พักรบสงบศึกรักของนายเต้าหู้กับยายนมสด ♡

7.3

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.11 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,633 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559 04.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่2 ไอ้หน้าขี้มูก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2

ไอ้หน้าขี้มูก

 

            ฮะ??

            ‘พี่’ งั้นเหรอ?

            คำว่า ‘พี่’ ที่ชายคนนั้นเรียกทำเอาคิ้วผูกกันเป็นโบว์อย่างอัตโนมัติ ตาที่หลับด้วยความกลัวก็ค่อย ๆ เปิดออกเพื่อมองชายตรงหน้า

            …ใบหน้าแบบนั้น คิ้วหนา ๆ แบบนี้ และตาตี๋ ๆ คู่นั้น…มันคุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน เขาเหมือนเด็กคนนึงที่ฉันรู้จัก แต่เด็กคนนั้นไม่น่าจะโตมาจมูกโด่งและตัวสูงจนหัวจะชิดเพดานแบบนี้นะ

            …

            “หรือไม่ใช่วะ” เขาผละกายออกห่างพร้อมกับคิ้วที่ขมวดด้วยความสับสนไม่ต่างจากฉัน             “ถ้าเป็นยัยนั่นจริง ป่านนี้เราคงโดนตบไปแล้ว…”

            “ฮะ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”  

            “อ๊ะ เปล่า! ไม่มีอะไร” เขาส่ายหัวรัว ๆ เหมือนกลัวฉันเข้าใจอะไรผิด และเมื่อเขารู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบเอ่ยคำขอโทษทันที

            “ขอโทษด้วยนะครับ สงสัยผมทักคนผิด” ชายตรงหน้ายกมือไหว้ขอโทษอย่างมีมารยาทพร้อมกับรอยยิ้มแห้ง ๆ แก้เขิน

            คนบ้าที่ไหนจะมาทักคนผิดในบ้านคนอื่นแบบนี้ -_-!

            “เอ่อ…ที่จริงผมมาหาพี่สาวน่ะครับ เธอชื่อนมสด พอรู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน” เขาถามพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้น

            และแน่นอนว่าคำตอบของคำถามนั้นคือ…

            “รู้สิ”

            “จริงเหรอ?!” เหมือนเขาจะดีใจมากที่ฉันรู้ว่า ‘เธอคนนั้น’ ที่เขาตามหาอยู่ที่ไหน แววตาของเขาส่องประกายแวววาวราวกับเด็กน้อยกำลังจะได้ของเล่นใหม่

            แล้วถ้าฉันบอกอีกว่า

            “เธออยู่ตรงหน้านายนี่ไง”

            เขาจะทำหน้ายังไงนะ…

            “-O-” (ช็อค!!)

            ช็อคจริง…-_-;

            “นี่นมสดเหรอวะ? นึกว่าจะถึกกว่านี้…”

            “ว่าไงนะ? -_-!”  ถึงจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ฉันที่ยืนห่างจากเขา 2 เมตรก็ได้ยินเหมือนกันนะ!

            “ว่าแต่เรารู้จักกันเหรอ มีธุระอะไรรึเปล่า แล้วเข้ามาได้ยังไง ฉันจำได้ว่าประตูหน้าบ้านมันล็อคอยู่นะ”

            ‘ลัลลัลลัลลั้ลลัล ลั้ลลัลลัลลัลลัลลัลลั้ลลา~ลัลลัลลัลลั้ลลัล ลั้ลลัลลัลลัลลัลลัลลั้ลลา~

            “อ๊ะ! มีคนโทรมา รอแป๊บนะ.......ฮัลโหลครับ…”

            “-_-…”

            ฉันล่ะเงิบกับชายคนนี้จริง ๆ อยู่บ้านคนอื่นแท้ ๆ ทำไมถึงทำตัวใจเย็นไม่สนโลกแบบนี้นะ

            และฉันก็งงตัวเองเหมือนกัน  มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านแท้ ๆ  ทำไมยังทำเฉยไม่ยอมไล่เขาไปอีก!

            จะไล่ได้ยังไงล่ะ เขารู้จักฉันและฉันก็คุ้นหน้าเขาด้วย รอหมอนี่คุยโทรศัพท์เสร็จก่อนเถอะ จะถามให้หายข้องใจเลย -_-!

            “…เรื่องนั้นผมรู้แล้ว…ใช่…ขอโทษครับ…ก็มันนานนี่นา…เจอครับ…” เขาพูดไปพลาง มองฉันไปพลาง มีอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องจ้องกันขนาดนั้นด้วย -_-;

            “ยังเลย ผมเพิ่งมาถึง…ก็มันกระทันหันนี่…ใช่ครับ อยู่ด้วยกัน…ได้ครับ แป๊บนึงนะ…” ชายร่างสูงจ้องร่างบางอย่างไม่ละสายตา ขาเรียวยาวคู่นั้นก้าวตรงมาหาฉันแล้วยื่นโทรศัพท์ให้

            “อ่ะ เอาไป”

            “เอามาให้ฉันทำไม?”

            “แม่อยากคุยด้วย”

            “แม่?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย อยู่ดี ๆ ก็ยื่นโทรศัพท์มาแล้วยังบอกอีกว่าแม่อยากคุยด้วย แล้วคนในสายนี่เป็นแม่ใคร? แม่นายหรือแม่ฉัน -O-

            “คุย ๆ ไปเถอะ” เขายัดโทรศัพท์ใส่มือฉันเป็นเชิงบังคับให้คุยไปกลาย ๆ

แบบนี้ก็ได้เหรอ… =_=;

            “สวัสดีค่ะ…” ฉันตัดสินใจทักทายคนในสายอย่างงง ๆ  

            (สวัสดีจ้ะ นั่นนมสดใช่ไหมลูก)

            “ใช่ค่ะ นั่นใครคะ…”

            (แหม…ยังขี้แกล้งเหมือนเดิมเลยนะ จะบอกว่าจำเต้าหู้ได้แต่จำป้าไม่ได้งั้นสิ ฮ่า ๆ )

            “เต้าหู้? O_O” พอชื่อนี้เข้าสู่โสตประสาทปุ๊บ หน้ามันก็หันไปทางชายคนนั้นปั๊บ!

            นั่นเต้าหู้เรอะ?! O_O!!

            (ใช่จ้ะ เอ๊ะหรือว่าหนูจำป้าไม่ได้จริง ๆ นี่ป้ารัญไง ลืมจริงเหรอเนี่ย?)

            “เอ้ย! ไม่ค่ะ จะลืมได้ไง ป้ารัญอย่าเพิ่งน้อยใจนะคะ หนูแค่สับสนนิดหน่อย…” ซะเมื่อไหร่ล่ะ! ตอนนี้จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกแล้ว หนูงงไปหมดแล้วค่ะป้า! T^T

            (จ้า ป้าหยอกหรอก ฮ่าๆ เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยนะ คืออย่างนี้…)

            …………

            หลังจากที่ฟังป้ารัญพูดมาทั้งหมดพอสรุปได้ว่า…

            ‘เต้าหู้’ ลูกชายคนเดียวของป้ารัญที่เพิ่งเข้ามหาลัยมาหมาด ๆ โดนไล่ออกจากหอพักและไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เห็นบ้านหลังนี้เคยปล่อยให้เช่าและโลเคชั่นดี อยู่ใกล้กับมหาลัย ก็เลยโทร.ถามเช่าจากแม่ฉัน แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจหวังเพราะมีคนอยู่ซะก่อน

            ซึ่งคนนั้นคือฉันเอง…

            (ป้าก็เลยจะขอเต้าหู้มาอยู่ด้วย เห็นว่าตอนเด็กสนิทกันคงเข้ากันดี อีกอย่างป้าไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวด้วย เป็นห่วงน่ะ…ว่าแต่หนูเถอะ รังเกียจเต้าหู้รึเปล่า?) ถามมาแบบนี้ใครจะกล้าตอบว่ารังเกียจล่ะ  สิ่งที่ป้าพูดมาทั้งหมดคือต้องการให้หนูตอบ ‘ตกลง’ ไม่ใช่เหรอคะ -_-;

            แต่บังเอิญจริง ๆ ที่เราสองคนกลับมาเจอกันที่เดิมในที่ที่เราจาก สัญญากับตัวเองแล้วแท้ ๆ ว่าจะไม่ให้เขาเห็นหน้าอีก ตามที่เขาต้องการ แม้ว่าการเจอกันครั้งนี้จะไม่ใช่ความตั้งใจของเขา แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่ฉันจะได้ขอโทษ รู้ว่าแค่คำขอโทษมันคงไม่พอเมื่อเทียบกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้น แต่อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้สร้างความทรงจำดี ๆ กับเขาบ้าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำดีกับเขาเลย

            “ไม่หรอกค่ะ เต้าหู้ควรจะรังเกียจหนูมากกว่า…”

            (รังเกียจทำไมล่ะ? ทั้งสองไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง…) ป้ารัญเงียบลงทันทีเหมือนนึกอะไรออก

            (โธ่…นมสด มันนานมาแล้วนะ อย่าใส่ใจเลย เต้าหู้เขาก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน ไม่คิดมากน่า)

            “ได้ยินแบบนั้นก็สบายใจค่ะ ว่าแต่คุณป้าถามแม่หนูแล้วใช่ไหมคะ?”

            (ใช่จ้ะ เค้าก็บอกว่าแล้วแต่หนูนั่นแหละ สรุปยังไงจ๊ะ อนุญาตให้น้องอยู่ด้วยไหมเอ่ย?) คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้ว

            “ได้ค่ะ”  

            (ขอบคุณมากนะนมสด ไว้ป้าจะแวะเอาขนมไปฝาก เดี๋ยวขอป้าคุยกับเต้าหู้หน่อย อยู่กันดี ๆ นะลูก)

            “ค่ะป้ารัญ” เมื่อการเจรจาจบลง ฉันก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของที่แอบฟังอยู่ข้าง ๆ เขาตรวจจอโทรศัพท์ว่าสายถูกตัดไปแล้วหรือยัง และเมื่อรู้ว่าแม่รออยู่จึงรีบกรอกเสียงลงไปทันที

            “ครับ?...”

            บ้านนี้เขาสอนลูกดีจัง พูดเพราะตั้งแต่เด็กยันโต ตอบครับทุกคำเลย

            “ครับผม…ครับ…รักเหมือนกัน…บายครับ”

            ติ๊ด!

            …..

            กริบ…

            บ้านทั้งหลังกลับมาเงียบอีกครั้งเหมือนไม่มีคนอยู่…ทั้งฉันและเขาต่างมองหน้ากันไปมาเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง อา…นั่นสิ ก่อนหน้านี้ฉันอยากรู้นี่นาว่าเขาเข้ามาในนี้ได้ยังไง แต่ก่อนจะถามเรื่องนั้นฉันควรจะแน่ใจก่อนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าใช่ ‘เต้าหู้’ จริง ๆ

            “เอ่อ…เต้าหู้ใช่ไหม?”

            “ไม่เหมือนเหรอ?” เขาตอบอย่างกวน ๆ “ว่าแต่พี่เถอะ ใช่พี่นมสดที่ผมรู้จักรึเปล่า?”

            “ทำไมถามแบบนั้น -_-”

            “ก็ไม่เหมือนน่ะสิ ผิวก็ขาว ตัวก็เล็ก กล้ามขาก็ไม่มี ไปทำศัลยกรรมลดกล้ามมาใช่ไหม? แล้วก็ไปฉีดผิวขาวมาด้วยใช่เปล่า? เสียเงินไปเท่าไหร่? แต่เท่าที่ดูคงหลักแสน” ชายที่ฉันยังไม่มั่นใจว่าใช่ ‘เต้าหู้’ จริงไหมเดินวนรอบฉันพลางวิจารณ์ความงามที่แม่มอบให้อย่างหน้าตาเฉย

            “ไม่ใช่สักหน่อย กล้ามพวกนั้นมันหายไปเพราะพี่เลิกเข้าค่ายมวยมา 10  ปีแล้วต่างหาก”

            “แหงสิ อยู่ดี ๆ พี่ก็ย้ายบ้านไป ลุงหนวดเจ้าของค่ายบ่นเหงาทุกวัน สุดท้ายก็เลยจับผมไปซ้อมแทน”

            “แล้วใครมันพูดว่าไม่อยากเห็นหน้าพี่ล่ะ?”

            “พี่หายไปเพราะผมเหรอ?”

            เอ้าซวยแล้ว! เผลอพูดมากจนหลุดปากพูดอะไรก็ไม่รู้ออกไป ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารหรืออยากให้เขารู้สึกผิดนะ ทำยังไงดี แบบนี้ไม่ได้! ต้องรีบแก้สถานการณ์!

            “เปล่า พี่หายไปเพราะพ่อได้งานใหม่เลยต้องย้ายที่อยู่ต่างหาก แต่จำได้แบบนี้แสดงว่าเป็นเต้าหู้จริง ๆ สินะ”

            “อ้อ ถึงขนาดต้องทวนความจำเลยเหรอ? ผมหล่อเกินไปจนยากจะเชื่อว่าเป็นเต้าหู้คนนั้นล่ะสิ?” เขาเล่นหน้าเล่นตายักคิ้วกวนประสาท

            “ท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้พี่ไม่อยากเชื่อ โตมาพูดเก่งน่าดูเลยนะ -_-”

            “ก็ผ่านมา12 ปีแล้วนี่ ยังคิดว่าผมเป็นเด็กขี้แยอยู่เหรอ? ผมเปลี่ยนไปแล้วนะครับ”

            “พี่ก็เหมือนกัน” ต้องขอบคุณความทะเล้นของเขาที่ทำให้บรรยากาศไม่น่าอึดอัด ตอนแรกก็กังวลอยู่หรอกว่าจะชวนเขาพูดอะไรดี ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูอาจจะทำให้เขาเกลียดฉันมากกว่าเดิมก็ได้ ถึงป้ารัญจะปลอบใจฉันโดยการบอกว่าเต้าหู้ลืมมันไปแล้วก็เถอะ แต่ลึก ๆ ในใจหมอนั่นก็คงยังแค้นฉันอยู่ ขนาดฉันยังเกลียดเพื่อนสมัยประถมที่เคยแกล้งฉันอยู่เลย นับประสาอะไรกับอีตาเด็กคนนี้ที่เคยเป็นกระสอบทรายให้ฉันอัดทุกวัน

            “นี่ บอกหน่อยสิ…เปิดประตูนั่นยังไง?” ฉันเดินไปหน้าบ้านแล้วชี้ไปที่ประตูเหล็กที่เปิดอ้าซ่าต้อนรับลมอยู่ ฉันมั่นใจว่าเมื่อคืนล็อคมันอย่างแน่นหนาแล้ว แม้แต่หนูก็ไม่มีทางลอดเข้ามาได้ แล้วเขาใช้วิธีไหนเปิดมัน?

            ชายตรงหน้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยสีหน้าระรื่น

            “อ๋อ คุณป้าวดีชอบซ่อนกุญแจไว้ในกระถางต้นไม้หน้าบ้านบ่อย ๆ ผมจำได้ก็เลยลองหาดู ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอ ^^” เขาชูกุญแจเก่า ๆ ที่สภาพเหมือนไม่น่าจะใช้งานได้ให้ฉันดูอย่างภาคภูมิใจ และฉันก็จำได้ว่ากุญแจนั่นฉันเป็นคนเอาไปซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้เอง เผื่อวันนึงลืมกุญแจไว้ในบ้านจะได้เอาออกมาใช้ แต่ไม่คิดเลยผู้ชายคนนี้จะหาเจอง่ายขนาดนั้น ที่ซ่อนแบบนั้นมันสิ้นคิดมากเลยสินะ =_=;

            จริง ๆ ก็อยากโกรธอยู่หรอกที่เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตแบบนี้ แถมยังถือวิสาสะเปิดประตูมาแกล้งจ๊ะเอ๋ฉันอีก เห็นเป็นเด็กน้อยหรอกถึงให้อภัย -_-!

            “งั้นเต้าหู้เก็บมันไว้แล้วกัน หรือถ้าอยากได้ใหม่ก็บอก พี่จะเอาไปปั๊มให้”

            “ทำไมใจดีจัง” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว จะระแวงอะไรขนาดนั้น

            “ไม่ชอบเหรอ?”

            “ไม่อ่ะ…แปลก ๆ -_-”

            “เดี๋ยวก็ชิน” ฉันทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเขาที่มองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาดอะไรเทือกนั้น แล้วตรงไปยังรถไซส์กะทัดรัดมินิคูเปอร์สีเหลืองที่จอดอยู่หน้าบ้านทันที แน่นอนว่านั่นต้องเป็นรถของเขา คงไม่มีใครมาจอดรถหน้าบ้านคนอื่นพร่ำเพรื่อหรอก

            “ขนของลงจากรถกันเถอะ” ฉันหันไปชวนชายร่างสูงที่ยืนจ้องฉันด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

            เลิกมองแบบนั้นสักทีเถอะ -_-;

            “พี่จะช่วยเหรอ?”

            “ใช่สิ ทำไมล่ะ?”

            “นึกว่าจะออกไปไหน เห็นสะพายกระเป๋าตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” จริงด้วย! ลืมไปเลยว่าจะออกไปวาดรูปเล่น กระเป๋าก็ไม่ได้ถอด แถมสมุดสเก็ตซ์ก็ตกอยู่ในห้องครัวอีก มัวแต่งงจนลืมไปหมด -O-

            “มันก็ไม่สำคัญหรอก ช่วยเต้าหู้เก็บของก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยไปก็ได้”

            “คันหูว่ะ พี่เรียกผมแบบที่พี่ถนัดเหมือนเมื่อก่อนเหอะ มันจั๊กจี้ แค่เห็นพี่เป็นผู้หญิงขึ้นก็จะบ้าตายอยู่แล้ว” เต้าหู้ทำหน้าหยีใส่อย่างกับฉันเป็นขยะเปียกอย่างนั้นแหละ โตมาฝีปากกล้าขึ้นมากนะ ถึงพี่สาวคนนี้อยากจะด่าตอบมากแค่ไหนแต่ก็ต้องอดทนไว้ จะถือว่าคำด่าเหล่านั้นเป็นผลกรรมที่มาจากการทำชั่วเมื่อตอนเป็นเด็กก็แล้วกัน -_-!!

            “พี่ก็เหมือนเต้าหู้นั่นแหละที่โตมาก็เปลี่ยนไป พี่เองก็ยังไม่ชินกับวาจากวนประสาทของเต้าหู้นักหรอก แต่อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเองนั่นแหละ” อยู่ ๆ จะให้เรียกแบบสนิทสนมอย่าง ‘ไอ้เต้าหู้’ หรือ ‘ไอ้หน้าขี้มูก’ เหมือนเมื่อก่อนก็คงได้มีวอร์กันล่ะ ไม่ได้เจอกันตั้ง12ปี ช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์มันหายไปหมดแล้ว ลองไปเจอเพื่อนสมัยอนุบาลที่จบไปแล้วไม่เคยเจอกันอีก แต่มาเจอกันอีกทีตอนเรียนมหาลัยแล้วอยู่ดี ๆ เขาทักว่า ‘ไอ้ขี้เลอะกางเกงนี่นา!’ จะชอบใจไหมล่ะ? -_-

            “เดี๋ยวพี่ก็แอ๊บแตก”

            “หืม?”

            “เปล๊า!” เต้าหู้เร่งเสียงสูงกลอกตาไปมาแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง เมื่อกี้เขาว่าอะไรฉันหรือเปล่า ได้ยินไม่ชัดจริง ๆ นะ =_=;

            “จะช่วยผมขนของใช่ไหม เดี๋ยวผมเปิดประตูรถให้”

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา