เล่ห์ทรายร่ายรัก

8.0

เขียนโดย เข็มมุก

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 18.36 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  8,897 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 19.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) พบหน้า...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“แหม...การเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่แสนจะหรูหรานี่มันสบายอย่างนี้นี่เอง น่าอิจฉาจริงเลยนะคะพวกเศรษฐีน้ำมันเนี่ย” น้ำเสียงของเอลิซ่าหลานสาวที่เกิดจากภรรยาอีกคนของฟรานซิสโก้ เอ่ยเจื้อยแจ้วจนน่ารำคาญโสตประสาท ตลอดการเดินทางตั้งแต่อิตาลีมาจนถึงอัลฮับบรา

“กรี๊ด!! พี่อเล็กมองไปนอกหน้าต่างสิ โอ้โห...ทะเลสาบเทียมสร้างได้ใหญ่โตมโหฬารสวยงามจังเลย คิดไม่ผิดเลยที่ยอมมาที่นี่ตามคำขอร้องของพ่อ”

“จริงอย่างที่เราว่านะ พี่ว่าทะเลสาบนั่นสวยดี แต่ตอนนี้พี่อยากนอนพักอีกหน่อย เราอย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนเลย เอาไว้ให้ได้ไปเที่ยวสถานที่จริงๆใกล้ เราอยากจะกรี๊ดกร๊าดแค่ไหนพี่ก็ไม่ว่าเราหรอกนะ...ลิซ” อเล็กตอบด้วยใบหน้าที่แสนจะยุ่งเหยิง พลางเอื้อมมือหยิบหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาหนุนและหลับไปอย่างรวดเร็ว เพราะตัวเขาเองก็โดนผู้เป็นปู่ดึงลากมาที่นี่ด้วยโดยยังไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิด ทั้งๆที่เขาเพิ่งกลับมาจากการประชุมบอร์ดที่อเมริกา

“ก็จริงของพี่นะอเล็ก แต่น่าเสียดายอยู่อย่าง...ดันมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่น่ามาด้วยเท่านั้นเอง” เอลิซ่าไม่วายหันไปแขวะนาญ่าที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่คนเดียว ในมุมหนึ่งของห้องโดยสารส่วนตัวและมีบริการระดับเฟิร์สคลาสของแอร์โฮสเตสสาวที่กำลังเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เธอ ด้วยท่าทางรังเกียจคนที่ตนพูดถึงอย่างแรง เพราะไม่สามารถยั่วอารมณ์ของนาญ่าได้ จึงตัดสินใจพูดเรื่องอื่นให้พี่ชายของเธอฟังแทน ทั้งๆที่เห็นอยู่เต็มตาว่าอเล็กนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ไปแล้วก็ตาม

“แหม...เอลิซ่าคิดถึงการิมจังเลย อยากรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ไม่เจอกันตั้งสองปี ไม่รู้ว่าจะหล่อบาดใจและมีเสน่ห์น่าหลงไหลมากกว่าเดิมหรือเปล่า...” เอลิซ่าพูดพร้อมกับทำหน้าชวนฝันจนนาญ่ามองอย่างนึกขำ

“ฮึ!!”

“เมื่อกี้เธอหัวเราะอะไรนาญ่า ฉันได้ยินนะ!” เอลิซ่าหันไปมองนาญ่าตาขวาง

“เปล้า!!” นาญ่าตอบเสียงสูงพร้อมกับเลิกคิ้วเรียวและยักไหล่บางขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่สนใจ

“นี่หล่อน...!!” เอลิซ่าตะโกนเรียกหญิงสาวด้วยเสียงแหลมสูงปรี๊ดจนขึ้นจมูกจนฟังดูน่าราญ เพราะเธอเกลียดนักกับท่าทางมั่นใจตัวเองเสมอของนาญ่าซึ่งมักจะแสดงออกกับเธอเสมอ

“ไม่เอาน่า...เอลิซ่า!! พ่อบอกแล้วไงว่า...ถ้าเราอยากมาอัลฮับบราก็ห้ามหาเรื่องคนอื่นเขายังไงล่ะ” เสียงของฟรานซิสโก้เอ่ยท้วงขึ้นเสียก่อน เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องพักและเห็นเอลิซ่าลูกสาวอีกคนของตนตั้งท่าจะฟ้อนเล็บใส่นาญ่าเสียให้ได้

“แต่พ่อคะ! ก็แม่ลูกสาวตัวดีของพ่อหัวเราะเยาะลิซนี่คะ ลิซไม่ยอมจริงๆด้วยนะ” เอลิซ่าตั้งท่ากระฟัดกระเฟียดงอนผู้เป็นพ่ออย่างเคยตัวตามนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของเธอ

ภาพที่เห็นทำให้นาญ่าส่ายใบหน้างามอย่างเบื่อหน่าย แล้วลุกขึ้นตัวตรงเต็มร่างเพียวแต่อวบอิ่มได้รูป ก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปห้องพักทางด้านในของส่วนผู้โดยสาร ซึ่งปู่ของเธอนอนหลับพักผ่อนอยู่โดยทันทีอย่างไม่สนใจรอฟังด้วยซ้ำว่าใครจะพูดถึงตนแบบไหน

“ก็ดูมันซิคะ! เดินหนีไปเฉย คิดว่าตัวเองเลอเลิศซะเต็มประดา ตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ชอบทำท่าทางแบบนี้ จนพวกเพื่อนๆยี้ไปตามๆกัน เชอะ! พวกขวางโลกก็อย่างนี้” เอลิซ่าเอ่ยอย่างเหยียดๆ

“แต่เท่าที่พี่จำได้ พี่ว่าทั้งเรากับนาญ่าเนี่ยฮอตมากทั้งคู่เลยนะ ชนิดที่ว่าหนุ่มๆในมหาวิทยาลัยต้องวิ่งตามจีบกันเลยไม่ใช่เหรอ?” เสียงของอเล็กที่ตอนนี้นอนหลับไม่ลงแล้วเพราะเสียงแหลมของเอลิซ่า แกล้งเอ่ยแซวน้องสาวซึ่งนั่งหน้าบูดเพราะไม่มีคนตามใจเธอ

“เชอะ!! ก็มีแต่พวกตาต่ำที่วิ่งตามยายนั่น แต่หนุ่มๆคนไหนก็สู้การิมหลานชายของท่านชีคอัลฮับบราไม่ได้หรอก เขาทั้งหล่อ รวย เก่ง แถมหน้าที่การงานก็ดี เพอร์เพคไปซะทุกอย่าง แล้วยังเป็นถึงว่าที่รัชทายาทอันดับต่อไปของราชวงค์ เป็นรองก็แต่ท่านพ่อของเขาเท่านั้น อีกอย่างตอนที่ลิซเรียนอยู่ เราก็ควงกันไปไหนมาไหนสนิทสนมกันมากจะตาย ถ้าพี่ไม่ไปทำน้องสาวเขาฆ่าตัวตายซะก่อน ตำแหน่งพระชายาของท่านชีคคงอยู่ไม่ใกล้จากน้องหรอก” เอลิซ่าหันไปแขวะพี่ชายที่ทำให้เสียเรื่อง

“เฮ้! จะมาโทษพี่ได้ยังไง โซเนียเขาหัวอ่อนเองคิดว่าพี่จะจริงจังด้วย ทั้งๆที่พี่ก็บอกเขาไปแล้วว่าเราแค่สนุกกัน จะให้พี่ทำยังไงล่ะ” อเล็กเถียงเหมือนสิ่งที่ตนทำมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนทั่วไป

“แต่เราเองก็ระวังไว้เถอะ พี่ได้ยินข่าวมาว่าท่านชายองค์นี้เจ้าชู้ไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ว่าเขามีนางเล็กๆเต็มฮาเร็มไปหมดแล้ว ก็เลยลืมเราไปแล้วหรือเปล่าเอลิซ่า” เสียงของพี่ชายแซวน้องสาวอย่างสนุก เมื่อเห็นไปหน้านวลแดงจัดขึ้นมาทันทีเพราะอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน

“ไอ้พี่อเล็กบ้า!! ถึงเขาจะมีผู้หญิงเต็มฮาเร็มก็ช่างสิ นังพวกนั้นก็แค่นางบำเรอเท่านั้นแหละ แต่ก็เอาเถอะเดี๋ยวลิซจะทำให้เขากลับมาตกหลุมรักลิซเหมือนเดิมให้ได้ คอยดูสิ!” เอลิซ่าตะโกนเฮ้วใส่อเล็กอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ไม่วายสัมทับให้พี่ชายรู้ถึงความมั่นใจเกินร้อยของเธอ ในการที่จะคบหากับชีคหนุ่มให้ฟังอีกด้วย โดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อมองดูอากัปกิริยาวีนแตกของลูกสาวคนนี้ด้วยความเหนื่อยใจ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เสียแล้ว

“เหนื่อยไหม?นาญ่า การเดินทางตั้ง 15 ชั่วโมงเนี่ยมันคงจะหนักสำหรับเราน่าดูนะ” เสียงของปู่สเตฟานเอ่ยถามหลานสาวที่เดินทางจากเมืองไทยไปหาเขาที่โรม แล้วยังต้องขึ้นเครื่องบินมาอัลฮับบราต่อโดยไม่ได้หยุดพักผ่อนเลยสักนิดเดียว

“นาญ่าไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เพียงแค่...เบื่อๆนิดหน่อยเท่านั้นเอง” นาญ่าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ติดกับหน้าต่างของเครื่องบิน แล้วเหม่อมองออกไปดูบรรยากาศของท้องฟ้าสดใสภายนอกหน้าต่างห้องโดยสารด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เอลิซ่าทำให้อะไรให้เรายุ่งยากใจอีกเหรอ?” คนสูงวัยกว่าถามอย่างห่วงใยหลานสาวคนนี้ เพราะตนเองเป็นผู้ที่อบรมและเลี้ยงดูหญิงสาวมา จึงรู้ดีว่านาญ่าเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา ชอบเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียวเสมอมาตั้งแต่เด็กๆ

“ช่างเถอะค่ะ นาญ่าชินซะแล้วกับพฤติกรรมของหลานสาวคุณปู่คนนั้น” หญิงสาวตอบยิ้มๆ

“ว่าแต่ทำไม?...คุณปู่ต้องให้พวกเราตามมาด้วยล่ะคะ ทั้งๆที่คุณปู่มาพักผ่อนคนเดียวน่าจะดีซะกว่า ให้พวกเราตามมาด้วยแบบนี้ ก็ดีแต่จะทำเสียงเจี๊ยวจ๊าวให้คุณปู่รำคาญใจซะเปล่าๆ” นาญ่าเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย เมื่อเธอคิดถึงผลเสียที่มันออกจะมากกว่าผลดีกับสุขภาพของปู่ เพราะการมีพวกหลานๆติดตามมาด้วย มันดูจะสร้างความรำคาญซะมากกว่าความสงบสำหรับการพักผ่อน

“ปู่แก่แล้ว...เดินทางคนเดียวมันเหงาจะตาย มีพวกเรามาด้วยแบบนี้ก็ดีแล้ว...” สเตฟานเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะได้รูปของหลานสาวอย่างรักและเอ็นดู

“คุณปู่คะ แต่นาญ่าจำได้ว่า...หลานสาวของท่านชีค เธอฆ่าตัวตายเพราะอเล็ก คุณปู่ไม่คิดว่า...” ดวงตาสีเขียวมรกตซึ่งทอดแบบทางพันธุกรรมมาจากภรรยาผู้ล่วงลับไปของสเตฟาน หม่นหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่น่าจะเกิดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้ว่านาญ่าจะไม่ได้รู้จักกับโซเนียเป็นการส่วนตัว แต่ก็เคยเจอที่บ้านของคุณปู่เธอหลายครั้ง และรู้สึกได้ว่า...โซเนียนิสัยดี น่ารัก และอ่อนโยนกับคนอื่นรอบกายเสมอ เธอเองยังรู้สึกเสียดายด้วยซ้ำที่ผู้หญิงดีๆแบบนั้น ไม่น่ามาตกหลุมรักเพลย์บอยตัวฉกาจแบบอเล็กเลย

“คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีเหตุผลกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ นาญ่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกนะ”

“ค่ะ” นาญ่ารับคำ แล้วเบือนใบหน้างามหันมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่เครื่องกำลังลดเพดานบินต่ำลง จึงได้เห็นความสวยงามทันสมัยของเมืองหลวงของอัลฮับบราอย่างที่เอลิซ่าพูดถึง บ้านเมืองที่ทันสมัยเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบประยุกต์ผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นเมืองได้อย่างลงตัว ทะเลสาบสีครามงามตาที่ถูกขุดด้วยฝีมือมนุษย์นั้นสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์เป็นประกายงามระยับตาอย่างน่าทึ่ง

เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวลงจอดบนรันเวย์นิ่งสนิท ประตูของเครื่องบริเวณห้องผู้โดยสารถูกเปิดออกโดยพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ร่างบางของเอลิซ่ารีบเดินออกมาก่อนเป็นคนแรก เมื่อสายตาของเธอที่กวาดมองไปทั่วบริเวณปะทะเข้ากับร่างสูงในชุดสูทสากลสีเทาเข้ม เจ้าของดวงตาเป็นประกายสีทองและใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างชายชาตรียืนรออยู่หน้ารถลีมูซีนคันโต เอลิซ่าก็รีบพารูปร่างอวบอิ่มของเธอวิ่งลงไปสวมกอดชายหนุ่มทันที พร้อมโน้มใบหน้าครามลงมาหาตนแล้วประทับริมฝีปากแดงสดจุมพิตชีคหนุ่มโดยไม่สงวนกิริยาท่าทางสักนิด ทำให้ผู้เป็นพ่อที่เดินตามออกมาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“การิมขา...ลิซไม่คิดเลยนะคะว่าคนที่มารับพวกเราจะเป็นคุณ ลิซคิดถึงคุณม๊าก...มาก มากที่สุดเลยค่ะรู้ไหม?...” เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างมีจริต หลังจากถอนริมฝีปากอิ่มออกจากริมฝีปากเข้มของการิมแล้ว

ชีคหนุ่มยิ้มน้อยๆอย่างรักษาท่าทางต่อหน้าผู้ใหญ่ และเมื่อเห็นสเตฟานเดินลงมาจากเครื่องบินพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเขาไม่คุ้นหน้านัก ร่างสูงก็อดคิ้วขมวดอย่างเคยชินไม่ได้

หึ! ท่าทางจูงมือสนิทสนมแบบนี้คงจะเป็นคู่ขาคนใหม่แน่ๆ ร่างสูงคิดในใจ เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนตระกูลนี้ก็เจ้าชู้ชนิดเชื้อไม่ทิ้งแถวกันเลยทั้งชายและหญิง

“ขอโทษทีนะครับ ที่เอลิซ่าเสียมารยาทกับท่านชายแบบนั้น” ฟรานซิสโก้เอ่ยเมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าร่างสูงและเห็นท่าทางเมื่อสักครู่ของลูกสาวตน

“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆ

“ยินดีต้อนรับสู่อัลฮับบราครับคุณเดเยอร์” การิมเอ่ยอย่างเป็นทางการกับสเตฟานด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของตน พร้อมกับยื่นออกไปเป็นการทักทายแบบสากล

“ขอบคุณท่านชายมากครับ ที่มารอรับพวกเราด้วยตัวเองเลย เกรงใจจริงๆ” สเตฟานเอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือแกร่งของร่างสูงอย่างเป็นมิตร

การิมยิ้มเล็กน้อยพลางเหลือบสายตาไปมองคนที่ยืนข้างๆชายสูงวัย เมื่อเห็นเจ้าของใบหน้างามชัดๆเขาก็จำได้ว่าเป็นหญิงสาวที่มักจะถูกเอลิซ่าเอ่ยถึงประจำนั่นเอง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมยินดีต้อนรับแขกคนสำคัญของเสด็จปู่เสมอ แล้วอีกอย่าง...อย่าเรียกผมว่าท่านชายเลยครับ เราก็รู้จักกันมานานพอสมควร เรียกชื่อผมเฉยๆเถอะครับคุณเดเยอร์” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลน่าฟัง พร้อมกับส่งรอยยิ้มเก๋อวดริ้วฟันสีขาวสะอาดราวกับไข่มุก ทำให้ใบหน้าครามดูอ่อนโยนลงและอย่างน่ามองอย่างไม่น่าเชื่อ

“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงท่านชายก็เป็นถึงเจ้าชาย แค่...ประทานอนุญาตให้พวกเราไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์เวลาพูดคุยด้วย ก็เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว ขอผมเรียกว่าท่านชายเถอะครับ” สเตฟานรีบออกตัวอย่างรักษามารยาทและนึกชื่นชมชีคหนุ่มอยู่ในใจไม่น้อย

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเถอะครับ แต่ตอนนี้เชิญขึ้นรถก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่พระราชวังอัลอิบบินจามาน เพื่อเข้าเฝ้าเสด็จปู่กัน” เสียงทุ้มเอ่ยถึงกำหนดการให้ทุกคนทราบ สเตฟานจึงหันมาพยักหน้าเป็นการบอกให้ทุกคนทยอยขึ้นไปนั่งบนรถหรูที่จอดรออยู่

“ไม่ได้มาอัลฮับบราไม่กี่ปี ที่นี่เจริญก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นไปมากเลยทีเดียว” เสียงของสเตฟานเอ่ยกับการิมอย่างแสดงความเป็นมิตร และชื่นชมกับความสวยงามอีกทั้งยังเจริญก้าวหน้าอย่างแบบไม่หยุดยั้ง หากแต่ยังคงความงามที่เป็นมนต์ขลังของทะเลทรายแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้ ขณะนั่งอยู่บนรถลีมูซีนคันโตที่แล่นผ่านซุ้มประตูโบราณเข้าเขตเมืองหลวงของอัลฮับบรา

“เสด็จปู่ทรงเป็นนักพัฒนาซึ่งมีแนวคิดสมัยใหม่ครับ ท่านทรงตระหนักและมองเห็นถึงความสามารถที่ทัดเทียมกันของชายและหญิง จึงส่งเสริมให้ผู้หญิงที่นี่ได้รับการศึกษาจนจบชั้นสูงสุดตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อจะได้ช่วยผู้ชายในการพัฒนาประเทศในอนาคต” ราชนิกูลหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิใจ ในความมีอัจฉริยภาพของชีคฮิบบินลาที่ทรงมองเห็นศักยภาพของคนทุกคนทัดเทียมกันไม่ว่าชายหรือหญิงก็ตาม

“ท่านชีคทรงเป็นนักปกครองที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หนูคิดอย่างนั้นไหม?นาญ่า...” สเตฟานหันไปถามหญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอดทาง แถมยังหันใบหน้างามทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของรถ อย่างสนใจความสวยงามทันสมัยของบ้านเมืองภายนอกรถยนต์หรูคันโต ไม่คิดจะสนใจฟังการสนทนาของคนในรถที่นั่งมาด้วยกันอีกต่างหาก

“ค่ะ...นาญ่าเห็นด้วย” หญิงสาวหันกลับมาพยักใบหน้างามและตอบเพียงสั้นๆ

เมื่อเห็นว่าหลานสาวจอมดื้อคนนี้ของตนไม่คิดที่จะแนะนำตัวเองกับตนสูงศักดิ์กว่าสักนิด แถมสายตาแกมดูถูกที่ตนแอบเห็นราชนิกุลหนุ่มมองมายังใบหน้างามของนาญ่า ทำให้คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะอย่างสเตฟานรู้ดีว่าร่างสูงคิดอะไรอยู่ จึงจัดการเอ่ยแนะนำเสียเองเดี๋ยวจะเข้าใจผิดหลานสาวของตนไปกันใหญ่

“ท่านชายคงยังไม่เคยเจอหลานสาวคนนี้ของผม นี่นาญ่า...เป็นลูกสาวอีกคนของฟรานซิสโก้ลูกชายผมเอง” คุณปู่เอ่ยแนะนำหลานสาวที่นั่งอยู่ข้างตน ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอ็นดูหญิงสาวมากแค่ไหน

เพราะการแนะนำอย่างเป็นทางการของคุณปู่สเตฟาน ทำให้นาญ่าต้องเอ่ยทักทายชีคหนุ่มออกมาอย่างเสียไม่ได้

“สวัสดีค่ะ” หากแต่...แทนที่หญิงสาวจะยื่นมือไปทักทายกับชายหนุ่มอย่างสากล กลับเลือกที่จะทำถามมารยาทไทยยกมือขึ้นไหว้ชีคหนุ่มแทน ทำเอาคนที่ยื่นมือมาทักทายก่อนเก้อไปเลย

“ผมไม่เคยทราบว่า...คุณเดเยอร์มีหลานสาวอยู่อีกคน เพราะเท่าที่เห็นดูไม่ค่อยเหมือนคุณสักเท่าไร...” การิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความประชดนิดๆพร้อมกับเหลือบสายตามองคนตรงหน้าเพียงเล็กน้อย แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เจ้าตัวหันมามองหน้าของเขาด้วยดวงตาสีเขียวเข้มราวกับมรกตน้ำงามซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ ด้วยแววตาวาวโรธดูแล้วคงมีนิสัยเหมือนม้าป่าแสนพยศและเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย หากแต่ถูกเจ้าของซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้ท่าทางอันเรียบเฉย...เก็บอารมณ์เก่งเหมือนกันหนิแม่คุณ...

“แม่แกเป็นคนไทยครับ แกเลยมีเส้นผมสีดำสนิท รูปร่าง และผิวพรรณเหมือนกับแม่ แต่จะว่าไป...แกก็เรียนอยู่ที่เดียวกันกับเอลิซ่านี่น่า ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยเจอกันเลยนะครับ” ฟรานซิสโก้ตอบอย่างนึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะการิมก็แวะเวียนไปหาเอลิซ่าที่มหาวิทยาลัยออกบ่อย น่าจะพบเคยเจอกันบ้างไม่มากก็น้อยเพราะลูกสาวของเขาทั้งสองคนนั้นต่างก็เรียนอยู่คณะเดียวกัน อาจจะแตกต่างกันตรงสาขาเท่านั้นเอง

“อย่างนั้นเหรอครับ น่าเสียดายนะครับที่ไม่ได้รู้จักก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่...ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยเหมือนกับแสนเสียดายเป็นที่สุดที่ตนไม่ได้รู้จักกับนาญ่ามาก่อนหน้านี้ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้เจ้าของใบหน้าคมเข้มขึ้นมาติดหมัด เพราะน้ำเสียงของเขานั้น...มันฟังดูก็รู้ว่ากำลังเยอะเย้ยเธออยู่เห็นๆ ถ้าหากว่าได้เจอกันแบบไม่มีผู้ใหญ่คอยมองอยู่ล่ะก็ แม่จะขอชกสักทีให้หน้าหล่อๆคว่ำเลยคอยดู...เชอะ!!

“เพราะนาญ่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนฝูงไงคะ เลยไม่เป็นที่สะดุดตาคนอื่นสักเท่าไร” เอลิซ่าโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนาที่ตนนั่งฟังอยู่นาน แต่ด้วยน้ำเสียงและสายตาเหยียดๆของเธอ ซึ่งใครที่ฟังอยู่ก็รู้แล้วว่า...เป็นการทับถมคนตัวเล็กที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวตนมากกว่าการออกความเห็น

“ถ้าการมีเพื่อน...มันหมายถึงการปาร์ตี้หามรุ่งหามค่ำเสียจนแทบจะเรียนหนังสือไม่จบอย่างเธอ ฉันขออยู่แบบเรียบง่ายกับตำรา และก็คนที่เขาใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยอย่างมีคุณค่าไม่ดีกว่าเหรอ?เอลิซ่า...” หญิงสาวที่นิ่งเงียบเรียบร้อยมาแทบจะตลอดเส้นทาง หันมาตอบคำถามเพียงประโยคเดียว ก็เล่นเอาเอลิซ่าถึงกับกระอักจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว แถมทั้งพ่อ ปู่และก็อเล็ก ไม่มีใครแก้ต่างเข้าข้างเธอสักคน มันน่าเจ็บใจชะมัด

เห็นเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ท่าทางจะเป็นคนที่ร้ายลึกไม่เบา ร่างสูงคิดในใจ ขณะนั่งพิจารณาหญิงสาวไปด้วย ครั้งแรกที่เจอกันท่าทางของร่างบางตรงหน้าไม่ได้สะดุดตาสักเท่าไร หากแต่มีเพียงดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูลึกลับนั้นน่าดึงดูดใจไม่น้อย เส้นผมดำสนิท ยาวสลวยดำเป็นมันเงางามนั้น ก็ดูแตกต่างไปจากผมสีบอร์นของเอลิซ่าโดยสิ้นเชิง ริมฝีปากบางสีชมพูหวานที่ชอบเม้มเข้าหากันตลอดเวลานั้นก็ดูยั่วยวนใจชายหนุ่มได้ไม่ใช่น้อย เมื่อนั่งมองนานๆเข้าผู้หญิงคนนี้...สวย แต่ไม่ใช่แค่เพียงผิวเผินอย่างเอลิซ่า หากแต่มีเสน่ห์ให้นั่งมองได้นานเท่าไรก็ไม่เบื่อ

การที่การิมนั่งใช้สายตาคมของเขามองไปที่นาญ่าอย่างพิจารณาราวกับค้นพบของเล่นชิ้นใหม่น่าชอบใจ ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของเอลิซ่าเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยความริษยาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบทันทีทันใด หญิงสาวจึงอดดึงความสนใจของชายหนุ่มให้กับมาอยู่กับตนไม่ได้

“ การิมคะ เสด็จปู่ของคุณดุหรือเปล่า?...ลิซชักจะกลัวๆแล้วสิคะ” เอลิซ่ากอดเกี่ยวลำแขนแกร่งไว้แน่น และส่งเสียงถามออดอ้อนราวกับลูกแมวแสนเชื่องตัวน้อยขี้ตกใจ

“ท่านชีคก็เหมือนคุณปู่ของลิซนั่นละครับ ทรงพระทัยดีกับทุกๆคน” การิมตอบยิ้มๆ พร้อมกับขยับร่างสูงของตนให้ออกห่างจากเอลิซ่าเล็กน้อยอย่างรักษามารยาท แม้จะเคยเกินเลยอะไรกันมามากกว่านี้ยามอยู่ในที่ลับตา แต่ต่อหน้าครอบครัวของฝ่ายหญิงและสถานภาพของตนในตอนนี้ การวางตัวแบบสุภาพบุรุษถือเป็นการกระทำที่ให้เกียรติกับเอลิซ่าที่สุดแล้ว

“ยังไงก็เถอะค่ะ การิมต้องอยู่ใกล้ๆกับลิซนะคะ คุณก็รู้...ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แล้วลิซไม่มั่นใจเลย นะคะๆๆ” หากแต่หญิงสาวไม่สนใจกับความหวังดีที่ชีคหนุ่มแสดงออก กลับโวยวายอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับเบียดร่างอวบอิ่มของตนให้ใกล้ชิดกับร่างสูงเข้าไปอีก

“เอลิซ่า! ถึงเราจะเป็นแขก แต่ก็หัดเกรงอกเกรงใจท่านชายบ้างได้ไหม?” คุณปู่สเฟานเอ่ยดุหลานสาวเสียงเข้ม ทำให้เอลิซ่าหน้างอเป็นม้าหมากรุกไปเลย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่มที่ตนเกี่ยวไว้อย่างแน่นหนา ทำให้นาญ่ายิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อเห็นท่าทางเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้นของเอลิซ่า

รอยยิ้มแบบนี้นี่เอง...การิมครางอยู่ในใจ ทำให้เขานึกออกว่าเคยเจอกับนาญ่าอยู่บ่อยๆเหมือนกัน เมื่อเวลาที่เขาไปเยี่ยมหญิงโซเนียน้องสาวของตนที่มหาวิทยาลัยในโรม

สายตาคมที่มองไปทางนาญ่าอย่างจงใจของการิม ทั้งๆที่มีสาวสวยรูปร่างอวบอิ่ม เซ็กซี่อย่างร้ายกาจแบบเอลิซ่ากอดแขนและชวนคุยตลอดเวลา ทำให้ทั้งปู่และพ่อของหญิงสาวเหลือบมองหน้ากันหากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

เมื่อรถลีมูซีนหรูคันงามตีวงกว้างเข้าไปจอดนิ่งสนิทที่หน้าพระราชวังอัลอิบบินจามาน เหล่ามหาดเล็กซึ่งยืนประจำตำแหน่งอยู่รีบเร่งฝีเท้าเดินมาเปิดประตูให้อย่างรีบร้อน แต่เมื่อเห็นการิมก้าวลงจากรถเป็นคนแรกก็ทำให้เหล่ามหาดเล็กรีบก้มลงทำความเคารพเขาอย่างรวดเร็ว

“ท่านชีค...ฝ่าบาททรงประทับรออยู่ที่ห้องทรงสำราญครับ” เสียงทุ้มของราชิดรายงาน ร่างสูงพยักหน้าอย่างรับรู้แล้วโบกมือเล็กน้อยเพื่อให้มหาดเล็กหลีกทาง ราชนิกุลหนุ่มก็เป็นคนจัดการเดินมาเปิดประตูรถอีกข้างที่เหลือ เพื่อเชิญครอบครัวเดเยอร์ซึ่งเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของท่านปู่ของเขาด้วยตัวเอง

“เชิญครับคุณเดเยอร์” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ และโน้มตัวลงเล็กน้อยอย่างให้เกียรติพระสหายของท่านปู่ของตน

“ขอบคุณครับ” สเตฟานรับคำอย่างซึ้งในการต้อนรับแบบให้เกียรติที่สุดของชีคการิม และก้าวเท้าลงจากรถคันหรูโดยมีร่างบางของนาญ่ายืนประคองอยู่ข้างๆไม่ห่าง เพราะกลัวว่าเขาจะยืนไม่อยู่เนื่องจากการเดินทางอันยาวนานและอ่อนล้าด้วยความชราของร่างกาย

“พระราชวังของคุณปู่คุณสวยจังเลยค่ะการิม...เอลิซ่าคิดว่าแวร์ซายน์ที่ว่าสวยที่สุดในโลก ยังสู้ที่นี่ไม่ได้เลยนะคะเนี่ย...” เสียงของเอลิซ่าชื่นชมอย่างตื่นเต้น ขณะเดินกอดแขนแกร่งของการิมไปตามทางเดินหินอ่อนกว้างสุดสายตา

“ครับ” การิมรับเสียงเรียบ

“แล้ววังของคุณ สวยแบบนี้หรือเปล่าคะ? การิม...” ริมฝีปากแดงฉ่ำเอ่ยถามพร้อมกับช้อนขึ้นมองเขาอย่างมีความหมายด้วยสายตาหวานหยดย้อย ชีคหนุ่มแค่เพียงยิ้มตอบแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร แล้วเดินนำคนตระกูลเดเยอร์ทั้งหมดตรงเข้าไปยังห้องทรงสำราญของท่านชีคแห่งอัลฮับบรา

.................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา