The red artifact part 1 :เจ้าชายสุธนกับห้าอาณาจักร
เขียนโดย หน้ากากเหล็ก
วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.25 น.
แก้ไขเมื่อ 3 มกราคม พ.ศ. 2560 18.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บ่วงนาคบาศ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพรานบุญแน่นิ่งขาสั่นอ้าปากค้างเมื่อสบสายตาอสรพิษ
พญานาคร่างยักษ์ดุจเรือเดินสมุทรตระหง่านเบื้องหน้าตามร่างเรียงรายด้วยเกล็ดแข็งนับไม่ถ้วน บนหัวประดับประดาด้วยเครื่องประดับแบบอินเดีย
“ พรานเอ๋ย หากไม่มีเจ้าขัดขวางคนเหล่านั้นข้าคงตกตระลำบากเป็นแน่ " วาจาก้องกังวานสั่นไหวผนังถ้ำยิ่งชวนให้พรานหวาดผวาแม้นเนื้อความจะประสงค์ดี
เช่นนั้นนาคถอนหายใจปลดปล่อยพลังบางอย่างรอบกายแล้วจำแลงกายเป็นครึ่งคนครึ่งงู
ท่อนบนเป็นชายอินเดียในเครื่องแต่งกายดูมีภูมิฐาน ครึ่งล่างเป็นงูดังเดิม บนแผ่นหลังปรากฏเงาแขนหลายคู่อันเรืองรางยื่นออกมา
“แม้นข้าจะสามารถเนรมิตกายให้เหมือนพวกเจ้าได้ทุกกระเบียดนิ้วทว่าเท่านี้คงเพียงพอจะปลดความกังวลให้เจ้าได้กระมัง " พอกล่าวเสร็จก็เลื้อยเข้ามากราบทักทายพรานอย่างอ่อนน้อม ส่วนพรานคลายกังวลลงแทนที่ด้วยความตกตะลึงจนอดถามไม่ได้
“ ท่านเป็นผู้วิเศษแห่งบ่อน้ำศักสิทธิ์กระนั้นหรือครับ ? “ พรานบุญกล่าวอย่างเลื่อมใส
“ ข้ามิใช่มนุษย์แต่เป็นราชาแห่งนาคในบ่อนี้นามว่าชมพูจิต “
“ นาค ? “ พรานตอบด้วยความงุนงงเพราะเพิ่งได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก
“ เอาเป็นว่าข้าเป็นเพียงสัตว์ที่มีฤทธิ์เดชและพลังมนตราเฉกเช่นพวกเจ้าล่ะกัน ตอนนี้ ข้าอยากให้เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการสิ่งใดหากข้าประทานได้ด้วยพลังของข้า เจ้าจะได้สิ่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้ “
“ ราหูคือผู้ใดกัน ? แล้วคนพวกนั้นต้องการสิ่งใดจากบ่อน้ำแห่งนี้ ? ข้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ให้กระจ่างแล้วกลับไปรายงานแก่พ่ออยู่หัว และหากข้ามิได้ตาฝาดไปล่ะก็แม่นางผู้นึงเป็นผู้สังหารผู้คนเหล่านั้น ข้าคิดว่านางสมควรได้รับการตอบแทนจากท่านมิใช่ข้า“
นาคราครุ่นคิดขมวดคิ้วพักนึง
“ หากไม่มีเจ้าไปขัดขวาง พวกมันคงประกอบพิธีสำเร็จเป็นแน่ ส่วนนามว่าราหู ข้ามิอาจบอกได้และเจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่เอ่ยชื่อนี้อีกเมื่อย่างเท้าออกจากถ้ำแห่งนี้ !! “
กล่าวจบนาคจำแลงกายแสดงสีหน้าดุร้ายเผยดวงตาอสรพิษแทนที่ตามนุษย์ แลบลิ้นสองแฉกออกมาพร้อมส่งเสียงแผ่แม่เบี้ยขู่
“ มิเช่นนั้นเจ้าจะได้เป็นผีเฝ้าบ่อน้ำแห่งนี้ตราบชั่วนิรันดร์ !!! หากชื่อนั้นแพร่งพร่ายออกไป อาเพศใหญ่คงอุบัติเป็นแน่”
พรานบุญสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจทำตามข้อเสนอ
"โปรดวางใจข้าเถิดท่านข้าขอสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่กล่าวคำว่าราหูออกมา ทว่าหากเกิดเหตุเช่นนี้อีก ข้าควรทำเยี่ยงไร? "
"เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลเพราะข้าจะมอบของวิเศษให้เจ้าไปต่อกรกับคนพวกนั้น จากนี้ไปเจ้าจะเป็นตัวแทนของข้าในการปราบปรามและรักษาความลับ " พอสิ้นเสียงนาคจึงปรากฏรอยสักลึกลับรอบข้อมือข้างขวาของพราน
“ ข้าขอมอบบ่วงนาคบาศแก่เจ้า!!! บ่วงมนตรานี้จะช่วยให้เจ้าต่อกรกับไพรีที่มีพลังเวทมนต์อาคมนานาและเหมาะมือพรานมือฉมังเช่นเจ้าทว่าจงจำไว้ให้ดีว่ามันเป็นบ่วงระหว่างเจ้ากับข้าเช่นกันหากเจ้าใช้มันในทางอกุศลล่ะก็ ข้าจะสั่งให้มันปลิดชีพเจ้าในบัดดล!! ”
พรานพินิจข้อมือขวาของตน แล้วแสร้งทำเป็นเหวี่ยงเชือก ทันใดนั้นปรากฏเชือกเขียวมรกตโปร่งใส รูปร่างเป็นนาคตัวเล็กเรียวดังเชือกเหวี่ยงไปในทางที่พรานบุญต้องการเคลื่อนไหวคดเคี้ยวได้อย่างอิสระ
พรานมองมันอย่างประทับใจก่อนจะหันไปถามนาคผู้ประทานอาวุธให้
“ แล้วบ่วงนี้มีฤทธิ์วิเศษอันใดหรือท่าน ? ”
" เรื่องนั้นเจ้าต้องค้นหาเอง พลังมนตราของมันจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้ วันนึงเจ้าจะเข้าใจมันด้วยตนเอง
บัดนี้เจ้าได้ช่วยข้าถึงสองประการ จงบอกข้าได้แล้วว่าเจ้าต้องการอะไร ” นาคในร่างจำแลงครึ่งคนครึ่งงูเลื้อยเข้ามาส่วนพรานบุญครุ่นคิดสักพัก
“ ขะ ข้าคิดว่าข้าไม่ต้องการสิ่งใดมากกว่านี้ล่ะท่าน ข้าพอใจในทุกสิ่งที่ข้ามีอยู่แล้ว ” สิ้นประโยคพรานฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
“ ท่านพญานาคข้าขอความกรุณาให้ท่านอนุญาตให้ข้าใช้บ่วงนี้จับสตรีนางนึงเถิด ! ”
“ เจ้าว่าเช่นใดนะ ? ”
พรานบุญจึงเล่าเรื่องภาพสตรีงดงามเรืองแสงอันเลือนราง
" ตอนนี้พ่ออยู่หัวกังวลว่า ทั่วอาณาจักรหามีสตรีนางไหนจะสามารถพิชิตใจของเจ้าชายสุธนได้ แต่แม่นางผู้นั้นทั้งสวยดุจนางอัปสรและเก่งเรื่องยุทธ อาจจะเป็นหญิงคนแรกที่พิชิตเจ้าชายได้ แม้นนางไม่ตกลงปลงใจด้วย ข้ามั่นใจว่าเจ้าชายคงสั่งให้ปล่อยนางไปเป็นแน่ ท่านพญานาคมิต้องกังวลใจ "
ราชานาคคิดหนักหลังได้ยินข้อเสนอ
รุ่งอรุณวันถัดไป
พรานบุญดักซุ่มในพุ่มไม้ใกล้บ่อน้ำใสแห่งนึงบริเวณตีนเขาเทือกเขาหิมาลายันอันสูงตระหง่านสูงเสียดฟ้าเป็นที่เลื่อมใสและยำเกรงของชาวอินดัส ว่ากันว่าบนยอดเขาเป็นประตูแห่งแดนสนธยา มีเพียงผู้มีบุญญาธิการและเปี่ยมด้วยฤทธิ์เดชเท่านั้นจะย่างกรายขึ้นไปบนยอดแล้วกลับมาได้
ตามวาจาของท่านพญานาคเผ่าของนางผู้นั้นจะมาเล่นน้ำ ณ เวลานี้ ระหว่างครุ่นคิดนกป่าหลายสายพันธุ์เกาะยอดไม้จ้องมองพรานสลับกับหันหน้ามองกันเองแล้วเปล่งเสียงราวกับพูดคุยกันเอง บ้างบินจากไปบ้างบินมาแทนที่
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม แว่วเสียงกระพือปีกราวกับฝูงปักษายักษ์บินผ่าน แต่กลับกลายเป็นสตรีงามหลายนางสยายปีกจากด้ายเรืองแสงนับไม่ถ้วนร้อยรวมกันโบยบินลงมาจากยอดเขาลงมายังบ่อน้ำ
แต่ละนางล้วนแต่งเครื่องทรงประหลาดแวววับดุจแก้วแต่แข็งแกร่งราวเพชร ต่างกับวัฒนธรรมแห่งอินดัส
แต่ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าเมื่อเครื่องทรงของพวกนางได้สลายกลายเป็นละอองแสงเผยเผยร่างอันอรชรเหลือเพียงผ้าอ่อนนุ่มปกปิดส่วนสำคัญโดยมิต้องปลดเปลื้องด้วยตนเอง ทุกคนล้วนผิวขาวนวลผิดกับชาวภูมิภาคนี้
พรานบุญเคลิบเคลิ้มภาพนางเหล่านั้นเล่นน้ำด้วยกันด้วยกิริยาอ่อนช้อยและงดงามไปพักนึง ก่อนจะตั้งสติเตือนตัวเองด้วยจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
ยกมือขวาข้างตระเตรียมบ่วงนาคบาศจากรอยสักนาครารอบข้อมือ
ทว่าทันใดนั้นเอง !!
" จงหยุดเพียงนั้นแหละมนุษย์!! มิฉะนั้น...." เสียงสตรีแม้นดุดันทว่ากลับเสนาะหูดุจดนตรีดังจากเบื้องหลัง
พรานบุญชะงักครู่นึง ครุ่นคิดในใจ
นี่ข้ากลับเป็นผู้ถูกล่าเสียเองทว่า.... เสี้ยววินาทีแห่งไหวพริบสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ ตั้งสติหายใจแล้วหันกลับไปเหวี่ยงบ่วงมนตราใส่เจ้าของเสียง!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ