ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) พาร์ทของตรี (เพียงแสงจันทร์)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันนี้เป็นวันลอยกระทงผมก็จะยุ่งๆหน่อยครับ เพราะคณะเกษตรศาสตร์รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพด้านสถานที่จัดงาน  ก็ไม่ใช่ที่ไหนนั้นคือบึงบ้างไร่ของพวกเราชาวดินนั้นเอง  ผมในฐานะนักศึกษาคณะเกษตรก็ต้องเหนื่อยหน่อยหลักๆเลยเตรียมสถานที่ให้มีความพร้อมสะดวกสบายต่อการจัดงานในค่ำคืนนี้ พวกผมมันเป็นพวกใช้แรงงานครับ ถาง ตัด ขุด จัดเตรียมต้นไม้ ไฟ ประดับ เวที อุปกรณ์ประกอบฉาก ฟังดูแล้วเหมือนๆจะไม่มีเวลาว่างใช่ไหม?อิอิแต่หน้าที่ของผมจริงๆคือไปขนฟางข้าว ฟางที่อัดเป็นก้อนๆจากบ้านไร่มาเตรียมไว้ให้เขาเฉยๆหรอกครับ  ผมก็พร่ามเสียเยอะ  ขนฟางข้าวตั้งแต่เช้าจนจะเที่ยงก็เพิ่งเสร็จเพิ่งจะได้พัก อยู่ๆข้อความไลน์ของผมก็ดังขึ้นมาเสียงั้น

Om  pheang  :  ทำไรอยู่

Tee Hua Sao  :  ทำงานสิ   ถามมาได้

Om  pheang  :  นึกว่าว่าง?

Tee  Hua Sao  :  ป่าว

Om  pheang  :  แล้วบ่ายๆว่างไม๊?

Tee  Hua Sao  :  ทำไม?

Om  pheang  :  ว่างไม๊

Tee  Hua Sao  :  ไม่รู้  อาจติดเรียน

Om  pheang  :  เรียนบ้านพ่องคุณมึงสิ  

Om  pheang  :  กูรู้พวกมึงเตรียมงานสมมาน้ำ คืนเดือนเพ็ญ

Tee  Hua Sao  :  แสนรู้..แล้วจะมาถามกูหาเหี้ยไร

Om  pheang  :  บ่ายนี้กูจะไปคณะมึง

Tee  Hua Sao  :  แล้วไง?

Tee  Hua Sao  :  ใครๆก็ต้องมาคณะกู

Tee  Hua Sao  :  แปลกตรงไหน?

Om  pheang  :  กูเป็นพิธีกรคืนนี้

Tee  Hua Sao  :  อืม  รู้แล้ว

Om  pheang  :  ดีใจจัง  มึงติดตามกูด้วย

Tee  Hua Sao  :  พ่องมึงสิ  เขาขึ้นป้ายทั่วม.

Om  pheang  :  5555555

Om  pheang  :  ช่างกู   ถือว่ามึงสนใจ

Tee  Hua Sao  :  แล้วคุณมึงจะเผือกมาทำไมแต่หัววัน

Om  pheang  :  ซ้อมสิจ๊ะ

Om  pheang  :  เย็นนี้มาลอยกระทงไม๊?

Tee  Hua Sao  :  ไม่ 

Om  pheang  :  ทำไม?

Tee  Hua Sao  :  กูขายกระทง

Om  pheang  :  อ้าวเหรอ?

Om  pheang  :  ทำไมต้องขายกระทงด้วย?

Tee  Hua Sao  :  หาเงินเข้าคณะ  จะออกค่ายอาสา

Om  pheang  :  ทำกระทงเป็นด้วยเหรอ?

Tee  Hua Sao  :  อืม

Om  pheang  :  งั้นเอากระทงสวยๆใบ

Tee  Hua Sao  :  ใบละ500

Om  pheang  :  กระทงบ้าไรว่ะแพงจัง

Tee  Hua Sao  :  กูทำขายให้มึง

Om  pheang  :  ลดหน่อย ใบละ50 บาท

Tee  Hua Sao  :  บ้านพ่อง  ถ้าแพงไปซื้อที่อื่น

Om  pheang  :  เอาๆ

Om  pheang  :  คืนนี้งานเสร็จห้ามกลับก่อนกู

Om  pheang  :  รอที่ท่าน้ำท้ายบึงน่ะ

Tee  Hua Sao  :  มึงมาเอาที่ซุ้มขายโว้ย  กูไม่รอ

Om  pheang  :  ไม่  มึงต้องรอที่ท้ายบึง 

Tee  Hua Sao  :  ทำไม?

Om  pheang  :  อย่าเยอะ  รอกูด้วยแล้วเจอกัน

จากนั้นข้อความไลน์ของผมก็เงียบลงไปอีกครั้ง  ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่เพียงลำพังได้แต่มองมือถือตัวเองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่เข้าใจว่าไอ้คนส่งมา  จริงๆมันจะชวนผมไปลอยกระทงด้วยใช่ไหม?หรือมันแค่จะมาซื้อกระทงจากผมกันแน่?ช่างเถอะคิดไปก็ปวดหัวหาข้าวเที่ยงกินดีกว่าเพราะช่วงบ่ายจะต้องไปช่วยเพื่อนๆทำกระทงไว้เตรียมขายเย็นนี้  เพราะคณะเกษตรศาสตร์เป็นเจ้าภาพสถานที่  เลยได้สิทธิการขายกระทงในบริเวณงานพวกเราชาวดินทั้งปีหนึ่งยันพี่ปีสี่จึงต้องมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดเตรียมกระทงไว้ให้พอขายนั้นเอง   พวกเราเย็บกระทงจนเย็นตอนนี้บอกเลยว่านักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ไม่มีใครได้อาบน้ำเลยสักคนเพราะงานยุ่งจริงๆพอทำกระทงเสร็จก็ต้องมาเตรียมซุ้มขายกระทงอีก  พอเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งผู้คนก็เริ่มเข้ามาในบริเวณงานกันเสียแล้ว

“อุ้ยกระทงสวยจังเลย”

เสียงคนที่เดินผ่านไปมาในงานร้องออกมาเมื่อเห็นกระทงใบตองวางขายอยู่บริเวณซุ้ม

“กระทงไม๊ค่ะ  ใบเล็กยี่สิบ กลางสามสิบ  ใหญ่ห้าสิบบาทค่ะ”

เสียงแจ๋วๆขายกระทงของเด็กๆปีหนึ่งของคณะเกษตรศาสตร์ก็เริ่มขึ้นเมื่อได้เวลาพลบค่ำของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง  ซึ่งงานในปีนี้ก็ตั้งชื่อได้เก๋ไก๋จริงๆ สมมาน้ำ  คืนเดือนเพ็ญ  ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้ว  ผมและเพื่อนๆได้อยู่ซุ้มตรงทางเข้างานพอดีแต่มันก็จะห่างจากเวทีจัดงานสักหน่อย  ผมก็ได้แต่แอบชะเง้อมองหาใครบางคนว่าเมื่อไรมันจะขึ้นเวทีเสียที  พูดถึงก็เห็นใครบางคนอยู่บนเวที  วันนี้โอมแต่งตัวด้วยชุดไทยดูย้อนยุคเข้ากับบรรยากาศของงานจริงๆเสียงของโอมทุ่มน่าฟังมากๆเลยครับ  ขนาดผมแอบฟังอยู่ตั้งไกลยังจะเคลิ้มไปด้วยเลย

“ไอ้ตรี  มึงเป็นไรว่ะ  ชะเง้อมองดูไร?”

เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะถามตรีภพออกมาหลังจากที่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจขายกระทงช่วยเพื่อนๆมีแต่มองดูอะไรสักอย่าง

“เปล่าเว้ย  กูก็มองไปเรื่อยนั้นแหละ มึงอย่ามาจับผิดอะไรกูไอ้เตอร์”

“เหรอว่ะ  กูเห็นมึงยืดคอยาวเป็นยีราฟแล้ว  ดูท่าคอจะเคล็ดนะมึง”

“เรื่องของกูน่า มึงมีหน้าที่ขายก็ขายไปสิว่ะ  เดี๋ยวกระทงไม่หมดแล้วจะซวยนะเว้ย”

“หน๋อยๆพูดอย่างกะว่ามึงตั้งใจขายอย่างนั้นแหละ  ไอ้ค_ย”

“กูก็ขายอยู่นี้ไงว่ะ  มึงตาบอดหรือไง”

ทันใดนั้นผมกับเพื่อนก็ต้องหยุดเถียงกันเพราะมีลูกค้าเข้ามาซื้อกระทงพอดี  พวกเราจึงต้องหันมาสนใจขายกระทงกันก่อน  เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบๆจะสองทุ่งแล้วผมยังได้ยินเสียงไอ้โอมดังมาเป็นระยะๆ แต่ผมก็ไม่ได้มองมันอีกแล้วเพราะตอนนี้กระทงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าส่วนงานบนเวทีกลางก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของฝ่ายการจัดงาน  ผู้คนก็เริ่มเข้ามาร่วมงานกันอย่างมากมายจนจะไม่มีที่ให้เดินเลยทีเดียว ส่วนบึงบ้านไร่ไม่ต้องพูดถึงมองไปทางไหนก็เจอแต่แสงเทียนจากกระทงส่องแสงแข่งกับดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ  ตอนนี้กระทงลอยเต็มบึงน้ำไปหมดเลยดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ

“อ้าวนี้กระทงใครว่ะไอ้ตรี?”

เสียงพัตเตอร์เพื่อนในคณะร้องถามตรีภพทันทีที่เห็นกระทงใบสวยซ่อนไว้ข้างล่างอย่างดี

“เอ้ยนี้มันของกูเว้ย  อย่ายุ่งนะมึง”

“นั้นแน่  ไอ้ห่านนี้ไม่เลว  แอบทำกระทง  จะเอาไปลอยกะสาวที่ไหนว่ะมึง?”

“สงสาวที่ไหนกัน  ไม่มีโว้ย”

“อ้าวไม่ใช่ของสาวแล้วทำไม  มึงถึงเอาซ่อนไว้ว่ะ?”

“ลูกค้าเขาสั่งให้กูทำพิเศษให้เว้ย”

“เหรอ  ลูกค้าจริงเหรอว่ะ”

“เอ่อก็จริงสิว่ะ”

“ทุกวันนี้มีความลงความลับกับเพื่อนกับฝูงนะมึง”

“พอๆกูบอกว่าของลูกค้า ก็ของลูกค้าสิว่ะ”

จากนั้นผมก็รีบคว้าเอากระทงจากมือของเพื่อนมาถือไว้แล้วรีบเดินหนีออกจากซุ้มขายกระทงทันที

“อ้าวไอ้ตรีแล้วนี้มึงจะไปไหนว่ะ”

“กูจะเอากระทงไปส่งลูกค้า  ฝากพวกมึงเก็บร้านด้วยนะเว้ย”

“อ้าวไอ้สัส  ไอ้ห่านนี้ชิ่งหนีดื้อๆเลยเว้ย”

เสียงเพื่อนๆบ่นตามหลังตรีภพมาอย่างไม่จริงจังนัก  คงเป็นเพราะกระทงก็ขายหมดแล้วและตอนนี้การประกวดนางนพมาศบนเวทีกลางก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้วผู้คนเริ่มบางตากันไปมาก

ผมเดินถือกระทงมายังท้ายบึงบ้านไร่  ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะบางตาลงที่เหลืออยู่ก็ไม่มากอะไรผมเดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่ท่าน้ำท้ายบึงบ้านไร่  ตรงนี้น่าจะเหมาะต่อการลอยกระทงเพราะวัชพืชไม่มี  กระทงน่าจะลอยไปได้ไกลทีเดียว  ผมยืนมองดูกระทงที่ถูกผู้คนปล่อยลงบึงแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าค่ำคืนนี้ ไอ้โอมมันจะชวนผมลอยกระทงด้วยไหม? หรือมันจะมาเอาแค่กระทงกับผมแล้วไปลอยกับคนอื่น

“รอกูนานไม๊”

อยู่ๆเสียงที่คุ้นหูผมก็ดังขึ้นใกล้ๆด้านหลังของผม  ผมรีบหันหน้าไปทันที แต่ผมก็ต้องตาค้างไปเลยทีเดียวก็ไอ้โอมเล่นมาทั้งชุดที่มันใส่บนเวทีเลย  มองดูแล้วก็เหมือนเจ้าขุนมูลนายเลยทีเดียวมันหล่อมากๆไม่เสียแรงที่มันได้เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยปีนี้  ก็ดูตอนนี้สิยิ่งมันใส่ชุดไทยย้อนยุคเข้าไปแล้วบอกได้คำเดียวพระเอกละครก็ต้องชิดซ้ายให้ไอ้โอมล่ะงานนี้ ยิ่งมองยิ่งตะลึง

“อะ ..อ้าว  มึงมาแล้วเหรอ?”

ผมถามโอมออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก  เพราะอะไรคงไม่ต้องบอกน่ะครับ

“ทำไมมองกูแบบนั้น?”

“รีบมากเลยเหรอว่ะ?ถึงไม่เปลี่ยนชุดก่อน”

ผมตัดสินใจถามไอ้โอมออกไปทันที  ที่มันเปิดช่องว่างไว้เพียงเล็กน้อย

“ใครล่ะบอกว่าจะไม่รอกู”

“รอสิ  เงินตั้งห้าร้อยเชียวน่ะเว้ย”

“พูดแบบนี้กูน้อยใจนะเว้ย”

“เอ้าก็จริง  กูหาเงินออกค่ายอาสานะมึง  ไม่มีของฟรีนะเว้ย”

“อืม  แล้วมึงรอนานไหม?”

โอมถามผมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วนุ่มลึก  น้ำเสียงนี้มันช่างน่าฟังเสียจริงๆมันทำให้ผมต้องมองสบตาดวงโตคู่นั้นเป็นนานแสนนาน

“กะ.. ก็  สักพักได้”

จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตรีภพ  ทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้จ้องดวงตาคู่นั้นเลยน่ะ

“โทษทีนะพอดีว่ากว่าจะเสร็จงานทางโน้น  เลยทำให้มึงรอกูนาน”

“ไม่เป็นไร  นี้กระทงที่สั่ง”

ตรีภพยื่นกระทงใบสวยที่เขาบรรจงทำอย่างสุดฝีมือให้กับอีกฝ่ายทันที  ด้วยอาการเก้อเขินสุดฤทธิ์

“สวยจัง”

โอมพูดพร้อมกับรับกระทงไปจากมือของตรีภพทันที  เขาสัมผัสมือตรีภพด้วยความอ่อนโยนพร้อมสายตาชวนฝันเป็นประกาย

“ไหนละตังค์ค่ากระทง”

“อืมเดี๋ยวให้”

“อ้าวไอ้ห่านนี้  ทำไมต้องเดี๋ยว”

จากนั้นโอมก็หยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปทันที  โดยไม่สนใจคำด่าของอีกฝ่าย

“ตรี  มาถ่ายรูปกัน  ไหนๆกูก็แต่งตัวมาเต็มยศแล้ว”

“มึงถ่ายเถอะ  เดี๋ยวกูเป็นตากล้องให้”

“ไม่เอา  ถ่ายด้วยกันนี้แหละ  มาเร็วๆให้ไว”

“ให้ถ่ายกับมึงชุดนี้น่ะ”

ตรีภพพูดพร้อมกับก้มลงมองดูชุดของตัวเองที่แสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน

“เอ่อก็ชุดนั้นแหละจะเป็นไรว่ะ”

“แต่ชุดนี้กูใส่ตั้งแต่เช้าแล้วนะเว้ย  แถมมันก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เองว่ะ”

“มึงอย่าเรื่องมากได้ป่ะว่ะ  จะชุดไหนมันก็เหมือนกันนั้นแหละ”

“แต่กูยังไม่ได้อาบน้ำเลยน่ะ”

“ไม่เป็นไรน่า  มาเถอะ”

จากนั้นโอมก็ส่งกระทงให้ตรีภพถือไว้ส่วนเขาก็ใช้มืออีกข้างไปโอบไหล่ของตรีภพอย่างหลวมจากนั้นก็ถ่ายรูปคู่กันทันที

“เอ้ายิ้มหน่อย  หนึ่ง  สอง  ซัม”

โอมถ่ายเซลฟี่กับตรีภพอย่างไม่หยุด  เล่นเอาตรีภพเขินอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว มือไม้ไม่รู้จะเอาวางไว้ตรงไหน  นี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่ได้ถ่ายรูปคู่กับโอมสองต่อสองแบบแนบชิด

“กูว่าพอเถอะโอม  ถ่ายไปตั้งเยอะแล้ว”

“ก็ถ่ายเผื่อไว้ไง  จะได้เลือกเอารูปที่ชอบ  นี้มึงรู้ไม๊ว่าโชคดีขนาดไหนที่กูถ่ายรูปด้วย  มีแต่คนอื่นเขาอยากจะถ่ายรูปกับกูกันทั้งงาน”

“เหรอ?  หล่อตายล่ะมึง”

“อืม  จริงๆน่ะ  นี้กูต้องแอบหนีมาก่อนไม่งั้นยันเช้าก็ไม่ได้ลอยกระทงแน่ๆ”

“พูดมากว่ะ  ไหนเงินค่ากระทงกู”

“ก็ลอยกระทงก่อน  เดี๋ยวจ่ายมากกว่าห้าร้อย”

“เชื่อได้ไม๊?”

“เชื่อได้สิ  วันนี้กูได้ซองจากการเป็นพิธีกรนะเว้ย”

“   .....?  “

“อ้าวทำงง  เดี๋ยวให้หมดซองเลย”

โอมพูดเสร็จก็รับกระทงจากมือของตรีภพแล้วเดินไปที่ท่าน้ำทันที  จากนั้นเขาก็หันมาหาตรีภพ

“อ้าวไอ้ตรี  มึงจะมัวยืนเซ่ออยู่ไมว่ะ  มาลอยกระทงสิ”

เสียงโอม  ศักดิ์พินิจร้องทักตรีภพทันที  ที่อีกฝ่ายไม่ยอมเดินตามมายังท่าน้ำกับเขา

“อ้าว  ก็มีกระทงใบเดียว  จะลอยไง?”

“มึงก็ลอยกับกูไง  ผัวเมียกันเขาก็ต้องลอยด้วยกันสิ”

“ไอ้เชี่ย  พูดไรออกมาระวังปากด้วยเว้ย”

“ใครจะได้ยินว่ะ  มีแค่กูกับมึง  สองคนเท่านั้น”

“จะมีใครหรือไม่มีใครก็ช่าง  มึงห้ามพูด”

“ทำไม? กูพูดเรื่องจริง  ...หรือมึงจะเถียง”

“เอ่อๆหุบปากได้แล้ว”

“กูหุบปากแล้ว  มึงก็มาสิ  จะได้อธิฐานพร้อมกันเลย”

ในระหว่างที่ตรีภพและศักดิ์พินิจกำลังนั่งอธิฐานก่อนนำกระทงลอยน้ำอยู่นั้น  จู่ๆก็มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาทามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกและเงียบมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องแสงมาเป็นพยานให้กับทั้งคู่

“พี่โอม  มาอยู่นี้เอง  ปล่อยให้เคทตามหาเสียตั้งนาน”

พอได้ยินเสียงร้องทักดังมาจากด้านหลัง  ทำให้โอมและตรีต่างก็ต้องลืมตาขึ้นจากการอธิฐานแล้วหันมามองยังต้นเสียงนั้นทันที

“อ้าว!!น้องเคท  พี่บอกให้รออยู่กับคุณแม่ไง”

“ก็พี่โอมมานานนี้ค่ะ  จนเคทต้องออกมาตาม  เอ่อ...ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนพี่โอมที่นี้ด้วย”

สาวน้อยนามว่าเคทพูดจบก็ปรายหางตาไปจิกทางตรีภพทันที

“   ..  ”

“อ่อพอดีพี่จะลอยกระทงกับเพื่อนก่อนนะครับ   น้องเคทกลับไปรอพี่ก่อนเดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน”

“ไม่เอาค่ะ  เคทจะรอไปพร้อมพี่โอม  เราจะได้ลอยกระทงพร้อมกันด้วยไงค่ะ”

“แต่พี่ยังไม่ได้ลอยกระทงกับ....  เออพี่ตรีเลยนะครับ”

“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี้ค่ะ   พี่โอมก็ให้เพื่อนลอยกระทงคนเดียวก็ได้ค่ะ”

“เพื่อนพี่ไม่มีเพื่อน  เดี๋ยวพี่ขอลอยกระทงกับพี่ตรีแป๋บน่ะครับ”

“อะไรกันค่ะ  เพื่อนพี่โอมก็ออกจะตัวโตซะขนาดนั้นยังจะกลัวอะไรอีก?”

พูดเสร็จสาวน้อยนามว่าเคทก็เดินปรี่ตรงเข้ามาหาโอมทันทีพร้อมกับใช้มือเล็กๆสอดเข้าไปที่แขนของโอมอย่างชำนาญ

“จริงไม๊ค่ะพี่ตรี   พี่คงจะลอยกระทงคนเดียวได้ใช่ไหม?”

สาวนามว่าเคทพูดเสร็จก็รีบแกะมือของโอมออกจากการถือกระทงใบเดียวกับตรี ปล่อยให้ตรีภพต้องถือกระทงใบงามนั้นเพียงลำพัง

“โอม  มึงรีบไปเถอะเดี๋ยวป้ารัตน์จะรอนาน”

ตรีภพหันไปคุยกับโอมทันที  โดยไม่ได้สนใจในคำพูดของสาวนามว่าเคทแม้แต่น้อย

“ตรี  แต่กูยังไม่ได้ลอยกระทงกับมึงเลยน่ะ ปะลอยเถอะแป๋บเดี๋ยว”

“ไม่เป็นไรหรอก  นี้ก็ถือว่าได้ลอยแล้ว  เหลือแค่ปล่อยกระทงลงน้ำเฉยๆ  เพราะอย่างน้อยเราก็ได้อธิฐานแล้วนี้”

ตรีภพพูดเสร็จก็หันไปยิ้มที่มุมปากให้กับสาวน้อยนามว่าเคททันที

“เห็นไหมค่ะพี่โอม  เพื่อนพี่โอมเขาบอกอยู่นี้ไงว่าลอยคนเดียวได้  งั้นเรารีบไปเถอะค่ะ คุณลุงคุณป้ารอพี่โอมนานแล้วนะค่ะ”

จากนั้นสาวน้อยนามว่าเคทก็รีบดึงแขนของโอมศักดิ์พินิจให้เดินออกจากท่าน้ำไปโดยทันที คงเหลือแค่ตรีภพกับกระทงที่เขาตั้งใจทำมาให้โอมเท่านั้น  แต่ตอนนี้เจ้าของกระทงได้เดินหันหลังจากเขาไปกับคู่หมั่นคู่หมายเสียแล้ว  อยู่ๆน้ำตาเจ้ากรรมของตรีภพก็ไหลรินลงอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว  เขาพยายามใช้มือเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหล ตรีภพพยายามจ้องมองโอม ศักดิ์พินิจ  แต่มันก็เลือนรางเต็มทีเพราะน้ำตามันบดบังร่างของโอมเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับความอ่อนแอสุดท้ายได้แต่แหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาของความอ่อนแอได้ไหลรินอีกนั้นเอง

คงมีแต่เพียงแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญสิน่ะที่อยู่เป็นเพื่อนผมในตอนนี้  แสงจันทร์คืนนี้มันช่างสวยงามจริงๆแต่ทำไมผมถึงได้อ้างว้างเดียวดายอย่างนี้  ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อ  มันคงหมดหนทางแล้วใช่ไหมสำหรับความรักระหว่างผมกับโอม  มองไม่เห็นทางที่จะเดินเคียงข้างกันไปได้เลย  ไม่มีจริงๆ  คืนวันเพ็ญมันช่างเป็นคืนที่โหดร้ายสำหรับผมเสียเหลือเกิน  จันทร์เจ้าขา  ทำไมถึงได้โหดร้ายเช่นนี้

**เจ็บคักอยู่ แต่เค้าบ่ฮู้ว่าสิเฮ็ดจั่งใด๋ กะเจ้าของฮักเพิ่นจนเบิดหัวใจ คงเฮ็ดได้แค่เอาใจซ่อย

เรื่องเค้านั้น  เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ  สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ

ให้เจ้าของโชคดี

บ่เป็นหยัง  เค้าเข้าใจ  ไปโลดไปบ่ต้องห่วง  อย่างหลายกะบ้าป่วง คงบ่ฮอดตายดอกตี้

บ่เป็นหยัง  เค้าเข้าใจ ที่เจ้าของไปในมื้อนี้

ขอบใจหลายที่ย่างเข้ามา  ฮ่องเอิ้นใจที่มันมิดซี่ลี่ ให้เคยมีความฮัก   เรื่องเฮานั้น  เค้าสิเก็บให้ลึกสุดใจ สิจือสิจำเบิดสู่อย่างเอาไว้บ่ให้ลบให้เลือนจากใจ ให้เจ้าของโชคดี

เจ้าของไปโลดไป  บ่เป็นหยัง  เค้าเข้าใจ  **..เพลงบ่เป็นหยัง  กวาง จิรพรรณ..**

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา