด้วยคำว่า ‘ใช่’ แต่ถ้าหากคุณตอบว่าไม่ จงกรีดแขนตัวเองหลายทีเพื่อเป็นการลงโทษ... ผมควรส่งแฮชแท็ก #มองบน[1] ให้กับคำถามไร้แก่นสารแบบนี้ดีไหม ผมตอบว่าไม่ และส่งภาพชูนิ้วกลางพร้อมร่องรอยถูกกรีดบนแขนให้กับผู้ดูแลเว็บไซต์
ภารกิจที่หก ไขรหัสลับ... ผมไขรหัสที่แอดมินให้มาภายในเวลาหนึ่งนาที
ภารกิจที่เจ็ด กรีดแขนว่า ‘f40’ บนฝ่ามือ... ไม่ยาก
ภารกิจที่แปด ให้พิมพ์ว่า #i_am_whale’ ในบล็อกของคุณ... ผมใช้เวลาเพียงสิบนาทีให้กับงานนี้
ภารกิจที่เก้า คุณต้องเอาชนะความกลัว... ถ้าหากไม่ใช่หนังผีที่ดูวันก่อนผมก็ไม่กลัวอะไรง่ายๆหรอกนะ
ภารกิจที่สิบ ตื่นนอนตอนตีสี่ยี่สิบนาที แล้วขึ้นไปบนหลังคา ยิ่งสูงยิ่งดี... ใช่ ยิ่งสูงยิ่งดี ผมสูดรับลมเย็นยามดึกเต็มอก แล้วเดินกลับไปนอนพักผ่อนในอีกสิบนาทีถัดมา
ภารกิจที่สิบเอ็ด กรีดรูปปลาวาฬบนแขน... ผมเกลียดการวาดรูปชะมัด คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากผมวาดหน้าคุณกลายเป็นสปันจ์บ๊อบ... ความรู้สึกของคนวาดมันก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละ
ภารกิจที่สิบสอง ดูหนังสยองขวัญเช่นเคย แต่รอบนี้ต้องนั่งดูทั้งวัน... แย่ชะมัด
ภารกิจที่สิบสาม ผู้ดูแลเกมส่งเพลงหลอนประสาทมาให้ฟัง... ผมปิดลำโพงนับตั้งแต่จังหวะแรกที่ได้ยินเสียงเสียดหูดังขึ้น
ภารกิจที่สิบสี่ กรีดปากตัวเอง... คุณคิดว่าผมทำหรือเปล่า... เอาเป็นว่างานนี้ผมสอบผ่านนะ
ภารกิจที่สิบห้า ใช้เข็มแทงฝ่ามือหลายๆครั้ง... ผมใช้เข็มแทงจริงๆ แต่แทงตรงส่วนที่โดนเสี้ยนตำเพราะถูกพวกอันธพาลใช้ไม้หน้าสามฟาดใส่
ภารกิจที่สิบหก ทำให้ตัวเองเจ็บปวดทรมาน... ก็เพิ่งจะออกไปตีกับเด็กต่างโรงเรียนมาเนี่ย
ภารกิจที่สิบเจ็ด ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่สูงที่สุดเท่าที่จะหาได้ จงยืนที่ขอบ... ผมเดาได้ไม่ยากว่าภารกิจนี้คือการสร้างสถานการณ์ให้คุณต้องการที่จะฆ่าตัวตาย หากแต่ผมไม่ใช่คนที่คล้อยตามบรรยากาศหมองหม่นแบบนั้นง่ายนัก และอันที่จริงแล้วดาดฟ้าก็ไม่ใช่สถานที่เงียบเหงา
ผมกลับชื่นชอบมัน
การกระโดดไปมาบนขอบตึกเป็นสิ่งที่น่าท้าทาย บางครั้งผมก็ใช้เวลาแกว่งตัวไปมาระหว่างเสาบนขอบดาดฟ้าหลังเลิกเรียน บางทีก็กระโดดข้ามอาคารเรียนด้วยซ้ำ
ทำไมผมถึงชอบทำอะไรบ้าบิ่นพอๆกับคำท้าในเกมปลาวาฬสีน้ำเงินน่ะเหรอ?
นั่นก็เป็นเพราะผมคือนักเลงยังไงล่ะ
มาถึงภารกิจในลำดับที่สิบแปดซึ่งทำให้ผมได้เจอกับคนสำคัญอันเป็นชนวนเหตุของเรื่องราวทั้งหมด... ผมจะเล่าให้ฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ในวันนั้นผมเดินทางไปยังสะพานแห่งหนึ่ง สิ่งที่แอดมินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินต้องการให้ผมทำคือก้าวขาขึ้นไปเหยียบบนขอบสะพานแล้วชั่งใจดูว่าควรจะฆ่าตัวตายหรือไม่
แน่นอน... ผมไม่โง่พอที่จะเลือกทำร้ายตัวเองหรอก ผมยืนนิ่งๆปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านร่าง ก้มมองสายน้ำไหลเชี่ยวกราก หากตกลงไปในแม่น้ำจริงๆล่ะก็ ผมจินตนาการไม่ได้เลยว่าสภาพศพของตัวเองจะเป็นอย่างไร
“มาช่วยฉันหน่อย! ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้!”
ในตอนที่ความคิดเริ่มหลุดลอย สายตาก็พลันเห็นชายแก่คนหนึ่งมีลักษณะรูปร่างและหน้าตาเหมือนอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์พูดกับตัวเอง
ผมสะบัดหน้า... ยังคงเห็นภาพเคลื่อนไหวของคุณลุงอัลเบิร์ตอย่างชัดเจน
“ไอน์สไตน์ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”... แล้วคนๆนั้นคือใครกัน
คุณลุงรีบมาที่กลางสะพานสุดแรงเกิด โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าผมก็ยืนจังก้าอยู่บนขอบสะพานตรงนั้น
“คุณจะทำอะไรน่ะ”ผมตระเบ็งเสียงถาม สบมองอีกฝ่ายตะเกียกตะกายกระโดดข้ามขอบสะพาน คำถามของผมถูกสายลมกลบจนหมด
“คุณวิตมอร์!”เสียงหนึ่งตะโกนดัง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายในชุดสูทสวมแว่นฉาบปรอทสามคนวิ่งขึ้นมาบนสะพาน เพียงแค่แว่บเดียวที่ผมกำลังพยายามประติดประต่อเรื่องราว ลุงไอน์สไตน์ก็ตัดสินใจกระโดดจากสะพานสูง
“ลุง!!!!!”
ผมอุทานก้องด้วยความตกใจ รีบเขยิบขาคว้าร่างอีกฝ่ายไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่แล้วน้ำหนักก็ถ่วงให้ตัวผมเสียหลักร่วงออกจากขอบสะพานตามลุงไปด้วยอีกคน
ผมแหกปากร้องลั่นสุดเสียง ความเร่งที่ผมเคยเรียนในวิชาฟิสิกส์กำลังจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น
เราสองคนพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงตกสู่แม่น้ำสีโคลน
ผมกำลังจะตาย... นั่นคือสิ่งที่นึกออกในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างจะกระแทกกับผิวน้ำแล้วสลบไป
ตูม!!!
....
...
..
.
ผมฟื้นอีกทีในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือร่างผมบอบช้ำมาก ชนิดที่ว่าแค่อ้าปากก็เจ็บแก้มแล้ว
สิ่งแรกที่เห็นคือแสงสว่างจากหลอกไฟฟลูออเรสเซนส์และสีหน้าขึ้งโกรธของผู้เป็นพ่อ มีเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบยืนขมุกขมัวเหมือนก้อนอะไรสักอย่างอยู่ตรงมุมห้อง เสียงสนทนาและก่นด่าผสมความเสียใจของพ่อฟังดูอื้ออึง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกรำคาญหรือเสียใจเมื่อเห็นเขาร้องไห้
“เป็นอะไรบ้างมั้ยลูก อย่าฆ่าตัวตายอีกนะ มีอะไรก็คุยกัน”แม่ก้มกอดสอบถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงไฟในห้องได้ชัดเจน สิ่งแรกที่ผมเอ่ยออกไปคือ “ลุงคนนั้นเค้าเป็นยังไงบ้าง” และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้างงงวยของทุกคนภายในห้อง
“ลูกพูดถึงใคร”
“ไอน์สไตน์ ผมเจอไอน์สไตน์ที่สะพาน เขาพยายามจะฆ่าตัวตาย ผมก็เลยช่วยเขาไว้”
“อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์น่ะเหรอ”
เจ้าหน้าที่ทำท่าจะขำพรืด พ่อเขม่นหน้าใส่พร้อมสายตาดุดันเหมือนเสือบนทุ่งหญ้าซาวันน่า
“ลูกไม่ได้พยายามจะฆ่าตัวตายใช่ไหม”
“เปล่า ผมเปล่า”
ทุกคนย่นคิ้วด้วยความสงสัย “ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้อีก”แม่เลื่อนมือลูบแก้ม สีหน้าโศกเศร้า
“ผมไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ผมช่วยลุงคนหนึ่งบนสะพาน เขาคือคนที่พยายามจะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่ผม”
“ขอโทษนะครับ” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งเอ่ยขัด “เธอจำไม่ได้หรือ ในตอนนั้นเธออยู่บนสะพานคนเดียว ไม่มีใครเดินขึ้นไปบนสะพานในช่วงที่เธอตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำ... และที่สำคัญคือเราไม่พบร่างของใครสักคนใต้ก้นแม่น้ำนอกจากเธอ” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์ให้แก่ผม ผมเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
ไม่มีคุณลุงไอน์สไตน์อยู่ตรงนั้น... ผมตัดสินใจฆ่าตัวตายเองจริงๆ
ถ้าอย่างนั้น... คุณลุงที่ผมเห็นและช่วยเขาไว้คือใคร หรือมันอาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมา
ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในวันนั้นก็ผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบ ทุกอย่างควรกลับสู่ความสงบหากไอ้เด็กเลวคนหนึ่งไม่นำเรื่องบนสะพานของผมไปล้อในโรงเรียน
แต่ช่างมันเถอะ ผมยังคงร่วมเล่นภารกิจปลาวาฬสีน้ำเงินไปโดยไม่มีแผลบนร่างกายที่เกิดจากเกมเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว
จนกระทั่งภารกิจสุดท้าย ผมต้องฆ่าตัวตาย... ผมเอาชนะคำสบประมาทของพวกเศษสวะในโรงเรียนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ คุณรู้ไหมว่าผมใช้วิธีจบเกมนี้อย่างไรโดยที่ยังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ไม่ยาก... ในวันที่ห้าสิบ สิ่งที่ผมทำคือส่งชื่อเว็บไซต์ให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วออกเดินทางจากแฟล็กเลอร์บีช[2] ไปยังรัฐโอไฮโอในคืนเดียวกัน ผมหักหลังเหล่าแอดมินเกมปลาวาฬสีน้ำเงินด้วยการส่งตำรวจไปล้อมจับที่ซ่อนตัวทั้งสามแห่ง และทำการแก้แค้นด้วยการกระทืบพวกมันทั้งสามคนจนหนำใจในฐานะที่ทำให้ผมตัดสินใจฆ่าตัวตายบนสะพานในภารกิจที่สิบแปด (แม้ว่าตัวเองก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังอยู่นานนับสัปดาห์โทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นก็ตาม)
ในตอนนั้น... ผมโทษเกมว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจกระโดดจากสะพาน
ผมปักใจเชื่อจริงๆว่า เกมปลาวาฬสีน้ำเงินทำให้ผู้เล่นทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง และเชื่อมาตลอดว่าคุณลุงไอน์สไตน์ในวันนั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่ล่อลวงให้ผมตกลงไปในแม่น้ำ
ทว่า... ผมกลับไม่ได้เอะใจเลยว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยเฝ้ามองผมอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...
[1]อาการระอิดระอา หรือ ไม่พอใจ
[2] Flagler Beach, เมืองในเขตเทศมณฑลแฟล็กเลอร์และโวลูเซีย, รัฐฟลอริด้า, สหรัฐอเมริกา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ