การผจญภัยของเซนกิ (Sengi story)

7.0

เขียนโดย milktea

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.33 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,548 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2560 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) สมัครสอบนกรบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3 สมัครสอบนักรบ

หลายครั้งที่เวลาไหลผ่านไปในแต่ละวันโดยไม่รู้ตัว หลายครั้งที่เซนกิรู้สึกเหมือนว่าเวลามันเดินเร็วมากขึ้นหรือเพราะเขารู้สึกไปเองกันแน่ ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเห็นใบประกาศสอบนักรบจนตอนถึงตอนนี้เวลาก็ล่วงมาถึง10 ปี ทั้งๆที่พึ่งผ่านมาไม่กี่ตอนแท้ๆ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เมื่อครู่นอนบิดตัวไปมาอย่างขี้เกียจก็ได้งัดร่างของเขาขึ้นมาอยู่ท่านั่งเป็นที่เรียบร้อย วันนี้มีเรื่องพิเศษอยู่อย่างหนึ่งนั้นก็คือเป็นวันแรกที่ทางการรับสมัครสอบนักรบวันแรก เขาเฝ้ารอวันนี้มาตั้งแต่ 7 ขวบ เรื่องอะไรจะพลาด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซนกิซุ่มฝึกวิชามาตั้งแต่ตอนนั้นโดยมีพ่อเป็นคนสอน ปกติพ่อใจดีกับเขามากแต่ยิ่งเขาโตยิ่งโคกสับกันอย่างกับอะไรดี  เขานั่งคิดเรื่องอดีตไปพรางเก็บกระเป๋าไปพรางเตรียมเข้าเมืองเพื่อไปสมัครสอบ ชายหนุ่มลุกขึ้นขึ้นยืนก่อนจะทาบชุดที่ชอบที่สุดกับร่างของตนก่อนจะเห็นว่ากางเกงมันสั้นขึ้นนิดหน่อยถึงเขาจะชอบมันแต่ก็ไม่ได้ใส่มาเกือบปีแล้ว เขาเลือกเสื้อยืดสีขาวธรรมดากับกางเกงสีดำรัดข้อเท้าเหมือนที่หนังจีนเขาใส่กันอาจเพราะความชอบส่วนหนึ่งแต่จริงๆแล้วชุดนี้ทำให้เขาเคลื่อนไหวสะดวกมากกว่าชุดอื่นๆ เซนกิสำรวจร่างกายตัวเองและข้าวของอีกครั้งก่อนจะแบกกระเป๋าที่ดูเหมือนถุงผ้าขึ้นไปพลาดบ่า ก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วปล่อยมันออกมาทั้งหมดในทีเดียวเขามักใช่วิธีนี้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองตลอดจนติเป็นนิสัยไปเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้องและตรงไปที่หน้าบ้านทันทีก่อนจะยื่นเท้าออกไปคีบแตะตราแมวขโมยอย่างสบายอารมณ์ ที่จริงเขาก็อยากได้ร้องเท้าดีๆอยู่หรอกแต่เขาใส่ร้องเท้าแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเปลี่ยนกี่คู่ๆก็แบบเดิมเลยใส่เพราะชินเท้าไปซะแล้ว เซนกิเดินอาดๆออกจากตัวบ้านทันทีที่สวมรองเท้าเสร็จ แต่ไม่ทันออกไปไหนได้ไกลก็เจอกับคนที่ค่อยโคกสับเขามาตลอด 10 ปีที่ผ่านมายืนดักอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่รู้พ่อคิดอะไรอยู่เซนกิเองก็ไม่เคยเดาใจชายตรงหน้าถูกสักที

“เซน ของลูก” พ่อว่าพรางยื่นสร้อยคอที่ทำจากเชือกสีดำสนิทให้กับเขา ตรงจี้ห้อยดูเหมือนจะเป็นกระดูกเขี้ยวของตัวอะไรสักอย่างขนาดเท่าหัวแม่มือ เขารู้อย่างเดียวว่าเจ้าของเขี้ยวนั้นต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ ผมยื่นมือไปรับมาก่อนจะสวมมันไว้ที่คอสร้อยเส้นนี้ยาวถึงกลางอกพอดีผมจึงจับมันยัดลงไปในเสื้อยืดสีขาว แต่ก็น่าแปลกที่พ่อเอาของแบบนี้มาให้อยู่เหมือนกัน

“พ่อ เซนจะไปละนะ” ผมพูด

“ทำเหมือนนานเลยแค่วันเดียว” เออจริงแค่ไปสมัครเองเขาคงให้กลับมาอยู่แล้วเซนกิคิดในใจ

“ไม่ซึ้งเลย” เซนกิพูดพรางยิ้มแหย่ๆ เขากับพ่อไม่เคยมีบรรยากาศซึ้งๆต่อกันสักครั้ง

“สร้อยนั้นมันติดตัวลูกมาตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะเจอลูกอีก” ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยทันที

“อย่าบอกนะว่า นี้เขี้ยวผม” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจนคนตรงหน้าอยากถอดรองเท้าแตะตบหัวเข้าสักที

“เขี้ยวแกสิใหญ่ขนาดนี้ ไอ้เด็กบ้า”

“ออ เซนก็คิดแบบนั้น ช่างมันเถอะพ่อ” เขาไม่อยากรู้หรอกว่ามันมาอยู่กับเขาได้ไงและมันเป็นเขี้ยวตัวอะไรเพราะคนที่ยื่นมันให้เขาตอนนี้คือพ่อเขาจะถือว่ามันเป็นเครื่องรางจากพ่อแล้วกัน

“รีบไปเถอะ ฮิวรออยู่ที่ชายป่า” เซนกิพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งเขาไปกอดพ่อจนคนถูกกอดถึงกับเซเพราะไม่ทันตั้งตัว

“เป็นเด็กรึไง” ผู้เป็นพ่อว่าพรางยกมือขึ้นขยี้หัวลูกชายเบาๆ เขาก็แค่รู้สึกเขินนิดหน่อยเพราะถึงไอ้ลูกตัวแสบจะทำแบบนี้บ่อยๆเขาก็ไม่ชินสักที ส่วนตัวก่อเหตุอย่งเซนกิก็ได้แต่แอบยิ้มอยู่ข้างหลังเขารู้ว่าพ่อเขินแต่ก็ยังอยากทำมันทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเขามีอะไรอยากบอกกับพ่อก่อนจะไป เพื่อไว้ในกรณีที่เขาจะไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกนาน

“ถึงพ่อจะขโมยผมมาจากหน้าประตูบ้านเด็กกำพร้า” เกือบซึ้งละไอ้เด็กนี่ผู้เป็นพ่อคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากกว่า “อืม”

“แต่ผมมีพ่อแค่คนเดียว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็คือลูกของพ่อเหมือนเดิม” เซนค่อยๆผละออกจากผู้เป็นพ่อช้าๆทั้งคู่สบตากันนิ่งหลายนาที จนในที่สุดความเงียบก็ถูกทำลายลง

“พ่อเป็นขโมยผมเองก็ด้วย เพราะงั้นถ้าพ่อได้ยินข้าวชั่วๆมาจากสถานที่สอบก็สงสัยไว้เลยว่าผมเป็นคนทำ” เซนกิพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะตบบ่าพ่อของเขาสองสามทีแล้วเดินสวนไปทิ้งให้ผู้เป็นพ่อยืนมึนอยู่คนเดียว แต่เขาก็คิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่าต้องบอกอะไรบางอย่างกับลูก ชายวัย 50 กว่าปีหันควับไปข้างหลังทางที่ลูกชายเดินไปทันที แต่เซนก็เดินไปไกลมากแล้วไม่รู้มันขายาวเกินไปหรืออะไรแต่ เขาก็ยังจะตะโกนจนสุดเสียงโดยไม่สนว่าลูกชายจะได้ยินหรือไม่

“เซน!! พ่อก็รักแก พยายามเข้าละไอ้ลูกบ้า!” พูดจบผู้เป็นพ่อก็ใช่ความไว้ของหัวขโมยหลบเข้าหลังเสาทันทีก่อนจะยื่นหน้าไปดูปฏิกิริยาตอบสนองของลูกตัวเองแต่เซนก็ไม่ได้หันมาและเดินจนหายลับไปเขาจึงออกมาจากที่ซ่อน ร้ายนักนะเขาคิดในใจก่อนจะหุปยิ้มแทบไม่ได้แล้วเดินเข้าบ้านไป ฝ่ายเซนกิก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงชายป่าแต่เขากลับไม่เห็นใครสักคน ชายหนุ่มมองไปรอบๆเพื่อหาเพื่อนของเขาแต่ก็ไม่เจออะไร

“เซน” เสียงของเพื่อนซี้ดังมาจากด้านบน เซนกิเงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียงทันทีแต่ไม่ทันได้ตั้งตัวฮิวก็กระโจนพรวดลงมาตรงที่เขายืนอยู่ทันที เซนเหวี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว ฮิวเองก็ลงมายืนได้อย่างสวยงามตามที่เขาคาดไว้ ถึงในใจเซนจะอยากให้มันเสียหลักหน้าจิ้มพื้นก็ตามที ดูเหมือนวันนี้เพื่อนเขาก็สวนเสื้อตัวเก่งมาเหมือนกันเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นยาวประมาณเขาสีเดียวกับเสื้อผมก็ดำทำให้ถุงผ้าสีแดงของมันเด่นขึ้นมาทันที

“แกนี่ชอบเล่นเป็นเด็กผิดกับนิสัยลิบลับเลยนะเพื่อน” เซนยิ้มให้เพื่อนอย่างจริงใจแต่ฮิวเองก็รู้ว่ามันตอแหลทั้งเพล

“แกก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่พ่อตะโกน พอกันไหมเพื่อน” เซนหน้าเสียนิดหน่อยตอนถูกทักแบบนี้แต่เขาก็ยังปั้นยิ้มต่อไปได้ เขากะไว้แล้วว่าต้องถูกล้อแน่เพราะฮิวต้องได้ยิน พ่อเองก็รู้ว่าเขาได้ยินแน่ต่อให้พูดด้วยเสียงปกติก็ตามพวกเขาถูกฝึกมาแบบนั้นให้มีสมาธิมากกับทั้งการฟังการพูดการต่อสู้ทำให้ได้ยินสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้ยินและรู้สึกถึงบางอย่างไวกว่าคนปกติมันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของหัวขโมย

“ฉันแค่เดินต่อเพราะรู้หันหน้าไปก็ไม่เห็นพ่อ คงหาที่หลบไปเรียบร้อยแล้ว”

“โอ คุณลุงชอบพูดอะไรซึ้งๆแล้วหลบตลอด แต่แกน่ะ…” ฮิวทิ้งช่วงไว้เล็กน้อยก่อนจะหลี่ตามองเพื่อนรักเหมือนจับผิดอะไรได้สักอย่าง

“ยังเดินไม่เบาพอนะ ฉันได้ยินเสียงเดินนายอยู่เลย เป็นหัวขโมยต้องเดินเบากว่านี้ เข้าใจ!” เซนเลิกคิ้วขึ้นข้างนิ่งอย่างท้าทาย เพราะครั้งหน้ามันจะไม่ได้ยินเสียงเดินเขาแน่นอน

“แกก็ช้าไป เพิ่มความเร็วด้วยละ หัวขโมยต้องเร็วกว่านี้” ฮิวเบะปากนิดหน่อย เขารู้ว่าไม่ได้ช้าแค่มีไอ้บ้าบางคนเร็วเกินไปเท่านั้นเอง แต่คราวหน้าเขาจะโดใส่มันแบบไม่ให้ซุ่มเสียงดูสิจะหลบทันไหม

“แล้วจะปรับปรุงครับ ไปกันเถอะ” ฮิวพูดอย่างหมั่นไส้แล้ววิ่งเข้าป่าไป เซนวิ่งตามไปติดๆและเข้ารู้ดีว่าเพื่อนรักต้องท่าแข็งวิ่งแน่นอน และเขายินดีจะสนองให้เต็มที่และแล้วการวิ่งแข่งก็เริ่มขึ้นจริง พวกเขาทั้งสองกระโดดข้ามซากไม้หัก แอ่งน้ำขังและหลบสัตว์ป่าไปด้วยอย่างคล่องตัวจนในที่สุดร่างของชายคนหนึ่งก็โผล่พ้นออกมาจากป่าอย่างรวดเร็ว เขาก็คือฮิวนั้นเอง ชายหนุ่มยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวก่อนจะประสานมือกันแล้วเหยียดมันออกไปจนสุดพรางหายใจเข้าและออกอย่างช้าๆไปด้วยไม่กี่นาทีเซนกิก็กระโดดพรวดออกมาจากป่า เขาลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนจุก ตอนนี้ชายร่างสูงอยู่ในท่านั่งที่ดูหมดอะไรตายอยากแบบสุดๆ ฮิวเห็นดังนั้นก็แอบลอบยิ้มกับความไม่รู้จักโตของเพื่อนสักที แต่แปลกอยู่อย่างปกติผมแพ้ชนะไม่ใช้แบบนี้เขาแค่ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง ฮิวจึงตัดสินใจถามออกไป

“ทำไมวันนี้แพ้เล่า” เซนเงยหน้าขึ้นมองคนพูดพรางหอบหายใจถี่ เขาลุกขึ้นยืนช้าๆก่อนจะปัดกางเกงที่เลอะเศษดินออกจนหมด

“ฮิว ที่จริงแล้ว” เขาเว้นวรรคไว้ก่อนจะยกมือขึ้นบีบไหล่เพื่อนซี้เบาๆ ฮิวได้แต่สบตาคนตรงหน้านิ่งและคำพูดที่เขาไปคาดคิดก็หลุดออกมาจากปากเซนกิ

“หิวข้าว” ใบหน้าที่เมื่อครู่เคยเรียบเฉยของฮิวบัดนี้เหยเกด้วยความมั่นไส้ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นว่าเซนทำท่าหมดแรงและเตรียมจะลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

“ฮ่าๆ นี่แกรีบจนไม่กินอะไรเลยรึไง” ฮิวว่าพรางจับแขนเพื่อนมาคล้องคอเพื่อช่วยพยุงเพราะไอ้ตัวแสบกำลังจะลงไปคลุกฝุ่นอีก เขารู้ว่าเซนกิแค่แกล้งไม่มีแรงแต่ถ้าไม่อยากเห็นมันทำตัวเป็นเด็กก็ห่ามไปแบบนี้ละ แต่ดูเหมือนเพื่อนจอมก่อเรื่องจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยสักนิด

“เซน มองอะไรอยู่ว่ะ” ฮิวถามขึ้น เซนกิจึงหันกลับมาตอบคำถามฮิวด้วยใบหน้าจริงจัง

“เหมือนมีสายตาหลายสิบคู่จากชายป่ามองอยู่แหะ” พูดจบเซนกิก็หันหลังไปมองที่ชายป่าอีกครั้ง ฮิวจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมบอกเพื่อนไปเสียสนิทเลย

“พวกลุงๆไง เห็นพ่อบอกว่าจะมาส่งแต่ไม่ยอมออกมาคุย” ฮิวว่าพรางเหลือบสายตาไปที่ชายป่าก็เห็นหัวพวกลุงๆผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวนั้นจริงๆ

“นั้นดิทำไมไม่ออกมาหว่า” เซนกิว่าพรางดึงแขนออกจากเพื่อนแล้วเดินไปที่ชายป่าอีกครั้ง

“ทำไมน่ะหรอ” ฮิวพูดก่อนจะเดินตามเซนกิมา “ก็พวกลุงๆจำบทซึ้งๆที่ท่องกันมาไม่ได้น่ะสิ” ฮิวและเซนระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันก่อนจะหยุดลง ตอนนี้พวกเขากำลังคิดเหมือนกันอยู่แค่มองตาก็รู้แล้ว ชายหนุ่มทั้งสองหันหน้าไปทางชายป่าอีกครั้งก่อนจะคุกเขาลงและชันขาข้างขาวขึ้นแขนขาวถูกวางไว้บนขาข้างที่ชันขึ้นในทิศขนานกับลำตัวด้านหน้า ทั้งสองก้มหัวลงพร้อมกัน กลุ่มหัวขโมยที่แอบมองทั้งคู่อยู่หลังต้นไม้ถึงกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้กันเพื่อซับน้ำตาเป็นแถวๆ ทั้งคู่นิ่งไปสักพักก่อนที่พวกเขาจะเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งท่ามกลางความเงียบ

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลครับ!” สิ้นเสียงทั้งคู่ลุงโจรทั้งหลายก็วิ่งหายเข้าป่าไปเหมือนเด็กๆที่แอบไปหาที่ร้องไห้สักที่ เซนกิและฮิวลุกขึ้นยืนช้าๆพรางพัดเศษดินออกอย่างลวกๆ ไม่รู้คนหมู่บ้านนี้เหมือนกันหมดไหมแต่หมู่บ้านขโมยที่คนเกรงขามมันกลับน่ารักและอบอุ่นมากในสายตาของพวกเขา

“ไปเถอะ หิวโครตๆ” เซนพูดจบก็เดินนำเพื่อนไปทันที ทำให้ฮิวต้องก้าวขาตามแบบไม่ทันตั้งตัว บทจะรีบก็รีบบทจะช้าก็ช้า บางทีเขาเองก็ยังงงๆกับเซนอยู่เหมือนกัน ทั้งสองเดินผ่านทุ่งกว้างที่มีหญ้าสูงถึงเข่าขึ้นบกคลุมอยู่เต็มไปหมดจนมาถึงถนนลูกลังที่ชาวเมื่อทำไว้พวกเขาเดินไปสักระยะก็เริ่มพบพวกชาวนากำลังปลูกข้าวอยู่ตลอดสองข้าทางของถนนแปลว่าพวกเขาใกล้ถึงประตูเมือเต็มทีแล้วและไม่กี่อึดใจต่อมาทางเข้าเมืองก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า เกวียนขนสินค้าเข้าเมืองกันอย่างขวักไขว่ ภาพความคึกคักที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้งเมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตตัวเมืองแต่ก่อนจะเดินทางไปใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่รับสมัครนักรบในปีนี้ได้นั้นต้องผ่านตลาดเกาะเนื้อที่แสนคิดถึงกันก่อนพวกเขาสร้างวีรกรรมตอนเด็กไว้พอประมาณตอนอายุ 7 ขวบ ตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้มาที่ตลาดอีกเลยเพราะกลัวถูกจับได้ แต่บางทีทั้งสองก็แอบเข้ามาบ้างเดือนละครั้งแต่ก็ต้องหยุดไปเพราะต้องฝึกวิชาและรับงานขโมยช่วงดึกเท่านั้น ที่นี่เหมือนเดิมทุกอย่างแตกต่างเพียงมีร้านบางร้านหายไปและร้านเปิดใหม่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

“วันนี้คนเยอะโคตรๆ” เซนว่าพรางมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น กลิ่นหอมของอาหารยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งในเมืองมันดีแบบนี้นี่เองเซนกิคิดในใจ ฮิวเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันแต่เขาเก็บอากได้ดีกว่าเซนเป็นไหนๆ

“เพราะมีพวกกล้ามปูและคนดูมีวิชาต่อสู้มาเดินปนกับชาวเมืองทั่วไปไง” ฮิวพูดขึ้น แต่ดูเหมือนเพื่อนตัวดีจะเดินตามกลิ่นอาหารหายไปไหนต่อไหนแล้วตอนที่เขาพูดอยู่ทิ้งให้เขาพูดอยู่คนเดียวอย่างกับคนบ้า ฮิวแทรกตัวผ่านผู้คนเพื่อตามหาไอ้บ้าที่สร้างปัญหาให้เขาทันทีที่รู้ตัวและคงไม่เจอง่ายๆแน่นอน

ทางเซนกิจอมสร้างปัญหาเบอร์หนึ่ง ตอนนี้เขากำลังเดินตามกลิ่นอาหารบางอย่างที่มันหอมเตะจมูกเขามากอย่างที่ว่าหอมกว่าน้ำหอมราคาแพงที่เขาพึ่งจะไปขโมยมาเป็นไหนๆ เขาเดินแหวกฝูงชนมาเรื่อยๆ ระหว่างทางที่ผ่านสาวๆเซนมักจะถูกมองและซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน พวกเธอคิดว่าเขาหล่อมาก ผิวขาวเนียนของเขามันช่างโดดเด่นที่จริงเซนไม่ใช่คนขาวมากเหมือนหิมะอะไรแค่ตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตของเขาเริ่มตอนกลางคืนแถมสวมชุดดำปิดทั้งหน้าเหลือแค่ตาตลอด กลางวันก็นอนเป็นส่วนใหญ่ฝึกวิชาบ้างบางครั้ง ทำให้เขาไม่ค่อยเจอแดดจังๆสักเท่าไหร่แต่สำหรับผู้หญิงทุกคนแล้วหนุ่มรูปงามมันก็ไม่มีให้เห็นบ่อยนักถ้าไม่ได้มีงานอะไรจัดขึ้นและนี่เป็นโอกาสดีของพวกเธอถ้าจะหาสามีเป็นตัวเป็นตนสักที แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเอาแต่ตามกลิ่มอาหารลูกเดียวมาตลอด จนในที่สุดความหวังของเขาก็สำเร็จจนได้บะหมี่ผัดสูตรนักรบ มันคือชื่อร้านที่แบะอยู่บนสุดของรถเข็นธรรมดาๆที่มีคนมุ่งกันจนแน่นเอี๊ยด! อร่อยขนาดนั้นเลยสินะ เซนกิคิดในใจก่อนจะกระโจนเข้าไปร่วมสงครามด้วยเขาถูกดันจนไหลเข้าไปข้างในอย่างทุลักทุเลดูเหมือนบะหมี่จะถูกขายออกไปเรื่อยๆไม่หยุดทำให้เซนกิที่เบียดกับฝูงชนมา 5 นาทีแล้วตัดสินใจหมุดรอดเข้าไปโผล่พรวดที่หน้าวงทันที บะหมี่ผัดโคตรหอมวางกองเป็นภูเขาสูงอยู่บนกระทะแบนๆโดยมีหญิงสาวค่อยตักมันใส่กล่องอยู่ เซนกิน้ำลายสอทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า พยาธิในกระเพาะเขาเริ่มก่อม็อบปล่อยแก๊สน้ำตาและอีกหลายต่อหลายอย่างจนเขาเองเริ่มทนไม่ไหว เขาจึงเงยหน้าหวังจะสั่งมากินให้หมี่ลงไปทับพยาธิตายยกรังสักสองกล่องแต่ก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อพบว่าเขาเห็นอะไรอยู่ตรงหน้า

“นางฟ้าหรอ ฉันหิวตายแล้วแน่เลย” เขาพูดอย่างแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบดวงตาก็เอาแต่มองจ้องไปที่แม่ค้าสาวสวยในชุดสีฟ้าเธอมีดวงตาสีเดียวกับชุดและผมสีทองราวกับเส้นไหม หญิงสาวตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา(ปกติไม่ค่อยเจอผู้หญิงอยู่แล้ว)ใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากสีกุหลาบ มันทำให้ให้คนตรงหน้าดูน่าหลงใหลเข้าไปอีก ทำไมเขาไม่สังเกตเลยว่าร้านนี้มีแต่ผู้ชายมามุ่งเพราะแม่ค้านี่เอง เซนกิเริ่มรวบรวมสติอีกครั้งถึงเขาจะคิดว่าเธอสวยแต่ดูเหมือนพยาธิจะไม่คิดแบบนั้น

“เอากล่องนึ่งครับ” เซนกิพูดขึ้นหญิงสาวเลื่อนสายตาลงมามองเขาทันทีแม้คนจะเยอะแต่เธอก็รู้ว่าชายตรงหน้ามีอะไรพิเศษหญิงสาวแซงคิวทุกคนแล้วตักบะหมีให้เซนทันที ทำให้ผู้ชายคนอื่นมองเขาอย่างจงเกลียดจงชังแต่เซนก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วรับกล่องบะหมี่มาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“กินตรงนี้เลยก็ได้นะ ดูเธอหิวมาก” หญิงสาวพูดขึ้นพรางระบายยิ้มโลกละลายให้กับเซนกิ เขาพยักหน้ารับและส่งยิ้มกลับไป

“แน่นอน ฉันเดินออกไปกินด้านนอกไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาก่อนจะขายบะหมี่ให้คนอื่นต่อไป แต่เธอกลับแอบมองเขาเป็นระยะๆ เซนกิรับบะหมี่มาก็เปิดกล่องเริ่มเติมเครื่องปรุงทันที เขาค้นมันจนเข้ากันก่อนใช้ซ้อมดักมันขึ้นมาจ่อที่ปากแต่เขาก็หยุดชะงักไป เซนกิเหลือบสายตามองไปที่หญิงสาวเธอเองก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน เขาจึงฉีกยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรเธอเองก็ยิ้มกลับไปให้เขา เซนกิละสายตาจากหญิงสาวก่อนจะหันมาเพ่งที่บะหมี่เหมือนเดิม เขาตักมันเข้าปากอย่างรวดเร็วจนหมดในไม่กี่นาที หญิงสาวมีสีหน้าเรียบเฉยขณที่ดูเข้ากินหรือเธอเข้าใจผิดเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มบ้เลือดธรรมดาเท่านั้น แต่เธอก็ต้องกลับยิ้มทันทีที่เซนกิเงยหน้าขึ้นมาเขี้ยวตุ่ยๆอย่างมีความสุขเพราะเธอไม่อยากให้เขสงสัย เซนกิยื่นกล่องให้หญิงสาวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เธอมีสีหน้ามึนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าดูนิ่งเกินไป เซนกิกลืนหมี่ก้อนสุดท้ายลงคอก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“ขออีก” เขายิ้มอย่างเป็นมิตร เธอรับกล่องมาอย่างสงสัยแต่ก็ปั้นหน้ายิ้มและตักหมี่ให้ชายตรงหน้าอีกกล่อง เธอยื่นมันกลับไปให้เขาอีกครั้ง แปลกจริงทำไมกันผู้ชายคนนี้ถึงได้ยังเฉยอยู่อีก คำถามหลายๆข้อทยังคงวนไปวนมาในหัวของเธอไม่หยุด จนชายตรงหน้ายื่นกล่องคืนมาอีก เธอตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือออกไปรับกล่องอย่างงงๆ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก ไม่ได้กล่องที่สามแล้วนะ เธอคิดในใจ แต่ไม่ทันได้พูดว่าเธอจะไม่ขายกล่องที่สามให้เขา ชายหนุ่มตรงหน้าก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อน

“ฉันไม่รู้ว่าเธอทำแบบนี้ทำไมแต่บะหมี่อร่อยมาก ขอบใจ” เขาว่างเงินให้เธอก่อนจะเบียดตัวออกมาทิ้งให้สาวสวยตกใจสุดขีดแต่เธอก็หัวเราะออกมาจนทำให้ผู้ชายที่ลุ่มรถเข็นอยู่ทั้งหมดเงียบลง เขารู้ตัวหรอแล้วทำไมยังกินเข้าไปตั้งสองกล่องเด็กหนุ่มนั้นเป็นใครกันแน่นะ อยากเจออีกครั้งจริงๆแต่เธอก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ

“อ้าวเฮ้ย! หาตั้งนาน” ฮิววิ่งเข้ามาหาเพื่อซี้หมีขั้วโลกของเขาาทันที ที่เจอก่อนจะแขกหัวเพื่อนอย่างเต็มรัก เซนกิได้แต่เอามือจับหัวปอยๆ เขาจะไม่เอาคืนเพราะเขาผิดจริงนั้นและ

“เอาน่าๆโทษที ไปกันเถอะ” เซนว่าพรางยกแขนขึ้นคว้าคอเพื่อนแล้วลากไปด้วยทันที

“เจ็บนะเฟ้ย! อะไรของแกเนี่ย” ฮิวเริ่มโวยวายพรางดึงแขนของเซนออก

“แค่นี้ก็บ่น” เซนกิหย่นปากนิดหย่อย ซึ่งมันจะดูน่ารักกว่านี้ถ้ามันเป็นเด็กหรือผู้หญิง แต่ก่อนจะคิออะไรต่อฮิวก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องบอกสิ่งนี้กับเพื่อน

“ฉันได้ยินมาว่าการทดสอบนักรบเริ่มแล้ว”

“ฮะ!!! เราสมัครไม่ทันหรอว่ะ” เซนกิมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด นั้นทำให้ฮิวต้องเอามือจุ๊ปากแล้วลากคอเพื่อนเขาไปในซอกตึกทันที

“ไม่ใช่นี่ดูเหมือนจะ เป็นเกมส์เล่นที่คณะกรรมการจะสุ่มทดสอบผู้มาสมัคร” ฮิวกระซิบเสียงเบาลง

“ที่ตลาดใช่ไหม” เซนกิถามขึ้นเพราะเขาเริ่มสงสัยบางอย่าง

“ใช่ ฉันได้ยินพวกนักสู้คุยกันไม่รู้ว่าจะมารูปแบบไหนระวังไว้ก็ดี” คำพูดของฮิวทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าที่เขาคิดต้องใช่แน่ๆ

“ฉันว่าฉันเจอแล้วละ” เซนกิระบายยิ้มกว้างในขณะที่ฮิวมงหน้าเพื่อนรักตาค้าง

“ยังไง!” ฮิวถามขึ้น

“บะหมี่วางยา” เซนตอบสั้นๆ ที่ผู้หญิงคนขายท่าแปลกๆอาจเพราะเขาไม่แสดงอาการอะไรให้เห็นตอนโดนยาก็ได้

“หะ! แกกินเข้าไปไหม ยาอะไรกัน” ฮิวมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่สำหรับคนอื่นคงเห็นเป็นคนหน้านิ่งเบิกตากว้างธรรมดา

“กินดิ ก็มันหิว ได้กลิ่นใกล้ก็พอรู้หรอกว่าใส่ยาพิษ”

“ยาพิษประเภทไหนว่ะ”

“ตัวเดียวกับที่เคลือบดาบของหมู่บ้านเรา” เซนเอ่ยขึ้น

“สนดำ!!” ฮิวพูดชื่อของยาพิษอย่างตกใจมันเป็นพิษที่ไม่ร้ายแรงมากถ้ารับเข้าไปในปริมาณพ่อเหมาะจะมีอาการคล้ายคนเมาคนๆนั้นจะอาเจียนไม่หยุดท้องเสียและอาจตายได้ถ้าเข้าสู่ร่างกายในระดับหนึ่งเพราะช็อค แต่เหล่าหัวขโมยชินกับยาพิษพวกนี้พอสมควรทำให้ถ้าไม่เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากจริงๆก็จะไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น

“เล่นแรงกว่าที่คิด นี่ขนาดยังไม่สมัครถ้าสมัครไปแล้วนี่…” ฮิวเว้นวรรคไวก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ

“นักรบนี่มันเป็นการทดสอบแบบไหนกันแน่ว่ะ!” เซนพูดขึ้น

“อยากรู้ก็ไปสมัครกัน” พูดจบฮิวก็ลากเพื่อนรักออกจากตรอกทันทีและมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองสถานที่สมัครสอบเพียงแห่งเดียวและการทดสอบหลังจากสมัครไปแล้วจะเป็นยังไงพวกเขารู้สึกกลัวก็จริงแต่ความอยากรู้และตื่นเต้นมันมากกว่าเป็นพันเท่าพวกเราเลือกทางนี้เองไม่หนีอยู่แล้วเพราะชะนั้นพวกเขาถึงมาอยุ่ที่นี่ตอนนี้ไง ใจกลางเมืองลินคอนแห่งเกาะเนื้อ!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา