ลมหวาน ป่าหนาว
9.2
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
42 ตอน
8 วิจารณ์
70.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
35) พาร์ทของตรี (เพียงแสงจันทร์)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้เป็นวันลอยกระทงผมก็จะยุ่งๆหน่อยครับ เพราะคณะเกษตรศาสตร์รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพด้านสถานที่จัดงาน ก็ไม่ใช่ที่ไหนนั้นคือบึงบ้างไร่ของพวกเราชาวดินนั้นเอง ผมในฐานะนักศึกษาคณะเกษตรก็ต้องเหนื่อยหน่อยหลักๆเลยเตรียมสถานที่ให้มีความพร้อมสะดวกสบายต่อการจัดงานในค่ำคืนนี้ พวกผมมันเป็นพวกใช้แรงงานครับ ถาง ตัด ขุด จัดเตรียมต้นไม้ ไฟ ประดับ เวที อุปกรณ์ประกอบฉาก ฟังดูแล้วเหมือนๆจะไม่มีเวลาว่างใช่ไหม?อิอิแต่หน้าที่ของผมจริงๆคือไปขนฟางข้าว ฟางที่อัดเป็นก้อนๆจากบ้านไร่มาเตรียมไว้ให้เขาเฉยๆหรอกครับ ผมก็พร่ามเสียเยอะ ขนฟางข้าวตั้งแต่เช้าจนจะเที่ยงก็เพิ่งเสร็จเพิ่งจะได้พัก อยู่ๆข้อความไลน์ของผมก็ดังขึ้นมาเสียงั้น
Om pheang : ทำไรอยู่
Tee Hua Sao : ทำงานสิ ถามมาได้
Om pheang : นึกว่าว่าง?
Tee Hua Sao : ป่าว
Om pheang : แล้วบ่ายๆว่างไม๊?
Tee Hua Sao : ทำไม?
Om pheang : ว่างไม๊
Tee Hua Sao : ไม่รู้ อาจติดเรียน
Om pheang : เรียนบ้านพ่องคุณมึงสิ
Om pheang : กูรู้พวกมึงเตรียมงานสมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ
Tee Hua Sao : แสนรู้..แล้วจะมาถามกูหาเหี้ยไร
Om pheang : บ่ายนี้กูจะไปคณะมึง
Tee Hua Sao : แล้วไง?
Tee Hua Sao : ใครๆก็ต้องมาคณะกู
Tee Hua Sao : แปลกตรงไหน?
Om pheang : กูเป็นพิธีกรคืนนี้
Tee Hua Sao : อืม รู้แล้ว
Om pheang : ดีใจจัง มึงติดตามกูด้วย
Tee Hua Sao : พ่องมึงสิ เขาขึ้นป้ายทั่วม.
Om pheang : 5555555
Om pheang : ช่างกู ถือว่ามึงสนใจ
Tee Hua Sao : แล้วคุณมึงจะเผือกมาทำไมแต่หัววัน
Om pheang : ซ้อมสิจ๊ะ
Om pheang : เย็นนี้มาลอยกระทงไม๊?
Tee Hua Sao : ไม่
Om pheang : ทำไม?
Tee Hua Sao : กูขายกระทง
Om pheang : อ้าวเหรอ?
Om pheang : ทำไมต้องขายกระทงด้วย?
Tee Hua Sao : หาเงินเข้าคณะ จะออกค่ายอาสา
Om pheang : ทำกระทงเป็นด้วยเหรอ?
Tee Hua Sao : อืม
Om pheang : งั้นเอากระทงสวยๆใบ
Tee Hua Sao : ใบละ500
Om pheang : กระทงบ้าไรว่ะแพงจัง
Tee Hua Sao : กูทำขายให้มึง
Om pheang : ลดหน่อย ใบละ50 บาท
Tee Hua Sao : บ้านพ่อง ถ้าแพงไปซื้อที่อื่น
Om pheang : เอาๆ
Om pheang : คืนนี้งานเสร็จห้ามกลับก่อนกู
Om pheang : รอที่ท่าน้ำท้ายบึงน่ะ
Tee Hua Sao : มึงมาเอาที่ซุ้มขายโว้ย กูไม่รอ
Om pheang : ไม่ มึงต้องรอที่ท้ายบึง
Tee Hua Sao : ทำไม?
Om pheang : อย่าเยอะ รอกูด้วยแล้วเจอกัน
จากนั้นข้อความไลน์ของผมก็เงียบลงไปอีกครั้ง ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่เพียงลำพังได้แต่มองมือถือตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่เข้าใจว่าไอ้คนส่งมา จริงๆมันจะชวนผมไปลอยกระทงด้วยใช่ไหม?หรือมันแค่จะมาซื้อกระทงจากผมกันแน่?ช่างเถอะคิดไปก็ปวดหัวหาข้าวเที่ยงกินดีกว่าเพราะช่วงบ่ายจะต้องไปช่วยเพื่อนๆทำกระทงไว้เตรียมขายเย็นนี้ เพราะคณะเกษตรศาสตร์เป็นเจ้าภาพสถานที่ เลยได้สิทธิการขายกระทงในบริเวณงานพวกเราชาวดินทั้งปีหนึ่งยันพี่ปีสี่จึงต้องมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดเตรียมกระทงไว้ให้พอขายนั้นเอง พวกเราเย็บกระทงจนเย็นตอนนี้บอกเลยว่านักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ไม่มีใครได้อาบน้ำเลยสักคนเพราะงานยุ่งจริงๆพอทำกระทงเสร็จก็ต้องมาเตรียมซุ้มขายกระทงอีก พอเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งผู้คนก็เริ่มเข้ามาในบริเวณงานกันเสียแล้ว
“อุ้ยกระทงสวยจังเลย”
เสียงคนที่เดินผ่านไปมาในงานร้องออกมาเมื่อเห็นกระทงใบตองวางขายอยู่บริเวณซุ้ม
“กระทงไม๊ค่ะ ใบเล็กยี่สิบ กลางสามสิบ ใหญ่ห้าสิบบาทค่ะ”
เสียงแจ๋วๆขายกระทงของเด็กๆปีหนึ่งของคณะเกษตรศาสตร์ก็เริ่มขึ้นเมื่อได้เวลาพลบค่ำของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งงานในปีนี้ก็ตั้งชื่อได้เก๋ไก๋จริงๆ สมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้ว ผมและเพื่อนๆได้อยู่ซุ้มตรงทางเข้างานพอดีแต่มันก็จะห่างจากเวทีจัดงานสักหน่อย ผมก็ได้แต่แอบชะเง้อมองหาใครบางคนว่าเมื่อไรมันจะขึ้นเวทีเสียที พูดถึงก็เห็นใครบางคนอยู่บนเวที วันนี้โอมแต่งตัวด้วยชุดไทยดูย้อนยุคเข้ากับบรรยากาศของงานจริงๆเสียงของโอมทุ่มน่าฟังมากๆเลยครับ ขนาดผมแอบฟังอยู่ตั้งไกลยังจะเคลิ้มไปด้วยเลย
“ไอ้ตรี มึงเป็นไรว่ะ ชะเง้อมองดูไร?”
เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะถามตรีภพออกมาหลังจากที่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจขายกระทงช่วยเพื่อนๆมีแต่มองดูอะไรสักอย่าง
“เปล่าเว้ย กูก็มองไปเรื่อยนั้นแหละ มึงอย่ามาจับผิดอะไรกูไอ้เตอร์”
“เหรอว่ะ กูเห็นมึงยืดคอยาวเป็นยีราฟแล้ว ดูท่าคอจะเคล็ดนะมึง”
“เรื่องของกูน่า มึงมีหน้าที่ขายก็ขายไปสิว่ะ เดี๋ยวกระทงไม่หมดแล้วจะซวยนะเว้ย”
“หน๋อยๆพูดอย่างกะว่ามึงตั้งใจขายอย่างนั้นแหละ ไอ้ค_ย”
“กูก็ขายอยู่นี้ไงว่ะ มึงตาบอดหรือไง”
ทันใดนั้นผมกับเพื่อนก็ต้องหยุดเถียงกันเพราะมีลูกค้าเข้ามาซื้อกระทงพอดี พวกเราจึงต้องหันมาสนใจขายกระทงกันก่อน เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบๆจะสองทุ่งแล้วผมยังได้ยินเสียงไอ้โอมดังมาเป็นระยะๆ แต่ผมก็ไม่ได้มองมันอีกแล้วเพราะตอนนี้กระทงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าส่วนงานบนเวทีกลางก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของฝ่ายการจัดงาน ผู้คนก็เริ่มเข้ามาร่วมงานกันอย่างมากมายจนจะไม่มีที่ให้เดินเลยทีเดียว ส่วนบึงบ้านไร่ไม่ต้องพูดถึงมองไปทางไหนก็เจอแต่แสงเทียนจากกระทงส่องแสงแข่งกับดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ตอนนี้กระทงลอยเต็มบึงน้ำไปหมดเลยดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ
“อ้าวนี้กระทงใครว่ะไอ้ตรี?”
เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะร้องถามตรีภพทันทีที่เห็นกระทงใบสวยซ่อนไว้ข้างล่างอย่างดี
“เอ้ยนี้มันของกูเว้ย อย่ายุ่งนะมึง”
“นั้นแน่ ไอ้ห่านนี้ไม่เลว แอบทำกระทง จะเอาไปลอยกะสาวที่ไหนว่ะมึง?”
“สงสาวที่ไหนกัน ไม่มีโว้ย”
“อ้าวไม่ใช่ของสาวแล้วทำไม มึงถึงเอาซ่อนไว้ว่ะ?”
“ลูกค้าเขาสั่งให้กูทำพิเศษให้เว้ย”
“เหรอ ลูกค้าจริงเหรอว่ะ”
“เอ่อก็จริงสิว่ะ”
“ทุกวันนี้มีความลงความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึง”
“พอๆกูบอกว่าของลูกค้า ก็ของลูกค้าสิว่ะ”
จากนั้นผมก็รีบคว้าเอากระทงจากมือของเพื่อนมาถือไว้แล้วรีบเดินหนีออกจากซุ้มขายกระทงทันที
“อ้าวไอ้ตรีแล้วนี้มึงจะไปไหนว่ะ”
“กูจะเอากระทงไปส่งลูกค้า ฝากพวกมึงเก็บร้านด้วยนะเว้ย”
“อ้าวไอ้สัส ไอ้ห่านนี้ชิ่งหนีดื้อๆเลยเว้ย”
เสียงเพื่อนๆบ่นตามหลังตรีภพมาอย่างไม่จริงจังนัก คงเป็นเพราะกระทงก็ขายหมดแล้วและตอนนี้การประกวดนางนพมาศบนเวทีกลางก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้วผู้คนเริ่มบางตากันไปมาก
ผมเดินถือกระทงมายังท้ายบึงบ้านไร่ ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะบางตาลงที่เหลืออยู่ก็ไม่มากอะไรผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่ท่าน้ำท้ายบึงบ้านไร่ ตรงนี้น่าจะเหมาะต่อการลอยกระทงเพราะวัชพืชไม่มี กระทงน่าจะลอยไปได้ไกลทีเดียว ผมยืนมองดูกระทงที่ถูกผู้คนปล่อยลงบึงแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าค่ำคืนนี้ ไอ้โอมมันจะชวนผมลอยกระทงด้วยไหม? หรือมันจะมาเอาแค่กระทงกับผมแล้วไปลอยกับคนอื่น
“รอกูนานไม๊”
อยู่ๆเสียงที่คุ้นหูผมก็ดังขึ้นใกล้ๆด้านหลังของผม ผมรีบหันหน้าไปทันที แต่ผมก็ต้องตาค้างไปเลยทีเดียวก็ไอ้โอมเล่นมาทั้งชุดที่มันใส่บนเวทีเลย มองดูแล้วก็เหมือนเจ้าขุนมูลนายเลยทีเดียวมันหล่อมากๆไม่เสียแรงที่มันได้เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ ก็ดูตอนนี้สิยิ่งมันใส่ชุดไทยย้อนยุคเข้าไปแล้วบอกได้คำเดียวพระเอกละครก็ต้องชิดซ้ายให้ไอ้โอมล่ะงานนี้ ยิ่งมองยิ่งตะลึง
“อะ ..อ้าว มึงมาแล้วเหรอ?”
ผมถามโอมออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะอะไรคงไม่ต้องบอกน่ะครับ
“ทำไมมองกูแบบนั้น?”
“รีบมากเลยเหรอว่ะ?ถึงไม่เปลี่ยนชุดก่อน”
ผมตัดสินใจถามไอ้โอมออกไปทันที ที่มันเปิดช่องว่างไว้เพียงเล็กน้อย
“ใครล่ะบอกว่าจะไม่รอกู”
“รอสิ เงินตั้งห้าร้อยเชียวน่ะเว้ย”
“พูดแบบนี้กูน้อยใจนะเว้ย”
“เอ้าก็จริง กูหาเงินออกค่ายอาสานะมึง ไม่มีของฟรีนะเว้ย”
“อืม แล้วมึงรอนานไหม?”
โอมถามผมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วนุ่มลึก น้ำเสียงนี้มันช่างน่าฟังเสียจริงๆมันทำให้ผมต้องมองสบตาดวงโตคู่นั้นเป็นนานแสนนาน
“กะ.. ก็ สักพักได้”
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตรีภพ ทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้จ้องดวงตาคู่นั้นเลยน่ะ
“โทษทีนะพอดีว่ากว่าจะเสร็จงานทางโน้น เลยทำให้มึงรอกูนาน”
“ไม่เป็นไร นี้กระทงที่สั่ง”
ตรีภพยื่นกระทงใบสวยที่เขาบรรจงทำอย่างสุดฝีมือให้กับอีกฝ่ายทันที ด้วยอาการเก้อเขินสุดฤทธิ์
“สวยจัง”
โอมพูดพร้อมกับรับกระทงไปจากมือของตรีภพทันที เขาสัมผัสมือตรีภพด้วยความอ่อนโยนพร้อมสายตาชวนฝันเป็นประกาย
“ไหนละตังค์ค่ากระทง”
“อืมเดี๋ยวให้”
“อ้าวไอ้ห่านนี้ ทำไมต้องเดี๋ยว”
จากนั้นโอมก็หยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปทันที โดยไม่สนใจคำด่าของอีกฝ่าย
“ตรี มาถ่ายรูปกัน ไหนๆกูก็แต่งตัวมาเต็มยศแล้ว”
“มึงถ่ายเถอะ เดี๋ยวกูเป็นตากล้องให้”
“ไม่เอา ถ่ายด้วยกันนี้แหละ มาเร็วๆให้ไว”
“ให้ถ่ายกับมึงชุดนี้น่ะ”
ตรีภพพูดพร้อมกับก้มลงมองดูชุดของตัวเองที่แสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน
“เอ่อก็ชุดนั้นแหละจะเป็นไรว่ะ”
“แต่ชุดนี้กูใส่ตั้งแต่เช้าแล้วนะเว้ย แถมมันก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เองว่ะ”
“มึงอย่าเรื่องมากได้ป่ะว่ะ จะชุดไหนมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”
“แต่กูยังไม่ได้อาบน้ำเลยน่ะ”
“ไม่เป็นไรน่า มาเถอะ”
จากนั้นโอมก็ส่งกระทงให้ตรีภพถือไว้ส่วนเขาก็ใช้มืออีกข้างไปโอบไหล่ของตรีภพอย่างหลวมจากนั้นก็ถ่ายรูปคู่กันทันที
“เอ้ายิ้มหน่อย หนึ่ง สอง ซัม”
โอมถ่ายเซลฟี่กับตรีภพอย่างไม่หยุด เล่นเอาตรีภพเขินอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว มือไม้ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหน นี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่ได้ถ่ายรูปคู่กับโอมสองต่อสองแบบแนบชิด
“กูว่าพอเถอะโอม ถ่ายไปตั้งเยอะแล้ว”
“ก็ถ่ายเผื่อไว้ไง จะได้เลือกเอารูปที่ชอบ นี้มึงรู้ไม๊ว่าโชคดีขนาดไหนที่กูถ่ายรูปด้วย มีแต่คนอื่นเขาอยากจะถ่ายรูปกับกูกันทั้งงาน”
“เหรอ? หล่อตายล่ะมึง”
“อืม จริงๆน่ะ นี้กูต้องแอบหนีมาก่อนไม่งั้นยันเช้าก็ไม่ได้ลอยกระทงแน่ๆ”
“พูดมากว่ะ ไหนเงินค่ากระทงกู”
“ก็ลอยกระทงก่อน เดี๋ยวจ่ายมากกว่าห้าร้อย”
“เชื่อได้ไม๊?”
“เชื่อได้สิ วันนี้กูได้ซองจากการเป็นพิธีกรนะเว้ย”
“ .....? “
“อ้าวทำงง เดี๋ยวให้หมดซองเลย”
โอมพูดเสร็จก็รับกระทงจากมือของตรีภพแล้วเดินไปที่ท่าน้ำทันที จากนั้นเขาก็หันมาหาตรีภพ
“อ้าวไอ้ตรี มึงจะมัวยืนเซ่ออยู่ไมว่ะ มาลอยกระทงสิ”
เสียงโอม ศักดิ์พินิจร้องทักตรีภพทันที ที่อีกฝ่ายไม่ยอมเดินตามมายังท่าน้ำกับเขา
“อ้าว ก็มีกระทงใบเดียว จะลอยไง?”
“มึงก็ลอยกับกูไง ผัวเมียกันเขาก็ต้องลอยด้วยกันสิ”
“ไอ้เชี่ย พูดไรออกมาระวังปากด้วยเว้ย”
“ใครจะได้ยินว่ะ มีแค่กูกับมึง สองคนเท่านั้น”
“จะมีใครหรือไม่มีใครก็ช่าง มึงห้ามพูด”
“ทำไม? กูพูดเรื่องจริง ...หรือมึงจะเถียง”
“เอ่อๆหุบปากได้แล้ว”
“กูหุบปากแล้ว มึงก็มาสิ จะได้อธิฐานพร้อมกันเลย”
ในระหว่างที่ตรีภพและศักดิ์พินิจกำลังนั่งอธิฐานก่อนนำกระทงลอยน้ำอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาทามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกและเงียบมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องแสงมาเป็นพยานให้กับทั้งคู่
“พี่โอม มาอยู่นี้เอง ปล่อยให้เคทตามหาเสียตั้งนาน”
พอได้ยินเสียงร้องทักดังมาจากด้านหลัง ทำให้โอมและตรีต่างก็ต้องลืมตาขึ้นจากการอธิฐานแล้วหันมามองยังต้นเสียงนั้นทันที
“อ้าว!!น้องเคท พี่บอกให้รออยู่กับคุณแม่ไง”
“ก็พี่โอมมานานนี้ค่ะ จนเคทต้องออกมาตาม เอ่อ...ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนพี่โอมที่นี้ด้วย”
สาวน้อยนามว่าเคทพูดจบก็ปรายหางตาไปจิกทางตรีภพทันที
“ .. ”
“อ่อพอดีพี่จะลอยกระทงกับเพื่อนก่อนนะครับ น้องเคทกลับไปรอพี่ก่อนเดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน”
“ไม่เอาค่ะ เคทจะรอไปพร้อมพี่โอม เราจะได้ลอยกระทงพร้อมกันด้วยไงค่ะ”
“แต่พี่ยังไม่ได้ลอยกระทงกับ.... เออพี่ตรีเลยนะครับ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี้ค่ะ พี่โอมก็ให้เพื่อนลอยกระทงคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“เพื่อนพี่ไม่มีเพื่อน เดี๋ยวพี่ขอลอยกระทงกับพี่ตรีแป๋บน่ะครับ”
“อะไรกันค่ะ เพื่อนพี่โอมก็ออกจะตัวโตซะขนาดนั้นยังจะกลัวอะไรอีก?”
พูดเสร็จสาวน้อยนามว่าเคทก็เดินปรี่ตรงเข้ามาหาโอมทันทีพร้อมกับใช้มือเล็กๆสอดเข้าไปที่แขนของโอมอย่างชำนาญ
“จริงไม๊ค่ะพี่ตรี พี่คงจะลอยกระทงคนเดียวได้ใช่ไหม?”
สาวนามว่าเคทพูดเสร็จก็รีบแกะมือของโอมออกจากการถือกระทงใบเดียวกับตรี ปล่อยให้ตรีภพต้องถือกระทงใบงามนั้นเพียงลำพัง
“โอม มึงรีบไปเถอะเดี๋ยวป้ารัตน์จะรอนาน”
ตรีภพหันไปคุยกับโอมทันที โดยไม่ได้สนใจในคำพูดของสาวนามว่าเคทแม้แต่น้อย
“ตรี แต่กูยังไม่ได้ลอยกระทงกับมึงเลยน่ะ ปะลอยเถอะแป๋บเดี๋ยว”
“ไม่เป็นไรหรอก นี้ก็ถือว่าได้ลอยแล้ว เหลือแค่ปล่อยกระทงลงน้ำเฉยๆ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้อธิฐานแล้วนี้”
ตรีภพพูดเสร็จก็หันไปยิ้มที่มุมปากให้กับสาวน้อยนามว่าเคททันที
“เห็นไหมค่ะพี่โอม เพื่อนพี่โอมเขาบอกอยู่นี้ไงว่าลอยคนเดียวได้ งั้นเรารีบไปเถอะค่ะ คุณลุงคุณป้ารอพี่โอมนานแล้วนะค่ะ”
จากนั้นสาวน้อยนามว่าเคทก็รีบดึงแขนของโอมศักดิ์พินิจให้เดินออกจากท่าน้ำไปโดยทันที คงเหลือแค่ตรีภพกับกระทงที่เขาตั้งใจทำมาให้โอมเท่านั้น แต่ตอนนี้เจ้าของกระทงได้เดินหันหลังจากเขาไปกับคู่หมั่นคู่หมายเสียแล้ว อยู่ๆน้ำตาเจ้ากรรมของตรีภพก็ไหลรินลงอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว เขาพยายามใช้มือเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหล ตรีภพพยายามจ้องมองโอม ศักดิ์พินิจ แต่มันก็เลือนรางเต็มทีเพราะน้ำตามันบดบังร่างของโอมเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับความอ่อนแอสุดท้ายได้แต่แหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาของความอ่อนแอได้ไหลรินอีกนั้นเอง
คงมีแต่เพียงแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญสิน่ะที่อยู่เป็นเพื่อนผมในตอนนี้ แสงจันทร์คืนนี้มันช่างสวยงามจริงๆแต่ทำไมผมถึงได้อ้างว้างเดียวดายอย่างนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อ มันคงหมดหนทางแล้วใช่ไหมสำหรับความรักระหว่างผมกับโอม มองไม่เห็นทางที่จะเดินเคียงข้างกันไปได้เลย ไม่มีจริงๆ คืนวันเพ็ญมันช่างเป็นคืนที่โหดร้ายสำหรับผมเสียเหลือเกิน จันทร์เจ้าขา ทำไมถึงได้โหดร้ายเช่นนี้
**เจ็บคักอยู่ แต่เค้าบ่ฮู้ว่าสิเฮ็ดจั่งใด๋ กะเจ้าของฮักเพิ่นจนเบิดหัวใจ คงเฮ็ดได้แค่เอาใจซ่อย
เรื่องเค้านั้น เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ
ให้เจ้าของโชคดี
บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ ไปโลดไปบ่ต้องห่วง อย่างหลายกะบ้าป่วง คงบ่ฮอดตายดอกตี้
บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ ที่เจ้าของไปในมื้อนี้
ขอบใจหลายที่ย่างเข้ามา ฮ่องเอิ้นใจที่มันมิดซี่ลี่ ให้เคยมีความฮัก เรื่องเฮานั้น เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ ให้เจ้าของโชคดี
เจ้าของไปโลดไป บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ **..เพลงบ่เป็นหยัง กวาง จิรพรรณ..**
Om pheang : ทำไรอยู่
Tee Hua Sao : ทำงานสิ ถามมาได้
Om pheang : นึกว่าว่าง?
Tee Hua Sao : ป่าว
Om pheang : แล้วบ่ายๆว่างไม๊?
Tee Hua Sao : ทำไม?
Om pheang : ว่างไม๊
Tee Hua Sao : ไม่รู้ อาจติดเรียน
Om pheang : เรียนบ้านพ่องคุณมึงสิ
Om pheang : กูรู้พวกมึงเตรียมงานสมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ
Tee Hua Sao : แสนรู้..แล้วจะมาถามกูหาเหี้ยไร
Om pheang : บ่ายนี้กูจะไปคณะมึง
Tee Hua Sao : แล้วไง?
Tee Hua Sao : ใครๆก็ต้องมาคณะกู
Tee Hua Sao : แปลกตรงไหน?
Om pheang : กูเป็นพิธีกรคืนนี้
Tee Hua Sao : อืม รู้แล้ว
Om pheang : ดีใจจัง มึงติดตามกูด้วย
Tee Hua Sao : พ่องมึงสิ เขาขึ้นป้ายทั่วม.
Om pheang : 5555555
Om pheang : ช่างกู ถือว่ามึงสนใจ
Tee Hua Sao : แล้วคุณมึงจะเผือกมาทำไมแต่หัววัน
Om pheang : ซ้อมสิจ๊ะ
Om pheang : เย็นนี้มาลอยกระทงไม๊?
Tee Hua Sao : ไม่
Om pheang : ทำไม?
Tee Hua Sao : กูขายกระทง
Om pheang : อ้าวเหรอ?
Om pheang : ทำไมต้องขายกระทงด้วย?
Tee Hua Sao : หาเงินเข้าคณะ จะออกค่ายอาสา
Om pheang : ทำกระทงเป็นด้วยเหรอ?
Tee Hua Sao : อืม
Om pheang : งั้นเอากระทงสวยๆใบ
Tee Hua Sao : ใบละ500
Om pheang : กระทงบ้าไรว่ะแพงจัง
Tee Hua Sao : กูทำขายให้มึง
Om pheang : ลดหน่อย ใบละ50 บาท
Tee Hua Sao : บ้านพ่อง ถ้าแพงไปซื้อที่อื่น
Om pheang : เอาๆ
Om pheang : คืนนี้งานเสร็จห้ามกลับก่อนกู
Om pheang : รอที่ท่าน้ำท้ายบึงน่ะ
Tee Hua Sao : มึงมาเอาที่ซุ้มขายโว้ย กูไม่รอ
Om pheang : ไม่ มึงต้องรอที่ท้ายบึง
Tee Hua Sao : ทำไม?
Om pheang : อย่าเยอะ รอกูด้วยแล้วเจอกัน
จากนั้นข้อความไลน์ของผมก็เงียบลงไปอีกครั้ง ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่เพียงลำพังได้แต่มองมือถือตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่เข้าใจว่าไอ้คนส่งมา จริงๆมันจะชวนผมไปลอยกระทงด้วยใช่ไหม?หรือมันแค่จะมาซื้อกระทงจากผมกันแน่?ช่างเถอะคิดไปก็ปวดหัวหาข้าวเที่ยงกินดีกว่าเพราะช่วงบ่ายจะต้องไปช่วยเพื่อนๆทำกระทงไว้เตรียมขายเย็นนี้ เพราะคณะเกษตรศาสตร์เป็นเจ้าภาพสถานที่ เลยได้สิทธิการขายกระทงในบริเวณงานพวกเราชาวดินทั้งปีหนึ่งยันพี่ปีสี่จึงต้องมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดเตรียมกระทงไว้ให้พอขายนั้นเอง พวกเราเย็บกระทงจนเย็นตอนนี้บอกเลยว่านักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ไม่มีใครได้อาบน้ำเลยสักคนเพราะงานยุ่งจริงๆพอทำกระทงเสร็จก็ต้องมาเตรียมซุ้มขายกระทงอีก พอเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งผู้คนก็เริ่มเข้ามาในบริเวณงานกันเสียแล้ว
“อุ้ยกระทงสวยจังเลย”
เสียงคนที่เดินผ่านไปมาในงานร้องออกมาเมื่อเห็นกระทงใบตองวางขายอยู่บริเวณซุ้ม
“กระทงไม๊ค่ะ ใบเล็กยี่สิบ กลางสามสิบ ใหญ่ห้าสิบบาทค่ะ”
เสียงแจ๋วๆขายกระทงของเด็กๆปีหนึ่งของคณะเกษตรศาสตร์ก็เริ่มขึ้นเมื่อได้เวลาพลบค่ำของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งงานในปีนี้ก็ตั้งชื่อได้เก๋ไก๋จริงๆ สมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้ว ผมและเพื่อนๆได้อยู่ซุ้มตรงทางเข้างานพอดีแต่มันก็จะห่างจากเวทีจัดงานสักหน่อย ผมก็ได้แต่แอบชะเง้อมองหาใครบางคนว่าเมื่อไรมันจะขึ้นเวทีเสียที พูดถึงก็เห็นใครบางคนอยู่บนเวที วันนี้โอมแต่งตัวด้วยชุดไทยดูย้อนยุคเข้ากับบรรยากาศของงานจริงๆเสียงของโอมทุ่มน่าฟังมากๆเลยครับ ขนาดผมแอบฟังอยู่ตั้งไกลยังจะเคลิ้มไปด้วยเลย
“ไอ้ตรี มึงเป็นไรว่ะ ชะเง้อมองดูไร?”
เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะถามตรีภพออกมาหลังจากที่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจขายกระทงช่วยเพื่อนๆมีแต่มองดูอะไรสักอย่าง
“เปล่าเว้ย กูก็มองไปเรื่อยนั้นแหละ มึงอย่ามาจับผิดอะไรกูไอ้เตอร์”
“เหรอว่ะ กูเห็นมึงยืดคอยาวเป็นยีราฟแล้ว ดูท่าคอจะเคล็ดนะมึง”
“เรื่องของกูน่า มึงมีหน้าที่ขายก็ขายไปสิว่ะ เดี๋ยวกระทงไม่หมดแล้วจะซวยนะเว้ย”
“หน๋อยๆพูดอย่างกะว่ามึงตั้งใจขายอย่างนั้นแหละ ไอ้ค_ย”
“กูก็ขายอยู่นี้ไงว่ะ มึงตาบอดหรือไง”
ทันใดนั้นผมกับเพื่อนก็ต้องหยุดเถียงกันเพราะมีลูกค้าเข้ามาซื้อกระทงพอดี พวกเราจึงต้องหันมาสนใจขายกระทงกันก่อน เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบๆจะสองทุ่งแล้วผมยังได้ยินเสียงไอ้โอมดังมาเป็นระยะๆ แต่ผมก็ไม่ได้มองมันอีกแล้วเพราะตอนนี้กระทงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าส่วนงานบนเวทีกลางก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของฝ่ายการจัดงาน ผู้คนก็เริ่มเข้ามาร่วมงานกันอย่างมากมายจนจะไม่มีที่ให้เดินเลยทีเดียว ส่วนบึงบ้านไร่ไม่ต้องพูดถึงมองไปทางไหนก็เจอแต่แสงเทียนจากกระทงส่องแสงแข่งกับดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ตอนนี้กระทงลอยเต็มบึงน้ำไปหมดเลยดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ
“อ้าวนี้กระทงใครว่ะไอ้ตรี?”
เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะร้องถามตรีภพทันทีที่เห็นกระทงใบสวยซ่อนไว้ข้างล่างอย่างดี
“เอ้ยนี้มันของกูเว้ย อย่ายุ่งนะมึง”
“นั้นแน่ ไอ้ห่านนี้ไม่เลว แอบทำกระทง จะเอาไปลอยกะสาวที่ไหนว่ะมึง?”
“สงสาวที่ไหนกัน ไม่มีโว้ย”
“อ้าวไม่ใช่ของสาวแล้วทำไม มึงถึงเอาซ่อนไว้ว่ะ?”
“ลูกค้าเขาสั่งให้กูทำพิเศษให้เว้ย”
“เหรอ ลูกค้าจริงเหรอว่ะ”
“เอ่อก็จริงสิว่ะ”
“ทุกวันนี้มีความลงความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึง”
“พอๆกูบอกว่าของลูกค้า ก็ของลูกค้าสิว่ะ”
จากนั้นผมก็รีบคว้าเอากระทงจากมือของเพื่อนมาถือไว้แล้วรีบเดินหนีออกจากซุ้มขายกระทงทันที
“อ้าวไอ้ตรีแล้วนี้มึงจะไปไหนว่ะ”
“กูจะเอากระทงไปส่งลูกค้า ฝากพวกมึงเก็บร้านด้วยนะเว้ย”
“อ้าวไอ้สัส ไอ้ห่านนี้ชิ่งหนีดื้อๆเลยเว้ย”
เสียงเพื่อนๆบ่นตามหลังตรีภพมาอย่างไม่จริงจังนัก คงเป็นเพราะกระทงก็ขายหมดแล้วและตอนนี้การประกวดนางนพมาศบนเวทีกลางก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้วผู้คนเริ่มบางตากันไปมาก
ผมเดินถือกระทงมายังท้ายบึงบ้านไร่ ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะบางตาลงที่เหลืออยู่ก็ไม่มากอะไรผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่ท่าน้ำท้ายบึงบ้านไร่ ตรงนี้น่าจะเหมาะต่อการลอยกระทงเพราะวัชพืชไม่มี กระทงน่าจะลอยไปได้ไกลทีเดียว ผมยืนมองดูกระทงที่ถูกผู้คนปล่อยลงบึงแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าค่ำคืนนี้ ไอ้โอมมันจะชวนผมลอยกระทงด้วยไหม? หรือมันจะมาเอาแค่กระทงกับผมแล้วไปลอยกับคนอื่น
“รอกูนานไม๊”
อยู่ๆเสียงที่คุ้นหูผมก็ดังขึ้นใกล้ๆด้านหลังของผม ผมรีบหันหน้าไปทันที แต่ผมก็ต้องตาค้างไปเลยทีเดียวก็ไอ้โอมเล่นมาทั้งชุดที่มันใส่บนเวทีเลย มองดูแล้วก็เหมือนเจ้าขุนมูลนายเลยทีเดียวมันหล่อมากๆไม่เสียแรงที่มันได้เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้ ก็ดูตอนนี้สิยิ่งมันใส่ชุดไทยย้อนยุคเข้าไปแล้วบอกได้คำเดียวพระเอกละครก็ต้องชิดซ้ายให้ไอ้โอมล่ะงานนี้ ยิ่งมองยิ่งตะลึง
“อะ ..อ้าว มึงมาแล้วเหรอ?”
ผมถามโอมออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะอะไรคงไม่ต้องบอกน่ะครับ
“ทำไมมองกูแบบนั้น?”
“รีบมากเลยเหรอว่ะ?ถึงไม่เปลี่ยนชุดก่อน”
ผมตัดสินใจถามไอ้โอมออกไปทันที ที่มันเปิดช่องว่างไว้เพียงเล็กน้อย
“ใครล่ะบอกว่าจะไม่รอกู”
“รอสิ เงินตั้งห้าร้อยเชียวน่ะเว้ย”
“พูดแบบนี้กูน้อยใจนะเว้ย”
“เอ้าก็จริง กูหาเงินออกค่ายอาสานะมึง ไม่มีของฟรีนะเว้ย”
“อืม แล้วมึงรอนานไหม?”
โอมถามผมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วนุ่มลึก น้ำเสียงนี้มันช่างน่าฟังเสียจริงๆมันทำให้ผมต้องมองสบตาดวงโตคู่นั้นเป็นนานแสนนาน
“กะ.. ก็ สักพักได้”
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตรีภพ ทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้จ้องดวงตาคู่นั้นเลยน่ะ
“โทษทีนะพอดีว่ากว่าจะเสร็จงานทางโน้น เลยทำให้มึงรอกูนาน”
“ไม่เป็นไร นี้กระทงที่สั่ง”
ตรีภพยื่นกระทงใบสวยที่เขาบรรจงทำอย่างสุดฝีมือให้กับอีกฝ่ายทันที ด้วยอาการเก้อเขินสุดฤทธิ์
“สวยจัง”
โอมพูดพร้อมกับรับกระทงไปจากมือของตรีภพทันที เขาสัมผัสมือตรีภพด้วยความอ่อนโยนพร้อมสายตาชวนฝันเป็นประกาย
“ไหนละตังค์ค่ากระทง”
“อืมเดี๋ยวให้”
“อ้าวไอ้ห่านนี้ ทำไมต้องเดี๋ยว”
จากนั้นโอมก็หยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปทันที โดยไม่สนใจคำด่าของอีกฝ่าย
“ตรี มาถ่ายรูปกัน ไหนๆกูก็แต่งตัวมาเต็มยศแล้ว”
“มึงถ่ายเถอะ เดี๋ยวกูเป็นตากล้องให้”
“ไม่เอา ถ่ายด้วยกันนี้แหละ มาเร็วๆให้ไว”
“ให้ถ่ายกับมึงชุดนี้น่ะ”
ตรีภพพูดพร้อมกับก้มลงมองดูชุดของตัวเองที่แสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน
“เอ่อก็ชุดนั้นแหละจะเป็นไรว่ะ”
“แต่ชุดนี้กูใส่ตั้งแต่เช้าแล้วนะเว้ย แถมมันก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เองว่ะ”
“มึงอย่าเรื่องมากได้ป่ะว่ะ จะชุดไหนมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”
“แต่กูยังไม่ได้อาบน้ำเลยน่ะ”
“ไม่เป็นไรน่า มาเถอะ”
จากนั้นโอมก็ส่งกระทงให้ตรีภพถือไว้ส่วนเขาก็ใช้มืออีกข้างไปโอบไหล่ของตรีภพอย่างหลวมจากนั้นก็ถ่ายรูปคู่กันทันที
“เอ้ายิ้มหน่อย หนึ่ง สอง ซัม”
โอมถ่ายเซลฟี่กับตรีภพอย่างไม่หยุด เล่นเอาตรีภพเขินอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว มือไม้ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหน นี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่ได้ถ่ายรูปคู่กับโอมสองต่อสองแบบแนบชิด
“กูว่าพอเถอะโอม ถ่ายไปตั้งเยอะแล้ว”
“ก็ถ่ายเผื่อไว้ไง จะได้เลือกเอารูปที่ชอบ นี้มึงรู้ไม๊ว่าโชคดีขนาดไหนที่กูถ่ายรูปด้วย มีแต่คนอื่นเขาอยากจะถ่ายรูปกับกูกันทั้งงาน”
“เหรอ? หล่อตายล่ะมึง”
“อืม จริงๆน่ะ นี้กูต้องแอบหนีมาก่อนไม่งั้นยันเช้าก็ไม่ได้ลอยกระทงแน่ๆ”
“พูดมากว่ะ ไหนเงินค่ากระทงกู”
“ก็ลอยกระทงก่อน เดี๋ยวจ่ายมากกว่าห้าร้อย”
“เชื่อได้ไม๊?”
“เชื่อได้สิ วันนี้กูได้ซองจากการเป็นพิธีกรนะเว้ย”
“ .....? “
“อ้าวทำงง เดี๋ยวให้หมดซองเลย”
โอมพูดเสร็จก็รับกระทงจากมือของตรีภพแล้วเดินไปที่ท่าน้ำทันที จากนั้นเขาก็หันมาหาตรีภพ
“อ้าวไอ้ตรี มึงจะมัวยืนเซ่ออยู่ไมว่ะ มาลอยกระทงสิ”
เสียงโอม ศักดิ์พินิจร้องทักตรีภพทันที ที่อีกฝ่ายไม่ยอมเดินตามมายังท่าน้ำกับเขา
“อ้าว ก็มีกระทงใบเดียว จะลอยไง?”
“มึงก็ลอยกับกูไง ผัวเมียกันเขาก็ต้องลอยด้วยกันสิ”
“ไอ้เชี่ย พูดไรออกมาระวังปากด้วยเว้ย”
“ใครจะได้ยินว่ะ มีแค่กูกับมึง สองคนเท่านั้น”
“จะมีใครหรือไม่มีใครก็ช่าง มึงห้ามพูด”
“ทำไม? กูพูดเรื่องจริง ...หรือมึงจะเถียง”
“เอ่อๆหุบปากได้แล้ว”
“กูหุบปากแล้ว มึงก็มาสิ จะได้อธิฐานพร้อมกันเลย”
ในระหว่างที่ตรีภพและศักดิ์พินิจกำลังนั่งอธิฐานก่อนนำกระทงลอยน้ำอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาทามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกและเงียบมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องแสงมาเป็นพยานให้กับทั้งคู่
“พี่โอม มาอยู่นี้เอง ปล่อยให้เคทตามหาเสียตั้งนาน”
พอได้ยินเสียงร้องทักดังมาจากด้านหลัง ทำให้โอมและตรีต่างก็ต้องลืมตาขึ้นจากการอธิฐานแล้วหันมามองยังต้นเสียงนั้นทันที
“อ้าว!!น้องเคท พี่บอกให้รออยู่กับคุณแม่ไง”
“ก็พี่โอมมานานนี้ค่ะ จนเคทต้องออกมาตาม เอ่อ...ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนพี่โอมที่นี้ด้วย”
สาวน้อยนามว่าเคทพูดจบก็ปรายหางตาไปจิกทางตรีภพทันที
“ .. ”
“อ่อพอดีพี่จะลอยกระทงกับเพื่อนก่อนนะครับ น้องเคทกลับไปรอพี่ก่อนเดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน”
“ไม่เอาค่ะ เคทจะรอไปพร้อมพี่โอม เราจะได้ลอยกระทงพร้อมกันด้วยไงค่ะ”
“แต่พี่ยังไม่ได้ลอยกระทงกับ.... เออพี่ตรีเลยนะครับ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี้ค่ะ พี่โอมก็ให้เพื่อนลอยกระทงคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“เพื่อนพี่ไม่มีเพื่อน เดี๋ยวพี่ขอลอยกระทงกับพี่ตรีแป๋บน่ะครับ”
“อะไรกันค่ะ เพื่อนพี่โอมก็ออกจะตัวโตซะขนาดนั้นยังจะกลัวอะไรอีก?”
พูดเสร็จสาวน้อยนามว่าเคทก็เดินปรี่ตรงเข้ามาหาโอมทันทีพร้อมกับใช้มือเล็กๆสอดเข้าไปที่แขนของโอมอย่างชำนาญ
“จริงไม๊ค่ะพี่ตรี พี่คงจะลอยกระทงคนเดียวได้ใช่ไหม?”
สาวนามว่าเคทพูดเสร็จก็รีบแกะมือของโอมออกจากการถือกระทงใบเดียวกับตรี ปล่อยให้ตรีภพต้องถือกระทงใบงามนั้นเพียงลำพัง
“โอม มึงรีบไปเถอะเดี๋ยวป้ารัตน์จะรอนาน”
ตรีภพหันไปคุยกับโอมทันที โดยไม่ได้สนใจในคำพูดของสาวนามว่าเคทแม้แต่น้อย
“ตรี แต่กูยังไม่ได้ลอยกระทงกับมึงเลยน่ะ ปะลอยเถอะแป๋บเดี๋ยว”
“ไม่เป็นไรหรอก นี้ก็ถือว่าได้ลอยแล้ว เหลือแค่ปล่อยกระทงลงน้ำเฉยๆ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้อธิฐานแล้วนี้”
ตรีภพพูดเสร็จก็หันไปยิ้มที่มุมปากให้กับสาวน้อยนามว่าเคททันที
“เห็นไหมค่ะพี่โอม เพื่อนพี่โอมเขาบอกอยู่นี้ไงว่าลอยคนเดียวได้ งั้นเรารีบไปเถอะค่ะ คุณลุงคุณป้ารอพี่โอมนานแล้วนะค่ะ”
จากนั้นสาวน้อยนามว่าเคทก็รีบดึงแขนของโอมศักดิ์พินิจให้เดินออกจากท่าน้ำไปโดยทันที คงเหลือแค่ตรีภพกับกระทงที่เขาตั้งใจทำมาให้โอมเท่านั้น แต่ตอนนี้เจ้าของกระทงได้เดินหันหลังจากเขาไปกับคู่หมั่นคู่หมายเสียแล้ว อยู่ๆน้ำตาเจ้ากรรมของตรีภพก็ไหลรินลงอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว เขาพยายามใช้มือเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหล ตรีภพพยายามจ้องมองโอม ศักดิ์พินิจ แต่มันก็เลือนรางเต็มทีเพราะน้ำตามันบดบังร่างของโอมเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับความอ่อนแอสุดท้ายได้แต่แหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาของความอ่อนแอได้ไหลรินอีกนั้นเอง
คงมีแต่เพียงแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญสิน่ะที่อยู่เป็นเพื่อนผมในตอนนี้ แสงจันทร์คืนนี้มันช่างสวยงามจริงๆแต่ทำไมผมถึงได้อ้างว้างเดียวดายอย่างนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อ มันคงหมดหนทางแล้วใช่ไหมสำหรับความรักระหว่างผมกับโอม มองไม่เห็นทางที่จะเดินเคียงข้างกันไปได้เลย ไม่มีจริงๆ คืนวันเพ็ญมันช่างเป็นคืนที่โหดร้ายสำหรับผมเสียเหลือเกิน จันทร์เจ้าขา ทำไมถึงได้โหดร้ายเช่นนี้
**เจ็บคักอยู่ แต่เค้าบ่ฮู้ว่าสิเฮ็ดจั่งใด๋ กะเจ้าของฮักเพิ่นจนเบิดหัวใจ คงเฮ็ดได้แค่เอาใจซ่อย
เรื่องเค้านั้น เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ
ให้เจ้าของโชคดี
บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ ไปโลดไปบ่ต้องห่วง อย่างหลายกะบ้าป่วง คงบ่ฮอดตายดอกตี้
บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ ที่เจ้าของไปในมื้อนี้
ขอบใจหลายที่ย่างเข้ามา ฮ่องเอิ้นใจที่มันมิดซี่ลี่ ให้เคยมีความฮัก เรื่องเฮานั้น เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ ให้เจ้าของโชคดี
เจ้าของไปโลดไป บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ **..เพลงบ่เป็นหยัง กวาง จิรพรรณ..**
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ