พักรบสงบศึกรักของนายเต้าหู้กับยายนมสด ♡
7.3
เขียนโดย LazyGirl
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.11 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,669 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559 04.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่1 เต้าหู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1
เต้าหู้
“ถ้าพี่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ก็เลิกเห็นคนอื่นเป็นกระสอบทรายได้แล้ว ทางที่ดีอย่าไปเลยไอ้ค่ายมวยน่ะ ที่นั่นมันเป็นที่ของผู้ชาย!”
“ผู้ชายที่ให้ผู้หญิงจากค่ายมวยปกป้องอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาสอนหรอก!” สาวน้อยผลักเด็กชายสุดแรง แต่เธอลืมไปว่าข้างหลังนั่นเป็นบันได!
ตุบ!!!
เด็กชายที่ไม่ทันได้ระวังตัวเซล้มตกบันไดไปตามแรงผลักนับสิบขั้น ร่างบางของเด็กชายมีแต่รอยขีดข่วนเพราะถูกเศษหินจากบันไดขูด เขารู้สึกปวดหัวไปหมดและเริ่มมองอะไรไม่ชัด เขาเริ่มรู้สึกเย็น ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากหัว สาวน้อยที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งลงไปดูและพบกันเด็กชายที่นอนไม่ได้สติ
“เต้าหู้!” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินจากผู้เป็นแม่ ก่อนสติจะเลือนหายไป
3 วันผ่านไป
“วันนี้น้องเขาฟื้นแล้ว อย่าไปทำอะไรน้องอีกล่ะ!”
“หนูเข้าใจแล้ว ขอโทษค่ะป๊า…”
“ไปขอโทษเต้าหู้เถอะ”
ในโรงพยาบาลมันเงียบจนได้เสียงสนทนาระหว่างพ่อลูกจากโถงทางเดิน เด็กชายที่อยู่ในห้องผู้ป่วยได้ยินทั้งหมด และเขารู้ ว่าเธอกำลังจะมา
แอ๊ด…
สาวน้อยเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่ไม่มีความสุขนัก
“คุยกันดี ๆ นะ” แม่ของเด็กชายตบไหล่สาวน้อยเบาๆ ก่อนจะจูงมือสามีของเธออออกไปข้างนอก เพื่อให้เด็กทั้งสองคุยกันเอง
…
“เป็นไงบ้างเต้าหู้”
“…” เด็กชายไม่ตอบอะไร เขาไม่คิดจะมองเธอเลยสักนิด
“เจ็บมากไหม?”
“…”
เธอเข้าใจหากเขาไม่อยากตอบ เขาคงเกลียดเธอมาก เพราะเธอเป็นคนทำให้เขาหลับไม่ได้สติเป็นเวลา 3 วัน เธอเป็นคนทำให้เขาเกือบตายตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอทำผิด พ่อแม่ของเด็กชายมักจะให้อภัยเธอเสมอ มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กชาย แต่ทั้ง 2 ก็เป็นเด็กกันทั้งคู่ ต่างไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้
สาวน้อยมองใบหน้าของเด็กชายที่มีแต่รอยฟกช้ำ บาดแผลเหล่านั้นเป็นฝีมือของเธอ ศีรษะของเด็กชายที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อต ขาที่ขยับไม่ได้เพราะต้องเข้าเฝือก ทั้งหมดนั่นเป็นเครื่องเตือนใจว่าเธอเป็นคนทำ
“เต้าหู้…พี่ขอโทษ…” นั่นคือสิ่งที่เธออยากให้เด็กชายได้ยินมาตลอด ทุกครั้งที่เธอทำตัวแย่ใส่เขา เธออยากขอโทษ แต่เธอไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกไป
“…”
“เต้าหู้อย่าเงียบแบบนี้สิ อยากเอาคืนใช่ไหม ตีคืนตอนนี้เลยก็ได้!” สาวน้อยพยายามจะดึงมือของเด็กชายมาตบหน้าตัวเอง แต่เขาปัดมือออกแล้วมองหน้าสาวน้อยอย่างว่างเปล่า
“…”
“พี่ผิดไปแล้ว…”
“พี่เหรอ? …ใคร?”
“ฮะ?” สาวน้อยขมวดคิ้วสับสน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กชายถาม
“นี่นายจำฉันไม่ได้เหรอ? ฉันไง นมสด พี่ที่อยู่ข้างบ้านนายน่ะ”
เด็กชายนิ่งเงียบแล้วมองหน้าสาวน้อยสักพัก…
“แม่บอกผมว่า ที่ผมเป็นแบบนี้ เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวโตกว่า อายุเยอะกว่า เป้นคนทำผม…” เด็กชายค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ
คำพูดเหล่านั้นทำให้สาวน้อยพูดไม่ออก เพราะเธอรู้ดี ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
“เป็นไปได้…ผมไม่อยากเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก…”
“…”
“แล้ว...ผู้หญิงคนนั้นใช่พี่หรือเปล่า? ทำไมผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่กับพี่เลย…” เด็กชายพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ขอบตาเริ่มรื้น จู่ ๆ ความกลัวก็แล่นเข้ามากลางอก
“ใช่…ฉันเองแหละ…” สาวน้อยหลุบตาต่ำลง ไม่กล้ามองเด็กชายที่นั่งสะอื้นอยู่ตรงหน้า เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ตนทำลงไปจะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าจำไม่ได้แล้วก็ดี เขาจะได้ลืมเรื่องแย่ ๆ ไปสักที
ทั้งสองอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ ไม่มีใครกล้ามองหน้าใคร และไม่มีเสียงสนทนาใดใดดังขึ้นอีก
หลังจากนั้น เด็กชายก็ไม่เห็นสาวน้อยอีกเลย…
“เต้าหู้…เต้าหู้! ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าวะ?”
“ฮะ? เออ ฟังอยู่” เสียงเรียกของเพื่อนสนิททำให้ผมหยุดคิดเรื่องในอดีต
คิดแล้วก็ขำ คนอย่างผมทำไมถึงสู้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลยนะ
“มัวเหม่ออะไรของแกวะ คิดออกหรือยังว่าจะไปอยู่ที่ไหน”
“เออ พอนึกออกแล้ว แล้วแกล่ะไอ้กัน จะไปอยู่กับแฟนใช่ไหม?”
“เออ ประมาณนั้นล่ะ”
“ทั้งสองคนถ้าเก็บของเสร็จก็ออกมาได้แล้ว เราไม่มีเวลาให้คนทำผิดกฎทั้งวันนะ หน้าตาดีก็ไม่ใจอ่อนให้หรอก!” เสียงป้าแก่ ๆ เจ้าของหอพักอรุณเบิกฟ้าตะโกนเรียกให้พวกเราออกไป ผมแค่ทำผิดกฎนะครับ ไม่ใช่นักโทษ ตะคอกใส่อย่างกับไล่หมูไล่หมา ทีตอนแรกที่เจอกันล่ะต้อนรับอย่างดี
เห้อม!
“เก็บของพร้อมย้ายออกเสร็จแล้วครับคุณป้า” ไอ้กันขนของออกไปวางหน้าห้องแล้วหันไปฉีกยิ้มกว้างประชดใส่ป้าแก
“รู้ตัวนะว่าที่ถูกไล่ออกแบบนี้เป็นเพราะอะไร”
“รู้ครับ เพราะผมเมาแล้วเสียงดังโวยวาย อาละวาด เตะถังขยะปลิวเกลื่อนกลาด เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่ได้หลับได้นอนเป็นเวลาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็ผมทะเลาะกับแฟนอ่ะ” กันสาธยายวีรกรรมที่ตัวเองก่อจนต้องถูกไล่ออกจากหอพัก เป็นผม ผมก็ไล่มันออกเหมือนกัน คนอะไรเมาแล้ววุ่นวายชิบ*าย
“จริง ๆ ป้าไล่แค่เจ้าเด็กเกเรคนนี้ออกนะ พ่อหนุ่มไม่เห็นต้องออกตามเลย” พูดจบ ป้าแกก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อมกับลูบแขนผมหนึ่งที รู้ว่าความหล่อมันทำให้ป้าอยากเก็บผมไว้ แต่ผมอยู่คนเดียวไม่ได้จริง ๆ ครับ
ผมกลัวผี -_-
“ขอโทษครับป้า แหะๆ ^^;”
หลังจากที่สั่งเสียและอำลาคุณป้าเจ้าของหอเสร็จ ไอ้กันก็ออกเดินทางไปอยู่คอนโดกับแฟนมัน ส่วนผมตัวคนเดียวกระเทียมลีบก็ขนของขึ้นรถแล้วออกเดินทางทันที
เดินทาง? จะไปไหนเหรอ?
ยังไม่รู้เลย…
...
“ฮัลโหล แม่ครับ…ผมถูกไล่ออกจากหอ -_-”
นั่นแหละฮะ วันใดที่เรารู้สึกโดดเดียว ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดไร้ซึ่งทางออก ขอให้รู้เสมอว่ายังมีเธอผู้นี้อยู่ ผู้หญิงผู้ทรงเสน่ห์ มารดาผู้เลอค่า แม่คือแสงสว่าง
(อ้าว! แล้วตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย?)
“หน้าหอครับ คื-”
(ยังไม่มีที่ไปใช่ไหม? งั้นมานอนที่บ้านก่อนไหมลูก? เอ…แต่บ้านเราอยู่ไกลจากมหาลัยลูกนี่นา งั้น…อยู่คอนโดของพ่อไหม? เอ๊ะ แต่แถวนั้นรถติดนี่ เดี๋ยวลูกก็ไปเรียนไม่ทันอีก แล้วกันเพื่อนลูกล่ะ เขาไปอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ?)
“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นครับแม่ -_-” บางทีแม่ก็เป็นห่วงเกินไปจนรู้สึกเขินคุณผู้อ่านจัง ผมไม่ได้เด็กเกินไปที่จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้นะ =_=;
(งั้นลูกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?)
“ผมว่าจะอยู่คนเดียว”
(แต่ลูกกลัวผีนี่ อยู่ได้เหรอ?)
“ที่จริง มันก็มีที่นึงที่ผมอยู่แล้วสบายใจนะ”
(ที่ไหน?)
“บ้านเก่า”
และนั่นคือเหตุผลที่ภาพเก่า ๆ มันตีเข้ามาในหัวตอนที่ถูกไล่ออกจากหอพัก อยู่ที่ไหนไม่ได้ ก็คงต้องอยู่ที่นี่แล้วล่ะ โลเคชั่นดีงาม บรรยากาศดี๊ดี อยู่ใกล้มหาลัยอีกต่างหาก ถึงแม้ที่นั่นจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นจนทำให้ผมกลายเป็นเจ้าชายนิทราก็เถอะ แต่มันเป็นที่ที่ผมคุ้นเคยที่สุด
(บ้านเก่าเรากลายเป็นสนามเด็กเล่นไปแล้วนะ ลืมแล้วหรือไง?)
“เออจริงด้วย ลืมสนิทเลย O_O”
(เฮ้อ! ตอนเด็ก ๆ แม่น่าจะเอาปลาให้ลูกกินบ่อยๆ)
แม่ว่าผมโง่เหรอ -_-
(แต่ข้างบ้านเราเปิดให้เช่านะ ลูกสนใจไหมล่ะ?)
ข้างบ้าน?
“อ๋อ บ้านของป้าวดีกับลุงไทใช่ไหมครับ?”
(อื้ม นั่นแหละ เห็นว่าให้เช่า แต่ไม่รู้ว่ามีคนเช่าหรือยัง งั้นแม่โทรถามป้าวดีแป๊บนึงนะ รอก่อน เดี๋ยวโทรกลับ)
“ครับ”
ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด…
…
ใครจะรอล่ะ! คำตอบจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ป้าวดีแกยิ่งงานเยอะอยู่ กว่าแม่จะได้คำตอบคงเย็น ๆ นู่นล่ะ ไปดูด้วยตาของตัวเองเลยดีกว่า!
30 นาทีต่อมา
เอี๊ยดด!!!
“ต่างจากที่คิดแฮะ…” ผ่านมา 12 ปี ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย ดินที่เคยกินก็กลายเป็นถนนจนหมด ดีสำหรับคนอย่างผมที่ชอบขับรถยนต์ เข้าถึงง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แต่เห็นต้นกล้วยแล้วรู้สึกเหม็นเขียวขึ้นมาทันที เกลียดผู้หญิงคนนั้นชะมัดที่ยัดใบตองใส่ปากเรา -_-;
ทุกอย่างยังคงสวยงาม รวมถึงบ้านตรงหน้าผมด้วย
บ้านของคุณป้าวดี…
“ต..เต้าหู้หรือเปล่า?”
“อ๊ะ? ใช่ครับ…” คุณยายท่าทางใจดีทักขึ้นขณะที่ผมกำลังชื่นชมความงามของบ้านอยู่
ว่าแต่ยายแกหน้าตาคุ้นๆ นะ…
“โอ้! เต้าหู้จริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อขึ้นจนยายแทบจำไม่ได้เลย เต้าหู้จำยายได้ไหม?”
เอ่อ...
...
“จำได้สิครับยายสร้อย! เมื่อก่อนยายชอบทำแผลให้ผมบ่อยๆ ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึ๊ง...คิดถึง >_<” ผมกอดยายสร้อยทันทีที่นึกออก ใครจะลืมรอยยิ้มใจดีของยายลงล่ะ ไม่เจอกันตั้งนานเหี่ยวลงตั้งเยอะ ดูซิ ท้องแขนยานหมดแล้ว แต่ดีใจจังที่ยังไม่ตาย ดูท่าทางยังแข็งแรงอยู่นะเนี่ย
“แหม…โตขึ้นแล้วพูดเก่งจังนะเรา ว่าแต่เป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
“เอ่อ…ก็…” จะว่ายังไงดีล่ะ เรื่องมันยาว เล่าไปก็เท่านั้น ยายจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้
“แน่ะ” พอยายเห็นว่าผมหนักใจที่จะตอบก็สะกิดแขนดึงสติผมทันที แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของยายคืออัลไล มีอะไรน่าขำเหรอ? -_-;
“มาหานมสดล่ะสิ”
“ครับ?”
“ก็นมสดไง ที่บ้านหลังนี้” ยายอธิบายต่ออีกนิดพร้อมชี้ไปที่บ้าน หลังที่อยู่ตรงหน้าเรา
ฮะ?
“พี่นมสดอยู่ที่นี่เหรอครับ...แล้วคุณป้าวดีกับลุงไทล่ะ?” อ้าว เจ้าของบ้านมาอยู่บ้านเช่าตัวเองเหรอ
“ทั้งสองคนนั้นมัวแต่ทำงานข้ามประเทศไปนั่นไปนี่อยู่บ่อยๆ ไม่มีเวลาดูแลนมสดหรอก อีกอย่างบ้านจริงๆ ของนมสดก็อยู่ไกล เธอก็เลยมาอยู่ที่นี่แถมใกล้กับมหาลัยด้วย”
“อ๋อ ไปเรียนสะดวกนี่เอง”
“ใช่แล้ว นมสดอยู่ที่นี่คนเดียว ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับบ้านเธอนั่นแหละ นมสดอยู่ที่นี่ได้ 2 ปีแล้วนะ ตั้งแต่เข้ามหาลัยน่ะ”
“อ๋อ…งั้นก็เหมือนผมเลย…”
ทำไมความคิดเราเหมือนกันแบบนี้นะ…
“ป่านนี้นมสดตื่นแล้วมั้ง ลองเข้าไปสิ”
“อ่า…ครับ”
“อ้อ! ลบภาพนมสดคนเก่าไปได้เลยนะ ตอนนี้เธอน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะเลย” คุณยายหัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีไป
‘น่ารักกว่าแต่ก่อน’ งั้นเหรอ
คิดภาพไม่ออกอยู่ดี -_-;
ที่บ้านหลังนีี้ที่พี่ปิศาจคนนั้นอยู่...
ไม่ได้เจอกันตั้ง 12 ปี หน้าตาจะพัฒนาขึ้นหรือพัฒนาลงกันนะ พี่จะเหมือนก๊อตซิล่่าหรือเปล่า ยังไล่เตะก้นชาวบ้านอยู่ไหม หรือว่าจะถึกขึ้นกันนะ…
ไปดูเลยดีกว่า!
แกร๊ก!!
“เอ้า ประตูล็อค” ผมก็ลืมไปนึกว่ายังเป็นเด็กอยู่ จะเดินเข้า-ออกบ้านหลังนี้ตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เมื่อมันล็อค มันก็ต้องมีกุญแจ และแน่นอนกุญแจมันซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้!
นี่ไง! อยู่ในนี้จริงด้วย!
ต้องขอบคุณคุณป้าวดีที่ซ่อนกุญแจให้ผมเห็นบ่อย ๆ คิกคิก
เข้าไปละน้า…
ครืด…
…
หืม? มีแสงไฟออกมาจากครัว เธออยู่ในนั้นงั้นเหรอ? แหม…ตื่นมาก็กินเลยนะ แบบนี้คงทั้งถึกทั้งอ้วนแหงมๆ ว้าย! ตัวอะไรดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่หน้าตู้เย็นน่ะ พี่สาวผมโตมาอ้วนขนาดนี้เลยเหรอ ไหนลองวัดความอ้วนด้วยอ้อมแขนของน้องชายซิ!
“จ๊ะเอ๋!!”
“กรี๊ดด!!!”
ตุบ !
ทันทีที่ผมโผเข้ากอดยัยพี่สาวสุดถึก เธอก็โจมตีผมด้วยอาวุธแข็งๆ ที่เธอถือทันที โอ๊ย! สมุดบ้าอะไรเนี่ย ทำไมมันแข็งแบบนี้!
พั่บ!!
ผมปัดสมุดที่เธอถือทิ้ง และเธอก็พยายามกันผมออกโดยการผลักด้วยมือเล็ก ๆ คู่นั้น แต่ยิ่งเธอผลักเท่าไหร่ ผมยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมใช้ความได้เปรียบด้านร่างกายดันตัวเธอจนติดกับตู้เย็นที่อยู่ด้านหลัง
การแกล้งคนมันสนุกแบบนี้นี่เอง!
“ออกไปนะ! ใครเนี่ย!”
การที่ผมเห็นผู้หญิงตรงหน้าเอาแต่ดันตัวผมให้ออกห่างโดยไม่คิดจะต่อสู้หรือทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้ ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าผมคือใคร…
พลังช้างสารที่เคยต่อยคนจนฟันหลุดนั่นหายไปไหน…
ผู้หญิงร่างสูงที่ผลักผมตกบันไดคือเธอคนนี้จริงเหรอ…
...
แต่ถ้าใช่จริงๆ...
“ผมว่าตอนเจอกันล่าสุดพี่สูงกว่านี้นะ…นี่พี่ตัวเล็กลง หรือผมตัวโตขึ้นล่ะ?”
____________________________________________________
เต้าหู้
เต้าหู้
“ถ้าพี่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ก็เลิกเห็นคนอื่นเป็นกระสอบทรายได้แล้ว ทางที่ดีอย่าไปเลยไอ้ค่ายมวยน่ะ ที่นั่นมันเป็นที่ของผู้ชาย!”
“ผู้ชายที่ให้ผู้หญิงจากค่ายมวยปกป้องอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาสอนหรอก!” สาวน้อยผลักเด็กชายสุดแรง แต่เธอลืมไปว่าข้างหลังนั่นเป็นบันได!
ตุบ!!!
เด็กชายที่ไม่ทันได้ระวังตัวเซล้มตกบันไดไปตามแรงผลักนับสิบขั้น ร่างบางของเด็กชายมีแต่รอยขีดข่วนเพราะถูกเศษหินจากบันไดขูด เขารู้สึกปวดหัวไปหมดและเริ่มมองอะไรไม่ชัด เขาเริ่มรู้สึกเย็น ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากหัว สาวน้อยที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งลงไปดูและพบกันเด็กชายที่นอนไม่ได้สติ
“เต้าหู้!” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินจากผู้เป็นแม่ ก่อนสติจะเลือนหายไป
3 วันผ่านไป
“วันนี้น้องเขาฟื้นแล้ว อย่าไปทำอะไรน้องอีกล่ะ!”
“หนูเข้าใจแล้ว ขอโทษค่ะป๊า…”
“ไปขอโทษเต้าหู้เถอะ”
ในโรงพยาบาลมันเงียบจนได้เสียงสนทนาระหว่างพ่อลูกจากโถงทางเดิน เด็กชายที่อยู่ในห้องผู้ป่วยได้ยินทั้งหมด และเขารู้ ว่าเธอกำลังจะมา
แอ๊ด…
สาวน้อยเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่ไม่มีความสุขนัก
“คุยกันดี ๆ นะ” แม่ของเด็กชายตบไหล่สาวน้อยเบาๆ ก่อนจะจูงมือสามีของเธออออกไปข้างนอก เพื่อให้เด็กทั้งสองคุยกันเอง
…
“เป็นไงบ้างเต้าหู้”
“…” เด็กชายไม่ตอบอะไร เขาไม่คิดจะมองเธอเลยสักนิด
“เจ็บมากไหม?”
“…”
เธอเข้าใจหากเขาไม่อยากตอบ เขาคงเกลียดเธอมาก เพราะเธอเป็นคนทำให้เขาหลับไม่ได้สติเป็นเวลา 3 วัน เธอเป็นคนทำให้เขาเกือบตายตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอทำผิด พ่อแม่ของเด็กชายมักจะให้อภัยเธอเสมอ มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กชาย แต่ทั้ง 2 ก็เป็นเด็กกันทั้งคู่ ต่างไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้
สาวน้อยมองใบหน้าของเด็กชายที่มีแต่รอยฟกช้ำ บาดแผลเหล่านั้นเป็นฝีมือของเธอ ศีรษะของเด็กชายที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อต ขาที่ขยับไม่ได้เพราะต้องเข้าเฝือก ทั้งหมดนั่นเป็นเครื่องเตือนใจว่าเธอเป็นคนทำ
“เต้าหู้…พี่ขอโทษ…” นั่นคือสิ่งที่เธออยากให้เด็กชายได้ยินมาตลอด ทุกครั้งที่เธอทำตัวแย่ใส่เขา เธออยากขอโทษ แต่เธอไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกไป
“…”
“เต้าหู้อย่าเงียบแบบนี้สิ อยากเอาคืนใช่ไหม ตีคืนตอนนี้เลยก็ได้!” สาวน้อยพยายามจะดึงมือของเด็กชายมาตบหน้าตัวเอง แต่เขาปัดมือออกแล้วมองหน้าสาวน้อยอย่างว่างเปล่า
“…”
“พี่ผิดไปแล้ว…”
“พี่เหรอ? …ใคร?”
“ฮะ?” สาวน้อยขมวดคิ้วสับสน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กชายถาม
“นี่นายจำฉันไม่ได้เหรอ? ฉันไง นมสด พี่ที่อยู่ข้างบ้านนายน่ะ”
เด็กชายนิ่งเงียบแล้วมองหน้าสาวน้อยสักพัก…
“แม่บอกผมว่า ที่ผมเป็นแบบนี้ เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวโตกว่า อายุเยอะกว่า เป้นคนทำผม…” เด็กชายค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ
คำพูดเหล่านั้นทำให้สาวน้อยพูดไม่ออก เพราะเธอรู้ดี ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
“เป็นไปได้…ผมไม่อยากเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก…”
“…”
“แล้ว...ผู้หญิงคนนั้นใช่พี่หรือเปล่า? ทำไมผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่กับพี่เลย…” เด็กชายพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ขอบตาเริ่มรื้น จู่ ๆ ความกลัวก็แล่นเข้ามากลางอก
“ใช่…ฉันเองแหละ…” สาวน้อยหลุบตาต่ำลง ไม่กล้ามองเด็กชายที่นั่งสะอื้นอยู่ตรงหน้า เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ตนทำลงไปจะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าจำไม่ได้แล้วก็ดี เขาจะได้ลืมเรื่องแย่ ๆ ไปสักที
ทั้งสองอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ ไม่มีใครกล้ามองหน้าใคร และไม่มีเสียงสนทนาใดใดดังขึ้นอีก
หลังจากนั้น เด็กชายก็ไม่เห็นสาวน้อยอีกเลย…
“เต้าหู้…เต้าหู้! ฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่าวะ?”
“ฮะ? เออ ฟังอยู่” เสียงเรียกของเพื่อนสนิททำให้ผมหยุดคิดเรื่องในอดีต
คิดแล้วก็ขำ คนอย่างผมทำไมถึงสู้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลยนะ
“มัวเหม่ออะไรของแกวะ คิดออกหรือยังว่าจะไปอยู่ที่ไหน”
“เออ พอนึกออกแล้ว แล้วแกล่ะไอ้กัน จะไปอยู่กับแฟนใช่ไหม?”
“เออ ประมาณนั้นล่ะ”
“ทั้งสองคนถ้าเก็บของเสร็จก็ออกมาได้แล้ว เราไม่มีเวลาให้คนทำผิดกฎทั้งวันนะ หน้าตาดีก็ไม่ใจอ่อนให้หรอก!” เสียงป้าแก่ ๆ เจ้าของหอพักอรุณเบิกฟ้าตะโกนเรียกให้พวกเราออกไป ผมแค่ทำผิดกฎนะครับ ไม่ใช่นักโทษ ตะคอกใส่อย่างกับไล่หมูไล่หมา ทีตอนแรกที่เจอกันล่ะต้อนรับอย่างดี
เห้อม!
“เก็บของพร้อมย้ายออกเสร็จแล้วครับคุณป้า” ไอ้กันขนของออกไปวางหน้าห้องแล้วหันไปฉีกยิ้มกว้างประชดใส่ป้าแก
“รู้ตัวนะว่าที่ถูกไล่ออกแบบนี้เป็นเพราะอะไร”
“รู้ครับ เพราะผมเมาแล้วเสียงดังโวยวาย อาละวาด เตะถังขยะปลิวเกลื่อนกลาด เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่ได้หลับได้นอนเป็นเวลาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ ช่วยไม่ได้นี่ครับ ก็ผมทะเลาะกับแฟนอ่ะ” กันสาธยายวีรกรรมที่ตัวเองก่อจนต้องถูกไล่ออกจากหอพัก เป็นผม ผมก็ไล่มันออกเหมือนกัน คนอะไรเมาแล้ววุ่นวายชิบ*าย
“จริง ๆ ป้าไล่แค่เจ้าเด็กเกเรคนนี้ออกนะ พ่อหนุ่มไม่เห็นต้องออกตามเลย” พูดจบ ป้าแกก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อมกับลูบแขนผมหนึ่งที รู้ว่าความหล่อมันทำให้ป้าอยากเก็บผมไว้ แต่ผมอยู่คนเดียวไม่ได้จริง ๆ ครับ
ผมกลัวผี -_-
“ขอโทษครับป้า แหะๆ ^^;”
หลังจากที่สั่งเสียและอำลาคุณป้าเจ้าของหอเสร็จ ไอ้กันก็ออกเดินทางไปอยู่คอนโดกับแฟนมัน ส่วนผมตัวคนเดียวกระเทียมลีบก็ขนของขึ้นรถแล้วออกเดินทางทันที
เดินทาง? จะไปไหนเหรอ?
ยังไม่รู้เลย…
...
“ฮัลโหล แม่ครับ…ผมถูกไล่ออกจากหอ -_-”
นั่นแหละฮะ วันใดที่เรารู้สึกโดดเดียว ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดไร้ซึ่งทางออก ขอให้รู้เสมอว่ายังมีเธอผู้นี้อยู่ ผู้หญิงผู้ทรงเสน่ห์ มารดาผู้เลอค่า แม่คือแสงสว่าง
(อ้าว! แล้วตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย?)
“หน้าหอครับ คื-”
(ยังไม่มีที่ไปใช่ไหม? งั้นมานอนที่บ้านก่อนไหมลูก? เอ…แต่บ้านเราอยู่ไกลจากมหาลัยลูกนี่นา งั้น…อยู่คอนโดของพ่อไหม? เอ๊ะ แต่แถวนั้นรถติดนี่ เดี๋ยวลูกก็ไปเรียนไม่ทันอีก แล้วกันเพื่อนลูกล่ะ เขาไปอยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ?)
“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นครับแม่ -_-” บางทีแม่ก็เป็นห่วงเกินไปจนรู้สึกเขินคุณผู้อ่านจัง ผมไม่ได้เด็กเกินไปที่จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในสถานการณ์แบบนี้นะ =_=;
(งั้นลูกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?)
“ผมว่าจะอยู่คนเดียว”
(แต่ลูกกลัวผีนี่ อยู่ได้เหรอ?)
“ที่จริง มันก็มีที่นึงที่ผมอยู่แล้วสบายใจนะ”
(ที่ไหน?)
“บ้านเก่า”
และนั่นคือเหตุผลที่ภาพเก่า ๆ มันตีเข้ามาในหัวตอนที่ถูกไล่ออกจากหอพัก อยู่ที่ไหนไม่ได้ ก็คงต้องอยู่ที่นี่แล้วล่ะ โลเคชั่นดีงาม บรรยากาศดี๊ดี อยู่ใกล้มหาลัยอีกต่างหาก ถึงแม้ที่นั่นจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นจนทำให้ผมกลายเป็นเจ้าชายนิทราก็เถอะ แต่มันเป็นที่ที่ผมคุ้นเคยที่สุด
(บ้านเก่าเรากลายเป็นสนามเด็กเล่นไปแล้วนะ ลืมแล้วหรือไง?)
“เออจริงด้วย ลืมสนิทเลย O_O”
(เฮ้อ! ตอนเด็ก ๆ แม่น่าจะเอาปลาให้ลูกกินบ่อยๆ)
แม่ว่าผมโง่เหรอ -_-
(แต่ข้างบ้านเราเปิดให้เช่านะ ลูกสนใจไหมล่ะ?)
ข้างบ้าน?
“อ๋อ บ้านของป้าวดีกับลุงไทใช่ไหมครับ?”
(อื้ม นั่นแหละ เห็นว่าให้เช่า แต่ไม่รู้ว่ามีคนเช่าหรือยัง งั้นแม่โทรถามป้าวดีแป๊บนึงนะ รอก่อน เดี๋ยวโทรกลับ)
“ครับ”
ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด…
…
ใครจะรอล่ะ! คำตอบจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ป้าวดีแกยิ่งงานเยอะอยู่ กว่าแม่จะได้คำตอบคงเย็น ๆ นู่นล่ะ ไปดูด้วยตาของตัวเองเลยดีกว่า!
30 นาทีต่อมา
เอี๊ยดด!!!
“ต่างจากที่คิดแฮะ…” ผ่านมา 12 ปี ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย ดินที่เคยกินก็กลายเป็นถนนจนหมด ดีสำหรับคนอย่างผมที่ชอบขับรถยนต์ เข้าถึงง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แต่เห็นต้นกล้วยแล้วรู้สึกเหม็นเขียวขึ้นมาทันที เกลียดผู้หญิงคนนั้นชะมัดที่ยัดใบตองใส่ปากเรา -_-;
ทุกอย่างยังคงสวยงาม รวมถึงบ้านตรงหน้าผมด้วย
บ้านของคุณป้าวดี…
“ต..เต้าหู้หรือเปล่า?”
“อ๊ะ? ใช่ครับ…” คุณยายท่าทางใจดีทักขึ้นขณะที่ผมกำลังชื่นชมความงามของบ้านอยู่
ว่าแต่ยายแกหน้าตาคุ้นๆ นะ…
“โอ้! เต้าหู้จริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อขึ้นจนยายแทบจำไม่ได้เลย เต้าหู้จำยายได้ไหม?”
เอ่อ...
...
“จำได้สิครับยายสร้อย! เมื่อก่อนยายชอบทำแผลให้ผมบ่อยๆ ไม่เจอกันตั้งนานคิดถึ๊ง...คิดถึง >_<” ผมกอดยายสร้อยทันทีที่นึกออก ใครจะลืมรอยยิ้มใจดีของยายลงล่ะ ไม่เจอกันตั้งนานเหี่ยวลงตั้งเยอะ ดูซิ ท้องแขนยานหมดแล้ว แต่ดีใจจังที่ยังไม่ตาย ดูท่าทางยังแข็งแรงอยู่นะเนี่ย
“แหม…โตขึ้นแล้วพูดเก่งจังนะเรา ว่าแต่เป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
“เอ่อ…ก็…” จะว่ายังไงดีล่ะ เรื่องมันยาว เล่าไปก็เท่านั้น ยายจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้
“แน่ะ” พอยายเห็นว่าผมหนักใจที่จะตอบก็สะกิดแขนดึงสติผมทันที แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของยายคืออัลไล มีอะไรน่าขำเหรอ? -_-;
“มาหานมสดล่ะสิ”
“ครับ?”
“ก็นมสดไง ที่บ้านหลังนี้” ยายอธิบายต่ออีกนิดพร้อมชี้ไปที่บ้าน หลังที่อยู่ตรงหน้าเรา
ฮะ?
“พี่นมสดอยู่ที่นี่เหรอครับ...แล้วคุณป้าวดีกับลุงไทล่ะ?” อ้าว เจ้าของบ้านมาอยู่บ้านเช่าตัวเองเหรอ
“ทั้งสองคนนั้นมัวแต่ทำงานข้ามประเทศไปนั่นไปนี่อยู่บ่อยๆ ไม่มีเวลาดูแลนมสดหรอก อีกอย่างบ้านจริงๆ ของนมสดก็อยู่ไกล เธอก็เลยมาอยู่ที่นี่แถมใกล้กับมหาลัยด้วย”
“อ๋อ ไปเรียนสะดวกนี่เอง”
“ใช่แล้ว นมสดอยู่ที่นี่คนเดียว ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับบ้านเธอนั่นแหละ นมสดอยู่ที่นี่ได้ 2 ปีแล้วนะ ตั้งแต่เข้ามหาลัยน่ะ”
“อ๋อ…งั้นก็เหมือนผมเลย…”
ทำไมความคิดเราเหมือนกันแบบนี้นะ…
“ป่านนี้นมสดตื่นแล้วมั้ง ลองเข้าไปสิ”
“อ่า…ครับ”
“อ้อ! ลบภาพนมสดคนเก่าไปได้เลยนะ ตอนนี้เธอน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะเลย” คุณยายหัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีไป
‘น่ารักกว่าแต่ก่อน’ งั้นเหรอ
คิดภาพไม่ออกอยู่ดี -_-;
ที่บ้านหลังนีี้ที่พี่ปิศาจคนนั้นอยู่...
ไม่ได้เจอกันตั้ง 12 ปี หน้าตาจะพัฒนาขึ้นหรือพัฒนาลงกันนะ พี่จะเหมือนก๊อตซิล่่าหรือเปล่า ยังไล่เตะก้นชาวบ้านอยู่ไหม หรือว่าจะถึกขึ้นกันนะ…
ไปดูเลยดีกว่า!
แกร๊ก!!
“เอ้า ประตูล็อค” ผมก็ลืมไปนึกว่ายังเป็นเด็กอยู่ จะเดินเข้า-ออกบ้านหลังนี้ตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เมื่อมันล็อค มันก็ต้องมีกุญแจ และแน่นอนกุญแจมันซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้!
นี่ไง! อยู่ในนี้จริงด้วย!
ต้องขอบคุณคุณป้าวดีที่ซ่อนกุญแจให้ผมเห็นบ่อย ๆ คิกคิก
เข้าไปละน้า…
ครืด…
…
หืม? มีแสงไฟออกมาจากครัว เธออยู่ในนั้นงั้นเหรอ? แหม…ตื่นมาก็กินเลยนะ แบบนี้คงทั้งถึกทั้งอ้วนแหงมๆ ว้าย! ตัวอะไรดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่หน้าตู้เย็นน่ะ พี่สาวผมโตมาอ้วนขนาดนี้เลยเหรอ ไหนลองวัดความอ้วนด้วยอ้อมแขนของน้องชายซิ!
“จ๊ะเอ๋!!”
“กรี๊ดด!!!”
ตุบ !
ทันทีที่ผมโผเข้ากอดยัยพี่สาวสุดถึก เธอก็โจมตีผมด้วยอาวุธแข็งๆ ที่เธอถือทันที โอ๊ย! สมุดบ้าอะไรเนี่ย ทำไมมันแข็งแบบนี้!
พั่บ!!
ผมปัดสมุดที่เธอถือทิ้ง และเธอก็พยายามกันผมออกโดยการผลักด้วยมือเล็ก ๆ คู่นั้น แต่ยิ่งเธอผลักเท่าไหร่ ผมยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมใช้ความได้เปรียบด้านร่างกายดันตัวเธอจนติดกับตู้เย็นที่อยู่ด้านหลัง
การแกล้งคนมันสนุกแบบนี้นี่เอง!
“ออกไปนะ! ใครเนี่ย!”
การที่ผมเห็นผู้หญิงตรงหน้าเอาแต่ดันตัวผมให้ออกห่างโดยไม่คิดจะต่อสู้หรือทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้ ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าผมคือใคร…
พลังช้างสารที่เคยต่อยคนจนฟันหลุดนั่นหายไปไหน…
ผู้หญิงร่างสูงที่ผลักผมตกบันไดคือเธอคนนี้จริงเหรอ…
...
แต่ถ้าใช่จริงๆ...
“ผมว่าตอนเจอกันล่าสุดพี่สูงกว่านี้นะ…นี่พี่ตัวเล็กลง หรือผมตัวโตขึ้นล่ะ?”
____________________________________________________
เต้าหู้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ