Love...The Criminal : รักร้ายของยัยนักฆ่า(18+)
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 21.56 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2560 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เดินทางสู่เกาะสวรรค์ของสองเรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
(1 อาทิตย์ต่อมา)
ในตอนนี้ทั้งฉันและลุคกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้น Frist Class สุดหรูเพื่อเดินทางไปยังเกาะฮาวาย แค่นึกภาพตอนที่ฉันกับเค้ากำลังบรรเลงเพลงรักกันแค่นี้ก็ทำให้ฉันรู้หน้าแดงจนจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ แต่ก็เอาเถอะยังไงซะฉันก็ต้องรีบใช้วันพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนที่จะกลับไปเริ่มแผนการที่ฉันได้เตรียมเอาไว้
“ไม่คิดว่าคุณจะลาหยุดงานได้เลยนะเนี่ย”
“ก็ฉันทำงานไม่ได้พักเลยนี่จะได้พักสักหน่อยก็ไม่เห็นแปลก”
“ดีแล้ว ถ้าไม่เกรงใจว่าตอนนี้เราอยู่บนเครื่องบินนะป่านนี้แล้วเราคงจะจัดหนักกันไปแล้วมั้ง”
“แหม อย่าบอกนะว่ามีอารมณ์อีกแล้ว”
“แค่ผมสบตากับคุณก็มีอารมณ์ได้แล้ว ยังจะต้องถามอะไรอีกละ”
ลุคดึงมือของฉันไปกุมเอาไว้พร้อมกับสบตาฉันเล็กน้อย ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยช่วยให้ใบหน้าหล่อๆของเค้ามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าเป็นสาวคนอื่นละก็คงจะฟินจนตัวลอยกันไปแล้วละ
และฉันกำลังคิดว่าที่เค้าบอกรู้สึกว่ามีอารมณ์อาจจะเป็นเพราะชุดของฉันด้วยรึเปล่า เพราะในวันนี้ฉันอยู่ในชุดแขนยาวสีขาวตัวใหญ่ที่บางซะจนมองเห็นบิกินี่สีฟ้าน้ำทะเลที่อยู่ข้างใน
“แหม ไม่ทราบว่าชุดฉันด้วยรึเปล่าที่ทำให้คุณรู้สึกมีอารมณ์”
“นั่นก็มีส่วน...” ว่าแล้วลุคก็ค่อยเอื้อมตัวมาจูบฉันก่อนที่จะกลับไปนั่งแบบปกติของเค้าตามเดิม
แหม...น่ารักจังเลยฉันว่าถ้าอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดชีวิตฉันก็โอเคนะแบบว่า ไม่ต้องทำอะไรมาก เราต่างก็คิดเห็นตรงกันแล้วถ้าไม่ติดเรื่องว่าเราอยู่ใกล้กันแล้วมีอารมณ์กันบ่อยๆก็คงจะคิดว่าเป็นเนื้อคู่กันไปแล้ว
“เฮ้อ ดีใจนะที่เราได้ออกมาหาเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้”
“เห็นด้วย แล้วคุณบอกแม็ทไปว่ายังไงละ”
“ฉันบอกเค้าไปว่าไปทัวร์ต่างประเทศของบริษัท ก็เท่านั้นเองและดูเหมือนว่าเค้าจะดีใจมากด้วย”
“มีเวลาไปควงสาวๆคนอื่นเพิ่มขึ้นไงจะดีใจก็ไม่เห็นแปลก”
“แล้ว....การที่คุณมาอยู่กับฉันละ” ฉันหันไปสบตากับลุคที่กำลังส่งสายตาหวานๆมาทางฉัน บ้าจริงใบหน้าหล่อๆของเค้าดูมีเสน่ห์จริงๆ ฉันเดาว่าถ้าอยู่เค้าบ่อยๆแล้วตกลงแต่งงานมีลูกด้วยกันฉันจะไม่แปลกใจเลย
“จะว่ายังไงดีละ เราดูเหมือนคู่รักที่รักและผมรู้สึกดีมากที่ได้มีคุณมาอยู่ที่นี่...ตรงนี้”
“จะให้ฉันลองแสดงแบบนั้นดูมั้ยละ” ฉันขยิบตาใส่ลุคพร้อมกับยิ้มอ่อนเล็กน้อย
“ก็ลองดูสิ” หลังจากที่ลุคพูดจบฉันก็ลุกขึ้นขึ้นจากเก้าอี้ของฉันไปนั่งลงบนตกของลุคพร้อมกับใช้มือทั้ง2ข้างกอดคอของเค้าเอาไว้
“แบบนี้เป็นไงบ้างละ”
“เฮ้อ ทำจริงหรอเนี่ย”
“ก็ทำจริงสิ....” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างๆหูของเค้า
“อย่ายั่วผมให้มากนักสิคนสวย...”
ว่าแล้วลุคก็บรรจงจูบฉันอย่างนิ่มนวล ชวนให้ฉันรู้สึกเคลิ้มมาก พระเจ้าช่วย! นี่เรากำลังสวีทกันบนเครื่องบินท่ามกลางสายตาของแอร์โฮสเตสและผู้โดยสารคนอื่นๆเชียวนะ!!! ลุคผละริมฝีออกจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นหอมเข้าที่แก้มซ้ายแก้มขวาของฉัน เล่นเอารู้สึกจั๊กจี้เป็นบ้าเลย!!!!
“ให้ตายสิลุคฉันจั๊กจี้นะ!!!!”
“แหม ก็คุณน่ารักจนผมอดใจไว้ไม่ไหวเลยนี่นา!” ลุคหอมไปที่ต้นคอของฉันอีกฟอดใหญ่เล่นเอาสายตาของผู้โดยสารคนอื่นๆต้องหันกันมามองเราเป็นตาเดียวเลยละ แหม แบบนี้ฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะ!
“เอ่อ....ขอประทานโทษนะคะ เครื่องบินใกล้จะลงแล้ว กรุณาช่วยกลับไปนั่งตามเดิมแล้วก็รัดเข็มขัดด้วยนะคะ” แอร์สาวเข้ามาบอกฉันด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแต่แววตาแฝงไปด้วยอารมณ์โกรธแบบสุดๆ
“อุ๊ย! ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าเราตื่นเต้นกันมากเลยคะ ก็เลยอาจจะรบกวนสักนิดนึงนะคะ เอาเป็นขอบคุณที่มาเตือนนะคะ” ฉันหันไปฉีกยิ้มใส่แอร์สาวที่กำลังยิ้มอย่าง(ไม่)เป็นมิตร
“ด้วยความยินดีคะ”
“ที่รักฉันต้องไปนั่งที่เดิมแล้วนะ” ฉันทำเสียงอ่อดอ้อนใส่ลุค
“ครับที่รักเดี๋ยวเรานั่งจับมือกันไว้นะ” ลุคจุ๊บฉันหนึ่งทีก่อนที่ฉันจะกลับไปนั่งเก้าอี้ของฉันตามเดิมจากนั้นแอร์สาวคนนี้ก็เดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของเธอต่อ เล่นเอาฉันกรอกตาขึ้นบนอยู่หลายรอบก่อนที่จะถอนหายใจ
“พูดเลี้ยนๆแบบนี้ก็เป็นด้วยหรอคนแบบคุณเนี่ย”
“เป็นสิ ทำไมหรอ”
“ไม่น่าเชื่อ....เห็นคุณหน้าตาขรึมๆไงเลยไม่นึกว่าจะทำได้ก็เลยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย”
“เฮ้อ....รู้มั้ยว่าผมมีอะไรให้คุณรู้สึกแปลกใจอีกเยอะ”
ลุคหันมาทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉันพร้อมกับดึงมือของฉันขึ้นมาจุมพิตเบาๆ เพื่อให้ฉันเห็นว่าเค้าสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง ลมหายใจร้อนๆของเค้ากระทบกับหลังมือของฉัน นั่นทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าที่แดงระเรื้อราวกับเด็กสาวที่กำลังมีความรัก นี่มันไม่ใช่ตัวฉันเลยนะ!!!
“อย่าทำแบบนี้สิ ถ้าเกิดฉันหลงคุณขึ้นมาจะทำยังไงละ”
“อื้ม....ก็คงจะต้องให้คุณลาออกจากงานมาเป็นภรรยาของผมไง”
“ปากหวานอีกแล้วนะ พอได้แล้ว!! ค่อยไปคุยกันต่อที่โรงแรมนะ”
“ได้...”
พวกเราหันมายิ้มให้กันเล็กน้อยจากนั้นก็รอเวลาให้เครื่องบินจอดลงไปให้เรียบร้อยดีเสียก่อนที่เราจะจัดการยกกระเป๋าสัมภาระลงจากเครื่อง โหลดกระเป๋าใบใหญ่ให้เสร็จจากนั้นก็มุ่งตรงไปโบกแท็กซี่ที่รอพวกเราอยู่หน้าสนามบิน
แล้วก็ในระหว่างทางพวกแกล้งทำเป็นคู่รักหวานแหววจนน้ำตาลเรียกพี่เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นแกล้งแอบหอมแก้ม หรือแม้แต่ทำน้ำเสียงอ่อดอ้อน ที่รัก ที่รักขา อะไรเงี้ยเล่นเอาฉันคลื่นไส้อยู่เหมือนกันส่วนลุคเองก็กระอั่กกระอ่วนพอๆกัน
เราทำแบบนั้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงยังโรงแรมที่พักของเรา ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ฮาวายแบบแท้ๆเลย ซึ่งเป็นโรงแรมที่ลุคจองเอาไว้ให้สำหรับการพักผ่อนในครั้งนี้
“สวยจังเลย....นี่หรอโรงแรมที่คุณจองเอาไว้”
“ใช่ ที่นี่แหละผมเห็นว่าโรงแรมสวยดีก็เลยจองเอาไว้” ลุคพูดขึ้นขณะที่กำลังขนกระเป๋าสัมภาระลงมาจากแท็กซี่
“โรแมนติกจังเลย ทำไมผู้ชายดีดีแบบนี้ถึงไม่มีแฟนได้ไงของดีแท้ๆเลยนะ”
“เฮ้อ...ลองมาเป็นบอดี้การ์ดแบบผมสิเดี๋ยวจะเข้าใจเอง” ลุคเดินมาทางฉันพร้อมกับส่งกระเป๋ามาทางฉัน
“ไม่เอาอ่ะ น่าเบื่อจะตายไป”
“ว่าแต่คุณพกกระเป๋ามาทำไมตั้ง 4 ใบเนี่ย”
“เอ้า!! ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่นาจะพกหลายใบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“แต่มันลำบากผม....”
“เอ้า!!! ก็ถูกแล้วนี่ถ้าคิดจะเป็นสามีฉันก็ต้องแบบนี้แหละ! ขนๆไปให้เด็กขนกระเป๋าแล้วไปเช็คอินกัน” ฉันพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทจากนั้นจึงดีดหนึ่งครั้งเพื่อเป็นสัญญาณให้ลุคเดินตามฉันมา
“ได้ๆ....”
ลุคทำหน้าเบื่อเล็กน้อยก่อนที่จะยอมเดินตามฉันมาแต่โดยดี ลุคและฉันส่งกระเป๋าให้เด็กขนกระเป๋าที่รอพวกเราอยู่ในล็อบบี้เรียบร้อยแล้วจากนั้นจึงเดินไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์
ลุคใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของฉันเบาๆเพื่อให้เราดูเหมือนเป็นคู่รักยิ่งขึ้น ฉันจึงค่อยๆขยับตัวเข้าไปเบือดๆลุคอีกเล็กน้อย เล่นเอาพนักงานของที่นี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความหมั่นไส้ ฉันรู้ว่าคู่เรามันน่าอิจฉามากเพราะทั้งฉันและลุคเราต่างก็หน้าตาดีทั้งคู่จะเรียกว่าคู่หล่อสวยก็ได้นะ
“ห้องที่จองเอาไว้เป็นห้องสวีทนะคะ”
“ใช่ครับ”
“นี่เป็นคีย์การ์ดของห้องนะคะ ยังไงถ้าต้องการอะไรให้โทรแจ้งได้ ตลอด 24 ชม.เลยนะคะ” พนักงานสาวยื่นคีย์การ์ดที่มีหมายเลขห้องมาให้ลุคด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อยคงจะเขินหน้าตาของลุคละมั้ง นี่เธอฉันยังอยู่ตรงนี้นะ
“ขอบคุณครับ”
“ที่รักรีบไปกันเถอะ” ฉันคล้องแขนของลุคพร้อมกับทำเสียงอ่อดอ้อนเบาๆ เพื่อเป็นการขัดจังหวะยัยพนักงานบริการนั่น
“รู้แล้วครับคนสวยของผม” ลุคหยิบกุญแจห้องจากนั้นก็เดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปยังห้องของเรา
กริ๊ง!!!!!!!!
แม่เจ้า!!! นี่วันหยุดของฉันนะใครโทรมาอะไรตอนนี้เนี่ย!!! ฉันกรอกจาขึ้นบนพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อรู้ว่าปลายสายของฉันก็คือลูซี่ เพื่อนซี้คนเดิมของฉันนั่นเอง!!! ซึ่งลุคที่อยู่ข้างๆฉันก็ได้แต่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่ฉันจะกดมือถือเพื่อรับสาย
“ฮัลโหล”
[เฮ้ยแก!!!!!! มีเรื่องด่วนละ!!!]
“เรื่องด่วนอะไรละ นี่มันวันหยุดพักผ่อนฉันนะ!!!!”
[ก็รู้แล้วไง!!! คืออย่างนี้นะ คือบอสสั่งให้ฉันมาบอกเธอว่าไม่ต้องทำงานให้บอสแล้วนะ]
“นี่บอสปลดฉันออกงั้นหรอ!”
[ถูกต้อง!!! บอสสั่งให้ฉันโอนเงินงวดสุดท้ายไปให้แกและจากนั้นแกคงจะรู้ดีนะว่ากฏของเรา...]
“คนโดนปลดออกจะถูกตามเก็บ....”
[ใช่แล้ว! ถูกต้อง!!! แต่ตอนนี้เธอมีบอดี้การ์ดคุ้มครองนี่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเนอะ!!]
“มีบอดี้การ์ดคุ้มครองงั้นหรอ....” ฉันได้แต่กัดฟันแน่นพร้อมกับกำมือถือแน่นจนมือถือของฉันแทบจะร้าวได้อยู่แล้ว
[เอาเป็นว่าขอให้โชคดีกับการโดนตามล่านะจ๊ะ!!!! ค่าหัวของเธอตอนนี้เป็น 150ล้านดอลลาร์ไปเรียบร้อยแล้วละ...]
เมื่อจบประโยคของลูซี่ฉันก็จัดการกดวางสายทันที....เอาละฉันต้องใจเย็นก่อนอื่นฉันต้องรีบขึ้นไปยังห้องนอนของฉันเดี๋ยวนี้!!!!
“ไวโอเล็ต.......”
“เราต้องรีบขึ้นห้องเดี๋ยวนี้....”
“โอเค....”
ลุครีบเข้ามาโอบตัวฉันเอาไว้จากนั้นจึงรีบพาฉันเข้าไปยังข้างในลิฟต์ ตัวของฉันสั่นเทาไปด้วยความกลัวแต่ถ้าไม่เพราะมีลุคอยู่ข้างๆฉันก็คงจะสติแตกมากกว่านี้
ยัยลูซี่คอยดูนะฉันจะกลับไปเก็บหล่อนเป็นคนแรกเลยคอยดูสิ!!! เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกฉันจึงมุ่งตรงไปยังห้องพักของเรา เปิดประตูเข้าไปเช็คทุกอย่าง ทุกซอกทุกมุมเพื่อดูว่ามีเครื่องดักฟังหรือกล้องตัวจิ๋วหรือเปล่า
“เกิดอะไรขึ้น....” ลุคพูดขึ้นหลังจากที่ตามเข้ามาในห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
“นั่งก่อนสิเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง” ฉันนั่งลงบนเตียงพร้อมกับกุมขมับเล็กน้อย โดยที่มีลุคมานั่งลงที่ข้างๆตัวฉัน
“เล่ามา....”
“คือฉัน....โดนพวกมันปลดออก”
“โดนปลดงั้นหรอแล้วทำไมคุณถึงต้องเครียดขนาดนั้นด้วยละ”
“มันไม่ใช่แค่ปลดออกนี่สิ กฏของกลุ่มฉันก็คือใครก็ตามที่โดนปลดออกจะต้องถูกเก็บและด้วยฝีมือของฉันก็เลยมีค่าหัวติดมาด้วย มันน่าตลกดีใช่มั้ยละ”
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ ให้ผมพาคุณหนีมั้ย”
“ไม่ๆ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกแค่.....เก็บกวาดพวกนักฆ่าคนอื่นๆให้ครบก่อนจากนั้นค่อยหนีแต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะหาเราจนเจอให้ได้...”
“เฮ้อ งานช้างซะแล้ว!” ลุคบ่นขึ้นพร้อมกับล้มตัวนอนบน ฉันค่อยๆลุกขึ้นคลานไปนั่งคล่อมบนตัวของลุคที่กำลังนอนราบอยู่บนเตียง
“ทำไงได้ละ หรือจะเอาอย่างนี้ดีละพวกเราวางแผนกันจัดการองค์กรและคนที่เป็นต้นตอของเรื่องนี้กัน”
“อื้ม...ถ้าฝีมือของพวกเรา 2 คนก็น่าจะจัดการได้อยู่”
“ใช่ เรา 2 คนเก่งอยู่แล้วเพียงเราต้องหาอุปกรณืแล้วก็วางแผนนิดหน่อยเท่านั้นเอง หรือไม่ก็อาจจะหากำลังเสริมเพิ่ม”
“ไม่ต้องหรอก....แค่เรา 2 คนก็พอ” ลุคกดหลังของฉันเพื่อให้ฉันก้มลงไปใกล้ชิดกับเค้ามากขึ้นจนตอนนี้ลมร้อนของลมหายใจของเราทั้ง 2 คนกระทบกันแล้ว
“เฮ้....นี่นายไม่ใช่แฟนของฉันนะทำไมถึงได้ยอมช่วยขนาดนี้ละ”
“อื้ม จะว่ายังไงดี...ผมขาดคุณไม่ได้มั้ง”
“ถามจริงความรู้สึกของคุณเวลาอยู่ใกล้ฉันตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“ก็ไม่รู้สิ....บางทีก็รู้สึกแปลก บางทีก็รู้สึกว่าคุณน่ารัก น่ารักทุกครั้งไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามและมันยิ่งทำให้รู้จักคุณมากขึ้น ไวโอเล็ตถึงคุณจะเป็นนักฆ่าแต่ข้างในหัวใจของคุณกลับทำให้ผมรู้สึกกันข้าม”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าหลงรักฉันงั้นหรอ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วคุณละ”
“ไม่รู้สิ ฉันยอมรับนะว่าแอบเขินเวลาคุณทำนู่นทำนี่ให้และก็แอบมีหัวใจเต้นแรงนิดหน่อย”
“แบบนี้ไงคุณถึงได้น่ารักไง” ลุคค่อยใช้มือของเค้าเกลี่ยเส้นผมของฉันอย่างเบามือที่สุด
“เราตกลงว่าไงละ”
“ผมจะช่วยให้คุณได้เป็นอิสระและชีวิตของคุณต่อจากนี้ผมจะเป็นคนดูแลเอง แต่งงานกับผมได้มั้ย”
ลุคหยิบแหวนเพชรที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาขอฉันแต่งงานในสภาพนอนแบบนี้เนี่ยนะ!!!!!!! พระเจ้า!!!!! ดิฉันนึกไม่ถึงเลยคะ!!!!!!! ข้ามขั้นกันแบบนี้เลยหรอ!!! และตอนนี้สีหน้าของฉันเองก็ช็อคมาก ช็อคจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“ลุค....ขอแต่งงานกันแบบนี้เลยหรอ!”
“แล้วตกลงจะแต่งมั้ยละ”
“คือ....” ฉันพูดไม่ออกเลยตอนนี้ฉันหน้าแดงจนไม่รู้จะพูดยังไงฉันได้แต่ก้มหน้าซบไปที่อกของลุค ทั้งเขินและก็ดีใจไปพร้อมๆกัน
“หืม...เป็นอะไรไปไวโอเล็ต” ลุคใช้มือข้างที่ถือแหวน เชยคางของฉันขึ้นเพื่อให้มองหน้าเค้า
“ตาบ้า!! แฟนก็ยังไม่ได้เป็นมาขอแต่งงานแบบนี้ได้ไงนิสัยเสีย!!!”
“เฮ้อ อายุขนาดนี้แล้วถ้าไม่รีบขอเดี๋ยวจะมาคว้าเอาไปนะ ตกลงว่าไงจะแต่งงานกับผมมั้ย”
“เสร็จจากงานนี้ก่อนแล้วค่อยขอฉันแต่งงานอีกรอบได้มั้ย ตอนนี้ฉันว่ามันยังไม่ได้ช่วงเวลาที่โอเคสักเท่าไหร่นะ”
“ถ้างั้นก็ได้ งั้นผมจะเอาแหวนวงนี้ไปไว้ไหนดีละ”
“อืม......เอาไว้เป็นจี้ห้อยคอก่อนได้มั้ยละ”
“ได้ครับ...”
ลุคยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะจูบฉันอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง แต่จูบครั้งนี้มันต่างออกไปจากครั้งก่อนๆเพราะมันออกมาจากความรู้สึก ความรู้สึกของเรา.....จากอารมณ์เปลี่ยนความรักที่ไม่ว่าใครก็คงจะไม่เคยเจอเหมือนกับเรา..........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ