Alice เพลงรักที่หลงทาง (season 1)
เขียนโดย zusuran
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.50 น.
แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Chapter 5 .....เพลงรักที่ไม่ได้ตั้งใจ (unintentional)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ชินระวางซางะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นหายใจติดขัดลงบนพื้นในห้องน้ำก่อนจะถกผ้าห่มที่คลุมร่างของคนตรงหน้าออกให้พ้นทางและใช้ถังไม้ตักน้ำอุ่นในอ่างราดลงไปโครมใหญ่
ซ่า!!!!
“แค่กๆๆ!!!”
ซางะสำลักน้ำและตื่นเต็มตา น้ำอุ่นช่วยให้อาการสั่นเป็นเจ้าเข้าเมื่อครู่ทุเลาลง
“สูดไอน้ำเข้าไป”
ชินระไม่พูดเปล่า ยังตักน้ำขึ้นมาและราดลงบนตัวซางะอีกสองสามครั้งจนเกิดเป็นไออุ่น คุกรุ่นทั่วห้องน้ำ ซางะทำตามที่บอก ทั้งปากทั้งจมูกช่วยกันกอบโกยเอาอากาศผสมไอน้ำอุ่นๆเข้าไป ร่างโปร่งนั่งบนพื้นพิงผนังห้องน้ำชันเข่าสองข้าง มือข้างที่ถนัดยกขึ้นเสยผมที่เปียกลู่แนบแก้มไปด้านหลัง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าอาการดีขึ้น ชินระก็หันไปคว้ามีดโกนที่ขอบอ่างและจับไหล่ซางะเอาไว้
“จะทำอะไร”
“แผลสกปรก ล้างคราบเลือดออกให้หมดซะจะได้ทำแผลใส่ยาใหม่”
“ฉันทำเองได้”
“อย่าอวดเก่ง! อยู่นิ่งๆ”
“อึก!”
ชินระแกล้งบีบไหล่ซางะพอให้เจ้าตัวเจ็บ จะได้ไม่ต้องมาทำเป็นเก่งให้รำคาญ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าคนหน้าสวยนี่ถึงได้ชอบปฏิเสธมันทุกอย่าง จะว่าเป็นมารยาทมันก็ใช่อยู่หรอก แต่บางทีชินระก็รู้สึกรำคาญ ทั้งที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แต่ก็ยังชอบปฏิเสธ จะว่าโง่ก็ไม่ใช่หยิ่งก็ไม่เชิง ถ้าดูไม่ผิดแขนข้างนี้ของซางะคงชาจนขยับไม่ได้แล้วล่ะ
“อะ! จะทำอะไร!”
ซางะสะดุ้งโหยงเมื่อชินระเอื้อมมือมาจะถอดกางเกง
“จะอาบน้ำให้ไง จะเน่าอยู่นี่ก็ไม่ว่านะ”
“ฉันทำเองได้ นายไม่ต้องยุ่ง!”
“อ๋อเหรอ ไหนลุกให้ดูหน่อยสิ”
ซางะรู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนมีไฟมาสุม จริงอย่างที่ชินระพูดตอนนี้ซางะไม่เหลือแรงแม้แต่จะยืนเองด้วยซ้ำ
“จะอายทำไม นายกับฉันมันก็เหมือนกันทั้งคู่ มานี่”
ว่าแล้วชินระก็จัดการถอดกางเกงของซางะทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ซางะไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำกว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็ล่อนจ้อนหุบขาแทบไม่ทัน
“เฮ้ย!!!!”
“ทำอย่างกับสาวแรกรุ่นเพิ่งโชว์เนื้อหนัง ทีใส่ชุดเอวลอยรัดติ้วนอนโชว์พุงให้คนเขาถ่ายรูปล่ะไม่อาย”
ซางะหมดคำจะพูด คู้ตัวกอดตัวเองเอาไว้ปานดักแด้ ปกปิดทุกสัดส่วนเท่าที่จะทำได้ ชินระมองร่างขาวราวกับหิมะตรงหน้าแล้วก็เผลอกลืนน้ำลาย และคงจะเป็นการกลืนที่เสียงดังไปหน่อย ร่างขาวๆตรงหน้าได้จึงหันซ้ายหันขวาคว้าของติดมือมาเตรียมจะฟาดหัวเขา
“อย่าเชียวนะ ไม่งั้นฉันฟาดนายหัวแบะแน่”
ซางะขู่ฟ่อในมือคว้าได้ถังไม้เตรียมจะฟาดชินระทุกเมื่อถ้าเขาเข้ามาใกล้
“เลิกมองฉันแบบนั้นได้แล้ว เจ้าคนวิปริต!”
กึก!
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“คนวิปริต!”
ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าว่าชินระขนาดนี้เลย แต่แทนที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟชินระกลับนึกสนุกอยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นมา
“ใช่ ฉันมันคนวิปริต ไหนขอดูหน่อยซิ ร่างกายของนายนี่มันน่าสนใจดีจริงๆเลย”
ทันทีที่ชินระพูดออกไปซางะก็ถึงกับหน้าซีด ยิ่งเห็นชินระยิ่งได้ใจทำทีสาวเท้าเข้าไปหาร่างตรงหน้า แต่แล้ว
พรืด!
“โอ๊ะ!”
ชินระลื่นน้ำบนพื้นจนเสียการทรงตัว สองแขนว่ายน้ำกลางอากาศกำลังจะหงายเงิบไปด้านหลัง แต่ก่อนที่เขาจะหงายหลังหัวฟาดพื้น ซางะก็คว้าแขนเขาเอาไว้และกระชากกลับไปทางเดิม แต่เพราะแรงไปหน่อยจึงทำให้ทั้งคู่เสียการทรงตัวลื่นล้มไปทั้งคู่
โครมมมม!!!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและหยุดนิ่งไปหมด แม้แต่ลมหายใจก็ยังขาดช่วง ถังไม้ยังกลิ้งวนไปทั่วพื้นในห้องน้ำก่อนจะคว่ำลง ชินระใช้มือสองข้างค้ำยันตัวไว้ตอนนี้เขาจึงอยู่ในท่าคลาน สองตาของชายหนุ่มมองอีกร่างที่ไร้สิ่งใดปกปิดนอนราบอยู่ใต้ร่างอย่างอึ้งๆ ใบหน้ารึอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ซางะเริ่มได้สติรีบผลักร่างสูงข้างบนออกไปแรงๆ
ปึก!
ชินระหายใจแรงๆสองสามครั้งตั้งสติก่อนจะหันกลับมามองร่างบางพร้อมกับคว้าผ้าขนหนูโยนให้ ซางะรีบใช้มันคลุมร่างกายตัวเองทันที เป็นการอาบน้ำที่ทุลักทุเลเท่าที่เคยเจอมาในชีวิตก็ว่าได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“ยังเจ็บอยู่รึเปล่า”
ชินระนั่งตรงข้ามและทำแผลให้ซางะ เพราะได้รับแรงกระแทกหลายครั้งและการอาบน้ำที่แสนทุลักทุเลทำให้แผลอักเสบมากกว่าเดิม
“ไม่ค่อย”
ซางะตอบสั้นๆ และรีบคว้าเสื้อมาใส่
“จะอายทำไม เมื่อกี้ก็เห็นหมดแล้ว”
“ขืนพูดอีกฉันชกปากนายจริงๆ”
“เอาๆ ฉันผิดก็ได้พอใจรึยัง กินยาแล้วก็ไปนอนซะ”
ชินระลุกขึ้นเก็บกล่องยากลับไปไว้ที่เดิม ซางะกินยาในซองที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะลอบมองการกระทำของอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆถึงได้ชอบมองอีกฝ่ายขึ้นมาเสียดื้อๆ และก่อนจะเดินออกไปจากห้องซางะก็คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้
หมับ!
“มีอะไร” ชินระหันมามองคนที่จับชายเสื้อของตนนิ่งๆ
“นาย จะนอนด้วยกันก็ได้นะ”
“ว่าไงนะ”
“ข้างนอกมันหนาวไม่ใช่เหรอ”
“อยากให้นอนในนี้จริงเหรอ”
“ทำไม กลัวฉันจะลุกขึ้นมาปาดคอรึไง”
“หึ เอาสิ นอนมันพร้อมกันนี่ล่ะ”
พรึ่บ!
วงแขนยาวๆรั้งร่างที่บอบบางกว่าให้ล้มลงนอนไปบนเตียงพร้อมกัน โชคดีที่เตียงมันกว้างพอทำให้ผู้ชายสองคนนอนได้แบบไม่อึดอัด พอหัวถึงหมอนชินระก็หลับทันที เพราะหลายวันมานี้เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เลยสักวัน
พอเห็นอีกฝ่ายหลับไปง่ายๆ ซางะก็ได้แต่มองใบหน้าตอนหลับของคนข้างกาย ใบหน้าของคนๆนี้ดูเศร้าใจจัง
“มีบาดแผลในใจสินะ…….”
มือเรียวยาวเอื้อมไปลูบโครงหน้านั้นเบาๆกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น ก่อนจะวางทาบเอาไว้บนแก้มไม่ได้ชักออก ความเงียบเข้ามาปกคลุมท่ามกลางค่ำคืนที่เหน็บหนาว มองออกไปนอกหน้าต่างช่องแคบๆเห็นเพียงหิมะตกลงมาเบาๆไม่ขาดสาย ทุกอย่างขาวโพลนและเหน็บหนาว หากแต่ตอนนี้ภายในห้องนอนกลับอบอุ่นเพราะไออุ่นจากร่างกายทั้งสองที่ใกล้กัน
ตึกตักๆๆๆๆ
ซางะสะดุ้งตื่นเมื่อจู่ๆหัวใจมันเต้นรัวผิดปกติ เกิดอาการวาบหวามอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พรึ่บ!
ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งตัวตรง ทั้งที่อากาศก็หนาวแต่กลับมีเหงื่อผุดขึ้นมาทั้งเนื้อทั้งตัว ร่างกายเริ่มสั่นแปลกๆ เหมือนกับว่าไม่ใช่ร่างกายของซางะอีกแล้ว
“เป็นอะไร”
เฮือก!!!!
ชินระรู้สึกถึงแรงไหวข้างกายจึงชะโงกหน้าขึ้นมามอง เห็นซางะกำลังใช้มือสองข้างกอดตัวเอง ท่าทางสั่นสะท้านเหมือนคนจับไข้
“นายมีไข้?”
ชินระลุกขึ้นเอื้อมไปเปิดไฟและหันกลับมามองซางะที่ยังนั่งจับสั่น แล้วก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า
“นี่นาย!”
ฟุ่บ!
ร่างโปร่งล้มลงนอนหอบหายใจกับเตียง ชินระขมวดคิ้วมองท่าทางของซางะ เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดจะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร ร่างสูงรีบลุกเดินตรงไปที่โต๊ะที่มีถุงยาวางปะปนกันอยู่และรีบคว้าซองยาทั้งหมดขึ้นมาอ่านดูทีละซอง
“เวรเอ๊ย เอาแล้วไง”
ยาปลุกเซ็กส์ มันมาได้ไง
ชินระหันกลับไปมองอีกร่างที่นอนเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงส่งเสียงครางออกมาแผ่วๆ มืออ่อนแรงพยายามปัดป่ายเสื้อผ้าออกให้พ้นกาย หากแต่ชินระรีบโดดเข้าไปคว้ามือนั่นออก
“อ๊า!”
แค่ชินระดึงเสื้อที่ถูกถกขึ้นมาจนเห็นหน้าท้องขาวกลับไปปิดร่างกายของคนใต้ร่างเอาไว้อย่างเดิม เสียงร้องครางกระเส่าก็ตามมา ในชีวิตชินระไม่เคยจะมาทำเรื่องแบบนี้เลยใครจะเชื่อบ้าง ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิตต่างก็สมยอมและจากกันด้วยดี แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ชินระต้องมาทำแบบนี้กับผู้ชาย!
สติซางะมีครึ่งไม่มีครึ่ง เรือนร่างผอมบางกว่าผู้ชายทั่วไปบิดเร้ายั่วยวนสายตาของคนที่ได้มอง สองมือยกขึ้นคล้องคอชินระและรั้งคอของเขาลงไปแลกจูบ
“อืม”
ตึกตักๆๆๆ
หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกจุกเข้ากลางอก ซางะเป็นคนสวย ชินระกล้าใช้คำนี้อย่างไม่ลังเล และเมื่ออยู่ใกล้ขนาดนี้หัวใจกับร่างกายยิ่งเรียกร้องหาจะสัมผัส มือหนาสอดประสานมือเรียวนั้นนิ้วต่อนิ้ว ใบหน้าเลื่อนเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนในที่สุดก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป
“นายยั่วฉันเองนะ”
“อื้ม”
เสียงครางในคอร่างบางที่ถูกรุกล้ำดังขึ้นมา ชินระละเลียดชิมกลีบปากนั้นอย่างอ้อยอิ่ง ดันลิ้นเข้าไปด้านในโพลงปากหยอกล้อกับอีกฝ่าย จากความแผ่วเบากลายเป็นความเร่าร้อนเกิดเสียงจาบจ้วงชวนอายและมันก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่จูบ จากละเลียดชิมริมฝีปากได้ขยับมาซุกไซร้ไออุ่นกลิ่นอ่อนๆตามซอกคอแทน อกที่แนบชิดกันทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวและแรง ยิ่งได้สัมผัสอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาก็ยิ่งมาก กระหายอยากจะครอบครองอยากกลืนกินกันและกัน
ผ่านไปพักใหญ่กับบทเพลงรักจาบจ้วง ซางะเริ่มได้สติกลับมาพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อยจนผิดปกติ
“ตื่นแล้วเหรอ”
ชินระนั่งหันหลังให้พูดขึ้นมา ซางะยังมึนงงพยายามปรับสายตามองคนตรงหน้าให้ชัดๆ
“เช้าแล้วเหรอ” เสียงแหบพล่าเอ่ยออกมา
“ตีสอง” ชินระดึงบุหรี่ออกจากปากและพ่นควันออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้สึกเบลอๆชอบกล”
ชินระใช้เพียงหางตาชำเลืองร่างกายเปลือยเปล่ามีผ้าห่มคลุมท่อนล่างบดบังความอัปยศไว้อย่างหมิ่นเหม่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาปรือปรอย อกขาวถูกแต่งแต้มรอยสีกุหลาบไปหลายจุดกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจของอีกฝ่าย
ซางะเตรียมจะลุกขึ้น และในตอนนั้นเองที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง ความรู้สึกเหนียวเหนอะ เหน็ดเหนื่อยและปวดระบมด้านหลัง บอกได้ดีว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“นี่แก”
“อะไร”
“สารเลว! แกทำอะไรฉันวะ!”
ฟึ่บ!
ร่างบางถูกตลบกลับลงไปนอนแผ่กลางเตียงอีกรอบ แขนสองข้างถูกล็อกไว้เหนือศีรษะซ้ำยังถูกกดลงจนจมที่นอนจนหมดทางดิ้นรน
“ปล่อยนะ ไอ้คนวิปริต!”
“ว่าเข้าไป เมื่อกี้ก็ทำกับคนวิปริตไปแล้วนี่”
ชินระยั่วโทสะ และยิ่งทำให้คนใต้ร่างดิ้นพล่าน
“สารเลวเอ๊ย!”
ปึก!
“โอ๊ย!”
โครม!
ซางะยกเท้าถีบคนเหนือร่างจนหงายตกเตียง แต่ผ้าห่มที่ช่วยปกปิดร่างกายท่อนล่างก็หลุดลงไปกองกับพื้น ชินระลูบบั้นเอวตัวเองป้อยๆ
“กล้าถีบฉันเหรอ!”
“มากกว่านี้ฉันก็ทำได้!”
“อ๋อเหรอ! งั้นก็มาต่อกันให้มากกว่านี้เป็นยังไง”
ชินระลุกขึ้นพุ่งตัวเข้าไปคร่อมร่างเปลือยบนเตียงเอาไว้ กดแขนขาเอาไว้จนอีกฝ่ายหมดทางดิ้นประกบริมฝีปากนั้นอย่างหยาบโลน ซางะรีบเอี้ยวหน้าหนีทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกชินระไม่หยุดแค่นั้น เขารุกต่อจนไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบสนอง จากความเร่าร้อนอยู่แล้วยิ่งเร่าร้อนขึ้นไปอีกเมื่อต่างฝ่ายต่างมอบความหวานให้แก่กัน
“อึก!”
ซางะสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงความคับตึงของร่างกายบางส่วนเสียดสีกันจนรู้สึกเสียววาบ หากแต่การเล้าโลมอันน่าหลงใหลของอีกฝ่ายทำให้ซางะจมลงไปกับความวาบหวามนั้น ร่างกายแกร่งที่โอบกอดจนรู้สึกร้อน ศูนย์กลางกายที่ตื่นขึ้นมาเสียดสีกันสร้างความเสียวซ่านจนต้องครางเสียงกระเส่า
“อะ อ๊าก!!!”
ซางะจิกทึ้งที่นอนแน่นจนสั่นระริก พยายามปิดปากไม่ส่งเสียงครางออกมา แต่สัมผัสวาบหวามที่ไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆนั้นทำให้ร่างทั้งร่างสั่นระริก
“พะ พอแล้ว แฮ่กๆๆ~ อย่า~”
ร้องขอเสียงกระเส่าทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันสายไปเสียแล้ว ชินระฟังเสียงกระเส่านั้นก็ยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พอเหรอ บอกให้พอทั้งที่ร่างกายไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยสักนิด ริมฝีปากไล่จูบลงไปเรื่อยๆจนถึงน่องขาด้านใน ปลายลิ้นตวัดที่ปลายท่อนเนื้อที่ตื่นตัวนั้นทีหนึ่งก่อนที่ของเหลวสีขุ่นจะพุ่งออกมาเปื้อนหน้าท้องของคนที่นอนหอบหายใจอยู่เบื้องล่าง ซางะสะดุ้งแอ่นตัวจนโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวเมื่อรู้สึกถึงการรุกล้ำที่ช่องทางด้านหลัง
“อ๊าก!!!!”
เสียงที่พยายามปกปิดเอาไว้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป ซางะหน้ากรีดร้องปานจะขาดใจกับความเจ็บและจุกจนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ใบหน้าโชกไปด้วยเหงื่อปนน้ำตาสะบัดไปมา ขาสองข้างถีบอากาศ ดิ้นรนจะหนีให้พ้นความเจ็บปวดคับแน่นจากด้านหลัง ไม่นานความเจ็บปวดค่อยๆหายไปเหลือไว้แต่ความเสียวกระสัน บทรักเร่าร้อนถูกบรรเลงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ความหนาวเย็นจากหิมะด้านนอกไม่ได้ทำให้ความเร่าร้อนลดลงเลย กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ผ่านอีกหลายต่อหลายครั้ง
“อะ อืม”
ซางะค่อยๆลืมตาตื่นบนเตียงเพียงลำพัง ความเมื่อยล้าบวกด้วยความปวดระบม เล่นงานจนไม่อยากขยับตัว เหตุการณ์เมื่อคืนยังอยู่ในความทรงจำ เขาทำลงไปแล้ว อย่างยินยอม พอคิดถึงแล้วหน้ามันก็ร้อนเห่อขึ้นมา ซางะคว้าเสื้อผ้ามาสวม พร่ำบอกตัวเองซ้ำๆว่าเขาเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชาย!
ขณะที่กำลังใส่เสื้อตัวสุดท้ายเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูก็ดังลั่น
ปัง!!!!
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างรึเปล่า!”
เสียงเซียวกำลังโมโหลั่นบ้าน ส่วนเจ้าตัวที่ทำให้ปวดหัวยังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจเฉิบ
“ฟังอยู่รึเปล่าไอ้บ้านี่!”
“เออ แล้วจะเอายังไง ก็มันแก้ไขไม่ได้แล้ว”
“แกนี่มัน…”
เซียวเหลืออดจนอยากคว้าดาบที่แขวนอยู่ข้างฝามาผ่าแล้วแงะเอาสมองของเจ้าคนเย็นชาคนนี้ออกมานับเซลล์ให้รู้แล้วรู้รอด ลำพังแค่มันก่อเรื่องวิวาทหรือจะไปฆ่าใครตายเซียวก็ไม่สนใจอยู่แล้วเพราะนั่นเป็นงานของมัน แต่ที่เซียวฉุนยิ่งกว่าฉุนก็คือว่า สิ่งที่ชินระทำกับซางะ ถ้าเซียวไม่มาเห็นสภาพของซางะกับตาก็คงไม่เชื่อ
“ฟังนะ ชินระ ฉันจะเตือนนายเอาไว้ ซางะคุงไม่ใช่คนที่นายจะเก็บไว้เหมือนของเล่น ถ้านายยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันจะฆ่านายซะ”
“ดูนายแคร์หมอนั่นจังเลยนะ”
“ใช่ ฉันแคร์ ซางะคุงเขาดีเกินไปที่จะมาเห็นโลกโสมมที่นายอยู่”
โลกโสมม ใช่สิ ชินระอยู่ในโลกแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาคือเครื่องจักรสังหาร ห่างไกลจากคำว่า “ดี” หลายขุม
“เซียว”
“ซางะคุง!”
“คุณมาได้ไง”
เซียวไม่ได้ตอบคำถามซางะและเดินเข้ามากระชากแขนซางะไปหาตัวเอง
“กลับไปกับฉัน”
“แต่”
“กลับไปกับเซียวซะ”
“เอ๊ะ?”
“แล้วก็หวังว่าฉันกับนายคงไม่ต้องเจอกันอีก”
ชินระลุกขึ้นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองซางะที่ดูจะตกใจกับคำพูดของเขาไม่น้อย สักพักร่างโปร่งก็รีบหลบสายตาเขาจนเซียวได้โอกาสยกมือรั้งศีรษะทุยเข้าไปซบไหล่ของตนพร้อมสายตาเชิงห้ามที่ส่งมาให้ชินระเงียบๆ
“ไปเถอะ”
เซียวพาซางะออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ทั้งที่ไม่ต้องไปสนใจก็ได้แต่ชินระก็ยังมองส่งจนรถแล่นออกไปลับสายตา ควันบุหรี่ถูกพ่นออกมาพร้อมการถอนหายใจ มือข้างหนึ่งเสยผมที่ปิดหน้าไปด้านหลังพอลวกๆ ความสัมพันธ์แบบนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยากระตุ้น เพราะความโกรธ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นหรือถ้ามีอย่างมากก็แค่ของคลายหนาว
ชินระไม่เคยผูกมัดกับอะไร เขาถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก เครื่องจักรไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก
รถสปอร์ตสีดำวิ่งบนถนนเรียบเชิงเขาไปเรื่อยๆ ทุกอย่างสองข้างทางกลายเป็นสีขาวจากหิมะที่ทับถม ดวงตาสีเทาเหม่อมมองออกไปโดยไม่ได้โฟกัสสิ่งใดเป็นพิเศษ
“ซางะคุง เรื่องของชินระกับนาย……………”
“อย่าพูดอีกเลย ผมไม่อยากคิดถึงมันอีก”
“……….. ถ้าอย่างนั้นซางะคุงนอนพักเถอะ ถึงแล้วฉันจะปลุกเอง”
ซางะเหน็ดเหนื่อย ทั้งกายแล้วก็ใจ เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆก่อนที่สติจะดำดิ่งลงไปสู่ความเงียบงัน หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเขาจะสามารถลืมทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับชินระด้วย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ