ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  69.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

33) เส้นสาย ลายรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เชี่ยโอม....  ไหนลายเส้นมึงเสร็จยัง  เอามาดูดิ?”

ผมขอดูงานจากไอ้โอมทันที ที่มันเดินมานั่งลงข้างๆผมกับไอซ์ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงปั้นหลังจากเรียนภาคบ่ายเสร็จ

“ไรของมึงวะ??  อย่าบอกน่ะว่างานมึงยังไม่เสร็จอะ?”

“อืม  งานกูยังไม่เสร็จ  ไหนมึงเสร็จยัง  กูขอดูหน่อย”

ผมยื่นมือไปคว้ากระดานรองวาดที่ปิดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกทีเอาไว้ แสดงว่างานของไอ้เชี่ยโอมต้องเสร็จแล้วแน่ๆ

“เอ้ยย  ไรของมึงว่ะ  เอาคืนมา  งานกูยังไม่เสร็จเว้ย”

“กูขอดูหน่อยดิว่ะ”

“กูไม่ให้ดู  เอาคืนมา”

“มึงจะหวงไรนักหนาว่ะ  แค่ลายเส้นภาพเหมือนเฉยๆ”

“ก็...ก็งานกูยังไม่เสร็จเว้ย กูไม่ให้ดู  เอาคืนมา”

“อ้าวไอ้โอม  แค่นี้ทำเป็นห่วงกับเพื่อนกับฝูง  มึงนะมึง”

“ก็กูบอกแล้วไงว่ายังไม่เสร็จ  ก็ยังไม่เสร็จสิว่ะ”

“อ้าวไม่เสร็จแล้วกูจะดูหน่อยไม่ได้ไง?”

“ไม่ได้เว้ยยย”

ในระหว่างที่ผมกับไอ้โอมกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น อยู่ๆไอซ์ก็วางกล่องใส่แบบสีฟ้าของตัวเองลงบนโต๊ะทันที

“เอ้า  เอาไปดูสะ  แค่นี้ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่”

ไอซ์ตัดความรำคาญจากการโต้เถียงกันระหว่างผมกับไอ้โอม

“นั้นไง  มึงก็ดูงานของไอซ์สิ  งานของไอซ์สวยกว่าของกูอีก”

ได้ทีของไอ้โอมเลย  มันรีบยื่นกล่องใส่แบบสีฟ้าของไอซ์ส่งมาให้ผมดูทันทีเลย

“งานของไอซ์มันเป็นภาพเด็ก  กูไม่ได้วาดภาพเด็กเหมือนของไอซ์”

“จะภาพไหนมันก็ภาพคนเหมือนกันนั้นแหละ  มึงอย่าเรื่องมากสิว่ะไอ้ทุ่ง”

“ก็กูไม่ถนัดวาดภาพเด็ก  กูจะดูภาพของมึงอะไอ้โอม”

“อะไรของมึงว่ะทุ่ง  นี้มึงชักจะเรื่องมากขึ้นทุกวันแล้วนะเว้ย  มึงอย่าลืมสิกูไม่ใช่ไอ้ป่าสักน่ะเว้ย  ที่มึงจะชี้นิ้วสั่งได้ตามใจ”

“เหรอจ๊ะ....งั้นกูก็คงต้องหาตัวช่วยสิน่ะ”

“ตัวช่วยอะไรของมึงว่ะทุ่ง?”

“เอ่อไอซ์   แกเห็นปูนิ่มบ้างเปล่าวะ   ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้เจอปูนิ่มมันเลยอะแก ปูนิ่มกลับยังน่ะ?”

ผมหันหน้าไปถามไอซ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมทันที  พร้อมกับรอยยิ้มที่มีชัยไปกว่าครึ่ง

“เออนั้นน่ะสิ  ปูนิ่มไปไหนอะวันนี้  ตั้งแต่เลิกเรียนแล้วยังไม่เห็นมาเลย  ฉันว่าแกน่าจะร้องตระโกนเรียกดูสิ เพื่อว่าจะอยู่แถวๆนี้”

ยังไม่ทันที่ผมจะตระโกนเรียกปูนิ่มเลย  ไอ้โอมก็รีบวางกระดานรองวาดที่ปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกทีส่งมาให้ผมแทบไม่ทัน

“มึงอยากดูมากใช่ไหม?  เอ้าไปดูสิ  ดูให้พอใจเลยนะมึง”

“ก็แค่นั้น  ทำเป็นลีลาอยู่ได้”

ผมรับกระดานรองวาดจากไอ้โอมทันที  จากนั้นก็รีบเปิดคลิบหนีบออกจากกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อจะดูงานลายเส้นของเพื่อนที่มันหวงนักหวงหนา  ผมค่อยๆเปิดงานไอ้โอมออกมาดูอย่างระมัดระวังเพราะว่ากลัวงานเพื่อนจะเสียหายนั้นเอง  เปิดออกมาก็เห็นงานลายเส้นเป็นรูปผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งแต่ภาพนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์

“เออว่ะ  ก็แค่ภาพผู้หญิงแก่ๆ  แค่นี้ทำเป็นห่วงอะไรว่ะ  กับเพื่อนนี้จะดูไม่ได้เลยน่ะมึงไอ้โอม หรือว่ามึงกลัวว่ากูจะก๊อปงานมึงว่ะ?”

“เปล่าเว้ย  แค่  ...งะงานกูยังไม่เสร็จก็แค่นั้น  มึงจะดูก็ดูไปอย่างเรื่องมาก”

ไอ้โอมพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเป็นกังวลอะไรสักอย่าง เหมือนว่ามันไม่อยากให้ผมเห็นอะไรแน่ๆเลย

 “ไหนๆแกฉันดูสิ  ว่าโอมวาดสวยไหม”

จากนั้นไอซ์ก็ชะโงกหน้ามาดูงานของโอมด้วยอีกคน

“นี้ไงแก  ลายเส้นมันสวยดีว่ะ”

“เอ่อว่ะ  ภาพนี้ลายเส้นสวยจริงๆเลยนะโอม   แต่ทำไมถึงไม่อยากให้พวกเราดูล่ะ?”

“เปล่า   ก็แค่งานมันยังไม่สมบูรณ์เลยไม่อยากให้ดูก็เท่านั้น  ไม่มีอะไรหรอก”

โอมหันไปพูดแก้ตัวกับไอซ์ทันที  หลังจากที่ได้ฟังคำถามด้วยความสังสัยจากอัยรดาแล้ว

“แต่เอะทำไมกระดาษของไอ้โอมถึงได้หนามากกว่าปกติว่ะ”

ผมรำพึงกับตัวเองหลังจากรับกระดานรองวาดจากไอซ์คืนมาแล้ว  จากนั้นผมค่อยๆเอามือจับกระดาษดูก็ปรากฏว่ามีกระดาษอีกแผ่นรองอยู่ด้านล่างนั้นเอง  ผมทำทีว่าจะเปิดกระดาษแผ่นนั้นดูแต่ก็แอบชำเลืองตาไปมองไอ้โอมก่อนจากนั้นผมก็เห็นท่าทางที่ร้อนรนของไอ้โอมทันที  ผมตัดสินใจแง้มดูภาพข้างล่างนั้น เห็นภาพนั้นแล้วต้องอึ้งไปห้าวินาที  เพราะภาพลายเส้นที่ไอ้โอมวาดร่างไว้คร่าวๆนั้นเป็นภาพของตรีภพนั้นเอง

“ไอ้ทุ่ง  มึงดูเสร็จแล้วใช่ไหม  งั้นเอาคืนมา”

โอม  ศักดิ์พินิจรีบคว้าเอากระดานรองวาดและชิ้นงานของตัวเองคืนจากทุ่งธร ทันทีก่อนที่ทุ่งธรจะเปิดกระดาษแผ่นข้างล่างออกมาดูทั้งหมด

“อืม  ก็เอาไปสิกูเห็นหมดแล้ว”

ผมพูดไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัยให้กับไอ้โอมทันที

“ปะไอซ์เรากลับกันเถอะ  นี้ก็ใกล้ได้เวลาซ้อมกีฬาของฉันแล้วอะ ฉันจะรีบไปทำงานให้เสร็จทันส่ง เดี๋ยวจะไม่มีคะแนน เพราะใครบางคนแถวนี้ซ้อมเขียนภาพตั้งหลายแผ่นมันคงต้องเลือกเอาแผ่นที่ถูกใจจริงๆไปส่งอาจารย์แน่ๆเลย”

ผมหันไปชวนไอซ์ทันที  เมื่อเห็นท่าทางของโอมแบบเก้อๆเขินๆอย่างหนัก  ที่ผมไปรู้ความลับของมันที่ซ่อนไว้ในภาพวาดลายเส้นนั้นเข้าอย่างจัง  วันนี้ผมให้ไอซ์ขับรถมาส่งที่หอพักนักกีฬาเร็วกว่าปกติเพราะต้องรีบมาปั่นงานที่ค้างส่งอาจารย์นั้นเอง  พอมาถึงห้องผมก็รีบไปหยิบกระดาษที่ใส่ไว้ในกล่องแบบสีดำออกมาจากที่ซ่อนทันทีเพราะว่าภาพที่ผมวาดนั้นเป็นภาพของป่าสักนั้นเอง  ขืนไม่แอบเก็บไว้ป่าสักได้เห็นก่อนที่ภาพจะเสร็จแน่ๆ  ภาพลายเส้นภาพนี้เป็นภาพแรกที่ผมได้รู้หลักการของการวาดภาพเหมือนมนุษย์ ซึ่งผมก็เลือกที่จะเอาป่าสักเป็นแบบนั้นเอง  เพราะอาจารย์แนะนำว่าให้เลือกแบบจากสิ่งที่เราคุ้นเคยและชื่นชอบมันจะทำให้งานนั้นออกมาดี  ผมนั่งเก็บรายละเอียดของภาพประมาณสักชั่วโมงเห็นจะได้ภาพลายเส้นของป่าสักก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งในวันพรุ่งนี้  ซึ่งผมคิดเอาไว้แล้วว่าหลังจากส่งอาจารย์ก็จะขอเอางานไปเข้ากรอบทันทีเลย  แต่ยังไม่ทันทีผมจะได้เก็บงานเข้าไปซ่อนไว้ที่เดิมอยู่ๆก็ได้ยินเสียงประตูห้องพักกำลังจะถูกเปิด สงสัยจะเป็นป่าสักที่กลับมาจากเรียนแล้วแน่ๆผมต้องรีบเอางานไปซ่อนแทบไม่ทัน

“มึงทำไรอยู่ว่ะ...  ท่าทางเหมือนอย่างกะโจร?”

ป่าสักเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเห็นผมกำลังปิดตู้เสื้อผ้าด้วยอาการร้อนรนเข้าพอดี

“ปะ...เปล่า  กะกูก็จะเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนไง?”

“ไหนบอกว่าจะเอาเสื้อผ้า   ไหนเสื้อสักตัวก็ไม่เห็นติดมือ?”

“เอ่อ  ก็กูคิดว่ามันอยู่ในตู้”

“แล้วเจอไม๊?ล่ะ”

“คงจะตากอยู่ที่ระเบียงห้องน่ะ”

“แล้วทำไมวันนี้มึงถึงเพิ่งจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าว่ะ  ทุกทีกูเห็นมึงนั่งรอกูตลอดนี้?”

“กะก็   กูเพิ่งกลับไง”

“เลิกช้าเหรอว่ะ?”

“อืม    อะอาจารย์สั่งงานนิดหน่อย  กูเลยมาช้ากว่าปกติอ่ะ”

“เรียนหนักเหรอ?”

“เปล่า  ก็กูฝีมือไม่ค่อยเก่งเลยต้องฝึกหนักกว่าคนอื่นเขา”

“แล้วไอ้เชี่ยโอมมันช่วยติวมึงบ้างหรือเปล่า?”

“ก็ช่วยสอนตลอด  เวลากูมีปัญหา”

“เอ่อทุ่ง  กูขอโทษน่ะที่ช่วงนี้กูไม่ได้ไปรับมึงเลย”

“มะ  ไม่เป็นไร  กูรู้ว่ามึงเรียนหนัก  ไหนต้องแบ่งเวลามาซ้อมกีฬาอีกด้วย กูกลับเองได้”

“ขอบใจน่ะ  ที่เข้าใจกู แต่กูจะพยายามแบ่งเวลามาให้มึง”

“อืม...ไม่เป็นไร  มึงเรียนหนักกว่ากู  เอาเวลาให้กับการเรียนเถอะ”

“พูดแบบนี้น้อยใจเหรอว่ะ?”

“ปะเปล่า   กูโอเค  เราอยู่ในวัยเรียนก็ต้องเรียนสิว่ะ”

“แต่บางทีกูก็ไม่อยากให้คนอื่นมาส่งมึง”

“คนอื่นที่ไหนก็มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น  ถ้ากูไม่ให้ไอซ์มาส่งก็เป็นไอ้ตรี หรือไอ้โอม”

“กูห้ามเลยน่ะว่าห้ามมึงให้ไอ้หน้าวอกนั้นมาส่งเด็ดขาด”

“เอ่อรู้แล้ว”

“แล้วนี้จะอาบน้ำพร้อมกันเลยไม๊?จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

ป่าสักถามผมออกมาพร้อมกับคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวของตัวเขาเองมาพาดไว้ที่บ่าหลังจากที่ถอดเสื้อผ้าชุดนักศึกษาออกหมดแล้วเหลือแต่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวที่ปิดบังป่าสักน้อยเอาไว้  แต่นั้นมันก็ยังทำให้ผมมองเห็นโครงสร้างป่าสักน้อยของเขาอย่างเต็มตาอยู่ดี  ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่าหุ่นของป่าสักนั้นเฟิร์มจริงกล้ามหัวไหล่ กล้ามหน้าอก ซิกแพ็ค ทุกส่วนของเขาช่างน่ามองไปทุกอย่าง เห็นลายเส้นชัดเจนเหมาะที่จะเอามาเป็นนายแบบหุ่นนิ่งเสียจริงๆเลยให้ตายสิ  ยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์ผู้ชายอะไรหล่อไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า

“มองอะไร    ...ทุ่ง   กูถามว่ามึงมองอะไร?”

“ป่ะ   ....เปล่า”

“เปล่าเชี่ยไรว่ะ  ก็เห็นชัดๆอยู่ว่ามึงจ้องกู”

“มะ  มองที่ไหน   ไม่ได้ม๊อง  ไม่ได้จ้องเลย”

“ไม่ได้มองกูแล้ว  ทำไมอยู่ๆมึงถึงได้หน้าแดงล่ะ?”

“แดงเดิงที่ไหน  อากาศมันคงร้อน”

“มึงแน่ใจน่ะทุ่งว่าไม่ได้มองกู”

จากนั้นป่าสักก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆด้วยมาดที่สุดแสนจะกวนบาทาของเขาพร้อมกับปากรูปกระจับนั้นยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย  โอ้ยยป่าสักขอร้องอย่างมองกูแบบนั้น มึงรู้ไม๊ว่าหัวใจกูจะหยุดเต้นก็เพราะรอยยิ้มแบบนี้แหละ

“แน่ใจน่ะว่าไม่ได้มอง?”

ป่าสักถามผมย้ำอีกครั้งพร้อมกับดันร่างของผมเข้าไปติดกับตู้เสื้อผ้าทันที  กล้ามเนื้อแน่นๆของป่าสักตอนนี้เข้ามาแนบชิดเบียดกับร่างกายของผมอย่างแนบสนิทจนผมสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของชายชาตรีได้แบบเต็มๆ ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงมากเหมือนมันจะทะลุออกมาข้างนอกเสียให้ได้เลย

“เออ   ..   ป่าสักมึงจะทำไรอะ?”

“ก็   มึงบอกไม่ได้มองกู   กูเลยจะมองมึงแทนไง”

“ทะทำไมว่ะ  มะมึงต้องมาใกล้ขนาดนี้ด้วย”

“อ้าวก็จะได้มองเห็นชัดๆไง  ไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ดีเว้ย  เห็นกันอยู่ทุกวันจะมองทำไมล่ะ”

“แต่วันนี้กูอยากมองมึงใกล้ๆ”

ผมรีบเอามือทั้งสองข้างผลักหน้าอกที่เปลือยเปล่าของป่าสักเพื่อดันให้เขาออกห่างจากตัวผมนั้นเอง  แต่ก็เปล่าประโยชน์ผมสู้แรงของเขาไม่ได้จริงๆ  ยิ่งดันยิ่งผลักก็เหมือนมีแม่เหล็กมาดูดให้ร่างกายของเราแนบชิดติดกันเข้าไปอีก  กล้ามเนื้อแขนเป็นมัดๆนั้นค่อยๆรัดรอบเอวของผมอย่างช้าๆพร้อมกับท่อนซุงอันมหึมาของป่าสักนั้นกลับตื่นตัวพร้อมจะยืนตรงเคารพธงชาติตอนหกโมงเย็นเสียแล้วและแท่งมังกรน้อยของป่าสักก็ส่งไออุ่นพร้อมแผ่รังสีผ่านเนื้อผ้าบางๆของกางเกงบ๊อกเซอร์มาได้อย่างง่ายได้  มันทำให้หัวใจของผมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะจริงๆ

“ป่าสัก  มะมึงจะทำไรวะ  ?? อย่านะเว้ย”

“ก็ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย  แค่กูจะมองมึงชัดๆแค่นี้เอง...”

“ไม่ได้คิดจะทำอะไรแล้วทำไม  น้องชายมึงต้องยืนตรงเคารพธงชาติด้วย”

“บ้าแล้ว  กูใส่กางเกงอยู่น่ะเว้ย”

“แต่กูรู้สึกได้  ว่ามันกำลังจะโผล่ออกมาดูโลก”

“บ้าเปล่าเนี้ย ทุ่งมึงคิดไรอยู่ว่ะ?”

“อ้าวใครจะไปรู้   มึงเล่นมาชิดตัวกูแบบนี้  ไม่ให้กูคิดได้ไง”

“จริงเหรอ?...แล้วถ้ากูคิดแบบนั้นจริงๆมึงจะว่าไง?”

“อย่าน่ะเว้ย  ถ้าขืนมึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นกูชกจริงๆด้วย”

ผมพูดพร้อมกับยกมือกำหมัดอย่างแน่น  ตั้งท่าจะชกอย่างจริงจัง”

“งั้นก็เอาสิ  มึงชก  กูปล้ำ”

“มึงอย่าคิดว่ากูไม่กล้านะ”

“กูรอให้มึงชกอยู่   มึงเลือกเลยว่าจะชกตรงไหน  กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะแรงเยอะแค่ไหน”

“มึงอย่าคิดว่ากูไม่กล้านะเว้ย  กูจะ....”

อุ๊บ....

ยังไม่ทันที่ทุ่งธรจะยื่นหมัดออกไป อยู่ๆปากรูปกระจับของอีกฝ่ายก็ตรงเข้ามาปิดปากบางนั้นอย่างไว  พร้อมกับระดมจูบอย่างไม่ยั้ง  มือที่กำหมัดอยู่นั้นพอได้ลิ้มรสจูบของอีกฝ่ายทำให้มือของทุ่งธรอ่อนปวกเปียกไปทันที  ลิ้นของป่าสักครวญหาความหอมหวานจากอีกฝ่ายทันทีจนแรงปรารถนาในกายจะพุ่งออกมาเสียให้ได้เลย    พอป่าสักจูบปากของทุ่งธรจนพอใจแล้วเขาก็ค่อยถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

“ตอนมึงตกใจกลัวนี้ก็น่ารักไปอีกแบบน่ะ  เหมือนกวางกลัวเสือเลยว่ะ”

“โอ้ยยยไอ้บ้า  พอได้แล้วอย่ามาล้อกูเล่น”

“จริงๆน่ะทุ่ง  ดูสิท่าทางมึงตื่นกลัวจริงเลยๆ”

“พอได้แล้ว  ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะมึงเดี๋ยวสาย”

“อาบพร้อมกันสิทุ่ง  รับรองได้กูไม่ทำอะไรมึงหรอก  ถ้ามึงไม่อนุญาต”

“มะไม่เว้ย   กูไม่อาบ”

“อ้าวไม่เหม็นเหรอ  เรียนมาทั้งวัน”

“ช่างกูเถอะ  เปลี่ยนแค่เสื้อผ้าก็พอ  มึงไปได้แล้ว”

ผมรีบผลักให้ป่าสักไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนักกีฬาทันที  ป่าสักค่อยๆคลายวงแขนออกจากผมอย่างช้าๆแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำไปโดยด่วนด้วยอาการแปลกๆเขาใช้เวลาอยู่ในห้องนานน้ำกว่าปกติ  แต่ผมก็ไม่ได้เร่งอะไรเพราะผมก็กลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไว้ไม่อยู่จริงๆเมื่อเห็นสรีระของป่าสักอย่างนี้  ผมรีบเปลี่ยนชุดทันทีก่อนที่ป่าสักจะออกจากห้องน้ำ  จากนั้นป่าสักก็ออกมาจากห้องน้ำเขาเอาผ้าเช็ดตัวพันเอวไว้หลวมๆพร้อมกับเดินมาหาชุดกีฬาใส่ที่ตู้เสื้อผ้าตรงมุมห้อง

“ทุ่งเย็นนี้ไปทานข้าวที่บ้านไหม?”

“อะไรน่ะ!!!”

“เป็นไรอะทุ่ง  วันนี้เป็นเหมอๆตลอดเลย”

“ปะเปล่า  เมื่อกี้ว่าไงนะ   กูไม่ทันฟัง”

“กูบอกว่าเย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านไหม?”

“บ้านมึงเหรอ?”

“อืม  พอดีว่าแม่กับพ่อบ่นคิดถึง...อีกอย่างแม่บอกว่าอยากเจอมึงด้วย”

“จะทันเหรอว่ะ  ซ้อมกีฬาก็เลิกค่ำจะตาย  แล้วไหนยังต้องรีบเข้าหอก่อนสองทุ่มอีก”

“ทันสิ  ไปแป๋บเดียว แค่กินข้าวเย็นเอง  ง่ายๆสบายๆที่บ้านไม่เรื่องมาก”

“เอาอย่างนั้นเหรอ?”

“อืม  โอเคน่ะจะได้บอกที่บ้านว่าเราจะไปทานข้าวเย็นด้วย”

“อืม  เอาอย่างนั้นก็ได้  ว่าแต่ทำไมอยู่ๆแม่มึงถึงอยากเจอกูด้วยว่ะ?”

“กูไม่ได้ถาม   เย็นนี้มึงก็ถามเองแล้วกัน”

“บ้าเหรอ  ใครจะกล้าถามแบบนั้นว่ะ  มึงนี้ก็พูดไม่คิด”

“อ้าวเห็นมึงอยากรู้นี้”

“เอ่อๆช่างเถอะ  แล้วนี้แต่งตัวเสร็จยัง”

“อืมเสร็จแล้ว”

แต่ในขณะที่ป่าสักกำลังจะปิดตู้เสื้อผ้านั้นสายตาของเขาก็ไปเจอกล่องใส่แบบสีดำของทุ่งธรที่ซ่อนไว้พอดี

“ทุ่งนี้มันอะไรว่ะ”

ป่าสักพูดพร้อมกับเอามือล่วงไปจับกล่องใส่แบบสีดำออกมาดู

“เอ้ยนั้นมันกล่องใส่งานกู  กูจะเอาไปส่งอาจารย์พรุ่งนี้”

“อ้าวเหรอ?  แล้วทำไมเอามาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าล่ะ”

“กะ  ก็กูกลัวว่ามันจะเกะกะมึงไง”

“เกะกะบ้าไรว่ะแค่กล่องใส่แบบเล็กๆเอง”

“เอามานี้”

ทุ่งธรรีบคว้ากล่องใส่แบบสีดำของตัวเองมาจากอีกฝ่ายทันที

“เดียวก่อน  กูดูก่อนว่างานมึงฝีมือมึงถึงขั้นไหนแล้ว”

“เอ้ยยยไม่ได้นะเว้ยยยห้ามเปิดเด็ดขาดเลย”

การห้ามของทุ่งธรไม่ได้เป็นผลเลยสักนิด  เพราะป่าสักได้เปิดฝากล่องใส่แบบนั้นเสียแล้วพร้อมกับดึงเอากระดาษร้อยปอนด์ออกมาและกำลังคลี่มันออกมาดู

“ป่าสัก.....ห้ามเปิดนะเว้ย”

“ไม่กูจะเปิด”

“!!!”

ป่าสักค่อยๆเปิดแผ่นกระดาษนั้นออกอย่างช้าๆเขาต้องตกตะลึงไปทันที  ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นจะเป็นภาพของตัวเขาเอง  เป็นภาพที่ตัวเขาเองใส่ชุดกีฬา

“นี้อะไรกันทุ่ง?”

“กะ..กู ...เอ่อ คือว่า”

“ขอบคุณที่มึงเลือกกูเป็นแบบ   วาดเหมือนมากๆเลย”

“เอามานี้เลย  ห้ามยุ่ง”

“ไม่   บอกก่อนว่าไปแอบวาดตั้งแต่ตอนไหน”

“ก็ค่อยๆวาดวันละนิดวันละหน่อย”

“แล้วทำไมไม่บอกดีๆล่ะว่าจะวาดรูปให้  ทำไมต้องทำเหมือนแอบ”

“ก็กูกะจะเซอร์ไพรส์”

“ตอนนี้ก็เซอร์ไพรส์มากๆแล้ว  ขอบคุณนะทุ่ง”

“ขอบคุณเรื่องไร”

“ก็เรื่องรูปนี้ไง”

“ใครบอกมึงว่ากูจะวาดให้มึง  กูวาดส่งอาจารย์ต่างหากล่ะ”

“เหรอ  อืม  วาดส่งอาจารย์ งั้นก็จ่ายค่าตัวกูมา”

“ค่าตัวไรว่ะ?”

“อ้าวก็มึงวาดรูปกูก่อนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตไง”

“มีด้วยเหรอ?”

“มีสิ  ก็กูกำลังทวงอยู่นี้ไงล่ะ”

ป่าสักเดินเข้ามาหาทุ่งธรพร้อมกับกดจมูกลงตรงซอกคอของอีกฝ่ายทันที

“ขอบคุณน่ะ  ภาพถูกใจกูมากๆเลย”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา