ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) สมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“คุณพ่อ คุณแม่สวัสดีครับ”

ทุ่งธรกล่าวสวัสดีพ่อกับแม่ของป่าสักหลังจากที่เดินเข้ามายังห้องรับแขกของบ้านบุญนิสากุล

“ไหว้พระเถอะจ๊ะ  เป็นไงบ้างล่ะซ้อมกีฬาเหนื่อยไหม?”

มารดาของป่าสักเป็นคนกล่าวทักทาย  ก่อนจะให้แม่บ้านยกน้ำดื่มมาให้ทั้งป่าสักและทุ่งธร

“ก็ดีครับคุณแม่  ร่างกายคงชินกับการซ้อมหนักๆแล้วเลยทนได้ครับ”

ป่าสักตอบมารดาแทนทุ่งธรออกไปหลังจากที่นั่งลงข้างๆบิดาแล้ว

“ดื่มน้ำกันก่อนเถอะ  มาถึงกันเหนื่อยๆจะได้สดชื่น”

“ขอบคุณครับ”

ทุ่งธรยกมือไหว้ก่อนจะรับแก้วน้ำดื่มจากมือมารดาของป่าสัก

“แล้วนี้จะอาบน้ำกันก่อนไหม?หรือจะพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยไปทานข้าวกัน”

บิดาของป่าสักซึ่งเป็นประมุขของบ้านเป็นคนกล่าวออกมาบ้างหลังจากที่เห็นว่าป่าสักและทุ่งธรนั่งพักดื่มน้ำแล้ว

“เอ่อผมว่าทานข้าวเลยดีกว่าครับคุณพ่อ  เดี๋ยวผมกับทุ่งจะเข้าหอไม่ทัน”

“งั้นคุณก็บอกให้แม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารได้เลย  ลูกๆจะได้ทานข้าวกันเลยน่ะ”

บิดาป่าสักหันไปบอกภรรยาทันที  เพราะเกรงว่าป่าสักและทุ่งธรจะเข้าหอไม่ทันเพราะนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะทุ่มแล้ว

“เอ่อนี้ทุ่ง  พอดีว่าพ่อมีเรื่องจะคุยด้วยสักเล็กน้อย  เดี๋ยวเราทานข้าวไปคุยกันเลยแล้วกันนะจะได้ไม่เสียเวลา”

ผู้เป็นประมุขของบ้านหันมาสนทนากับทุ่งธรหลังจากที่เดินออกมาจากห้องรับแขกตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร

“อ่อครับ  คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะใช้ทุ่งเหรอครับ?”

“เปล่าหรอก  พ่อไม่ได้มีเรื่องอะไรจะใช้ทุ่งหรอก  คือว่าทางห้างของเราเขามีทุนให้กับนักศึกษาน่ะ  พ่อเลยอยากให้ทุ่งเสนอขอทุ่นกับทางห้างของเรา”

“เหรอครับ ... เอ่อ  คะคือ...ตะ..แต่ว่าทุ่งเป็นคนเรียนไม่เก่งนะครับคุณพ่อ  แล้วจะสู้คนอื่นได้หรือครับ”

“อันนั้นไม่ต้องห่วงหรอก  ทางห้างของเรามีทุนหลายประเภท  มีทั้งทุนเรียนดีทุนกิจกรรมทุนกีฬา ทุ่งก็เลือกส่งทุนกีฬาสิ  น่าจะได้น่ะเพราะว่าเราก็เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”

“อ่อครับ  ขอบคุณครับคุณพ่อ”

ทุ่งธรยกมือไหว้ประมุขของบ้านบุญนิสากุลทันที  ที่ได้รับความเมตตาจากท่าน

“ไม่ต้องไหว้พ่อหรอก  พ่อเห็นว่าเราเล่นกีฬาดีก็แค่อยากสนับสนุนก็เท่านั้นเอง  เดี๋ยวจะให้เลขาเขาส่งเอกสารไปให้น่ะ”

“ครับ คุณพ่อ”

“เอาล่ะค่ะพ่อลูก  หนูทุ่งทานข้าวกันได้แล้ว  เดี๋ยวอาหารจะเย็นเสียก่อนเดี๋ยวจะไม่อร่อยน่ะ  มีแต่ของโปรดของตาหนูทั้งนั้นเลย  ลองชิมดูน่ะจ๊ะหนูทุ่ง”

ผู้เป็นมารดาของป่าสักเอ่ยออกมาให้ทุกคนได้ทานอาหารกันหลังจากที่นั่งฟังการสนทนาของสามีและทุ่งธรแล้ว

“เอ่อจริงสิ  ทุ่งเรียนศิลปะใช่ไหม?”

อยู่ๆพ่อของป่าสักก็เอ่ยออกมาหลังจากที่นั่งทานอาหารเย็นไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว

“ครับคุณพ่อ”

“ดีเลย  ถ้าทุ่งว่างๆก็มาดูงานที่ห้างเราได้น่ะ  พอดีว่าช่วงนี้ทางห้างจัดกิจกรรมลอยกระทงที่ลานชั้นหนึ่งของห้าง  จะได้ดูงานไปในตัวด้วย  ถ้าว่างๆก็ให้ป่าสักพามาแล้วกันนะทุ่ง”

“ได้ครับคุณพ่อ  เดี๋ยวผมจะพาทุ่งเขาไปดูงานที่ห้างของเราก็แล้วกันครับ”

ป่าสักตอบบิดาไปด้วยความยินดี  ที่ผู้เป็นประมุขของบ้านไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจทุ่งธร ซึ้งยังสนับสนุนให้ทุ่งธรได้เรียนรู้งานอีกด้วย

“ครับ   ยังไงถ้าทุ่งว่างจากซ้อมกีฬาแล้วทุ่งจะมาช่วยงานที่ห้างครับคุณพ่อคุณแม่”

ทุ่งธรกล่าวตอบรับบิดาและมารดาของป่าสักไปหลังจากได้ฟังคำชวนของอีกฝ่าย

“ดีจ๊ะ  แม่ก็ว่าดีน่ะ  จะได้เรียนรู้งานไปในตัว  เผื่อว่าจบออกมาแล้วไม่อยากเป็นครูอยากจะมาทำงานที่ห้างของเราก็จะได้ช่วยกันดูแลน่ะพ่อน่ะ”

“แล้วแก่ว่าไงละตาหนู  เห็นด้วยไหมที่พ่อจะให้ทุ่งธรเขามาช่วยงานฝ่ายศิลป์ที่ห้างของเรา”

“ครับ  ตามแต่คุณพ่อคุณแม่เห็นสมควรเถอะครับ  ผมขอทำหน้าที่เป็นคนขับรถรับส่งก็พอ”

“เอ่อเจ้านี้มันร้าย  ไม่คิดจะช่วยงานพ่อกับแม่เลยน่ะ คุณว่าไหม?”

บิดาของป่าสักหันไปแซวลูกชายทันที  ทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนานเป็นกันเอง

หลังจากกลับมาจากทานอาหารค่ำที่บ้านของป่าสักแล้ว ทั้งทุ่งธรและป่าสักก็กลับมาถึงหอพักเกือบไม่ทันเวลาเข้าหอ

“ไอ้ทุ่งไวๆสิว่ะมึงทำไรอยู่ลงจากรถได้แล้ว  เดี๋ยวลุงยามปิดประตูหน้าหอก่อนนะเว้ยมึง?”

ป่าสักเร่งทุ่งธรทันทีหลังจากลงจากรถยนต์ส่วนตัวของเขาแล้ว  แต่อีกฝ่ายยังไม่เห็นทีท่าว่าจะลงจากรถเลย

“เอ่อๆรู้แล้ว  กูแน่นท้องว่ะ  อึดอัดไปหมดเลยสงสัยจะแดรกข้าวเย็นเยอะไปหน่อย”

“ข้าวบ้านกูอร่อยล่ะสิ?”

“อืมก็อร่อยน่ะ  ไม่ค่อยได้กินแบบนี้เท่าไรเลย”

“เดี๋ยววันหลังจะพาไปกินบ่อยๆแล้วกัน”

“ไม่ไหวหรอก ขืนไปบ่อยๆมีหวังพุงกูออกแน่ๆเลย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย  ยังไงมึงก็น่ารักเสมอแหละ”

ในระหว่างที่ป่าสักและทุ่งธรกำลังยืนคุยกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงของยามเฝ้าหน้าประตูหอพักทักขึ้นมาอย่างเสียงดัง

“อ้าว  พวกเองสองคนจะยืนคุยกันอีกนานไหมว่ะ  ถ้าไม่เข้าหอลุงจะได้ปิดประตูเลย มัวแต่ยืนจ้องตากันอยู่นั้นแหละ”

“ครับๆลุง  เข้าสิครับ ขืนไม่เข้าหอพักตอนนี้มีหวังโดนตัดคะแนนพอดี”

“เอ่อก็รู้นี่ว่าจะถูกตัดคะแนนความประพฤติ  แต่ก็ยังกลับเข้าหอดึกอีกน่ะ”

“อิอิพอดีมีธุระนิดหน่อยนะครับลุง  ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลุงรอ”

“เอ่อไม่เป็นไรหรอก  พวกเองสองคนนานๆจะเข้าหอผิดเวลาสักที  คราวนี้ลุงให้อภัย  แต่คราวหลังไม่ได้แล้วน่ะเว้ย จะมัวมายืนจ้องตากันเป็นปลากัดไม่ได้แล้วนะ”

“ขอบคุณครับลุง”

ทั้งป่าสักและทุ่งธรรีบยกมือไหว้ลุงยามประจำหอพักนักกีฬาทันที  ก่อนจะรีบพากันวิ่งขึ้นหอพักไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าวไอ้เชี่ยป่าสักไอ้เชี่ยทุ่ง  นี้พวกเองไปไหนมาว่ะถึงไปกลับเข้าหอดึกอย่างงี้?”

เสียงของตรีภพทักขึ้นมาในระหว่างที่ป่าสักและทุ่งธรกำลังเดินขึ้นบันไดจากชั้นหนึ่งมายังชั้นสอง

“เอ่อ คือกูกับทุ่งไปกินข้าวที่บ้านมาว่ะ..แล้วนี้มึงจะไปไหนว่ะตรี?”

ป่าสักตอบคำถามของเพื่อนพร้อมกับถามตรีภพกลับไปทันทีเพราะว่ากำลังเดินสวนทางกับตรีภพที่จะลงบันไดไปนั้นเอง

“อ่อพาเมียไปแดกข้าวมานี้เองถึงได้กลับดึก....อะไรน่ะ  เมื่อกี้มึงว่าไปแดกข้าวที่ไหนว่ะป่าสัก”

ตรีภพถามกลับอีกครั้งแบบไม่เชื่อหูตัวเอง

“กูบอกมึงว่าไปกินข้าวเย็นที่บ้านมา”

“โอ้ววว นี้พวกมึงเปิดตัวกันแล้วเหรอว่ะ?”

“ไอ้ห่า  กูไปกินข้าวเฉยๆเว้ย  คิดไปได้ไกลน่ะมึงเชี่ยตรี”

“นั้นแน่ไม่ต้องมาปิดเพื่อนปิดฝูงเลยนะมึง  ก้าวหน้าไปเยอะน่ะเว้ย”

“ก้าวนงก้าวหน้าเชี่ยไรว่ะ  แค่ไปแดกข้าวเท่านั้น”

ทุ่งธรเป็นคนสวนตรีภพขึ้นมาบ้าง  เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอก

“ให้มันจริงเถอะไอ้ทุ่ง  แล้วทำไมมึงถึงหน้าแด๋งแดงว่ะ”

“เชี่ยตรี  กูรีบมามันก็ต้องเหนื่อยมันต้องแดงเป็นธรรมดาสิ”

“เหรอจ๊ะ  เพิ่งรู้นะเนี้ย 55555”

ตรีภพหัวเราะออกมาอย่างชมอกชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนทั้งสองคน

“เอ่อเรื่องของพวกกู  แล้วนี้มึงจะไปไหนว่ะ?”

ป่าสักถามตรีภพย้ำมาอีกครั้งหลังจากที่ยังไม่ได้คำตอบว่าดึกดื่นป่านนี้ตรีภพจะลงไปไหน

“อ่อพอดีกูจะไปยืมชีสที่ห้องไอ้ตั้มที่ห้อง107น่ะ  ช่วงนี้กูเรียนไม่ค่อยทันเลยจะไปขอชีสมันมาอ่านสักหน่อย”

“มึงเรียนไม่ค่อยทัน  มัวไปทำไรอยู่ว่ะ?”

“เปล่า  คือช่วงนี้กูงานเยอะไปหน่อย แถมมีแลปอีกด้วย”

“จริงเหรอว่ะ  ให้มันแน่เถอะ  กูได้ข่าวว่ามึงไปหอนอกแถวๆหลังมอบ่อยๆ”

“ไอ้เชี่ย  มึงอย่ามั่ว”

“อืม สงสัยกูจะตาฝาดไปเองจริงๆนั้นแหละ  เอ่อทุ่งช่วงนี้ไอ้โอมมันไปเรียนไหวเปล่าว่ะ”

ป่าสักตอบตรีภพออกไปแล้วก็หันมาถามทุ่งธรต่อทันทีด้วยสายตามีเลศนัย

“ไอ้โอมเหรอ  ช่วงนี้กูก็เห็นมันเพลียๆน่ะ  ไม่รู้มันไปทำไรมาว่ะ หลับในห้องตลอดเลย”

“55555นั้นไง  กูว่าแล้ว”

“ไอ้เชี่ยป่าสัก  มึงหุบปากไปเลยนะเว้ย  กูไม่คุยกับพวกมึงแล้ว”

เสียงตรีภพร้องออกมาอย่างร้อนตัวทันที  จากนั้นตรีภพก็รีบเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“เอ่อป่าสัก  มึงไปเห็นไอ้ตรีอยู่หอไอ้โอมตอนไหนว่ะ”

ทุ่งธรถามป่าสักออกไปหลังจากที่ตรีภพเดินจากไปแล้วเขาและป่าสักก็เดินขึ้นมาชั้นสาม

“เปล่า  กูไม่ได้เห็นว่าพวกมันอยู่หอด้วยกันหรอก  แค่กูเดาไปเฉยๆแต่มันก็เห็นผลจริงๆ”

“อ่อ  มึงนี้หมาป่าจริงๆเลย”

“555มึงพึงจะรู้เหรอ  ว่ากูเป็นหมาป่า”

“ก็เอ่อสิ  พึงรู้ตอนนี้แหละว่ามึงมันเจ้าเล่ห์เพทุบายตัวพ่อ”

“ถ้ากูไม่พูดแบบนั้น จะได้รู้ความจริงเหรอว่ะ  ว่าพวกมันกำลังคบกันอยู่”

“เอ่อมันก็จริงอย่างมึงว่า  ไอ้เชี่ยตรีก็ปิดเงียบ ไอ้เชี่ยโอมก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย  ไอ้พวกนี้ปิดกูสะมิดเลย”

“มึงเห็นฝีมือกูยังล่ะทีนี้”

“เอ่อมึงเก่ง  จิ้งจอกยังเรียกพ่อ”

“คืนนี้แหละมันจะได้เห็นฤทธิ์ที่แท้จริงของหมาป่าเจ้าเล่ห์  รับรองลูกแกะอย่างมึงหนีกูไม่พ้นหรอก”

“ไอ้บ้ามึงไปม่อไกลๆเลย  อย่ามาบ้ากามแถวนี้น่ะเว้ยยยยยยยย”

ทุ่งธรพูดจบก็รีบเปิดประตูเข้าห้องไปทันที  ปล่อยให้อีกฝ่ายได้แต่ยืนมองตามหลังไปด้วยความขบขันในความระมัดระวังของอีกฝ่าย

ช่วงบ่ายวันต่อมา  ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงปั้นของภาคศิลป์ก็ยังเป็นที่อาศัยหลบร้อน หลบฝนของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งเหมือนเช่นเคย

“เอ้ยพวกมึง  เย็นนี้ใครจะไปลอยกระทงบ้างว่ะ”

เสียงเจไดร้องถามเพื่อนๆในเอกทันทีที่มาถึงใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าโรงปั้น 

“ต้องไปสิแก  เพราะงานนี้พวกเราต้องไปให้กำลังใจไอ้ปูนิ่มกันทั้งห้องเลยนะเว้ย”

“เออจริงด้วยสิ  เย็นนี้สิน่ะที่มันต้องขึ้นเวทีประกวดนางนพมาศ”

เสียงไอซ์ร้องออกมา  เพราะมัวแต่นั่งเขียนงานส่งอาจารย์เมื่อคาบที่แล้วอยู่ เพราะช่วงนี้งานเยอะจนล้นมือ

“กูว่าจะเป็นนางนพมาศหรือจะเป็นหมูแดดเดียวก็ไม่รู้ว่ะ  กูนี้แยกไม่ออกจริงๆเลย”

เสียงเจไดยังพูดมาต่อเนื่อง  ถึงแม้ว่าปูนิ่มจะไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วยก็ตามแต่

“แกก็พูดเกินไปแล้วน่ะเจได  ไอ้ปูมันไม่ได้อ้วนสักหน่อย แค่มันอวบระยะสุดท้ายแค่นั้นเองอิอิอิ”

เสียงของไอ้เปาเสริมทัพขึ้นมาทันที  รัวเป็นกลองชุดเลยที่เดียว

“5555555”

“แสดงว่าปีนี้ห้องเรามีขึ้นเวทีสองคนเหรอว่ะ?”

เสียงเปิ้ลเพื่อนอีกคนถามออกมา  เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปให้กำลังใจเพื่อนในห้องเรียน

“อืมใช่  ก็มีไอ้โอม  ทำหน้าที่เป็นพิธีกร  ส่วนปูนิ่ม นางขึ้นเวทีไปชิงมงกุฎ”

“กูว่ามันจะไปชิงมงหรือไปสิงร่างพิธีกรก็ไม่รู้ว่ะ?”

เสียงเจไดดังมาอีกครั้ง  คราวนี้เล่นเอาเพื่อนๆที่นั่งรอมวงกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ

“เครๆพวกมึง  งั้นเย็นนี้เจอกันทุ่มตรง  ที่เวทีประกวดนางนพมาศนะเว้ย”

ผมร้องบอกเพื่อนๆทันทีก่อนที่จะรีบกลับหอเพื่อนเตรียมตัวไปซ้อมกีฬาเช่นเดิม ถึงแม้ว่าเย็นนี้ทางสภาองค์การนักศึกษาจะจัดงานประเพณีลอยกระทงขึ้นก็ตาม แต่นักกีฬาที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องมาซ้อมเป็นปกติ  ส่วนป่าสักรายนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะมีตำแหน่งขวัญใจมหาชนค้ำคออยู่ต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว ส่วนผมเดี๋ยวซ้อมเสร็จแล้วค่อยไปเจอเพื่อนๆตามนัดแล้วกัน

เย็นวันนี้ทางมหาวิทยาลัยจัดงานวันลอยกระทงขึ้นที่บึงบ้านไร่ ของคณะเกษตรศาสตร์ ใช้ชื่องานว่า “สมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ” นักศึกษาต่างก็ตื่นเต้นเพราะว่าประเพณีลอยกระทงนั้นนอกจากจะเป็นประเพณีที่ขอขมาต่อพระแม่คงคาแล้วยังมีการประกวด นางนพมาศ ซึ้งนักศึกษาแต่ละคณะก็จะมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมประกวดหรือนักศึกษาหญิงคนไหนมั่นใจในตัวเองก็สามารถส่งตัวเองเข้าประกวดได้เหมือนเช่นปูนิ่มเพื่อนๆของทุ่งธร  ซึ่งทางองค์การนักศึกษาจัดขึ้น ในปีนี้ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานก็หนีไม่พ้นดาว-เดือนมหาวิทยาลัยแก่นนครนั้นเอง และไฮไลท์สำคัญคือผู้ที่ได้ตำแหน่งนางนพมาศประจำปีจะได้ลอยกระทงคู่กับ ขวัญใจมหาชน นั้นก็คือ ป่าสัก  กังวานไพร  ซึ้งก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นที่หมายปองของสาวๆในรั้วมหาวิทยาลัยไม่แพ้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยอย่างโอม ศักดิ์พินิจเลย ซึ้งในค่ำคืนนี้ทั้งป่าสักและโอมต่างก็ได้เปลี่ยนโฉมตัวเองย้อนยุคไปราวๆต้นกรุงรัตนโกสินทร์  ทำให้ทั้งสองดูหล่อไปอีกแบบเลยทีเดียว

“ไอซ์  แกมาถึงนานแล้วเหรอว่ะ?”

“เปล่าหรอก  ฉันก็เพิ่งจะมาก่อนหน้าแกไม่ถึงสิบนาทีเลย”

“แล้วนี้เพื่อนๆมาคบกันยัง?”

“ยังเลยแก  พวกไอ้เจไดพวกมันไปม่อสาวๆฝั่งท่าน้ำลอยกระทงตรงโน้นไง”

“อ้าว  นี้พวกมันไปลอยกระทงกันแล้วเหรอว่ะ?”

“อืม  ก็ใครจะรอไหว  คนเขาก็ไปเดินดูโน้นนี้นั้นดีกว่า  เพราะที่เวทีกลางตรงนี้กว่างานจะเริ่มก็สองสามทุ่มเลย”

“เอ่อแกแล้วเห็นไอ้โอมบ้างเปล่าว่ะ”

“ใครจะไปเห็น   โอมเขาต้องเตรียมตัวเป็นพิธีกรอยู่หลังเวทีมั้ง?”

“นั้นไง  ไอ้โอมขึ้นเวทีมาแล้ว  คงได้เวลาแล้วแน่ๆแก”

จากนั้นงาน”สมมาน้ำคืนเดือนเพ็ญ”ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ  การประกวดนางนพมาศปีนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน คนมาร่วมงานคับคั่งบริเวณบึงบ้านไร่คณะเกษตรศาสตร์ เพราะต่างก็พากันมาให้กำลังใจนางนพมาศที่เข้าร่วมประกวดและมาร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง  ขอขมาต่อแม่คงคา ทุ่งธรและเพื่อนๆยืนดูการประกวดนางนพมาศจนรู้ผลเป็นที่เรียบร้อยถึงแยกย้ายกันไปลอยกระทงบางคนที่ลอยเสร็จแล้วก็กลับ ส่วนทุ่งธรนั้นเขาต้องมายืนรอใครบางคนที่ท่าน้ำอีกฝั่งของบริเวณจัดงานเพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาลอยกระทงกัน 

“แก  แน่ใจน่ะว่าไม่ใช้ฉันไปส่ง?”

ไอซ์ถามทุ่งธรออกมาหลังจากที่เดินมาหยุดตรงท่าน้ำอีกฝั่งของงาน

“ไม่อะ  ฉันอยู่ได้  ไม่เป็นหรอกแก  ขอบใจมากนะไอซ์”

“แกโอเคเปล่าว่ะทุ่ง”

“โอเคสิ  ทำไมแกถามแบบนั้นว่ะไอซ์”

“อ้าวก็ใครจะไปรู้  ก็ฉันเห็นแกเหม่อๆตั้งแต่ตอนที่เห็นขวัญใจมหาชนไปลอยกระทงกับนางนพมาศปีนี้แล้ว”

“บ้าเหรอ นั้นมันงานเขาป่ะว่ะแก  อีกอย่างก็ไม่เกี่ยวกับฉันเลย”

“ให้มันจริงเถอะ  ร้องไห้มา  อย่ามาให้ฉันปลอบใจก็แล้วกันนะย่ะ”

“ไม่มีทางหรอกฉันแยกแยะออก”

“นี้แสดงว่ายอมรับแล้วเหรอ?”

“โอ้ยยไอซ์แกจะมาจับผิดไรว่ะ”

“ก็ฉันเป็นห่วงแกไงเพื่อน”

“  แกดูนี้สิ  เขาส่งไลน์มาบอกให้ฉันมารอที่ท่าน้ำ  แกสบายใจได้”

ทุ่งธรพูดพร้อมส่งมือถือให้เพื่อนดูไลน์ที่ป่าสักส่งมาให้ก่อนจะไปลอยกระทงกับนางนพมาศปีนี้

“อุ๊ต๊ะ เริ่ดน่ะคร้า  มั่นหน้ามั่นโหนกมากๆเลย”

“แน่นอน  อิอิอิ”

“งั้นฉันไม่อยู่เป็นกางแล้วกันแก  ฉันไปน่ะ”

“เครแก  ขับรถดีๆน่ะ  เจอกันพรุ่งนี้ที่ภาค”

“บายๆ”

หลังจากที่ไอซ์กลับไปแล้วทุ่งธร  ก็ยืนดูกระทงต่างๆที่ผู้คนได้นำมาลอยก่อนหน้านี้แล้ว บางอันก็ไฟดับแล้ว  บางอันก็เพิ่งจะหลุดจากมือของคนที่มาลอยกระทงกัน  บางคนก็มาคนเดียวบางคนก็มาเป็นคู่ๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่แสงไฟจากกระทงเต็มท้องน้ำไปหมด  สงสัยแสงไฟจากเทียนในกระทงจะแข่งกับแสงจันทร์วันเพ็ญแน่ๆ

“รอนานไม๊มึง?”

เสียงป่าสักทักขึ้นด้านหลังพร้อมกับกระทงใบสวยที่ถือไว้กับมือ เขาค่อยๆเดินมาหาทุ่งธรที่ยืนรออยู่ท่าน้ำแล้ว

“อ้าว  ไม่เปลี่ยนชุดล่ะ?”

ผมร้องทักป่าสักออกไป  หลังจากที่เห็นเขายังอยู่ในชุดเดิมที่ใส่อยู่บนเวที

“ไม่ล่ะ  กูกลัวว่ามึงจะรอนาน  เลยรีบมา”

“ไม่นานหรอก  เพิ่งจะแยกกับเพื่อนๆเมื่อกี้เอง”

“ไม่เอา  เดี๋ยวมึงแอบไปลอยกระทงกับคนอื่น”

“บ้าแล้ว  คิดได้ไง   ใครจะเป็นเหมือนมึง  เป็นไงล่ะได้ลอยกระทงกับนางนพมาศปีนี้ยิ้มแก้มแทบแตกเลยน่ะ”

“โอ้ยยฮึฮึ  พูดแบบนี้หึงเหรอ?”

“ใครหึง  กูพูดความจริง”

“ความจริงคือกู  ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย  ใจกูไม่เคยคิดอยากจะลอยกับใครเลยนอกจาก...มึงคนเดียว”

“แหวะ  ปากหวานจนเลี่ยน  พูดบ่อยละสิท่า กูไม่ใช่สาวๆพวกนั้นน่ะ”

“สาวๆที่ไหน  แล้วก็พูดบ่อยที่ไหน  ก็เพิ่งมาถึงเอง  จะลอยกระทงก่อนหรือจะให้กูชิมปากก่อนล่ะ?พูดแบบนี้”

“โอ้ยยยม่อตลอดเลย”

“อืมงั้นก็ลอยกันเถอะ  คนอื่นเขาลอยกันหมดแล้ว  จะได้รีบกลับไปชิมปากกันที่ห้อง”

“บ้าแล้วมึง...”

ป่าสักเอ่ยชวนทุ่งธรลอยกระทงที่เขาเตรียมมา  จากนั้นทั้งคู่กระอธิฐานก่อนจะปล่อยกระทงลงสู่บึงบ้านไร่

“เอ่อ  ทุ่งมึงอธิฐานว่าอะไรว่ะ  เห็นนิ่งเป็นนานสองนาน”

“แล้วมึงล่ะ?”

“กูถามก่อน  ก็ตอบมาก่อนสิ  ว่าอธิฐานเรื่องไร?”

“ไม่บอก....”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา