เล่ห์ทรายร่ายรัก
8.0
เขียนโดย เข็มมุก
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 18.36 น.
7 ตอน
1 วิจารณ์
9,000 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 19.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คำขอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขตวังชั้นในของพระราชวังอัลอิบบินจามาน ร่างสูงในชุดคลุมยาวสีขาวเต็มยศ คาดเอวสอบด้วยเส้นไหมชั้นดีผสมกับเส้นไหมทองคำแท้สีเหลืองอร่ามอย่างปราณีต ใบหน้าคมคายและดวงตาสีทองเป็นประกายดูแปลกตา ตัดกับผ้าโพกศีรษะสีขาวที่รัดด้วยไหมทองผสมกับไหมสีดำอย่างน่าดูและสง่างาม ร่างสูงเร่งฝีเท้าก้าวยาวๆด้วยช่วงขาเพียวเดินไปตามระเบียงหินอ่อนกว้างของพระราชวังอันงดงามอย่างเร่งรีบ เพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายที่ตนต้องการให้เร็วที่สุด
“ไม่คิดว่าเราจะเจอเจ้าที่นี่นะ การิม!” เสียงเอ่ยทักของใครบางคน ทำให้ร่างสูงหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเข้มที่เรียกตนเอาไว้
“อัสมินตา…”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยทักราบเรียบอย่างไม่แสดงความรู้สึก พร้อมกับก้มศีรษะได้รูปลงเล็กน้อยเป็นการให้เกียรติ ก็ด้วยคนที่ก้าวเดินอาดๆอย่างวางท่าและเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น แม้จะมีอายุไม่ห่างกันหากแต่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย เพียงเพราะเป็นโอรสของพระปิตุจฉาหรือเสด็จป้าของเขานั้นเอง
“เราจำได้ว่าเจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ?...ว่าคนที่นี่ทำให้หญิงไร้สกุลที่เจ้าเรียกว่าแม่ ต้องตายอย่างน่าอนาท และไม่ต้องการเหยียบพื้นดินของอัลฮับบราสักเท่าไรนัก...หึ” อัสมินตาเอ่ยน้ำเสียงเยาะเย้ยแกมดูถูก พร้อมกับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาเป็นประกายสีทองบนใบหน้าเข้มอย่างเอาเรื่องไม่ใช่น้อย
“อัสมินตา...เราเอง...ก็ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้ากลับมาที่นี่เหมือนกัน หลังจากที่เจ้าทำให้เหมืองเพชรของเสด็จปู่ต้องเสียหายหลายสิบล้าน เจ้านี่เก่งนะ...ไม่มีความสำนึกสักนิด แถมยังลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่โดยใช้ชายคาฟตานของเสด็จป้าเป็นเกราะกำบังจากเสด็จปู่ เรานับถือเจ้าจริงๆ” เสียงเข้มเอ่ยสวนทันควัน ส่งผลให้ริมฝีปากหนาภายใต้หนวดยาวครึ้มกระตุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหาว่าเราใช้เสด็จแม่เป็นเกราะกำบังอย่างนั้นเหรอ!!” อัสมินตาตะโกนด้วยน้ำเสียงกร้าวดังลั่นโถงทางเดินของท้องพระโรง ทำให้เหล่าองครักษ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองคน จึงได้ล่าถอยออกไปแล้วคอยดูท่าทีและสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
“ถ้าหากสิ่งที่เราพูดไม่ใช่พฤติกรรมที่เจ้าเป็นคนทำ เจ้าจะเดือดร้อนไปทำไมเหรอ?อัสมินตา...” เจ้าของใบหน้าครามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายกับจะเห็นใจ หากแต่สายตาคมสีทองเป็นประกายนั้น ฉายแววท้าทายชีคหนุ่มผู้พี่อย่างไม่มีความเกรงกลัวแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เจ้า!!”
“เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรอท่านชีคทั้งสองอยู่นานแล้ว” เสียงของทหารองครักษ์เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่จะเกิดศึกปะทะคารมรุนแรงไปกว่านี้ ทำให้ชีคหนุ่มทั้งสองชะงักและหยุดการปะทะคารมเอาไว้ แล้วก้าวเดินตามทหารองครักษ์เพื่อไปเข้าเฝ้าท่านชีคฮิบบินลาผู้เป็นกษัตริย์และเจ้าเหนือหัวแห่งชนชาติทะเลทราย...อัลฮับบรา
ร่างสูงที่ท้วมขึ้นเล็กน้อยตามกาลเวลา ประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ประทับหลังโต๊ะทำงานไม้เมเบิ้ลเนื้อดีสีขาวสะอาดตา ตกแต่งซึ่งตัดขอบอย่างสวยงามด้วยลวดลายเส้นสายอ่อนช้อยแบบโบราณที่ใช้สีทองอร่ามตา เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและแสดงออกถึงความตั้งใจของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ใบหน้าเข้มภายใต้ผ้าคลุมศีรษะสีขาวขลิบทองปกคลุมไปด้วยหนวดเคราที่ถูกตัดแต่งเป็นอย่างดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแม้จะโรยราไปมากตามอายุของเจ้าของ แต่ก็ยังดูกร้าวแกร่งและแสดงถึงอำนาจของผู้ปกครองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์อัลฮาบาได้เป็นอย่างดี
“มากันแล้วหรือ? การิม อัสมินตา” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยเรียกชื่อของพระนัดดาทั้งสอง เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องทรงอักษรของพระองค์
“เสด็จปู่/เสด็จตา...” น้ำเสียงทุ้มของชีคหนุ่มทั้งสองขานรับขึ้นพร้อมกัน และก้มลงทำความเคารพด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมต่อบุคคลซึ่งเป็นที่เคารพรักยิ่งของประชาชนแห่งอัลฮับบรา
“อัสมินตา...ที่ตาเรียกเจ้าเข้ามาพบในวันนี้ เพราะตาต้องการให้เจ้าไปดูแลงานด้านตลาดเพชรของเราในภาคพื้นแถบโมรอคโคทั้งหมด คราวนี้เจ้าห้ามทำงานพลาดจนต้องให้การิมไปแก้ปัญหาให้เจ้าอีกเหมือนเช่นเมื่อคราวเหมืองเพชรของเราอีกเป็นอันขาด”
ท่านฮิบบินลาทรงชอบแทนพระองค์เองอย่างสามัญชนเมื่ออยู่กันเฉพาะญาติสนิท แล้วเอ่ยสั่งงานร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ทางขวามือของตนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยการกำชับและตักเตือนถึงงานที่เคยมอบให้อิสมินตาทำแล้วเกิดการผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงก่อนหน้านี้ เนื่องด้วยพระองค์ไม่อยากต้องผิดหวังกับพฤติกรรมเหลาะแหละของชีคหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอรับเสด็จตา” อัสมินตารับคำ แต่ก็แอบเจ็บใจอยู่ลึกๆที่ท่านชีคต่อว่าตนต่อหน้าการิม ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องและศัตรูคู่แค้นของเขามาแต่ไหนแต่ไร
“อย่างนั้นก็ดี เจ้าออกไปได้แล้ว” ชีคฮิบบินลาเอ่ยพร้อมกับโบกพระหัตถ์เล็กน้อยเป็นสัญญาณกลายๆกับชีคหนุ่ม อัสมินตาจึงโน้มตัวลงทำความเคารพ และเดินออกไปโดยไม่ลืมหันกลับไปมองร่างสูงที่ยืนนิ่งเฉยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นและไม่เป็นมิตรแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นร่างสูงของอัสมินตาเดินออกไปพ้นห้องทรงพระอักษร ท่านฮิบบินลาจึงหันกลับมาเรียกการิมที่ยืนเงียบนิ่งสนิทราวกับรูปสลักหินอ่อนชั้นดี ซึ่งเป็นท่าทางที่ร่างสูงมักจะแสดงออกมาเสมอ ในยามทรงเรียกตัวเข้าพบในพระราชวังหลวงอัลอิบบินจามานของพระองค์ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่สมัยชีคหนุ่มยังเป็นเพียงท่านชายเล็กๆอยู่
“การิม...”
“ครับ ท่านปู่” ร่างสูงรับคำแบบเรียบๆอย่างเคยชินเมื่ออยู่กับเสด็จปู่ของเขาเพียงสองคน แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาท่านชีคใกล้ๆ
“ปู่เชิญครอบครัวของเพื่อนรักของปู่...สเตฟาน เดเยอร์มาพักผ่อนที่นี่ ปู่ต้องการให้เจ้าเป็นผู้ดูแลการต้อนรับครั้งนี้ด้วยตัวเอง เจ้าทำได้หรือไม่?” ท่านชีคเอ่ยถามและมองดูใบหน้าเข้มที่เม้มริมฝีปากหยักเข้าหากันเล็กน้อยเพราะครอบครัวที่ท่านชีคกล่าวถึง
“ได้ครับ” ร่างสูงรับคำ
“ดี...ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปได้แล้ว ปู่อยากจะพักผ่อนสายตาเสียหน่อย” ท่านฮิบบินลาเอ่ยเรียบๆและโบกมือเล็กน้อยอีกครั้ง เป็นการอนุญาตให้ชีคหนุ่มกลับได้ิ
การิมโค้งตัวลงทำความเคารพแล้วก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องทรงอักษรช้าๆ ชีคหนุ่มเดินออกมาจากห้องทรงอักษรของเสด็จปู่ของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน
ทำไม?...ท่านปู่ต้องให้เขาเป็นคนไปต้อนรับครอบครัวนั้นด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ท่านปู่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหลานชายตนโตของตระกูลนั้น ทำให้น้องสาวของเขาต้องฆ่าตัวตายอย่างอนาทเพราะไปหลงรักหนุ่มเพลย์บอยจนตั้งครรภ์และคนตระกูลนั้นก็ไม่ยอมรับ ท่านปู่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ท่านปู่จะไม่รู้เชียวหรือ?...ว่าเขาคิดอย่างไรกับคนตระกูลนั้น ร่างสูงเดินขมวดคิ้มเข้มพลางคิดไปอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่คิดว่าเราจะเจอเจ้าที่นี่นะ การิม!” เสียงเอ่ยทักของใครบางคน ทำให้ร่างสูงหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเข้มที่เรียกตนเอาไว้
“อัสมินตา…”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยทักราบเรียบอย่างไม่แสดงความรู้สึก พร้อมกับก้มศีรษะได้รูปลงเล็กน้อยเป็นการให้เกียรติ ก็ด้วยคนที่ก้าวเดินอาดๆอย่างวางท่าและเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้น แม้จะมีอายุไม่ห่างกันหากแต่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย เพียงเพราะเป็นโอรสของพระปิตุจฉาหรือเสด็จป้าของเขานั้นเอง
“เราจำได้ว่าเจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ?...ว่าคนที่นี่ทำให้หญิงไร้สกุลที่เจ้าเรียกว่าแม่ ต้องตายอย่างน่าอนาท และไม่ต้องการเหยียบพื้นดินของอัลฮับบราสักเท่าไรนัก...หึ” อัสมินตาเอ่ยน้ำเสียงเยาะเย้ยแกมดูถูก พร้อมกับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาเป็นประกายสีทองบนใบหน้าเข้มอย่างเอาเรื่องไม่ใช่น้อย
“อัสมินตา...เราเอง...ก็ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้ากลับมาที่นี่เหมือนกัน หลังจากที่เจ้าทำให้เหมืองเพชรของเสด็จปู่ต้องเสียหายหลายสิบล้าน เจ้านี่เก่งนะ...ไม่มีความสำนึกสักนิด แถมยังลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่โดยใช้ชายคาฟตานของเสด็จป้าเป็นเกราะกำบังจากเสด็จปู่ เรานับถือเจ้าจริงๆ” เสียงเข้มเอ่ยสวนทันควัน ส่งผลให้ริมฝีปากหนาภายใต้หนวดยาวครึ้มกระตุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหาว่าเราใช้เสด็จแม่เป็นเกราะกำบังอย่างนั้นเหรอ!!” อัสมินตาตะโกนด้วยน้ำเสียงกร้าวดังลั่นโถงทางเดินของท้องพระโรง ทำให้เหล่าองครักษ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเชื้อพระวงศ์หนุ่มทั้งสองคน จึงได้ล่าถอยออกไปแล้วคอยดูท่าทีและสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
“ถ้าหากสิ่งที่เราพูดไม่ใช่พฤติกรรมที่เจ้าเป็นคนทำ เจ้าจะเดือดร้อนไปทำไมเหรอ?อัสมินตา...” เจ้าของใบหน้าครามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายกับจะเห็นใจ หากแต่สายตาคมสีทองเป็นประกายนั้น ฉายแววท้าทายชีคหนุ่มผู้พี่อย่างไม่มีความเกรงกลัวแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เจ้า!!”
“เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรอท่านชีคทั้งสองอยู่นานแล้ว” เสียงของทหารองครักษ์เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่จะเกิดศึกปะทะคารมรุนแรงไปกว่านี้ ทำให้ชีคหนุ่มทั้งสองชะงักและหยุดการปะทะคารมเอาไว้ แล้วก้าวเดินตามทหารองครักษ์เพื่อไปเข้าเฝ้าท่านชีคฮิบบินลาผู้เป็นกษัตริย์และเจ้าเหนือหัวแห่งชนชาติทะเลทราย...อัลฮับบรา
ร่างสูงที่ท้วมขึ้นเล็กน้อยตามกาลเวลา ประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ประทับหลังโต๊ะทำงานไม้เมเบิ้ลเนื้อดีสีขาวสะอาดตา ตกแต่งซึ่งตัดขอบอย่างสวยงามด้วยลวดลายเส้นสายอ่อนช้อยแบบโบราณที่ใช้สีทองอร่ามตา เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและแสดงออกถึงความตั้งใจของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ใบหน้าเข้มภายใต้ผ้าคลุมศีรษะสีขาวขลิบทองปกคลุมไปด้วยหนวดเคราที่ถูกตัดแต่งเป็นอย่างดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแม้จะโรยราไปมากตามอายุของเจ้าของ แต่ก็ยังดูกร้าวแกร่งและแสดงถึงอำนาจของผู้ปกครองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์อัลฮาบาได้เป็นอย่างดี
“มากันแล้วหรือ? การิม อัสมินตา” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยเรียกชื่อของพระนัดดาทั้งสอง เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องทรงอักษรของพระองค์
“เสด็จปู่/เสด็จตา...” น้ำเสียงทุ้มของชีคหนุ่มทั้งสองขานรับขึ้นพร้อมกัน และก้มลงทำความเคารพด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมต่อบุคคลซึ่งเป็นที่เคารพรักยิ่งของประชาชนแห่งอัลฮับบรา
“อัสมินตา...ที่ตาเรียกเจ้าเข้ามาพบในวันนี้ เพราะตาต้องการให้เจ้าไปดูแลงานด้านตลาดเพชรของเราในภาคพื้นแถบโมรอคโคทั้งหมด คราวนี้เจ้าห้ามทำงานพลาดจนต้องให้การิมไปแก้ปัญหาให้เจ้าอีกเหมือนเช่นเมื่อคราวเหมืองเพชรของเราอีกเป็นอันขาด”
ท่านฮิบบินลาทรงชอบแทนพระองค์เองอย่างสามัญชนเมื่ออยู่กันเฉพาะญาติสนิท แล้วเอ่ยสั่งงานร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ทางขวามือของตนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยการกำชับและตักเตือนถึงงานที่เคยมอบให้อิสมินตาทำแล้วเกิดการผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงก่อนหน้านี้ เนื่องด้วยพระองค์ไม่อยากต้องผิดหวังกับพฤติกรรมเหลาะแหละของชีคหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอรับเสด็จตา” อัสมินตารับคำ แต่ก็แอบเจ็บใจอยู่ลึกๆที่ท่านชีคต่อว่าตนต่อหน้าการิม ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องและศัตรูคู่แค้นของเขามาแต่ไหนแต่ไร
“อย่างนั้นก็ดี เจ้าออกไปได้แล้ว” ชีคฮิบบินลาเอ่ยพร้อมกับโบกพระหัตถ์เล็กน้อยเป็นสัญญาณกลายๆกับชีคหนุ่ม อัสมินตาจึงโน้มตัวลงทำความเคารพ และเดินออกไปโดยไม่ลืมหันกลับไปมองร่างสูงที่ยืนนิ่งเฉยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ด้วยสายตาที่อาฆาตแค้นและไม่เป็นมิตรแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นร่างสูงของอัสมินตาเดินออกไปพ้นห้องทรงพระอักษร ท่านฮิบบินลาจึงหันกลับมาเรียกการิมที่ยืนเงียบนิ่งสนิทราวกับรูปสลักหินอ่อนชั้นดี ซึ่งเป็นท่าทางที่ร่างสูงมักจะแสดงออกมาเสมอ ในยามทรงเรียกตัวเข้าพบในพระราชวังหลวงอัลอิบบินจามานของพระองค์ ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่สมัยชีคหนุ่มยังเป็นเพียงท่านชายเล็กๆอยู่
“การิม...”
“ครับ ท่านปู่” ร่างสูงรับคำแบบเรียบๆอย่างเคยชินเมื่ออยู่กับเสด็จปู่ของเขาเพียงสองคน แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาท่านชีคใกล้ๆ
“ปู่เชิญครอบครัวของเพื่อนรักของปู่...สเตฟาน เดเยอร์มาพักผ่อนที่นี่ ปู่ต้องการให้เจ้าเป็นผู้ดูแลการต้อนรับครั้งนี้ด้วยตัวเอง เจ้าทำได้หรือไม่?” ท่านชีคเอ่ยถามและมองดูใบหน้าเข้มที่เม้มริมฝีปากหยักเข้าหากันเล็กน้อยเพราะครอบครัวที่ท่านชีคกล่าวถึง
“ได้ครับ” ร่างสูงรับคำ
“ดี...ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปได้แล้ว ปู่อยากจะพักผ่อนสายตาเสียหน่อย” ท่านฮิบบินลาเอ่ยเรียบๆและโบกมือเล็กน้อยอีกครั้ง เป็นการอนุญาตให้ชีคหนุ่มกลับได้ิ
การิมโค้งตัวลงทำความเคารพแล้วก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องทรงอักษรช้าๆ ชีคหนุ่มเดินออกมาจากห้องทรงอักษรของเสด็จปู่ของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน
ทำไม?...ท่านปู่ต้องให้เขาเป็นคนไปต้อนรับครอบครัวนั้นด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ท่านปู่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหลานชายตนโตของตระกูลนั้น ทำให้น้องสาวของเขาต้องฆ่าตัวตายอย่างอนาทเพราะไปหลงรักหนุ่มเพลย์บอยจนตั้งครรภ์และคนตระกูลนั้นก็ไม่ยอมรับ ท่านปู่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ท่านปู่จะไม่รู้เชียวหรือ?...ว่าเขาคิดอย่างไรกับคนตระกูลนั้น ร่างสูงเดินขมวดคิ้มเข้มพลางคิดไปอย่างไม่เข้าใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ