พักรบสงบศึกรักของนายเต้าหู้กับยายนมสด ♡
เขียนโดย LazyGirl
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.11 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559 04.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่2 ไอ้หน้าขี้มูก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2
ไอ้หน้าขี้มูก
ฮะ??
‘พี่’ งั้นเหรอ?
คำว่า ‘พี่’ ที่ชายคนนั้นเรียกทำเอาคิ้วผูกกันเป็นโบว์อย่างอัตโนมัติ ตาที่หลับด้วยความกลัวก็ค่อย ๆ เปิดออกเพื่อมองชายตรงหน้า
…ใบหน้าแบบนั้น คิ้วหนา ๆ แบบนี้ และตาตี๋ ๆ คู่นั้น…มันคุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน เขาเหมือนเด็กคนนึงที่ฉันรู้จัก แต่เด็กคนนั้นไม่น่าจะโตมาจมูกโด่งและตัวสูงจนหัวจะชิดเพดานแบบนี้นะ
…
“หรือไม่ใช่วะ” เขาผละกายออกห่างพร้อมกับคิ้วที่ขมวดด้วยความสับสนไม่ต่างจากฉัน “ถ้าเป็นยัยนั่นจริง ป่านนี้เราคงโดนตบไปแล้ว…”
“ฮะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”
“อ๊ะ เปล่า! ไม่มีอะไร” เขาส่ายหัวรัว ๆ เหมือนกลัวฉันเข้าใจอะไรผิด และเมื่อเขารู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบเอ่ยคำขอโทษทันที
“ขอโทษด้วยนะครับ สงสัยผมทักคนผิด” ชายตรงหน้ายกมือไหว้ขอโทษอย่างมีมารยาทพร้อมกับรอยยิ้มแห้ง ๆ แก้เขิน
คนบ้าที่ไหนจะมาทักคนผิดในบ้านคนอื่นแบบนี้ -_-!
“เอ่อ…ที่จริงผมมาหาพี่สาวน่ะครับ เธอชื่อนมสด พอรู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน” เขาถามพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้น
และแน่นอนว่าคำตอบของคำถามนั้นคือ…
“รู้สิ”
“จริงเหรอ?!” เหมือนเขาจะดีใจมากที่ฉันรู้ว่า ‘เธอคนนั้น’ ที่เขาตามหาอยู่ที่ไหน แววตาของเขาส่องประกายแวววาวราวกับเด็กน้อยกำลังจะได้ของเล่นใหม่
แล้วถ้าฉันบอกอีกว่า
“เธออยู่ตรงหน้านายนี่ไง”
เขาจะทำหน้ายังไงนะ…
“-O-” (ช็อค!!)
ช็อคจริง…-_-;
“นี่นมสดเหรอวะ? นึกว่าจะถึกกว่านี้…”
“ว่าไงนะ? -_-!” ถึงจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ฉันที่ยืนห่างจากเขา 2 เมตรก็ได้ยินเหมือนกันนะ!
“ว่าแต่เรารู้จักกันเหรอ มีธุระอะไรรึเปล่า แล้วเข้ามาได้ยังไง ฉันจำได้ว่าประตูหน้าบ้านมันล็อคอยู่นะ”
‘ลัลลัลลัลลั้ลลัล ลั้ลลัลลัลลัลลัลลัลลั้ลลา~ลัลลัลลัลลั้ลลัล ลั้ลลัลลัลลัลลัลลัลลั้ลลา~’
“อ๊ะ! มีคนโทรมา รอแป๊บนะ.......ฮัลโหลครับ…”
“-_-…”
ฉันล่ะเงิบกับชายคนนี้จริง ๆ อยู่บ้านคนอื่นแท้ ๆ ทำไมถึงทำตัวใจเย็นไม่สนโลกแบบนี้นะ
และฉันก็งงตัวเองเหมือนกัน มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านแท้ ๆ ทำไมยังทำเฉยไม่ยอมไล่เขาไปอีก!
จะไล่ได้ยังไงล่ะ เขารู้จักฉันและฉันก็คุ้นหน้าเขาด้วย รอหมอนี่คุยโทรศัพท์เสร็จก่อนเถอะ จะถามให้หายข้องใจเลย -_-!
“…เรื่องนั้นผมรู้แล้ว…ใช่…ขอโทษครับ…ก็มันนานนี่นา…เจอครับ…” เขาพูดไปพลาง มองฉันไปพลาง มีอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องจ้องกันขนาดนั้นด้วย -_-;
“ยังเลย ผมเพิ่งมาถึง…ก็มันกระทันหันนี่…ใช่ครับ อยู่ด้วยกัน…ได้ครับ แป๊บนึงนะ…” ชายร่างสูงจ้องร่างบางอย่างไม่ละสายตา ขาเรียวยาวคู่นั้นก้าวตรงมาหาฉันแล้วยื่นโทรศัพท์ให้
“อ่ะ เอาไป”
“เอามาให้ฉันทำไม?”
“แม่อยากคุยด้วย”
“แม่?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย อยู่ดี ๆ ก็ยื่นโทรศัพท์มาแล้วยังบอกอีกว่าแม่อยากคุยด้วย แล้วคนในสายนี่เป็นแม่ใคร? แม่นายหรือแม่ฉัน -O-
“คุย ๆ ไปเถอะ” เขายัดโทรศัพท์ใส่มือฉันเป็นเชิงบังคับให้คุยไปกลาย ๆ
แบบนี้ก็ได้เหรอ… =_=;
“สวัสดีค่ะ…” ฉันตัดสินใจทักทายคนในสายอย่างงง ๆ
(สวัสดีจ้ะ นั่นนมสดใช่ไหมลูก)
“ใช่ค่ะ นั่นใครคะ…”
(แหม…ยังขี้แกล้งเหมือนเดิมเลยนะ จะบอกว่าจำเต้าหู้ได้แต่จำป้าไม่ได้งั้นสิ ฮ่า ๆ )
“เต้าหู้? O_O” พอชื่อนี้เข้าสู่โสตประสาทปุ๊บ หน้ามันก็หันไปทางชายคนนั้นปั๊บ!
นั่นเต้าหู้เรอะ?! O_O!!
(ใช่จ้ะ เอ๊ะหรือว่าหนูจำป้าไม่ได้จริง ๆ นี่ป้ารัญไง ลืมจริงเหรอเนี่ย?)
“เอ้ย! ไม่ค่ะ จะลืมได้ไง ป้ารัญอย่าเพิ่งน้อยใจนะคะ หนูแค่สับสนนิดหน่อย…” ซะเมื่อไหร่ล่ะ! ตอนนี้จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกแล้ว หนูงงไปหมดแล้วค่ะป้า! T^T
(จ้า ป้าหยอกหรอก ฮ่าๆ เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยนะ คืออย่างนี้…)
…………
หลังจากที่ฟังป้ารัญพูดมาทั้งหมดพอสรุปได้ว่า…
‘เต้าหู้’ ลูกชายคนเดียวของป้ารัญที่เพิ่งเข้ามหาลัยมาหมาด ๆ โดนไล่ออกจากหอพักและไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เห็นบ้านหลังนี้เคยปล่อยให้เช่าและโลเคชั่นดี อยู่ใกล้กับมหาลัย ก็เลยโทร.ถามเช่าจากแม่ฉัน แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจหวังเพราะมีคนอยู่ซะก่อน
ซึ่งคนนั้นคือฉันเอง…
(ป้าก็เลยจะขอเต้าหู้มาอยู่ด้วย เห็นว่าตอนเด็กสนิทกันคงเข้ากันดี อีกอย่างป้าไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวด้วย เป็นห่วงน่ะ…ว่าแต่หนูเถอะ รังเกียจเต้าหู้รึเปล่า?) ถามมาแบบนี้ใครจะกล้าตอบว่ารังเกียจล่ะ สิ่งที่ป้าพูดมาทั้งหมดคือต้องการให้หนูตอบ ‘ตกลง’ ไม่ใช่เหรอคะ -_-;
แต่บังเอิญจริง ๆ ที่เราสองคนกลับมาเจอกันที่เดิมในที่ที่เราจาก สัญญากับตัวเองแล้วแท้ ๆ ว่าจะไม่ให้เขาเห็นหน้าอีก ตามที่เขาต้องการ แม้ว่าการเจอกันครั้งนี้จะไม่ใช่ความตั้งใจของเขา แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่ฉันจะได้ขอโทษ รู้ว่าแค่คำขอโทษมันคงไม่พอเมื่อเทียบกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้น แต่อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้สร้างความทรงจำดี ๆ กับเขาบ้าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำดีกับเขาเลย
“ไม่หรอกค่ะ เต้าหู้ควรจะรังเกียจหนูมากกว่า…”
(รังเกียจทำไมล่ะ? ทั้งสองไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง…) ป้ารัญเงียบลงทันทีเหมือนนึกอะไรออก
(โธ่…นมสด มันนานมาแล้วนะ อย่าใส่ใจเลย เต้าหู้เขาก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน ไม่คิดมากน่า)
“ได้ยินแบบนั้นก็สบายใจค่ะ ว่าแต่คุณป้าถามแม่หนูแล้วใช่ไหมคะ?”
(ใช่จ้ะ เค้าก็บอกว่าแล้วแต่หนูนั่นแหละ สรุปยังไงจ๊ะ อนุญาตให้น้องอยู่ด้วยไหมเอ่ย?) คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้ว
“ได้ค่ะ”
(ขอบคุณมากนะนมสด ไว้ป้าจะแวะเอาขนมไปฝาก เดี๋ยวขอป้าคุยกับเต้าหู้หน่อย อยู่กันดี ๆ นะลูก)
“ค่ะป้ารัญ” เมื่อการเจรจาจบลง ฉันก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของที่แอบฟังอยู่ข้าง ๆ เขาตรวจจอโทรศัพท์ว่าสายถูกตัดไปแล้วหรือยัง และเมื่อรู้ว่าแม่รออยู่จึงรีบกรอกเสียงลงไปทันที
“ครับ?...”
บ้านนี้เขาสอนลูกดีจัง พูดเพราะตั้งแต่เด็กยันโต ตอบครับทุกคำเลย
“ครับผม…ครับ…รักเหมือนกัน…บายครับ”
ติ๊ด!
…..
กริบ…
บ้านทั้งหลังกลับมาเงียบอีกครั้งเหมือนไม่มีคนอยู่…ทั้งฉันและเขาต่างมองหน้ากันไปมาเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง อา…นั่นสิ ก่อนหน้านี้ฉันอยากรู้นี่นาว่าเขาเข้ามาในนี้ได้ยังไง แต่ก่อนจะถามเรื่องนั้นฉันควรจะแน่ใจก่อนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าใช่ ‘เต้าหู้’ จริง ๆ
“เอ่อ…เต้าหู้ใช่ไหม?”
“ไม่เหมือนเหรอ?” เขาตอบอย่างกวน ๆ “ว่าแต่พี่เถอะ ใช่พี่นมสดที่ผมรู้จักรึเปล่า?”
“ทำไมถามแบบนั้น -_-”
“ก็ไม่เหมือนน่ะสิ ผิวก็ขาว ตัวก็เล็ก กล้ามขาก็ไม่มี ไปทำศัลยกรรมลดกล้ามมาใช่ไหม? แล้วก็ไปฉีดผิวขาวมาด้วยใช่เปล่า? เสียเงินไปเท่าไหร่? แต่เท่าที่ดูคงหลักแสน” ชายที่ฉันยังไม่มั่นใจว่าใช่ ‘เต้าหู้’ จริงไหมเดินวนรอบฉันพลางวิจารณ์ความงามที่แม่มอบให้อย่างหน้าตาเฉย
“ไม่ใช่สักหน่อย กล้ามพวกนั้นมันหายไปเพราะพี่เลิกเข้าค่ายมวยมา 10 ปีแล้วต่างหาก”
“แหงสิ อยู่ดี ๆ พี่ก็ย้ายบ้านไป ลุงหนวดเจ้าของค่ายบ่นเหงาทุกวัน สุดท้ายก็เลยจับผมไปซ้อมแทน”
“แล้วใครมันพูดว่าไม่อยากเห็นหน้าพี่ล่ะ?”
“พี่หายไปเพราะผมเหรอ?”
เอ้าซวยแล้ว! เผลอพูดมากจนหลุดปากพูดอะไรก็ไม่รู้ออกไป ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารหรืออยากให้เขารู้สึกผิดนะ ทำยังไงดี แบบนี้ไม่ได้! ต้องรีบแก้สถานการณ์!
“เปล่า พี่หายไปเพราะพ่อได้งานใหม่เลยต้องย้ายที่อยู่ต่างหาก แต่จำได้แบบนี้แสดงว่าเป็นเต้าหู้จริง ๆ สินะ”
“อ้อ ถึงขนาดต้องทวนความจำเลยเหรอ? ผมหล่อเกินไปจนยากจะเชื่อว่าเป็นเต้าหู้คนนั้นล่ะสิ?” เขาเล่นหน้าเล่นตายักคิ้วกวนประสาท
“ท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้พี่ไม่อยากเชื่อ โตมาพูดเก่งน่าดูเลยนะ -_-”
“ก็ผ่านมา12 ปีแล้วนี่ ยังคิดว่าผมเป็นเด็กขี้แยอยู่เหรอ? ผมเปลี่ยนไปแล้วนะครับ”
“พี่ก็เหมือนกัน” ต้องขอบคุณความทะเล้นของเขาที่ทำให้บรรยากาศไม่น่าอึดอัด ตอนแรกก็กังวลอยู่หรอกว่าจะชวนเขาพูดอะไรดี ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูอาจจะทำให้เขาเกลียดฉันมากกว่าเดิมก็ได้ ถึงป้ารัญจะปลอบใจฉันโดยการบอกว่าเต้าหู้ลืมมันไปแล้วก็เถอะ แต่ลึก ๆ ในใจหมอนั่นก็คงยังแค้นฉันอยู่ ขนาดฉันยังเกลียดเพื่อนสมัยประถมที่เคยแกล้งฉันอยู่เลย นับประสาอะไรกับอีตาเด็กคนนี้ที่เคยเป็นกระสอบทรายให้ฉันอัดทุกวัน
“นี่ บอกหน่อยสิ…เปิดประตูนั่นยังไง?” ฉันเดินไปหน้าบ้านแล้วชี้ไปที่ประตูเหล็กที่เปิดอ้าซ่าต้อนรับลมอยู่ ฉันมั่นใจว่าเมื่อคืนล็อคมันอย่างแน่นหนาแล้ว แม้แต่หนูก็ไม่มีทางลอดเข้ามาได้ แล้วเขาใช้วิธีไหนเปิดมัน?
ชายตรงหน้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยสีหน้าระรื่น
“อ๋อ คุณป้าวดีชอบซ่อนกุญแจไว้ในกระถางต้นไม้หน้าบ้านบ่อย ๆ ผมจำได้ก็เลยลองหาดู ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอ ^^” เขาชูกุญแจเก่า ๆ ที่สภาพเหมือนไม่น่าจะใช้งานได้ให้ฉันดูอย่างภาคภูมิใจ และฉันก็จำได้ว่ากุญแจนั่นฉันเป็นคนเอาไปซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้เอง เผื่อวันนึงลืมกุญแจไว้ในบ้านจะได้เอาออกมาใช้ แต่ไม่คิดเลยผู้ชายคนนี้จะหาเจอง่ายขนาดนั้น ที่ซ่อนแบบนั้นมันสิ้นคิดมากเลยสินะ =_=;
จริง ๆ ก็อยากโกรธอยู่หรอกที่เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้ แถมยังถือวิสาสะเปิดประตูมาแกล้งจ๊ะเอ๋ฉันอีก เห็นเป็นเด็กน้อยหรอกถึงให้อภัย -_-!
“งั้นเต้าหู้เก็บมันไว้แล้วกัน หรือถ้าอยากได้ใหม่ก็บอก พี่จะเอาไปปั๊มให้”
“ทำไมใจดีจัง” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว จะระแวงอะไรขนาดนั้น
“ไม่ชอบเหรอ?”
“ไม่อ่ะ…แปลก ๆ -_-”
“เดี๋ยวก็ชิน” ฉันทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเขาที่มองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาดอะไรเทือกนั้น แล้วตรงไปยังรถไซส์กะทัดรัดมินิคูเปอร์สีเหลืองที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที แน่นอนว่านั่นต้องเป็นรถของเขา คงไม่มีใครมาจอดรถหน้าบ้านคนอื่นพร่ำเพรื่อหรอก
“ขนของลงจากรถกันเถอะ” ฉันหันไปชวนชายร่างสูงที่ยืนจ้องฉันด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
เลิกมองแบบนั้นสักทีเถอะ -_-;
“พี่จะช่วยเหรอ?”
“ใช่สิ ทำไมล่ะ?”
“นึกว่าจะออกไปไหน เห็นสะพายกระเป๋าตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” จริงด้วย! ลืมไปเลยว่าจะออกไปวาดรูปเล่น กระเป๋าก็ไม่ได้ถอด แถมสมุดสเก็ตซ์ก็ตกอยู่ในห้องครัวอีก มัวแต่งงจนลืมไปหมด -O-
“มันก็ไม่สำคัญหรอก ช่วยเต้าหู้เก็บของก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยไปก็ได้”
“คันหูว่ะ พี่เรียกผมแบบที่พี่ถนัดเหมือนเมื่อก่อนเหอะ มันจั๊กจี้ แค่เห็นพี่เป็นผู้หญิงขึ้นก็จะบ้าตายอยู่แล้ว” เต้าหู้ทำหน้าหยีใส่อย่างกับฉันเป็นขยะเปียกอย่างนั้นแหละ โตมาฝีปากกล้าขึ้นมากนะ ถึงพี่สาวคนนี้อยากจะด่าตอบมากแค่ไหนแต่ก็ต้องอดทนไว้ จะถือว่าคำด่าเหล่านั้นเป็นผลกรรมที่มาจากการทำชั่วเมื่อตอนเป็นเด็กก็แล้วกัน -_-!!
“พี่ก็เหมือนเต้าหู้นั่นแหละที่โตมาก็เปลี่ยนไป พี่เองก็ยังไม่ชินกับวาจากวนประสาทของเต้าหู้นักหรอก แต่อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเองนั่นแหละ” อยู่ ๆ จะให้เรียกแบบสนิทสนมอย่าง ‘ไอ้เต้าหู้’ หรือ ‘ไอ้หน้าขี้มูก’ เหมือนเมื่อก่อนก็คงได้มีวอร์กันล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้ง12ปี ช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์มันหายไปหมดแล้ว ลองไปเจอเพื่อนสมัยอนุบาลที่จบไปแล้วไม่เคยเจอกันอีก แต่มาเจอกันอีกทีตอนเรียนมหาลัยแล้วอยู่ดี ๆ เขาทักว่า ‘ไอ้ขี้เลอะกางเกงนี่นา!’ จะชอบใจไหมล่ะ? -_-
“เดี๋ยวพี่ก็แอ๊บแตก”
“หืม?”
“เปล๊า!” เต้าหู้เร่งเสียงสูงกลอกตาไปมาแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง เมื่อกี้เขาว่าอะไรฉันหรือเปล่า ได้ยินไม่ชัดจริง ๆ นะ =_=;
“จะช่วยผมขนของใช่ไหม เดี๋ยวผมเปิดประตูรถให้”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ