การผจญภัยของเซนกิ (Sengi story)
7.0
เขียนโดย milktea
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.33 น.
5 ตอน
1 วิจารณ์
6,557 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) หมู่บ้านหัวขโมยแห่งเกาะเนื้อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 หมู่บ้านหัวขโมยแห่งเกาะเนื้อ
เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยที่กำลังวิ่งอยู่ดังขึ้นแต่เช้าตรู เสียงของมันดังไปรอบๆหมู่บ้านลึกลับที่ตั้งอยู่กลางป่า ตามทางที่เด็กน้อยวิ่งไป และเสียงฝีเท้าของเด็กน้อยนั้นก็ปลุกให้ผู้คนตื่นจากการนอนหลับพักผ่อนอันยาวนาน ซะที่ไหนเล่า! ใครจะมาตื่นเพียงเพราะเด็กตัวเล็กๆวิ่งกัน ถ้าเป็นหมู่บ้นธรรมดาคงไม่มีทาง แต่ที่พวกเขาตื่นเพราะเสียงเท้านั้นเป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดา ที่นี่คือหมู่บ้านของหัวขโมยตัวร้ายทั้งหลายที่รับงานใต้ดินแทบทุกอย่างอะไรที่ผิดกฎหมายกวาดเรียบแทบทั้งหมด แต่หมู่บ้านนี้มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของเกาะและมีประชากรในหมู่บ้านเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น พวกเขาทุกคนมีทักษะการต่อสู้แบบพิเศษ สัญชาติญาณที่ดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และทักษะต่างๆอีกมากมายที่ถูกฝึกเพื่อการขโมยและการหลบหนีโดยเฉพาะทำให้ไม่เคยมีใครจับพวกเขาได้สักครั้ง พวกคุณอาจสงสัยว่าแล้วแบบนี้ชาวเมืองของเกาะเนื้อไม่วุ่นวายกันไปหมดหรือไงขโมยเท่าไหร่ก็จับไม่ได้สักรอบ แน่นอนว่าไม่เลย พวกเขาก็เป็นชาวเมืองทั่วไปที่ตอนเช้าออกไปจ่ายตลาดและกลับเข้าหมู่บ้านแบบลับๆ พวกเขารับงานแทบทุกประเภทก็จริงแต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ บางอย่างที่จะทำให้พวกเขาซวยได้
“ไงพวก” ชายวัยกลางคนยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างด้วยใบหน้าสะลึมสะลือพูดขึ้น เขามีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยเคราบางๆสีเดียวกับเส้นผม ดวงตาสีเขียวมรกตจองมองไปที่เด็กน้อยตรงหน้า อย่างงัวเงีย เขาใช้มือขยี้ตาตัวเองสองสามครั้งก่อนจะเช็ดมันกับชายเสื้ออย่างลวกๆ เด็กน้อยเห็นดังนั้นก็ส่งยิ้มให้ชายตรงหน้าอย่างร่าเริง
“ไงฮะ พ่อ” เด็กน้อยเอ่ยขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ลูกรู้ไหมว่าเมื่อคืนพ่อนอนกี่โมง” ชายที่ถูกเรียกว่าพ่อส่งยิ้มให้ลูกชายของตน แต่เด็กน้อยกลับเสียวสันหลังหวาบเพราะดูยังไงรอยยิ้มนั้นก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย เด็กน้อยได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะตอบผู้เป็นพ่อไปอย่าเกรงๆ
“เออ ก็ เที่ยงคืนมั้งฮะ” เขาหลุบตาลงต่ำทันทีที่ชายตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างขึ้น ที่จริงเขาไม่รู้หรอกเพราะเขาเข้านอนไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วแค่สุ่มเดามั่วเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้นเอง
“ไม่ใช่ พ่อพึ่งกลับมานอนยังไม่ถึง 4 ชั่วโมงเลย”
“แล้วผมก็ปลุก” เด็กน้อยรู้สึกตัวหดเล็กลงเรื่อยๆเพราะเขาเหมือนถูกสายตาของพ่อกดดันอยู่ ผู้เป็นพ่อเห็นดังนั้นก็อดกลั้นหัวเราะกับความน่ารักของลูกตัวเองไม่ได้แต่เขาก็ทำเงียบไว้เพื่อแกล้งเด็กน้อยต่อไป เขารวบรวมเสียงให้ดูเข้มขึ้นเพื่อความสมจริง ก่อนจะเปล่งมันออกไปสั้นๆ
“ใช่!” เด็กน้อยขนลุกวูบทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยกลัวใครในหมู่บ้านนี้ยกเว้นพ่อ ถึงพ่อของเขาจะใจดีมากแต่เวลาโกรธ…แค่นึกเด็กน้อยก็แทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นเขารู้สึกเหมือนขาไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาซะเฉยๆ
“ผมขอโทษ งั้นวันนี้ผมจะไปกวาดหลุมศพแม่เป็นการไถ่โทษ”เด็กน้อยพูดด้วยแววตามุ่งมั่น ดวงตาสีน้ำตาลทองของเขาทอประกายวาววับ ผมสีเปลือกไม้ตัดสั้นพอปรมาณลู่ไปตามลมเบาๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของเด็กน้อยดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
“เอางั้นหรอ” ผู้เป็นพ่อยิ้มพรางเอื้อมมือลงไปขยี้หัวลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว
“แน่นอน” เด็กน้อยตอบ
“เจนนี่ต้องดีใจแน่เลย” พูดจบเขาดึงมือตัวเองกลับมาวางที่ขอบหน้าต่างเหมือนเดิม เด็กน้อยที่จำต้องก้มหน้าลงดินเพราะแรงจากการขยี้เมื่อครู่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่ออีกครั้ง
“พ่อรู้ได้ไงว่าแม่จะดีใจ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาจำหน้าของแม่ไม่ค่อยได้เพราะเธอจากไปตั้งแต่เขาอายุแค่ 5 ขวบจนตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว
“แม่บอก”
“คนตายพูดไม่ได้ พ่อบอกเองไม่ใช่หรอฮะ”
“อ้าวเว้ย!! โจนแกสอนอะไรลูกว่ะเนี่ย!” ชายที่วัยไล่เลี่ยกับพ่อของเด็กน้อยตะโกนดังมาจากบ้านข้างๆ ที่อยู่ห่างกันแค่ 5 เมตร เด็กน้อยได้ยินแบบนั้นก็หันหลังไปโบกมือให้กับชายผู้มาใหม่อย่างอารมณ์ดี
“ก็สอนสิ่งที่พ่อควรสอนไง ฮาน” คนที่ถูกตั้งข้อสงสัยในการสอนลูกตอบอย่างหน้าตายพรางยกไหล่อย่างไม่สนใจอะไร
“เถื่อนโคตร” ฮานพูดขึ้น
“ธรรมดา”
“ธรรมดาบ้านแกดิ นี่เขาเรียกเถื่อนเว้ย” ทั้งสองเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เด็กน้อยที่หันไปหันมามองทั้งสองฝ่ายอยู่นานก็พูดขึ้นขัดขวางการเถียงของผู้ใหญ่หัวดื้อทั้งสอง
“คือ ผมไปตลาดนะฮะ” สายตาของทั้งคู่จับจ้องมาที่เด็กน้อยทันที
“ก็ได้ รีบกลับละ อย่าลืมอยู่ในป่าห้ามหยุดวิ่งเด็ดขาด” โจนาธานสั่งลูกของตนด้วยความเป็นห่วงเพราะป่าที่นี่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“รู้อยู่แล้วน่า ไม่ใช่พึ่งออกไปครั้งแรกสักหน่อย” เด็กน้อยตอบ
“รู้ก็ดี” โจนาธานถอนหายใจยาว เขารู้สึกว่าลูกเถียงเก่งขึ้นทุกวันๆอีกสักสี่ห้าปีเขาคงเอาไม่อยู่
“เซน แล้วถ้าเจอฮิวก็บอกให้รีบกลับด้วยละ” ฮานเอ่ยขึ้น เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าก่อนจะวิ่งไป แต่ยังไม่ทันวิ่งพ้นตัวบ้านไปได้เท่าไหร่นักก็ถูกเบรกไว้โดยเสียงตะโกนจากพ่อของเขาที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
“เซนกิ!! รีบกลับมาเรียนนะ!”
“แล้วจะรีบกลับฮะ!!” เด็กน้อยที่ถูกเรียกว่าเซนกิตะโกนตอบก่อนจะวิ่งหายลับเข้าป่าไป
ชายสองคนยืดคอมองเซนกิจากทางหน้าต่างบ้านของตนอย่างเป็นห่วงพวกเขาถอนหายใจพร้อมกันเมื่อมองจนร่างของเด็กน้อยหายเข้าไปในป่า
“เด็กๆออกไปข้างนอกเร็วกว่าเราอีก ฉันจำได้ว่าเราออกไปตลาดพร้อมกันตอน 10 ขวบ” ฮานว่า
พรางเอามือเท้าคางและนึกถึงอดีตของตนกับโจนาธาน
“อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมดนั้นแหละ” โจนาธานพูดขึ้น
“แกบอกเรื่องที่เซนกิไม่ใช่ลูกแท้ๆของแกกับเขารึยังว่ะ” ฮานถามขึ้นอย่างสงสัย
“บอกแล้ว ว่าเก็บมาตอนฝนตก” เขาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนทุกที
“แล้วเซนมันว่าไง”
“ก็ถามอะไรเยอะแยะ แต่ไม่แย่อย่างที่คิด”
“ฉันก็ว่าจะบอกฮิวเหมือนกัน คงไม่แย่หรอกมั้งเพราะฉันกับแกก็ถูกพวกพ่อแม่เก็บมาที่นี่เหมือนกัน” ฮานรู้ดีว่าคนอื่นก็เหมือนกับกับพวกเขามีน้อยคนมากที่เป็นลูกแท้ๆของคนในหมู่บ้านเพราะการที่เหล่าหัวขโมยจะคลอดลูกกันเองเป็นไปได้ยากเพราะอาชีพที่ทำก็ไม่เหมาะกับการตั้งท้อง เหตุผลอีกข้อคือผู้หญิงที่นี่มีน้อยจนนับคนได้ และส่วนใหญ่ก็ดันชอบเก็บแต่เด็กผู้ชายเลี้ยงมาทั้งนั้นทำให้ผู้น้อยลงไปอีก
“ฉันได้ยินว่าแกร้องไห้ตอนรู้เรื่องว่าถูกขโมยมาเลี้ยง” โจนาธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆอย่างเคยแต่มันกลับบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของฮาน เขารู้อยู่แล้วว่าฮานไม่ชอบเรื่องนี้แต่เขาก็จะพูดเพราะรู้ดีว่าเพื่อนซี้เกลียดอะไร และมันได้ผลเกินคาดฮานผงะทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก่อนจะพยายามควบคุมสติอารมณ์แล้วตอบเพื่อนรักหน้าตายกลับไป
“ชั่วมาก ตอนนั้นกูยังเด็กเว้ย” เขาพยายามควบคุมแล้วแต่ได้แค่นี้
“อืม” ถึงโจนาธานจะตอบสั้นๆแต่เป็นคำที่กรีดลึกลงไป ลึกยิ่งกว่าร่องลึกใต้สมุทรเสียอีก แต่เขาก็ต้องชินเพราะยังไงก็เถียงมันไม่ชนะ
“ช่างเถอะ!” ฮานกระแทกเสียงก่อนจะเริ่มคำถามที่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะอึกอักบ้าง
“บอกเซนด้วนรึป่าว ว่าเจนนี่เป็นน้องสาวแท้ๆของนาย”
“ไม่…ได้บอก” ฮานรู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเพื่อนพูดติดขัดเพราะกังวล ทุกคนรู้ดีว่าโจนกับเจนนี่เป็นพี่น้องที่ถูกเก็บมาพร้อมกัน แต่พวกเขารักกันมากกว่าพี่น้อง พวกเขาเข้าใจว่าจะบังเอิญไปไหมที่พี่น้องเด็กกำพร้าจะถูกเก็บมาพร้อมกันได้ พวกเขาเลยหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่และทุกอย่างก็ชัดเจนมากขึ้นเมื่อลูกคนแรกของเขาโชคไม่ดีนัก ทารกน้อยเสียชีวิตหลังคลอดเพียงไม่กี่วันและเจนนี่ก็ล้มป่วย ในวันที่ฝนตกหนักนั้นโจนาธานก็ได้ไปเก็บเซนกิมา เจนนี่ดีใจมากเธอรักเซนกิเหมือนลูกแท้ๆ แต่เธอมีโอกาสเลี้ยงดูเขาแค่เพียงห้าปีก็ต้องตายจากไป
“บางทีนายคงไม่คิดจะบอก” ฮานพูดเสริมและมันจี้ใจดำโจนาธานอยู่ไม่น้อย แต่ความครึมสยบทุกอย่างเขารู้ดีเพราะใช้มันบ่อย
“ถ้าเซนไม่ถาม ก็ไม่”
“เป็นฉันก็คงไม่มั้ง” เขาทำท่ายกไหล่เลียบแบบเหมือนที่โจนทำก่อนหน้านี้และนั้นทำให้คนถูกล้อหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ฮานก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจทียั่วเพื่อนสำเร็จ
“ฉันจะไปอาบน้ำ คุยกับแกแล้วจะบ้าตาย” พูดจบชายนามว่าโจนาธาน เบอรอฟ ก็เดินหายไปทิ้งให้เพื่อนของเขายืนเกาะขอบหน้าต่างยิ้มอยู่เพียงลำพังราวกับคนบ้า
เสียงผู้คนดังระงมไปทั่วทั้งตลาดสด กลิ่นของคาว ของหวาน คละคลุ้งกันไป มีทั้งหอมจนน้ำลายสอ และกลิ่นปลาสด เนื้อสดของเหล่าพ่อค้าหัวหมอทั้งหลายที่มาพร้อมกลยุทธอันแพรวพราวในการขายของสภาพตลาดเหมือนซอยขนาดใหญ่ที่มีทั้งร้านประจำและร้านแผงลอยตั้งอยู่ติดกันเต็มไปหมด มีทั้งร้านขายผ้า ร้านที่ขายเครื่องประดับ ร้านขายรองเท้าสตรีและบุรุษ ร้านขายตั๋วเรือที่ดูหรูสดุดตา และร้านที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้คือร้านขายผักและผลไม้ ที่ทั้งหรูหราและอลังการงานสร้างในตลาดมีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น เพราะผลผลิตจากพืชเป็นของหายากบนเกาะเนื้อแห่งนี้ ร้านแผงลอยและร้านที่ตั้งประจำอยู่กับที่หลายแห่งจึงเป็นร้านเนื้อเสียส่วนมาก ตลาดในช่วงเช้าดูมีสีสันเป็นพิเศษ ผู้คนเดินเบียดเสียดดูเนื่องแน่นแต่ก็ดูคึกคักด้วยเช่นกัน มีทั้งคนที่ดูฐานะไม่ค่อยดีเท่าใดเขาสวมเสื้อขาดๆกางเกงและรองเท้าดูเก่า พวกคนทั่วไปที่ดูน่าจะมีเยอะที่สุดพวกเขาจะมีเอกลักษณ์คือการถือตระกร้าใส่ของคนละใบสองใบและเดินจับจ่ายใช้สอยอย่างชำนาญ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือคนที่ดูมีฐานะพวกเขาสวมชุดสีสดเป็นผ้าอย่างดีและเครื่องประดับเล็กน้อยที่ดูแพงหูฉี่พวกเขาจะมีคนค่อยเดินตามเพื่อถือของหรือถือเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆให้ เซนกิเดินแทรกผ่านฝูงชนไปอย่างมีความสุขพรางคิดในใจว่าวันนี้เขาจะทำอะไรดีที่น่าสนุก แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็มีเสียงของผู้คนจำนวนมากร้องเชียร์อะไรบางอย่าง เซนกิมองหาต้นเสียงนั้นก่อนจะพบว่ามุมหนึ่งของถนนห่างจากที่เขายืนอยู่ไปนิดหน่อยมีผู้คนจับกลุ่มกันหลายสิบคนทั้งชายและหญิงมุงดูอะไรบางอย่างในวงล้อมนั้นอย่างตื่นเต้น เซนกิเห็นดังนั้นก็กิ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเป้าหมายทันที พอมาถึงกำแพงมนุษย์ขนาดใหญ่เด็กน้อยก็ลงมือใช้วิชามารแทรกตัวเข้าไปเรื่อยๆผ่านพวกผู้ใหญ่จำนวนมากจนในที่สุดก็เข้ามาถึงด้านหน้าของวงล้อมได้สำเร็จ ภาพที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนั้นก็คือ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังหลบลูกเตะแน่นๆของชายร่างยักษ์ที่ท่อนขาและแขนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่างของชายผิวแทนที่ดูแข็งแกร่งบัดนี้มันชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลอาบไปทั่วทั้งตัวของเขา ผมสีทองที่ถูกเปียยาวถึงกลางหลังหลุดลุ่ยออกมาบางส่วนดูก็รู้ว่าเขาต่อสู้มาได้สักพักแล้วและเขาเองก็ยังหาหนทางที่จะหยุดเด็กลิงตรงหน้าลงไม่ได้ ผู้คนโดยรอบร้องเชียร์อย่างเมามันพรางโยนเงินลงในหมวกใบโตที่ชายผอมแห้งถือไว้ ชายผอมแห้งที่ดูเหมือนคนจัดแสดงละครนี้เดินไปรอบๆวงช้าๆ เขายื่นหมวกใบเดิมไปทางคนดูและเดินวนไปเรื่อยๆมีคนใส่เงินเพิ่มขึ้นจนแทบทะลักออกมาจากหมวก เขายิ้มอย่างเปรียมสุขก่อนจะเริ่มตะโกนเพื่อเรียกคนดูเพิ่มอีก
“เชิญครับพ่อแม่พี่น้อง! มาดูกันว่าเด็กน้อยจะรอดจากเงื้อมมือของยักษ์แห่งเกาะเนื้อไปได้หรือไม่”
“ฉันลงข้างเด็ก 100 จิม!” ชาวเมืองตะโกนอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นทีท่าคล่องตัวของเด็กตรงหน้ามันสร้างความตื่นเต้นให้พวกเขาเป็นอย่างมากเพราะตั้งแต่สู้มา เด็กน้อยก็ยังไม่ถูกต่อยเลยสักหมัด เซนกิเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาวอย่างตื่นเต้นจากที่ตอนแรกเขาตกใจที่เห็นคนตรงหน้าแต่ตอนนี้เขาก็อยากช่วยเชียร์เพื่อนของตัวเองเหมือนกัน
“ฮิว!! พยายามเข้า” เซนกิตะโกนก่อนจะโบกมือให้เพื่อนอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เด็กน้อยผมสีดำสนิทตัดสั้นพอประมาณที่ถูกเรียกว่าฮิวหันหน้ามาทางต้นเสียงหลังจากหลบลูกเตะของชายผมทองพ้นแบบเฉียดฉิวพอดี ดวงตาสีม่วงเข้มเพ่งมองคนที่พึ่งตะโกนเรียกเขาสักครู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาและเริ่มสวนกลับชายร่างยักษ์บ้าง เขารู้สึกหมือนมีแรงฮึดมากขึ้นเพราะท่าเขาพลาดเซนต้องช่วยเขาแน่นอนฮิวเตะเข้าที่ปลายคางของชายผมทองย่างจังและนั้นทำให้ชายร่างยักษ์เซไปนิดหน่อย ฮิวลงมายืนกับพื้นพรางหอบหายใจถี่ การสู้กับผู้ใหญ่แบบนี้มันเป็นงานหลักเอาการอยู่ที่เขาได้แต่หลบเพราะการโจมตีมันต้องใช่แรงเยอะมาก เขารู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางล้มคนตรงหน้าได้ถ้าเขาอยู่คนเดียว แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อการโจมตีระลอกใหญ่ก็กลับมาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
“หนูเด็กคนนั้นชื่อฮิวรึ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนอยู้ด้านหลังเด็กน้อยพูดขึ้น เซนกิจึงต้องละสายตาจากเพื่อนแล้วหันไปทางต้นเสียง
“ฮะ เพื่อนผมเอง”
“โอ เพื่อนเธอเก่งสุดยอดไปเลยนะ แล้วเธอละทำแบบนั้นได้ไหม” ชายแปลกหน้าว่าพรางสะบัดหน้าไปทางฮิวเบาๆเป็นเชิงให้เซนกิหันไปดู
“คิดว่าไงละฮะ” เซนกิหันกลับมาก่อนจะสบตาชายแปลกหน้าอย่างตั้งข้อสงสัย เขาไม่ได้คิดอะไรแค่อยากแน่ใจว่าไม่ได้ถูกหลอกถามอะไรแปลกๆ
“ฉันว่าเธอทำได้นะ” ชายแปลกหน้ารู้ดีว่าลักษณะการต่อสู้ที่เด็กคนนั้นใช้มันแตกต่างและไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาเลยอยากจะหลอกถามเพื่อนของเด็กน้อยที่ต่อสู้อยู่ดูสักหน่อย
“หรอฮะ” เซนกิระบายยิ้มอ่อนๆให้กับชายตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรรึเปล่าแต่แค่รู้สึกว่าต้องป้องกันตัวไว้เท่านั้น
“พวกเธอไปเรียนวิชาพวกนี้มาจากไหนหรอมันดูเท่มากเลยนะ”
“ที่บ้าน”
“จริงหรอ ฉันอยากส่งลูกสาวไปเรียนบ้างจัง เธอจะได้ไม่ถูกรังแก” ชายแปลกหน้าพูดพรางถอนหายใจ ดูก็รู้ว่าแกล้งทำเซนกิถูกฝึกมาให้ทำทำแบบคนประเภทนี้เพราะฉะนั้นเข้าถึงรู้ว่าชายตรงหน้าโกหกดีไม่ดีอาจรวมไปถึงเรื่องลูกสาวด้วย
“ทำไมคุณไม่สอนเธอเองละ” เซนกิมองหน้าเขาอย่างไร้เดียงสา
“ฉันไม่มีวิชาพวกนี้หรอก” เขาโกหกอีกครั้ง
“พวกผมแค่เด็กกำพร้าแล้วไปเจอคนที่สอนวิชาให้ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว” เซนกิโกหกคำโตก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนของตนสู้ต่อ ชายแปลกหน้าผงะไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่คิดว่าจะเจอการตัดบทสนทนาแบบนี้ เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอาละๆ ดูเหมือนถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่รู้ผลแน่ ผมจะต่อให้เด็กน้อยหาตัวช่วยหนึ่งคน” ชายร่างยักษ์มองขวับไปที่ชายผอมแห้งทันที เขาไม่รู้ว่าเพื่อนบ้าจะทำอะไรแต่ถ้าเพิ่มมาอีกคนเขาต้องไม่ไหวแน่และดูเหมือนชายผอมแห้งจะรู้ตัวเลยพูดเสริมขึ้นอีกว่า
“แต่ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น” ชาวเมืองส่งเสียงโห่ลั้นดังไปทั่ว บ้าไปแล้วรึไงพวกเขาคิดแบบนั้น ฮิวมองไปที่เซนกิทันที เขารู้ว่าเซนต้องอยากช่วยแน่ติดแค่มันเป็นผู้ชาย ฮิวถอนหายใจพรืดก่อนจะตะโกนออกไป
“พี่สาวคนไหนอยากมาช่วยผมบ้างครับ” เขาพูดพรางมองไปรอบๆ ถึงจะมีพี่สาวหลายคนอยากช่วยเขาเพราะความน่ารักของเด็กน้อย ที่ตอนนี้ยืนบาดเหงื่อเม็ดโตที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าอย่างลวกๆ
“มีไหมๆ” ชายผอมแห้งถามอีกครั้ง “ถ้าไม่ผมจะปรับแพ้เด็กน้อยอดเงินรางวัลนะครับ” พวกบ้านี่แย่กว่าเราอีกฮิวนึกในใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าเช่นนั้น..”
“เดี๋ยวค่ะ!!” เสียงเล็กๆของใครคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าของเสียงเดินออกไปกลางวงตรงเข้าไปหาเด็กชายที่ยืนอึ้งอยู่ทันที ฮิวยืนนึ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะกลั่นหัวเราะอย่างสุดชีวิต เด็กสาวตัวเท่าๆกับเขาที่เสนอตัวเขามาช่วยอยู่ในชุดกระโปรงบานสีชมพูประดับลูกไม้ละเอียดเส้นผมทวินเทลสีทองเป็นลอนสวยกับรองเท้าเด็กผู้ชายเก่าๆที่ไม่เข้ากันโคตรๆ คนทั้งวงที่อึ้งอยู่ก็พากันปรบมือชอบใจกันใหญ่และหนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“แฟนหรอจ๊ะหนู” สิ้นเสียงแซวเสียงหัวเราะก็ดังระงมขึ้นทันที และนั้นทำให้ฮิวแทบอยากเอาหัวหมุดลงดินให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดูเหมือนน้องสาวผมทวิลเทลตรงหน้าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บิดไปบิดมาเหมือนเขินอะไรบ้างอย่าง
“เซนไม่สมจริงไปหน่อยหรอไง” ฮิวกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ
“เดียวโดนจับได้” เซนกระซิบบ้าง แต่ดูเหมือนการกระทำของพวกเขาจะไปแตะตาใครเข้า
“ว้ายๆ!! หอมแก้มกันด้วย” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นทำให้เสียงโห่ร้องตามมาทันที ทั้งสองถึงกับชะงักแล้วรีบตั้งท่าต่อสู้โดยหันหลังชนกันอย่างรวดเร็วเพื่อมันจะดูแมนขึ้นบ้าง พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกผู้ใหญ่คิดบ้าอะไรกันแน่ การต่อสู้เพื่อเงินรางวัลเริ่มขึ้นทันทีเด็กทั้งสองมองหน้ากันเหมือนรู้ว่าต้องทำอะไรพวกเขาจะจบเกมนี้แค่ทำให้ชายคนนั้นลงไปนอนกับพื้นได้พวกเขาจะชนะและได้เงินทั้งหมดในหมวกใบนั้นฮิวถอยห่างจากชายผมทองก่อนจะประสานมือกันไว้ข้างลำตัว เซนกิถีบเข้าที่เขาของชายตรงหน้าก่อนจะวิ่งไปหาฮิวเขาหมุนตัวหันหน้าหาชายร่างยักษ์ที่กำลังกุมเข่าตนเองด้วยความเจ็บปวดปนโมโห เซนกิกระโดดพรวดขึ้นเยียบมือเพื่อนทันทีก่อนจะพุ่งไปข้างห้าด้วยแรงเหวี่ยงและแรงกระโดดชายร่ายักษ์เงยหน้าขึ้นมองแต่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเท้าเสยเข้าเต็มปลายคางจนหน้าหงาย ฮิวที่เสียหลักจากแรงกระโดดนิดหน่อยกลับมาตั้งลำก่อนจะพุ่งเข้าไปตวัดขาเตะเข้าที่ข้อพับเต็มแรงชายร่างยักษ์เสียหลักล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เสียงปรบมือดังระงมไปทั่วจากการต่อสูแทบลืมหายใจของทั้งสอง ชายร่างแห้งจำใจมอบเงินทั้งหมดในหมวกให้กับเด็กน้อยไป ทั้งฮิวและเซนกิถูกเหล่าคนดูจับแล้วโยนขึ้นลงอย่างดีใจโดยลืมไปว่า…แหมะ! เสียงอะไรบางอย่างตกลงไปโดนหน้าของใครบางคนและหล่นลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพชายผอมแห้งเก็บมันขึ้นมาก่อนจะชูมันขึ้นจนสุดแขนพรางตะโกนเสียงดังลั่น
“มันไม่ใช่เด็กผู้หญิง!!!” ชาวเมืองระแวกนั้นหันไปมองที่วิกผมสีทองทรงทวินเทลเป็นตาเดียวก่อนที่เหล่าคนดูที่แบกเด็กน้อยอยู่จะรู้ตัวว่าพวกเขาโยนชุดสีชมพูลายลูกไม้มาสักพักแล้ว
ฮิวและเซนกิวิ่งพรวดพราดผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกนั้นคงรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เล่นตามกฎเพราะเด็กผมทองไม่ใช่ผู้หญิงตามกติกา
“เซนหยุดทำไม เดียวก็โดดเอาเงินคืนหรอก” ฮิวพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนที่ยืนดูใบประกาศบางอย่างอยู่
“ฉันพยายามอ่านมันอยู่ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับการสอบนักรบอะไรสักอย่าง” เซนพูดขึ้น
“คนของทางการหรอ แต่นักรบก็เท่จริงๆนั้นแหละ” พูดจบฮิวก็ดึงกระดาษใบนั้นออกมาแล้วม้วนๆมันก่อนจะยืนให้เพื่อนของตนถือไว้
“โห แกดึงของของทางการหรอ” เซนกิว่าพรางยิ้มร้าย ใครก็รู้ว่าดึงประกาศของทางการมันผิดกฎหมาย
“ถึงฉันไม่ทำแกก็ทำไปเถอะ” ฮิวพูดจบก็ออกวิ่งนำไปก่อนทันที
“ลืมไปว่าเราเป็นหัวขโมยนิ” เซนกิพูดจบก็วิ่งตามเพื่อนซี้ไปติดๆ ทั้งหมู่บ้านมีแค่เขากับฮิวเท่านั้นที่เป็นเด็กเพราะแบบนั้นเขาถึงได้สนิทกันมากๆ
ตอนต่อไป… เวลาผ่านไป 10 ปี ทั้งคู่เติมโตขึ้น การทดสอบเป็นนักรบที่แต่ละครั้งจะมีคนสมัครเกือบ 500 คน แต่คนที่ได้เป็นนักรบมีเพียง 20 คนเท่านั้นจะเป็นการทดสอบแบบไหนกันนะ แล้วเพื่อนใหม่ของเขาทั้งสองจะเป็นใครกัน!!
เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยที่กำลังวิ่งอยู่ดังขึ้นแต่เช้าตรู เสียงของมันดังไปรอบๆหมู่บ้านลึกลับที่ตั้งอยู่กลางป่า ตามทางที่เด็กน้อยวิ่งไป และเสียงฝีเท้าของเด็กน้อยนั้นก็ปลุกให้ผู้คนตื่นจากการนอนหลับพักผ่อนอันยาวนาน ซะที่ไหนเล่า! ใครจะมาตื่นเพียงเพราะเด็กตัวเล็กๆวิ่งกัน ถ้าเป็นหมู่บ้นธรรมดาคงไม่มีทาง แต่ที่พวกเขาตื่นเพราะเสียงเท้านั้นเป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดา ที่นี่คือหมู่บ้านของหัวขโมยตัวร้ายทั้งหลายที่รับงานใต้ดินแทบทุกอย่างอะไรที่ผิดกฎหมายกวาดเรียบแทบทั้งหมด แต่หมู่บ้านนี้มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของเกาะและมีประชากรในหมู่บ้านเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น พวกเขาทุกคนมีทักษะการต่อสู้แบบพิเศษ สัญชาติญาณที่ดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และทักษะต่างๆอีกมากมายที่ถูกฝึกเพื่อการขโมยและการหลบหนีโดยเฉพาะทำให้ไม่เคยมีใครจับพวกเขาได้สักครั้ง พวกคุณอาจสงสัยว่าแล้วแบบนี้ชาวเมืองของเกาะเนื้อไม่วุ่นวายกันไปหมดหรือไงขโมยเท่าไหร่ก็จับไม่ได้สักรอบ แน่นอนว่าไม่เลย พวกเขาก็เป็นชาวเมืองทั่วไปที่ตอนเช้าออกไปจ่ายตลาดและกลับเข้าหมู่บ้านแบบลับๆ พวกเขารับงานแทบทุกประเภทก็จริงแต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ บางอย่างที่จะทำให้พวกเขาซวยได้
“ไงพวก” ชายวัยกลางคนยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างด้วยใบหน้าสะลึมสะลือพูดขึ้น เขามีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยเคราบางๆสีเดียวกับเส้นผม ดวงตาสีเขียวมรกตจองมองไปที่เด็กน้อยตรงหน้า อย่างงัวเงีย เขาใช้มือขยี้ตาตัวเองสองสามครั้งก่อนจะเช็ดมันกับชายเสื้ออย่างลวกๆ เด็กน้อยเห็นดังนั้นก็ส่งยิ้มให้ชายตรงหน้าอย่างร่าเริง
“ไงฮะ พ่อ” เด็กน้อยเอ่ยขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ลูกรู้ไหมว่าเมื่อคืนพ่อนอนกี่โมง” ชายที่ถูกเรียกว่าพ่อส่งยิ้มให้ลูกชายของตน แต่เด็กน้อยกลับเสียวสันหลังหวาบเพราะดูยังไงรอยยิ้มนั้นก็ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย เด็กน้อยได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะตอบผู้เป็นพ่อไปอย่าเกรงๆ
“เออ ก็ เที่ยงคืนมั้งฮะ” เขาหลุบตาลงต่ำทันทีที่ชายตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างขึ้น ที่จริงเขาไม่รู้หรอกเพราะเขาเข้านอนไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วแค่สุ่มเดามั่วเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้นเอง
“ไม่ใช่ พ่อพึ่งกลับมานอนยังไม่ถึง 4 ชั่วโมงเลย”
“แล้วผมก็ปลุก” เด็กน้อยรู้สึกตัวหดเล็กลงเรื่อยๆเพราะเขาเหมือนถูกสายตาของพ่อกดดันอยู่ ผู้เป็นพ่อเห็นดังนั้นก็อดกลั้นหัวเราะกับความน่ารักของลูกตัวเองไม่ได้แต่เขาก็ทำเงียบไว้เพื่อแกล้งเด็กน้อยต่อไป เขารวบรวมเสียงให้ดูเข้มขึ้นเพื่อความสมจริง ก่อนจะเปล่งมันออกไปสั้นๆ
“ใช่!” เด็กน้อยขนลุกวูบทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยกลัวใครในหมู่บ้านนี้ยกเว้นพ่อ ถึงพ่อของเขาจะใจดีมากแต่เวลาโกรธ…แค่นึกเด็กน้อยก็แทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นเขารู้สึกเหมือนขาไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาซะเฉยๆ
“ผมขอโทษ งั้นวันนี้ผมจะไปกวาดหลุมศพแม่เป็นการไถ่โทษ”เด็กน้อยพูดด้วยแววตามุ่งมั่น ดวงตาสีน้ำตาลทองของเขาทอประกายวาววับ ผมสีเปลือกไม้ตัดสั้นพอปรมาณลู่ไปตามลมเบาๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของเด็กน้อยดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
“เอางั้นหรอ” ผู้เป็นพ่อยิ้มพรางเอื้อมมือลงไปขยี้หัวลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว
“แน่นอน” เด็กน้อยตอบ
“เจนนี่ต้องดีใจแน่เลย” พูดจบเขาดึงมือตัวเองกลับมาวางที่ขอบหน้าต่างเหมือนเดิม เด็กน้อยที่จำต้องก้มหน้าลงดินเพราะแรงจากการขยี้เมื่อครู่ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่ออีกครั้ง
“พ่อรู้ได้ไงว่าแม่จะดีใจ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาจำหน้าของแม่ไม่ค่อยได้เพราะเธอจากไปตั้งแต่เขาอายุแค่ 5 ขวบจนตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว
“แม่บอก”
“คนตายพูดไม่ได้ พ่อบอกเองไม่ใช่หรอฮะ”
“อ้าวเว้ย!! โจนแกสอนอะไรลูกว่ะเนี่ย!” ชายที่วัยไล่เลี่ยกับพ่อของเด็กน้อยตะโกนดังมาจากบ้านข้างๆ ที่อยู่ห่างกันแค่ 5 เมตร เด็กน้อยได้ยินแบบนั้นก็หันหลังไปโบกมือให้กับชายผู้มาใหม่อย่างอารมณ์ดี
“ก็สอนสิ่งที่พ่อควรสอนไง ฮาน” คนที่ถูกตั้งข้อสงสัยในการสอนลูกตอบอย่างหน้าตายพรางยกไหล่อย่างไม่สนใจอะไร
“เถื่อนโคตร” ฮานพูดขึ้น
“ธรรมดา”
“ธรรมดาบ้านแกดิ นี่เขาเรียกเถื่อนเว้ย” ทั้งสองเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เด็กน้อยที่หันไปหันมามองทั้งสองฝ่ายอยู่นานก็พูดขึ้นขัดขวางการเถียงของผู้ใหญ่หัวดื้อทั้งสอง
“คือ ผมไปตลาดนะฮะ” สายตาของทั้งคู่จับจ้องมาที่เด็กน้อยทันที
“ก็ได้ รีบกลับละ อย่าลืมอยู่ในป่าห้ามหยุดวิ่งเด็ดขาด” โจนาธานสั่งลูกของตนด้วยความเป็นห่วงเพราะป่าที่นี่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“รู้อยู่แล้วน่า ไม่ใช่พึ่งออกไปครั้งแรกสักหน่อย” เด็กน้อยตอบ
“รู้ก็ดี” โจนาธานถอนหายใจยาว เขารู้สึกว่าลูกเถียงเก่งขึ้นทุกวันๆอีกสักสี่ห้าปีเขาคงเอาไม่อยู่
“เซน แล้วถ้าเจอฮิวก็บอกให้รีบกลับด้วยละ” ฮานเอ่ยขึ้น เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าก่อนจะวิ่งไป แต่ยังไม่ทันวิ่งพ้นตัวบ้านไปได้เท่าไหร่นักก็ถูกเบรกไว้โดยเสียงตะโกนจากพ่อของเขาที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
“เซนกิ!! รีบกลับมาเรียนนะ!”
“แล้วจะรีบกลับฮะ!!” เด็กน้อยที่ถูกเรียกว่าเซนกิตะโกนตอบก่อนจะวิ่งหายลับเข้าป่าไป
ชายสองคนยืดคอมองเซนกิจากทางหน้าต่างบ้านของตนอย่างเป็นห่วงพวกเขาถอนหายใจพร้อมกันเมื่อมองจนร่างของเด็กน้อยหายเข้าไปในป่า
“เด็กๆออกไปข้างนอกเร็วกว่าเราอีก ฉันจำได้ว่าเราออกไปตลาดพร้อมกันตอน 10 ขวบ” ฮานว่า
พรางเอามือเท้าคางและนึกถึงอดีตของตนกับโจนาธาน
“อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมดนั้นแหละ” โจนาธานพูดขึ้น
“แกบอกเรื่องที่เซนกิไม่ใช่ลูกแท้ๆของแกกับเขารึยังว่ะ” ฮานถามขึ้นอย่างสงสัย
“บอกแล้ว ว่าเก็บมาตอนฝนตก” เขาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนทุกที
“แล้วเซนมันว่าไง”
“ก็ถามอะไรเยอะแยะ แต่ไม่แย่อย่างที่คิด”
“ฉันก็ว่าจะบอกฮิวเหมือนกัน คงไม่แย่หรอกมั้งเพราะฉันกับแกก็ถูกพวกพ่อแม่เก็บมาที่นี่เหมือนกัน” ฮานรู้ดีว่าคนอื่นก็เหมือนกับกับพวกเขามีน้อยคนมากที่เป็นลูกแท้ๆของคนในหมู่บ้านเพราะการที่เหล่าหัวขโมยจะคลอดลูกกันเองเป็นไปได้ยากเพราะอาชีพที่ทำก็ไม่เหมาะกับการตั้งท้อง เหตุผลอีกข้อคือผู้หญิงที่นี่มีน้อยจนนับคนได้ และส่วนใหญ่ก็ดันชอบเก็บแต่เด็กผู้ชายเลี้ยงมาทั้งนั้นทำให้ผู้น้อยลงไปอีก
“ฉันได้ยินว่าแกร้องไห้ตอนรู้เรื่องว่าถูกขโมยมาเลี้ยง” โจนาธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆอย่างเคยแต่มันกลับบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของฮาน เขารู้อยู่แล้วว่าฮานไม่ชอบเรื่องนี้แต่เขาก็จะพูดเพราะรู้ดีว่าเพื่อนซี้เกลียดอะไร และมันได้ผลเกินคาดฮานผงะทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก่อนจะพยายามควบคุมสติอารมณ์แล้วตอบเพื่อนรักหน้าตายกลับไป
“ชั่วมาก ตอนนั้นกูยังเด็กเว้ย” เขาพยายามควบคุมแล้วแต่ได้แค่นี้
“อืม” ถึงโจนาธานจะตอบสั้นๆแต่เป็นคำที่กรีดลึกลงไป ลึกยิ่งกว่าร่องลึกใต้สมุทรเสียอีก แต่เขาก็ต้องชินเพราะยังไงก็เถียงมันไม่ชนะ
“ช่างเถอะ!” ฮานกระแทกเสียงก่อนจะเริ่มคำถามที่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะอึกอักบ้าง
“บอกเซนด้วนรึป่าว ว่าเจนนี่เป็นน้องสาวแท้ๆของนาย”
“ไม่…ได้บอก” ฮานรู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเพื่อนพูดติดขัดเพราะกังวล ทุกคนรู้ดีว่าโจนกับเจนนี่เป็นพี่น้องที่ถูกเก็บมาพร้อมกัน แต่พวกเขารักกันมากกว่าพี่น้อง พวกเขาเข้าใจว่าจะบังเอิญไปไหมที่พี่น้องเด็กกำพร้าจะถูกเก็บมาพร้อมกันได้ พวกเขาเลยหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่และทุกอย่างก็ชัดเจนมากขึ้นเมื่อลูกคนแรกของเขาโชคไม่ดีนัก ทารกน้อยเสียชีวิตหลังคลอดเพียงไม่กี่วันและเจนนี่ก็ล้มป่วย ในวันที่ฝนตกหนักนั้นโจนาธานก็ได้ไปเก็บเซนกิมา เจนนี่ดีใจมากเธอรักเซนกิเหมือนลูกแท้ๆ แต่เธอมีโอกาสเลี้ยงดูเขาแค่เพียงห้าปีก็ต้องตายจากไป
“บางทีนายคงไม่คิดจะบอก” ฮานพูดเสริมและมันจี้ใจดำโจนาธานอยู่ไม่น้อย แต่ความครึมสยบทุกอย่างเขารู้ดีเพราะใช้มันบ่อย
“ถ้าเซนไม่ถาม ก็ไม่”
“เป็นฉันก็คงไม่มั้ง” เขาทำท่ายกไหล่เลียบแบบเหมือนที่โจนทำก่อนหน้านี้และนั้นทำให้คนถูกล้อหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ฮานก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจทียั่วเพื่อนสำเร็จ
“ฉันจะไปอาบน้ำ คุยกับแกแล้วจะบ้าตาย” พูดจบชายนามว่าโจนาธาน เบอรอฟ ก็เดินหายไปทิ้งให้เพื่อนของเขายืนเกาะขอบหน้าต่างยิ้มอยู่เพียงลำพังราวกับคนบ้า
เสียงผู้คนดังระงมไปทั่วทั้งตลาดสด กลิ่นของคาว ของหวาน คละคลุ้งกันไป มีทั้งหอมจนน้ำลายสอ และกลิ่นปลาสด เนื้อสดของเหล่าพ่อค้าหัวหมอทั้งหลายที่มาพร้อมกลยุทธอันแพรวพราวในการขายของสภาพตลาดเหมือนซอยขนาดใหญ่ที่มีทั้งร้านประจำและร้านแผงลอยตั้งอยู่ติดกันเต็มไปหมด มีทั้งร้านขายผ้า ร้านที่ขายเครื่องประดับ ร้านขายรองเท้าสตรีและบุรุษ ร้านขายตั๋วเรือที่ดูหรูสดุดตา และร้านที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้คือร้านขายผักและผลไม้ ที่ทั้งหรูหราและอลังการงานสร้างในตลาดมีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น เพราะผลผลิตจากพืชเป็นของหายากบนเกาะเนื้อแห่งนี้ ร้านแผงลอยและร้านที่ตั้งประจำอยู่กับที่หลายแห่งจึงเป็นร้านเนื้อเสียส่วนมาก ตลาดในช่วงเช้าดูมีสีสันเป็นพิเศษ ผู้คนเดินเบียดเสียดดูเนื่องแน่นแต่ก็ดูคึกคักด้วยเช่นกัน มีทั้งคนที่ดูฐานะไม่ค่อยดีเท่าใดเขาสวมเสื้อขาดๆกางเกงและรองเท้าดูเก่า พวกคนทั่วไปที่ดูน่าจะมีเยอะที่สุดพวกเขาจะมีเอกลักษณ์คือการถือตระกร้าใส่ของคนละใบสองใบและเดินจับจ่ายใช้สอยอย่างชำนาญ ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือคนที่ดูมีฐานะพวกเขาสวมชุดสีสดเป็นผ้าอย่างดีและเครื่องประดับเล็กน้อยที่ดูแพงหูฉี่พวกเขาจะมีคนค่อยเดินตามเพื่อถือของหรือถือเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆให้ เซนกิเดินแทรกผ่านฝูงชนไปอย่างมีความสุขพรางคิดในใจว่าวันนี้เขาจะทำอะไรดีที่น่าสนุก แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็มีเสียงของผู้คนจำนวนมากร้องเชียร์อะไรบางอย่าง เซนกิมองหาต้นเสียงนั้นก่อนจะพบว่ามุมหนึ่งของถนนห่างจากที่เขายืนอยู่ไปนิดหน่อยมีผู้คนจับกลุ่มกันหลายสิบคนทั้งชายและหญิงมุงดูอะไรบางอย่างในวงล้อมนั้นอย่างตื่นเต้น เซนกิเห็นดังนั้นก็กิ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเป้าหมายทันที พอมาถึงกำแพงมนุษย์ขนาดใหญ่เด็กน้อยก็ลงมือใช้วิชามารแทรกตัวเข้าไปเรื่อยๆผ่านพวกผู้ใหญ่จำนวนมากจนในที่สุดก็เข้ามาถึงด้านหน้าของวงล้อมได้สำเร็จ ภาพที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนั้นก็คือ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังหลบลูกเตะแน่นๆของชายร่างยักษ์ที่ท่อนขาและแขนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่างของชายผิวแทนที่ดูแข็งแกร่งบัดนี้มันชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลอาบไปทั่วทั้งตัวของเขา ผมสีทองที่ถูกเปียยาวถึงกลางหลังหลุดลุ่ยออกมาบางส่วนดูก็รู้ว่าเขาต่อสู้มาได้สักพักแล้วและเขาเองก็ยังหาหนทางที่จะหยุดเด็กลิงตรงหน้าลงไม่ได้ ผู้คนโดยรอบร้องเชียร์อย่างเมามันพรางโยนเงินลงในหมวกใบโตที่ชายผอมแห้งถือไว้ ชายผอมแห้งที่ดูเหมือนคนจัดแสดงละครนี้เดินไปรอบๆวงช้าๆ เขายื่นหมวกใบเดิมไปทางคนดูและเดินวนไปเรื่อยๆมีคนใส่เงินเพิ่มขึ้นจนแทบทะลักออกมาจากหมวก เขายิ้มอย่างเปรียมสุขก่อนจะเริ่มตะโกนเพื่อเรียกคนดูเพิ่มอีก
“เชิญครับพ่อแม่พี่น้อง! มาดูกันว่าเด็กน้อยจะรอดจากเงื้อมมือของยักษ์แห่งเกาะเนื้อไปได้หรือไม่”
“ฉันลงข้างเด็ก 100 จิม!” ชาวเมืองตะโกนอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นทีท่าคล่องตัวของเด็กตรงหน้ามันสร้างความตื่นเต้นให้พวกเขาเป็นอย่างมากเพราะตั้งแต่สู้มา เด็กน้อยก็ยังไม่ถูกต่อยเลยสักหมัด เซนกิเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาวอย่างตื่นเต้นจากที่ตอนแรกเขาตกใจที่เห็นคนตรงหน้าแต่ตอนนี้เขาก็อยากช่วยเชียร์เพื่อนของตัวเองเหมือนกัน
“ฮิว!! พยายามเข้า” เซนกิตะโกนก่อนจะโบกมือให้เพื่อนอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เด็กน้อยผมสีดำสนิทตัดสั้นพอประมาณที่ถูกเรียกว่าฮิวหันหน้ามาทางต้นเสียงหลังจากหลบลูกเตะของชายผมทองพ้นแบบเฉียดฉิวพอดี ดวงตาสีม่วงเข้มเพ่งมองคนที่พึ่งตะโกนเรียกเขาสักครู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาและเริ่มสวนกลับชายร่างยักษ์บ้าง เขารู้สึกหมือนมีแรงฮึดมากขึ้นเพราะท่าเขาพลาดเซนต้องช่วยเขาแน่นอนฮิวเตะเข้าที่ปลายคางของชายผมทองย่างจังและนั้นทำให้ชายร่างยักษ์เซไปนิดหน่อย ฮิวลงมายืนกับพื้นพรางหอบหายใจถี่ การสู้กับผู้ใหญ่แบบนี้มันเป็นงานหลักเอาการอยู่ที่เขาได้แต่หลบเพราะการโจมตีมันต้องใช่แรงเยอะมาก เขารู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางล้มคนตรงหน้าได้ถ้าเขาอยู่คนเดียว แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อการโจมตีระลอกใหญ่ก็กลับมาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
“หนูเด็กคนนั้นชื่อฮิวรึ” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนอยู้ด้านหลังเด็กน้อยพูดขึ้น เซนกิจึงต้องละสายตาจากเพื่อนแล้วหันไปทางต้นเสียง
“ฮะ เพื่อนผมเอง”
“โอ เพื่อนเธอเก่งสุดยอดไปเลยนะ แล้วเธอละทำแบบนั้นได้ไหม” ชายแปลกหน้าว่าพรางสะบัดหน้าไปทางฮิวเบาๆเป็นเชิงให้เซนกิหันไปดู
“คิดว่าไงละฮะ” เซนกิหันกลับมาก่อนจะสบตาชายแปลกหน้าอย่างตั้งข้อสงสัย เขาไม่ได้คิดอะไรแค่อยากแน่ใจว่าไม่ได้ถูกหลอกถามอะไรแปลกๆ
“ฉันว่าเธอทำได้นะ” ชายแปลกหน้ารู้ดีว่าลักษณะการต่อสู้ที่เด็กคนนั้นใช้มันแตกต่างและไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาเลยอยากจะหลอกถามเพื่อนของเด็กน้อยที่ต่อสู้อยู่ดูสักหน่อย
“หรอฮะ” เซนกิระบายยิ้มอ่อนๆให้กับชายตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรรึเปล่าแต่แค่รู้สึกว่าต้องป้องกันตัวไว้เท่านั้น
“พวกเธอไปเรียนวิชาพวกนี้มาจากไหนหรอมันดูเท่มากเลยนะ”
“ที่บ้าน”
“จริงหรอ ฉันอยากส่งลูกสาวไปเรียนบ้างจัง เธอจะได้ไม่ถูกรังแก” ชายแปลกหน้าพูดพรางถอนหายใจ ดูก็รู้ว่าแกล้งทำเซนกิถูกฝึกมาให้ทำทำแบบคนประเภทนี้เพราะฉะนั้นเข้าถึงรู้ว่าชายตรงหน้าโกหกดีไม่ดีอาจรวมไปถึงเรื่องลูกสาวด้วย
“ทำไมคุณไม่สอนเธอเองละ” เซนกิมองหน้าเขาอย่างไร้เดียงสา
“ฉันไม่มีวิชาพวกนี้หรอก” เขาโกหกอีกครั้ง
“พวกผมแค่เด็กกำพร้าแล้วไปเจอคนที่สอนวิชาให้ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว” เซนกิโกหกคำโตก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนของตนสู้ต่อ ชายแปลกหน้าผงะไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่คิดว่าจะเจอการตัดบทสนทนาแบบนี้ เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่
“เอาละๆ ดูเหมือนถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่รู้ผลแน่ ผมจะต่อให้เด็กน้อยหาตัวช่วยหนึ่งคน” ชายร่างยักษ์มองขวับไปที่ชายผอมแห้งทันที เขาไม่รู้ว่าเพื่อนบ้าจะทำอะไรแต่ถ้าเพิ่มมาอีกคนเขาต้องไม่ไหวแน่และดูเหมือนชายผอมแห้งจะรู้ตัวเลยพูดเสริมขึ้นอีกว่า
“แต่ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น” ชาวเมืองส่งเสียงโห่ลั้นดังไปทั่ว บ้าไปแล้วรึไงพวกเขาคิดแบบนั้น ฮิวมองไปที่เซนกิทันที เขารู้ว่าเซนต้องอยากช่วยแน่ติดแค่มันเป็นผู้ชาย ฮิวถอนหายใจพรืดก่อนจะตะโกนออกไป
“พี่สาวคนไหนอยากมาช่วยผมบ้างครับ” เขาพูดพรางมองไปรอบๆ ถึงจะมีพี่สาวหลายคนอยากช่วยเขาเพราะความน่ารักของเด็กน้อย ที่ตอนนี้ยืนบาดเหงื่อเม็ดโตที่ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าอย่างลวกๆ
“มีไหมๆ” ชายผอมแห้งถามอีกครั้ง “ถ้าไม่ผมจะปรับแพ้เด็กน้อยอดเงินรางวัลนะครับ” พวกบ้านี่แย่กว่าเราอีกฮิวนึกในใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าเช่นนั้น..”
“เดี๋ยวค่ะ!!” เสียงเล็กๆของใครคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าของเสียงเดินออกไปกลางวงตรงเข้าไปหาเด็กชายที่ยืนอึ้งอยู่ทันที ฮิวยืนนึ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะกลั่นหัวเราะอย่างสุดชีวิต เด็กสาวตัวเท่าๆกับเขาที่เสนอตัวเขามาช่วยอยู่ในชุดกระโปรงบานสีชมพูประดับลูกไม้ละเอียดเส้นผมทวินเทลสีทองเป็นลอนสวยกับรองเท้าเด็กผู้ชายเก่าๆที่ไม่เข้ากันโคตรๆ คนทั้งวงที่อึ้งอยู่ก็พากันปรบมือชอบใจกันใหญ่และหนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“แฟนหรอจ๊ะหนู” สิ้นเสียงแซวเสียงหัวเราะก็ดังระงมขึ้นทันที และนั้นทำให้ฮิวแทบอยากเอาหัวหมุดลงดินให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดูเหมือนน้องสาวผมทวิลเทลตรงหน้าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บิดไปบิดมาเหมือนเขินอะไรบ้างอย่าง
“เซนไม่สมจริงไปหน่อยหรอไง” ฮิวกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ
“เดียวโดนจับได้” เซนกระซิบบ้าง แต่ดูเหมือนการกระทำของพวกเขาจะไปแตะตาใครเข้า
“ว้ายๆ!! หอมแก้มกันด้วย” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นทำให้เสียงโห่ร้องตามมาทันที ทั้งสองถึงกับชะงักแล้วรีบตั้งท่าต่อสู้โดยหันหลังชนกันอย่างรวดเร็วเพื่อมันจะดูแมนขึ้นบ้าง พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกผู้ใหญ่คิดบ้าอะไรกันแน่ การต่อสู้เพื่อเงินรางวัลเริ่มขึ้นทันทีเด็กทั้งสองมองหน้ากันเหมือนรู้ว่าต้องทำอะไรพวกเขาจะจบเกมนี้แค่ทำให้ชายคนนั้นลงไปนอนกับพื้นได้พวกเขาจะชนะและได้เงินทั้งหมดในหมวกใบนั้นฮิวถอยห่างจากชายผมทองก่อนจะประสานมือกันไว้ข้างลำตัว เซนกิถีบเข้าที่เขาของชายตรงหน้าก่อนจะวิ่งไปหาฮิวเขาหมุนตัวหันหน้าหาชายร่างยักษ์ที่กำลังกุมเข่าตนเองด้วยความเจ็บปวดปนโมโห เซนกิกระโดดพรวดขึ้นเยียบมือเพื่อนทันทีก่อนจะพุ่งไปข้างห้าด้วยแรงเหวี่ยงและแรงกระโดดชายร่ายักษ์เงยหน้าขึ้นมองแต่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกเท้าเสยเข้าเต็มปลายคางจนหน้าหงาย ฮิวที่เสียหลักจากแรงกระโดดนิดหน่อยกลับมาตั้งลำก่อนจะพุ่งเข้าไปตวัดขาเตะเข้าที่ข้อพับเต็มแรงชายร่างยักษ์เสียหลักล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เสียงปรบมือดังระงมไปทั่วจากการต่อสูแทบลืมหายใจของทั้งสอง ชายร่างแห้งจำใจมอบเงินทั้งหมดในหมวกให้กับเด็กน้อยไป ทั้งฮิวและเซนกิถูกเหล่าคนดูจับแล้วโยนขึ้นลงอย่างดีใจโดยลืมไปว่า…แหมะ! เสียงอะไรบางอย่างตกลงไปโดนหน้าของใครบางคนและหล่นลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพชายผอมแห้งเก็บมันขึ้นมาก่อนจะชูมันขึ้นจนสุดแขนพรางตะโกนเสียงดังลั่น
“มันไม่ใช่เด็กผู้หญิง!!!” ชาวเมืองระแวกนั้นหันไปมองที่วิกผมสีทองทรงทวินเทลเป็นตาเดียวก่อนที่เหล่าคนดูที่แบกเด็กน้อยอยู่จะรู้ตัวว่าพวกเขาโยนชุดสีชมพูลายลูกไม้มาสักพักแล้ว
ฮิวและเซนกิวิ่งพรวดพราดผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกนั้นคงรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาไม่ได้เล่นตามกฎเพราะเด็กผมทองไม่ใช่ผู้หญิงตามกติกา
“เซนหยุดทำไม เดียวก็โดดเอาเงินคืนหรอก” ฮิวพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนที่ยืนดูใบประกาศบางอย่างอยู่
“ฉันพยายามอ่านมันอยู่ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับการสอบนักรบอะไรสักอย่าง” เซนพูดขึ้น
“คนของทางการหรอ แต่นักรบก็เท่จริงๆนั้นแหละ” พูดจบฮิวก็ดึงกระดาษใบนั้นออกมาแล้วม้วนๆมันก่อนจะยืนให้เพื่อนของตนถือไว้
“โห แกดึงของของทางการหรอ” เซนกิว่าพรางยิ้มร้าย ใครก็รู้ว่าดึงประกาศของทางการมันผิดกฎหมาย
“ถึงฉันไม่ทำแกก็ทำไปเถอะ” ฮิวพูดจบก็ออกวิ่งนำไปก่อนทันที
“ลืมไปว่าเราเป็นหัวขโมยนิ” เซนกิพูดจบก็วิ่งตามเพื่อนซี้ไปติดๆ ทั้งหมู่บ้านมีแค่เขากับฮิวเท่านั้นที่เป็นเด็กเพราะแบบนั้นเขาถึงได้สนิทกันมากๆ
ตอนต่อไป… เวลาผ่านไป 10 ปี ทั้งคู่เติมโตขึ้น การทดสอบเป็นนักรบที่แต่ละครั้งจะมีคนสมัครเกือบ 500 คน แต่คนที่ได้เป็นนักรบมีเพียง 20 คนเท่านั้นจะเป็นการทดสอบแบบไหนกันนะ แล้วเพื่อนใหม่ของเขาทั้งสองจะเป็นใครกัน!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ