Alice เพลงรักที่หลงทาง (season 1)
5.3
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.50 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
13.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) Chapter 6.... เปลี่ยน (Change)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างกาย เมื่อเจ็บปวดแล้วจะหายในไม่ช้า แต่หัวใจ เมื่อได้รักใครแล้วก็ยากที่จะลืมได้ลง….
ไม่เคยลืมหนึ่งเดือนตั้งแต่เรื่องคืนนั้น ทั้งความเจ็บปวด ความอับอาย แล้วก็ความรู้สึกวาบหวามในค่ำคืนท่ามกลางหิมะสีขาว แล้วต้องทำยังไงกับหัวใจที่แกว่งไกวราวกับลูกตุ้มนาฬิกานี้ให้มันสงบลง
เราจะไม่พบกันอีกและจะไม่มีวันพบ เพราะเส้นทางของเรามันไปคนละทาง
“ครูขา ตัวโน้ตนี้อ่านว่ายังไงคะ”
“ไม่เจอกันอีก…เหรอ”
“เอ๋?”
“อะ! โทษทีนะ ไหน ให้ครูดูหน่อย
ทุกๆวันของซางะใช้ไปกับการสอนดนตรีที่โรงเรียนสอนดนตรีของตัวเองที่ร่วมหุ้นกับพี่สาว เป็นชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็ยังไม่ห่างจากเสียงดนตรี ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้ว ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ ทั้งอาการบาดเจ็บที่ได้รับทั้งเรื่องของวากานะที่ตายไป ซางะเริ่มจะทำใจยอมรับได้มากแล้ว
แต่ว่าไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่นึกถึงคำพูดสุดท้ายกับสีหน้าเรียบเฉยของผู้ชายที่ชื่อ คุสะ ชินระ คนที่เหมือนเครื่องจักรไร้ความรู้สึกนึกคิดแต่ทว่า แววตาคู่นั้นกลับดูเศร้าและเจ็บปวด
…………………………………………
หนึ่งเดือนที่ชินระกลับมาเป็นเครื่องจักรสังหารของคุสะ ทุกอย่างเหมือนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่ทั้งหมด
มี้~…….
เสียงเล็กๆดังมาพร้อมกับร่างน้อยๆสีขาวฟูนุ่มเข้ามาคลอเคลียอยู่ที่ขาชินระที่นั่งตรวจเอกสารอยู่ในห้องส่วนตัว
ตาสีน้ำตาลอมแดงภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมเหลือบมองเจ้าตัวน้อยอย่างเอ็นดูพร้อมกับลูบหัวมันสองสามที ลูกแมวที่ได้มาจากซางะเมื่อเดือนก่อนตอนนี้มันกำลังโตและยังอ้อนเก่ง เป็นเพื่อนคลายเหงาของชินระได้อย่างดี
“ท่านครับ คนจากคาซามะมาขอพบครับ”
“เชิญเขาเข้ามา”
“ไม่ต้องเชิญแล้ว ฉันมีขาเดินมาเองได้”
บุรุษร่างสูงโกรกผมสีดำอมม่วงเดินเข้ามานั่งโซฟาตรงข้ามกับชินระแบบไม่ต้องรอให้เชื้อเชิญ
“มีธุระอะไร”
ชินระถามแขกผู้มาเยือนโดยไม่แม้จะเงยหน้ามอง สายตาจับจ้องอยู่แค่เอกสารในมือเท่านั้น
“ฉันหาสมาชิกวงได้ครบแล้ว มาตั้งวงกันเถอะ”
เซียวยิ้มหน้าบานแต่ชินระกลับมีสีหน้าไปคนละทาง เอกสารในมือถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่มือหนาจะคว้าเอาเจ้าขนปุกปุยขึ้นมาอุ้มไว้บนตัก สายตามองไปที่คนยิ้มหน้าบาน ดูมันจะตื่นเต้นเกินไปหน่อยไหมนั่น
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่สน”
“น่า ลองแค่ครั้งเดียว ถ้าไม่ชอบก็ออกมาก็ได้”
“ก็เห็นๆอยู่ว่าฉันงานยุ่งขนาดไหน”
“ไม่ใช่งานของนายคนเดียวนี่นา แบ่งๆไปบ้างก็ได้”
“ฉันไม่มีเวลามาลอยไปลอยมาเหมือนนายหรอกนะ”
“ลอยไปลอยมาอาจจะดีกว่าก็ได้นะ ที่นายทำอยู่ตอนนี้บอกฉันสิว่านายมีความสุข”
ชินระไม่มีคำตอบ เพราะคำตอบของเขาไม่เคยมีคำว่ามีหรือไม่มี ชีวิตของชินระที่แค่หายใจเข้าออกมีแต่กลิ่นคาวเลือด หูสองข้างที่ได้ยินแค่เสียงร้องขอชีวิต ก่นด่า สาปแช่งจากคนอื่น ไม่เหมาะจะไปสัมผัสกับคำสวยงามพรรค์นั้นหรอก
มี้~
เสียงน้อยๆสะกิดชินระให้กลับมาออกมาจากความคิด ชายหนุ่มก้มมองเจ้าร่างปุกปุยบนตัก แล้วความคิดวูบหนึ่งก็พัดเข้ามาในหัว
“ก็ได้ ฉันจะลองดู แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“ฉันอยากได้ซางะมาร่วมวงด้วย”
“นายคิดเหมือนฉันเลยเพื่อน เอาตามนี้ นายไปจัดการเรื่องซางะคุงเลย ทำยังไงก็ได้ให้เขายอมร่วมวงกับเรา”
เซียวยิ้มหน้าบานจนตาหยี
“แล้วทำไมต้องโยนมาที่ฉันด้วย”
“ก็ฉันต้องไปวางโปรเจ็กส์กับผู้จัดการคนสวยแล้วก็เพื่อนร่วมวงอีกสองคนที่เหลือนี่นา ช่วยทีนะ”
“โปรเจ็กส์?”
“ใช่ ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาไปสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้ นายกับซางะก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ไปก่อนนะ วันจันทร์นี้ต้องไปที่บริษัทให้ได้ล่ะ พวกเราจะรอ”
“ฉันเกลียดหน้ายิ้มๆของแกชะมัด”
“หืม เหรอ”
เซียวมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นหน้ากาก คนที่เป็นถึงทายาทสืบทอดตระกูลใหญ่มีหรือจะไร้เขี้ยวเล็บทำตัวสนุกสนานไปวันๆ เขาแค่ไม่ชอบใช้กำลังแต่ชอบใช้สมองและความฉลาดของเขาก็เป็นกรดสามารถปั่นหัวใครต่อใครให้จนมุม หัวหมุนได้ง่ายๆตามใจอยาก เหมือนที่กำลังทำให้ชินระหัวหมุนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ในขณะนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างชินระกับซางะมีหรือเซียวจะไม่รู้ เพราะเขานี่ล่ะที่ทำให้มันเกิดขึ้น ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
เมื่อเดือนก่อน สองวันหลังกลับมาจากกรีดแผลให้ซางะเซียวก็เพิ่งกลับเข้าบ้าน เจอปู่กำลังหาอะไรบางอย่าง
‘ปู่หาอะไร’
‘เจ้าเซียว ยาที่อยู่ในกล่องนี่หายไปไหนแล้ว’
ปู่ของเซียวเป็นหมอที่เกษียณแล้วแต่ก็ยังเปิดคลีนิคเล็กๆไว้รักษาลูกน้องแก้เหงา ไม่แปลกที่จะมียาเก็บไว้ที่บ้านจำนวนมาก
‘หืม ยาแก้อักเสบเหรอปู่ ผมเอาไปให้เพื่อนแล้วล่ะ พอดียาในกล่องข้างนอกไม่พอผมก็เลยเอาในกระปุกนั่นไปด้วยนิดหน่อย หมอนั่นบาดเจ็บแผลอักเสบ ต้องใช้ยาเยอะ’
เซียวพูดตามน้ำ แต่เท่านั้นแหล่ะปู่ถึงกลับหันมาตวาดเขาเสียงดังลั่นบ้าน
‘ไอ้หลานตาถั่วเอ๊ย! นั่นไม่ใช่ยาแก้อักเสบ!’
‘อ้าว? แล้วมันยาอะไรปู่’
‘นั่นมันยาปลุกเซ็กส์ว้อย!!!!’
‘ว่าไงนะ!’
เท่านั้นเองที่ทำให้เซียวต้องบึ่งรถไปบ้านพักของชินระอย่างด่วน และพอไปถึงก็พบว่ามันสายเกินไปแล้ว และแน่นอนว่าเซียวไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับซางะ เพราะถ้าบอก แผนการของเขาก็พังไม่เป็นท่าน่ะสิ
………………………………….
………………………………………………..
หิมะตกปรอยๆไม่ได้มากมายพอให้ทับถม อากาศเดือนธันวาคมหนาวยะเยือก แต่ก็ยังมีคนส่วนมากที่ชื่นชอบเดินท้าลมหนาว โดยเฉพาะนักท่องราตรีทั้งหลาย ในมุมเล็กๆของบาร์ที่จัดได้ว่ามีระดับ ชายร่างสูงโดดเด่นด้วยหน้าตาคมคาย กำลังลังดื่มอยู่ลำพัง เสียงจอแจของผู้คนไม่ได้ทำให้เขาสนใจหันไปมองและแยกแยะว่าใครเป็นใคร ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงมองไปรอบๆ บรรยากาศในบาร์ของคนที่ค่อนข้างมีระดับไม่ค่อยมีความวุ่นวายให้เห็น ทุกคนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เป็นนักธุรกิจและคนมีฐานะที่มาสังสรรค์หลังเลิกงาน ทุกอย่างดูน่าเบื่อ แม้แต่เครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ในระหว่างที่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมา มือข้างนั้นก็ได้ชะงักกับเสียงเปียโนที่ดังแว่วมา ทุกคนในร้านไม่มีใครส่งเสียงดังเหมือนตอนแรก และต่างก็พากันหันไปมองบนเวทีที่ตอนนี้มีแสงไฟนวลๆส่องไปยังคนที่นั่งเล่นเปียโนอยู่กลางเวที
ชินระไม่ลืมเส้นผมสีทองอ่อนนั่น ไม่ลืมแม้จะเห็นเพียงใบหน้าที่หันข้าง ถึงไฟจะส่องเป็นสีนวลไม่ค่อยชัดเจนแต่ชินระมั่นใจว่านั่นคือซางะ เสียงเปียโนลื่นไหลไปพร้อมกับบทเพลงที่ไม่จำเป็นต้องมีคนร้อง สะกดทุกเสียงในบาร์ให้เงียบกริบ ชินระไม่เคยฟังเพลงที่เพราะขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเขาเองก็จำไม่ได้
เสียงเพลงจบลงตามมาด้วยเสียงปรบมือจากผู้ชม มีเพียงชินระที่ยังเงียบและมองการเคลื่อนไหวของคนบนเวทีไปเรื่อยๆ ซางะเดินลงเวทีเข้ามานั่งที่โต๊ะไม่ไกลจากมุมที่ชินระนั่ง โต๊ะนั้นมีกลุ่มผู้ชายสองคนและมีผู้หญิงวัยรุ่นที่ดูจะติดซางะแจ ทันทีที่ซางะนั่งลงเด็กสาวคนนั้นก็ขยับเข้ามาเบียดจนแทบจะสิงชายหนุ่มและทำเนียนคล้องแขนแนบชิดไม่ต่างจากคู่รัก
“ครูขา ครูเก่งจังเลย วันหลังช่วยสอนมากิเยอะๆนะคะ”
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ดูจากท่าทางตอบรับจากชายหนุ่มไม่ค่อยอยากเล่นกับเธอเท่าไหร่ ชินระมองเงียบๆ และก็ได้เห็นบางอย่างที่ถูกหย่อนลงในแก้วเครื่องดื่มของซางะ หลังจากนั้นเด็กสาวคนเดิมก็เริ่มคะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มดื่มมัน
เด็กนี่ร้ายกาจไม่เบา
ไม่นานซางะก็เหมือนคนเมา ผู้ชายสองคนจึงเข้ามาช่วยพยุงออกไปจากร้าน ตามด้วยเด็กสาวที่ยิ้มแก้มปริตามไป ชินระถึงกับส่ายหน้ากับการแสดงออกของเด็กสาว
“ยายเด็กแก่แดดเอ๊ย”
และเมื่อตามมาถึงลานจอดรถก็เห็นเด็กสาวคนเดิมกำลังทำตัวเป็นคุณหนูไร้เดียงสาอาสาจะไปส่งซางะที่ตื่นครึ่งไม่ตื่นครึ่ง บอดี้การ์ดของเธอเข้ามาแย่งตัวชายหนุ่มจากผู้ชายอีกสองคนที่ช่วยพยุงอยู่
“จะดีเหรอมากิจัง เดี๋ยวพวกเราไปส่งซางามิเอง เธอรีบกลับบ้านไปดีกว่านะ”
“ใช่ มีอะไรก็ค่อยพูดกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียนก็ได้นี่นา ครูของเธอเขาเหนื่อยมากแล้ว ถ้าไปกับเธออีก พรุ่งนี้คงไปสอนไม่ได้”
“ไม่เอา มากิจะพาครูนางาเระกลับไปกับมากิด้วย!”
ชินระมองการกระทำไร้ยางอายของเด็กสาวต่อไปไม่ไหว เดินเข้าไปและคว้าตัวซางะมาพาดบ่าไว้เอง
พรึ่บ!
“อ๊ะ! นายเป็นใคร จะเอาเพื่อนพวกฉันไปไหน”
หนึ่งในผู้ชายสองคนดูตกใจไม่น้อย และที่ยิ่งตกใจกว่าใครก็คือเด็กสาวลูกคุณหนูไร้ยางอายคนนั้น
“เดี๋ยวฉันจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล”
“โรงพยาบาล? หมอนี่ไม่ได้เป็นอะไรทำไมต้องไปส่งโรงพยาบาล”
“หึๆๆ เป็นสิ ถ้าให้แม่ของเขาดูทีเดียวก็รู้ จริงไหมคุณหนู”
ชินระจงใจมองไปที่เด็กสาว และแน่นอนว่าผู้ชายอีกสองคนก็มองเด็กสาวอย่างสงสัย
“เธอทำอะไร”
“ฉะ ฉันเปล่านะคะ ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เคลียร์กันเองนะ ฉันจะพาเขาไป”
ชินระไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป เขาแบกร่างโปร่งที่หลับไม่รู้สติเดินไปที่รถที่มีคนขับรถรอเปิดประตูให้ ชินระวางร่างไร้สติให้นอนเบาะหลังก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ และขับรถออกไป ซางะถูกวางยาแต่แค่ยานอนหลับ สำหรับชินระมันก็แค่ขนมหวานคลายเครียด เด็กสาวคนนั้นแค่ต้องการเล่นละคร เป็นแผนตื้นๆที่เด็กทั่วไปชอบใช้กับคนที่ตัวเองแอบชอบ
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงชินระก็มาถึงคอนโดที่พักส่วนตัว ตอนนี้มันคงจะดีกว่าที่จะพาซางะกลับบ้าน
“อืม”
ซางะหลับครึ่งไม่หลับครึ่ง พยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่ก็ทำได้แค่ปรือตา แขนขาไร้เรี่ยวแรงไม่ว่าจะจับไปวางแบบไหนก็อยู่แบบนั้นไม่ขยับ
“จริงๆเล้ย ใจดีเกินเหตุจนกลายเป็นเหยื่อไม่รู้ตัว”
ชินระวางร่างปวกเปียกลงบนเตียงคิงส์ไซส์ในห้องนอนก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงมือเท้าสะเอวมองร่างของคนที่นอนแผ่เป็นปลาแห้ง ก่อนจะจัดการยกร่างปวกเปียกขึ้นช่วยถอดเสื้อชั้นนอกออกตามด้วยรองเท้าออก ซางะบอบบางยังไงก็ยังบอบบางอย่างนั้น ใบหน้าติดหวานยิ่งตอนหลับยิ่งดูน่าหลงใหล ลมหายใจแผ่วๆทำให้อกที่มีเพียงเสื้อยืดสีขาวปกปิดกระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ ความทรงจำเมื่อครั้งแรกที่มีร่วมกันทำให้ชินระต้องกลืนน้ำลายตัวเอง บวกกับเครื่องดื่มที่ดื่มเข้าไปไม่น้อยทำให้ร้อนวูบวาบจนไม่สบายตัว
"บ้าเอ๊ย”
ร่างสูงเดินดิ่งเข้าน้ำจัดการกับตัวเองอย่างด่วน มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือเพราะเขาห่างจากเรื่องบนเตียงมานานก็เลยเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมา หรือเพราะเจ้าคนที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงนั่นกันแน่
พอจัดการกับตัวเองจนรู้สึกดีขึ้นชินระก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำ ซางะยังหลับไม่รู้เรื่อง แถมเจ้าสัตว์เลี้ยงขนปุกปุยของชินระก็ขึ้นไปนอนขดอยู่บนอกของชายหนุ่มและหลับไปเช่นกัน ท่าทางมันจะชอบที่นอนใหม่ของมันจริงๆ มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอกคนที่นอน ใบหน้าสงบนิ่งมองแล้วก็ชวนให้นึกถึงเพลงที่ได้ฟัง และคงไม่ผิดนักหากว่าจะเล่นเพลงนั้นอีกสักหน ด้วยกีต้าร์ของเขาเอง
บทเพลงที่ถูกเปียโนบรรเลงมาก่อนหน้านั้นตอนนี้กำลังบรรเลงอยู่บนตัวโน๊ตของกีต้าร์โปร่ง ในห้องโทนสีดำแดงมีเพียงแสงไฟจากหัวเตียงส่องสว่าง ช่วงเวลาที่ชินระไม่ได้สัมผัสมานาน บทเพลงที่ไม่ต้องมีคนร้องทำให้เพลิดเพลินไปจนจบเพลง
“…..ที่เซียวบอกว่า กีต้าร์มือดี คือนายจริงๆสินะ”
เสียงทุ้มแผ่วๆเบาดังขึ้นมาหลังจากท่อนสุดท้ายของบทเพลงจบลง ชินระเพียงแค่เหลือบมองเพียงหางตา ในห้องนี้จะมีใครนอกจากเขากับซางะ
“กวนให้ตื่นเหรอ”
“เปล่า”
ซางะลุกขึ้นนั่งชันเข่าลงข้างเตียง มือข้างหนึ่งยังประคองเจ้าแมวสีขาวไว้แนบอกส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นเสยผมสีอ่อนของตัวเองไปด้านหลัง
“ขอบใจที่ช่วยฉันเอาไว้”
“หึ รู้ได้ยังไงว่าฉันช่วยนาย ฉันอาจจะเป็นคนลักพาตัวนายมาก็ได้”
“งั้นเหรอ แต่อย่างน้อยนายก็ให้ที่นอนกับฉันล่ะนะ”
ชินระสนใจกีต้าร์ของตัวเองก่อนจะพูดขึ้นมาอีกประโยค
“นายไปทำอะไรที่บาร์นั่น”
“เล่นเปียโน”
“ไม่ต้องไปอีก”
“ทำไม”
“เพราะต่อไปนี้นายกับฉันจะร่วมวงทำเพลงกันไงล่ะ”
ทันทีที่พูดอกไปซางะก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา ชายหนุ่มนิ่งเงียบก้มมองมือของตัวเอง
“นายอยากทำมันจริงๆหรือว่าถูกเซียวบังคับกันล่ะ”
“ว่าไงนะ” คราวนี้เป็นชินระที่ที่ขมวดคิ้วเป็นปมบ้าง
“ฉันรู้ว่าเซียวสนใจจะทำเพลงแค่ไหน แต่กับนายฉันไม่รู้ เพราะฉะนั้น ช่วยบอกฉันหน่อยถ้าฉันโง่ ว่านายอยากทำมันจริงๆหรือว่าแค่ถูกเซียวขอร้องให้ทำ”
“ฉันอยากเปลี่ยน”
“ห๊ะ?”
ชินระลุกขึ้นและเดินถือกีต้าร์เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าซางะ
“ฉันชอบเพลงที่นายเล่น ชอบนายที่เป็นนักดนตรี เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงได้อยากลองเล่นดนตรีกับนายดูสักครั้ง ซางะ”
ชั่วชีวิตนี้ชินระไม่เคยขออะไรจากใคร แต่เพราะบทเพลงที่คนตรงหน้าบรรเลงมันขึ้นมาได้เปิดทางช่องน้อยๆเข้ามาในโลกอันมืดมนของเขา เพราะบทเพลงที่ไร้คนร้องมันได้ร่ำร้องผ่านตัวโน๊ตนำทางเขาออกมาจากวังวนอันแสนเจ็บปวด ในเมื่อเดินออกมาแล้วก็อยากจะเดินต่อไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ชอบ
“มาตั้งวงกันเถอะ”
“….อืม”
เสียงตอบรับจากคนตรงหน้าแผ่วเบาแต่ทว่าหนักแน่น และจริงจัง การเดินเข้ามาในโลกที่สวยงามไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชินระ แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากนักหากจะใช้พรสวรรค์ของตัวเองดูสักครั้ง อาจจะดีกว่าต้องทิ้งให้มันตายไปพร้อมกับบาดแผลบนหลังที่ไม่มีวันหาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ