เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ

6.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

  44 ตอน
  0 วิจารณ์
  44.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) รู้ไหมว่าฉันเลือกเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          พลอยขวัญที่กลับมาถึงบ้านก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนส่วนตัวของเธอ เมื่อประตูถูกปิดลงอย่างเบาๆแววตาก็เปลี่ยนไป ดวงตาแดงกร่ำกำมือแน่นเมื่อนึกถึงเพาภิรมย์ที่มาแสดงความเป็นเจ้าของในตัวกันต์ ทำให้เธอไม่ชอบเพาภิรมย์ขึ้นมาทันที
“ ถ้าฉันต้องการ ใครก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่เธอ....เพาภิรมย์... ” พลอยขวัญไม่สนใจว่ากันต์จะมีคนรักแล้วในเมื่อใจของตัวเองปรารถนาอย่างควบคุมไม่ได้อีกต่อไปเธอก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะแย่งกันต์ออกมาจากเพาภิรมย์ให้ได้
 
ท้องฟ้ามืดลง..... พลอยขวัญโทรศัพท์ไปหากันต์โดยได้เบอร์มาจากกานดาแม่ของเธอ และอ้างว่าจะปรึกษาเรื่องผ้าไหม กันต์เห็นว่าเป็นเรื่องงานจึงไม่ได้คิดอะไรมากเลยบอกกับพลอยขวัญว่าเธออยู่ที่บริษัทพลอยขวัญจึงรีบไปที่นั้นทันที
พลอยขวัญมาถึงบริษัทตอนนี้ไม่มีพนักงานอยู่แล้วแอบยิ้มมุมปากเหมือนมีเล่ศนัย ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ก้าวขาเข้ามาเพียงนิดก็ได้กลิ่นหอมของเจ้าของห้องที่ลอยเข้ามาเตะจมูกช่างท้าทายเสียจริง
“ เหนื่อยมั้ย...” พลอยขวัญเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล
“ ไม่หรอกค่ะ ” กันต์ที่ยืนหันหลังหันมาตอบเรียบๆและยิ้มให้
“ ไม่ได้เคาะประตูด้วย...” พลอยขวัญพูดออกมาอย่างยิ้มๆเพราะมัวแต่คิดจะเข้ามาอย่างเดียวจนลืมเคาะประตู
“ ไม่เป็นไรค่ะ ” กันต์หัวเราะนิดๆพร้อมกับตอบออกมาเรียบๆ พลอยขวัญมองรอยยิ้มที่ออกมาจากมุมปากของกันต์อย่างชอบใจนักรอยยิ้มนี้เธอไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่
“ แล้ว....เรื่องงานล่ะคะ อยากจะแก้ไขอะไรหรือป่าว ” กันต์เห็นสายตาที่จับจ้องมาแปลกๆเลยเปลี่ยนเรื่อง พลอยขวัญเลยคุยเรื่องงานจริงๆโดยให้กันต์ช่วยคิดว่าควรจะใช้ผ้าไหมสีอะไร เยอะแค่ไหนในการจัดให้สวยงามเพราะรีสอร์ทของเธอมีห้องหลายแบบทั้งคู่จึงมานั่งคุยกันที่โซฟาสำหรับรับแขกและกันต์ก็ได้ให้คำแนะนำจนเป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้ระยะเวลากำลังล่วงเลยไปจนสองทุ่มของวัน
“ กันต์นี่...เก่งจัง พี่บอกรายละเอียดแค่นิดหน่อย กันต์ก็รู้หมดเลย ” พลอยขวัญบอกเสียงหวานสายตาจ้องมองร่างบางที่เบี่ยงหน้าห่างความใกล้ชิดแต่กับเป็นการเรียกร้องให้น่าเข้าใกล้มากยิ่งขึ้นสำหรับเธออย่างไม่รู้ตัว
“ แค่เราทำความเข้าใจกับวัตถุประสงค์....แค่นี้ก็ไม่มีอะไรยากหรอกค่ะ ” กันต์บอกเรียบๆใบหน้ายังคงตรวจงานของพลอยขวัญให้ครบถ้วนในใจคิดว่าความใกล้ชิดกำลังจะมากเกินไปแต่ก็ควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ดี
กลิ่นน้ำหอมที่สามารถตราตรึงใจคนรอบข้างของเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ทำให้พลอยขวัญค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมใบหน้าที่เอาแต่จดจ่ออยู่กับงานกับไลผมที่ทัดหูไว้ข้างหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจนักช่างเชิญชวนสายตาคนมองอย่างมากล้น
กันต์สัมผัสได้ถึงระยะความห่างของปลายจมูกที่กำลังเข้ามาใกล้ อีกทั้งกลิ่นกายอันหอมหวนที่ลอยมาให้ดอมดมอย่างไม่ได้เชื้อเชิญแต่อย่างใด ความเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของพลอยขวัญที่สั่นเครือไอความร้อนเริ่มปลิวไปแตะที่ใบหน้าของกันต์เรื่อยๆ
ร่างบางเหล่สายตามองเพียงนิดก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางจะเดินออกไป แต่กับถูกมือนุ่มนิ่มดึงกลับมาจนร่างเล็กเซพิงลงกับโซฟานั้น มือเรียวทั้งสองลูบไล้แก้มนวลราวกับอยากได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว พลอยขวัญจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่เสน่ห์พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปหาเรื่อยๆ
กันต์มองสายตาคู่นั้นอย่างตื่นเต้นก่อนที่มือทั้งสองจะยกขึ้นจับมือเรียวที่ประคองใบหน้าบังคับให้เธอหลงไปกับเสน่ห์อันแสนจะยั่วยวน
“ ทำไม..” พลอยขวัญถามเสียงสั่นเทาบ่งบอกถึงความต้องการจากร่างบางเต็มที
“ .......... ” ไม่มีเสียงตอบกลับจากร่างเล็ก มีเพียงรอยยิ้มบางๆเพื่อสื่อความรู้สึกดีๆสำหรับมิตรภาพที่กันต์มอบให้เท่านั้นระหว่างนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของกันต์ที่วางอยู่ ณ โต๊ะทำงานก็ดังขึ้นสายตาของกันต์หันไปสนใจกับโทรศัพท์ทันที ขณะที่พลอยขวัญยังคงจ้องมองใบหน้าอย่างไม่ละสายตา กันต์เหล่มองพลอยขวัญเล็กน้อยและรีบลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ ค่ะ...น้าพรรณ ว่าไงคะ ” หลานสาวเอ่ยถามเมื่อผู้โทรนั้นคือพิมพรรณ
“ กันต์จะกลับหรือยังจ๊ะ พอดีน้ามีเรื่องจะคุยด้วย ”
“ ค่ะ กำลังจะกลับแล้วค่ะ ” กันต์ตอบ
“ จ้ะ ขับรถดีๆนะ ”
“ ค่ะ น้าพรรณ ” กันต์วางสายสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อตั้งสติมือเอื้อมไปหยิบกระเป๋าและเตรียมที่จะเดินออกไป
“ กันต์กลับก่อนนะคะ ” ร่างบางพูดขึ้นแม้ไม่ได้หันไปมองพลอยขวัญแต่ก็รู้ว่าไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมเธอเดินเข้ามาใกล้เมื่อเห็นกันต์คุยโทรศัพท์ พูดเสร็จก็มุ่งหน้าเดินเร็วๆไปที่ประตู
 
ร่างของพลอยขวัญโผเข้าสวมกอดร่างเล็กจากด้านหลังซุกใบหน้าเข้าหาลำคอที่มีเส้นผมหนาปกปิดอยู่บ้าง กันต์หยุดนิ่งถอนหายใจออกมาเบาๆ ลมหายใจของพลอยขวัญแล่นผ่านเส้นผมหนารินรดลำคอหอมกรุ่น
“ กู๊ดไนท์ค่ะ ” กันต์ควบคุมสติได้อยู่หมัดพูดขึ้นเบาๆฟังดูช่างอบอุ่นและเดินออกไปทันที พลอยขวัญมองตามหลังสายตาแวววาวเม้มปากนิดๆอย่างเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มรสชาติอะไรบางอย่างกลิ่นกายของร่างบางยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเธออย่างไม่รู้ลืม
 
กันต์ขับรถเข้ามาจอดถึงลานหน้าคุ้มหลวงถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยโล่งอกที่เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากนัก
“ น้าพรรณล่ะ ” กันต์เอ่ยถามนพที่มาเปิดประตูรถเพื่อบริการเจ้านาย
“ อยู่ที่ห้องนั่งเล่นครับ ” นพตอบชัดถ้อยชัดคำ ร่างบางพยักหน้าเล็กน้อยและมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่น
“ อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ” พิมพรรณที่อ่านฉลากข้างขวดอะไรบางอย่างหันมาพูดเมื่อหางตาเห็นเงาใครบางคน
“ ขวดอะไรอ่ะ น้าพรรณ ” กันต์พูดพร้อมส่งกระเป๋าที่ถืออยู่ในมือให้กับหญิงรับใช้คนหนึ่งที่มารับเพื่อนำไปเก็บบนห้อง
“ อ๋อ พอดีเพื่อนน้าที่สวิตเค้าทำธุระกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เลยส่งไวน์รสชาติใหม่ล่าสุดมาให้ชิม ” พิมพรรณพูดขณะที่กำลังเทไวน์ลงในแก้วอย่างคล่องแคล่ว กันต์พยักหน้าเข้าใจและทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาอีกตัวข้างๆ
“ อะ... ” พิมพรรณส่งแก้วไวน์ให้กันต์
“ ไม่เอาอ่ะ น้าพรรณดื่มเถอะ ” กันต์หันมองแก้วไวน์ส่ายหน้าเบาๆและพูดออกไปเรียบๆ
“ อ้าว...ได้ไงอ่ะ อุส่ารอตั้งนานนะ... ” พิมพรรณทำคิ้วขมวดแถมยื่นแก้วไวน์ให้หลานสาวไม่เลิก
“ ที่น้าพรรณบอกมีเรื่องจะคุย..เรื่องไวน์นี่อ่ะเหรอ ” กันต์หันไปพูดกับน้าสาว
“ ก็ใช่อ่ะสิ นี่เราไม่ได้นั่งคุยกันยาวๆแล้วก็ชนแก้วกันมานานแล้วนะ ” พิมพรรณบอกสีหน้ายิ้มแย้ม
“ แล้ว....เพื่อนน้าพรรณไปไหนล่ะคะ ” กันต์หยิบแก้วไวน์ที่พิมพรรณคะยั้นคะยอให้ดื่มเป็นเพื่อนมาถือไว้และเอ่ยถามถึงเพาภิรมย์ไม่เต็มเสียงนักพลางดมกลิ่นหอมของไวน์สีใสนั่น
“ โอ้ย..รายนั้นอ่ะนะ ออกไปกับพี่เพ็ญตั้งนานแล้ว ” พิมพรรณพูดถึงเพาภิรมย์และยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม
“ คุณแม่เจอคุณเพาแล้วเหรอคะ ” กันต์หันมาถามอย่างสนใจ
“ อืม...พอดีพี่เพ็ญกลับมา น้าก็เลยพาไปแนะนำ คงคุยกันถูกคอ เลยชวนคุณเพาของกันต์ออกไปข้างนอก ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าไปไหน ” พิมพรรณกลืนไวน์รสชาติใหม่ลงคอและตอบออกไป
“ คุณแม่ไม่อยู่นี่เอง น้าพรรณถึงได้ชวนกันต์ดื่ม ” ใบหน้าของกันต์อมยิ้มพูดออกมาพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบนิดหน่อยเม้มปากนิดๆพิจารณารสชาติของแอลกอฮอล์
“ ใช่...ถ้าพี่เพ็ญอยู่คงได้แอ้มหรอก ” พิมพรรณพูดถึงพี่สาวตัวเองที่ห้ามไม่ให้กันต์ดื่มแอลกอฮอล์กับพิมพรรณเพราะเวลาดื่มจะดื่มจนเมามายกันทั้งคู่ ร่างเล็กยิ้มหัวเราะในลำคอยกแก้วไวน์ที่อยู่ในมือกระดกพรวดเดียวหมดและหันมายิ้มกับน้าสาว พิมพรรณหัวเราะร่าทั้งคู่เข้าขากันได้ดีไปซะทุกเรื่องพลัดกันดื่มพรวดเดียวเสมือนเป็นการประลองยุทธจนเวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่มของคืนวัน
 
 
เพ็ญพิศุทธิ์พร้อมเพาภิรมย์กลับมาถึงคุ้มหลวงทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้นเนื่องจากเพาภิรมย์เป็นคนช่างพูดและเอาใจเป็นพิเศษ กลางโถงใหญ่ของคุ้มหลวงมีแสงไฟเปิดเพียงไม่กี่ดวงเพราะตอนนี้เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว เผยให้เห็นแสงไฟสลัวที่สาดส่องออกมาจากห้องนั่งเล่น
“ ไฟห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ ทำไมเอื้องจันทร์ไม่ดูแลให้เรียบร้อย ” เพ็ญพิศุทธิ์กล่าวปนตำหนิเล็กน้อยถึงหัวหน้าแม่บ้านของคุ้มหลวง เพ็ญพิศุทธิ์มุ่งหน้าเดินไปที่ห้องนั่งเล่นโดยมีเพาภิรมย์เดินตามไปด้วย
เมื่อเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นทั้งสองก็เบิกตากว้างตกใจกันพอสมควรเมื่อเห็นกันต์ที่นั่งอยู่บนโซฟาหัวหงายหนุนกับขอบโซฟาด้านบนเส้นผมปิดบังใบหน้าสวยแดงนิดๆด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และมีพิมพรรณที่นอนหนุนตักหน้าแดงกร่ำไม่แพ้กันบ่นอะไรพึมพำตามประสาคนเมา ขวดไวน์วางเกะกะบนโต๊ะหลายขวดด้วยกันทำให้เพาภิรมย์นึกถึงตอนสมัยเรียนเมื่อเธอไปเที่ยวและนั่งดื่มกับพิมพรรณก็ตกอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน
 
“ สองคนนี้ เจอกันทีไร จบด้วยสภาพนี้ทุกที ” เพ็ญพิศุทธิ์ดุเบาๆถึงน้าหลาน
“ สายคำ....สายคำ...! ” เพ็ญพิศุทธิ์เรียกหญิงรับใช้คนหนึ่งที่นอนอยู่กับพื้นข้างๆโซฟาจนสะดุ้งตื่นหน้าตาเหลอหลา
“ ค่ะๆๆ ”
“ ทำไมถึงปล่อยให้เมามายกันขนาดนี้ ” เพ็ญพิศุทธิ์ตำหนิหญิงรับใช้นิดหน่อย
“ ห้ามแล้วค่ะ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ” สายคำตอบด้วยอาการที่งัวเงีย
“ พรรณ...ยัยพรรณลุกขึ้นไปนอนบนห้องดีๆไป ” เพ็ญพิศุทธิ์สะกิดพิมพรรณที่นอนหนุนตักหลานของตัวเองอยู่
เพาภิรมย์เดินมาหากันต์ที่บิดหัวไปมาด้วยอาการมึนเมา
“ กันต์..กันต์ ลุกไหวมั้ย ” เพาภิรมย์ย่อตัวลงนิดๆก้มหน้าลงไปถามกันต์เบาๆ กันต์ลืมตาขึ้นดวงตาปรือๆเพ่งมองหญิงตรงหน้าและยิ้มหวานให้ เพาภิรมย์ถึงกับแอบยิ้มอยากจะเข้าไปจุมพิตรอยยิ้มนั่นมันช่างน่าหมันเขี้ยวเสียจริงๆ
“ เพาว่า ถ้าให้เดินไปเองคงไม่ไหวนะคะ ” ร่างสูงหันมาพูดกับเพ็ญพิศุทธิ์
“ ถ้าอย่างนั้นเพาพาขึ้นไปบนห้องทีเถอะไป ” เพ็ญพิศุทธิ์ถอนหายใจและส่ายหัวหน่อยๆ
“ ฮื่อ...เพา..เพา..เพา... ” กันต์ที่มึนเมาได้ยินชื่อเพาภิรมย์แล่นเข้าหูเอ่ยปากพูดออกไปพึมพำ
“ เมามากเหมือนกันนะคะ ” เพาภิรมย์ยิ้มนิดๆได้ยินกันต์เรียกชื่อเธอสั้นๆเลยหันไปพูดกับเพ็ญพิศุทธิ์
“ สายคำ...เดี๋ยวพายัยพรรณขึ้นไปบนห้องนะ แล้วเธอก็ไปนอนได้แล้ว ” เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มกับเพาภิรมย์และหันไปสั่งหญิงรับใช้ที่นั่งงัวเงียพร้อมที่จะหลับเต็มทน
“ คุณอาไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเพาดูแลกันต์ให้เอง ” เพาภิรมย์บอกกับเพ็ญพิศุทธิ์ ผู้เป็นแม่พยักหน้าพลางเหลือบไปมองลูกสาวอันเป็นที่รักเดินเข้าไปหามือลูบแก้มอย่างอ่อนโยนและก้มลงจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเบาพร้อมกับบอกราตรีสวัสดิ์และเดินออกไป เพาภิรมย์มองรับรู้ถึงความรักและความอบอุ่นที่เพ็ญพิศุทธิ์มีให้กับลูกสาวของเธอ
สายคำเดินเข้ามาประคองพิมพรรณที่นอนหนุนตักกันต์อยู่ให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลและพาเดินขึ้นไปบนห้องในขณะที่ยังคงบ่นอะไรพึมพำไปด้วยเพาภิรมย์มองตามอย่างขำๆ พลางหันมามองแมวเหมียวตัวเล็กของเธอที่ดูอาการจะปกติสุด ไม่เสียงดัง ไม่โวยวายอย่างคนเมาทั่วไป หลับตาพริ้มไม่สนใจสิ่งรอบด้าน
“ กันต์...ไปนอนบนห้องเถอะ ” เพาภิรมย์เข้าไปกระซิบใกล้ๆ
“ อืม...” เสียงตอบกลับมาเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลุก เพาภิรมย์จึงต้องเข้าไปประคองร่างเล็กที่งัวเงียมึนเมาลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ
“ ฮืมมม..ปายหนายอ่า ” ร่างเล็กยืนเซไปเซมาหัวซบกับไหล่เพาภิรมย์ถามเสียงยานๆ
“ ก็ไปนอนไง ” เพาภิรมย์ตอบและรีบพาเดินไปที่ลิฟต์ขนาดเล็กที่ทำขึ้นเป็นพิเศษในคุ้มหลวงเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เสียเวลา
 
เพาภิรมย์พากันต์มาถึงห้องนอนได้สำเร็จวางร่างเล็กลงบนเตียงขนาดใหญ่เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน คนเมาพลิกไปพลิกมาเรื่อยเปื่อย ร่างสูงยืนมองอย่างเสน่หาเดินเข้าไปนั่งข้างๆเอื้อมมือไปดึงผ้ามาห่มให้กับร่างเล็ก
“ ฮือ..ร้อน...” เสียงบางเบาพูดออกมาอู้อี้หลับตาคิ้วขมวด
“ จับแก้ผ้าซะดีมั้ง งอแงดีนัก ” เพาภิรมย์เอ่ยเสียงดุเล่นๆ
บ่นร้อนเพาภิรมย์จึงไปหยิบผ้าสะอาดพร้อมภาชนะแก้ว ใส่น้ำมาเพื่อเช็ดตัวให้กับร่างเล็ก ผ้าขาวสะอาดถูกลูบไล้ไปบนผิวขาวเนียนอย่างเบามือบริเวณลำคอและประคองร่างบางขึ้นมา ใช้มือรองหลังไว้ข้างหนึ่งเพื่อที่จะเช็ดด้านหลังของลำคอขาวแต่ไม่ถนัดนักจึงต้องดันตัวกันต์ไปพิงไว้กับหัวไหล่ของเธอ
กันต์ได้กลิ่นหอมๆจากต้นคอของเพาภิรมย์ลืมตาขึ้นมองปรือๆ หยุดมองเนื้อขาวๆอยู่สักครู่และค่อยๆยื่นจมูกเข้าไปหอมฟอดใหญ่เบาๆ เพาภิรมย์ชะงักการกระทำทันทีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆแตะลงยังลำคอของเธอ
“ อืม...หอมอ่ะ.. ” เสียงพูดเบาๆเล่นทำเอาผู้ฟังเม้มปากยิ้มอย่างหมันเขี้ยว
“ นี่เจ้าแมวเหมียวของฉันกำลังบริหารเสน่ห์ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวเลยสินะ...มันน่านัก ” ความคิดในใจของเพาภิรมย์บ่งบอกว่าอยากจะตะครุบเหยื่อเสียจริงๆ
กันต์ทิ้งร่างลงนอนริมฝีปากอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพาภิรมย์มองพยายามควบคุมสติไม่ให้เตลิดกับกิริยาที่กันต์แสดงออกมาก้มหน้าก้มตาเช็ดแขนเช็ดมือไปเรื่อย กันต์ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยรู้สึกว่ามีคนกำลังลูบเนื้อตัวอยู่สายตาจับจ้องกระพริบถี่ๆเพ่งมองใบหน้าคุ้นๆ เพาภิรมย์เหลือบตามองเพราะรู้สึกถึงสายตาที่กำลังเพ่งเล็งมา ร่างบางมองอย่างสงสัยสักครู่ก็ยิ้มและพูดออกมา
“ คุณพาวว... ” น้ำเสียงยืดยานของคนเมาทำให้คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ
“ ว่าไงคะ เจ้าขา จำได้ด้วยเหรอ ” เพาภิรมย์ยิ้มพูดออกไปเสียงหวานพร้อมกับวางผ้าเช็ดตัวไว้ที่ขอบภาชนะ
กันต์เอื้อมมือขึ้นไปจับแก้มขาวของเพาภิรมย์ทั้งสองข้างและค่อยๆประคองใบหน้าลงมาใกล้ๆ เพาภิรมย์มองดวงที่หวานฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เม้มปากปนยิ้มคล้ายจะทนไม่ไหวเต็มที
“ คุณพาววว...คุณพาวว สวยยจางง ” กันต์ยิ้มตาปรือพูดออกมาเบาๆเสียงยืดยานตามด้วยยื่นจมูกเข้าไปหอมผิวแก้มใกล้จมูกโด่งของเพาภิรมย์อีกครั้งและทิ้งตัวลงนอนหัวกลิ้งไปมา
ริมฝีปากสวยของเพาภิรมย์ฉีกยิ้มดวงตาที่มีแต่ความสุขมองใบหน้าที่กลิ้งไปกลิ้งมาราวกับเด็กซุกซนที่ห่วงเล่นไม่ยอมนอนเสียที
“ กันต์...เมามากเลย..รู้ไหม ” ร่างสูงก้มลงกระซิบบางเบามองตามดวงหน้าที่พลิกไปพลิกมา
“ ฮือ..หนาวอ่ะ ” เสียงเล็กๆบ่นพึมพำ เพาภิรมย์นิ่วหน้าสงสัยเมื่อครู่บ่นร้อนพอเช็ดตัวให้กับบ่นหนาวงอแงเสียจริง
“ อืม..กอดหน่อย มากอดเค้าหน่อย ” ร่างบางสะกิดเพาภิรมย์
ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มปนหัวเราะในลำคอค่อยๆคลานเข่าขึ้นไปบนเตียงและดึงร่างของกันต์เข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับนำผ้ามาห่มเพื่อให้ความอบอุ่นมากยิ่งขึ้นใบหน้าจิ้มลิ้มของคนเมาซุกซบกับอ้อมอกของเพาภิรมย์และโลดแล่นเข้าสู่ห้วงนิทรา เพาภิรมย์ก้มมองเพียงนิดใบหน้าที่แนบนิ่งมีเส้นผมวางพาดพิงจมูกโด่งเป็นสันอยู่ ปากบางที่มักจะอมยิ้มดูมีเสน่ห์ให้เห็นอยู่บ่อยครั้งทำให้เธอลุ่มหลงอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่นานนักดวงตาของผู้ให้ความอบอุ่นก็คล้อยหลับตามไป
 
เวลาบ่ายโมงตรงของวันใหม่ เสียงบางอย่างที่ดังมาจากหน้าท้องเรียกผู้นอนให้ฟื้นตื่นจากการหลับใหล ร่างเล็กบิดไปมาบนที่นอนหนานุ่มที่มีผ้าห่มอยู่รอบกาย เปลือกตาค่อยๆเผยขึ้นแววตาใสกระจ่างกระพริบซ้ำๆหลายรอบมือลูบไปมายังหน้าท้องที่ตอนนี้หิวผิดกปกติ สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนติดผนังเบิกตาโตลุกขึ้นนั่ง
“ บ่ายโมงแล้วเหรอเนี่ย!! ” กันต์เอ่ยพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่เคยหลับค่อนวันขนาดนี้มิน่าตื่นมาถึงได้หิวนัก
หันซ้ายหันขวา งงๆกับตัวเองและรีบลงจากเตียงร่างบางหยุดกึกหน้านิ่วคิ้วขมวดมือขึ้นไปกุมขมับที่ปวดจี๊ดขึ้นมาอาจเป็นเพราะเธอลุกเร็วจนเกินไปและสาเหตุหนึ่งคงมาจากฤทธิ์ของไวน์ที่ดื่มไปเมื่อคืนตั้งมากมายไม่เช่นนั้นคงไม่หลับยาวขนาดนี้ กันต์สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆและค่อยๆเดินไปยังห้องน้ำเพื่อเคลียร์เรื่องส่วนตัว
สิบห้านาทีถัดมา..... ประตูห้องของกันต์ถูกเปิดออก เพาภิรมย์ก้าวเท้าเดินเข้าห้องในมือถือถาดที่มีข้าวต้มและยาแก้ปวดศรีษะวางอยู่ด้วย กวาดสายตาไปทั่วห้องไม่พบร่างบางคิดว่าคงจะอยู่ในห้องน้ำ จึงเดินไปเปิดประตูที่สามารถออกมายังระเบียงกว้างของห้อง เพาภิรมย์นำถาดข้าวต้มวางลงบนโต๊ะสีขาวทรงหลุยส์ที่ถูกจัดเรียงเข้ากับเก้าอี้ชุดเดียวกันสำหรับนั่งพักผ่อนส่วนตัว พลางหันชมวิวทิวทัศน์ที่เผยให้เห็นดอกไม้สีสวยนานาชนิดสายลมเย็นกำลังดีมีเมฆหมอกครึ้มบริเวณภูเขาที่มองเห็นไกลๆ
“ แก๊ก!! ” ร่างสูงหันมองเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก เห็นร่างบางที่แต่งตัวด้วยชุดลำลองสบายๆเดินสะโหลสะเหลหันหลังพิงกับผนังห้องใบหน้าเงยขึ้นหลับตาคล้ายเพลียเต็มที
เพาภิรมย์ยิ้มและย่างกายเดินไปหาพยายามเดินเบาๆที่สุดจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของร่างเล็กที่ดูจะไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ยืนมองใบหน้าอยู่สักพักค่อยๆก้มลงไปใกล้ๆแก้มคนที่ตัวเตี้ยกว่า กันต์เริ่มรู้สึกว่ากำลังมีลมหายใจอุ่นๆวิ่งเข้ามาแตะใบหน้าลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นหน้าของเพาภิรมย์อยู่ใกล้เพียงคืบจึงจะขยับถอยหนีแต่กับถูกจมูกโด่งหอมซ้ายหอมขวาเสียฟอดใหญ่อย่างรวดเร็ว ใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางผุดแดงขึ้นทันที
“ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...” กันต์ถามขึ้นเบาๆ
“ สักพักแล้ว ” เพาภิรมย์ตอบขณะสบตาดวงตาคู่สวยที่กำลังหลบไปหลบมา
“ หิวไหม...” มือของเพาภิรมย์ลูบไล้แก้มที่แดงระเรื่อและเอ่ยถามอีกครั้ง
“ หิวค่ะ ” เสียงเล็กตอบเบาๆ
“ หิวอะไร... ” ประโยคถามกลับของเพาภิรมย์สร้างความเขินให้กับกันต์เป็นอย่างมากเพราะน้ำเสียงที่ถูกเอ่ยออกมาช่างกระเส่าอารมณ์ได้อย่างบอกไม่ถูกอีกทั้งมือเรียวที่ลูบแก้มไปมาเบาๆมืออีกข้างก็ลูบไล้ต้นแขนไม่หยุดหย่อนทำให้รู้สึกวาบหวิวใจอย่างบอกไม่ถูก
กันต์อยากจะเบี่ยงหน้าหนีสายตาหวานฉ่ำที่ส่งมาสบตาเธอนัก แต่เพาภิรมย์กับรั้งให้จ้องมองเธอกลับอย่างไม่อาจหนีไปไหนได้ ร่างสูงมองสายตาของกันต์ที่เขินอายจนหน้าแดงช่างแตกต่างจากเมื่อคืนนักมันทำให้เธอชอบได้ไม่แพ้กัน
“ เขินเหรอ..” เสียงหวานของเพาภิรมย์กระซิบถามเบาๆ กันต์ยิ้มนิดๆหลบสายตาหน่อยๆแทนคำตอบที่ถูกต้อง เพาภิรมย์ยิ้มมุมปากเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม
กันต์เห็นจึงถอยหน้าห่างหลบหลีกเล็กๆใบหน้าสวยเคลื่อนตามริมฝีปากอิ่มที่หาทางหลบลี้และประทับลงได้สำเร็จเรียวปากของเพาภิรมย์จูบลูบไล้ช้าๆไม่เร่งรีบหาทางเปิดริมฝีปากบางที่เม้มปิดแนบสนิทไม่ยอมให้เพาภิรมย์สำรวจได้อย่างเต็มที่
“ อืม..อย่าดื้อสิ.. ” เสียงกระซิบบอกในขณะที่ริมฝีปากยังแนบชิดอยู่ไม่ห่างหาย เสียงของกันต์เล็ดรอดออกมาเป็นการขัดใจคนตรงหน้าที่เอ่ยบอกอย่างเอาแต่ใจไม่นานกลีบปากบางก็เผยออกให้เรียวลิ้นร้อนได้แทรกแซงเข้าไปตามความต้องการ
“ อืม.. ” เสียงครางในลำคอพึงพอใจกวาดแกว่งลิ้นเข้าสำรวจความหอมหวานไปทั่วโพรงปากดูดรัดลิ้นด้านในระดมจูบอย่างกับหิวโหยมานานร่างของกันต์สั่นสะท้านไปทั่วขาอ่อนแรงแทบจะยืนไม่อยู่ เพาภิรมย์จึงต้องใช้สองมือกอดเกี่ยวประคองเอาไว้ ริมฝีปากสวยยอมถอดถอนออกเผยให้เห็นกลีบปากแดงกร่ำเปลี่ยนสีเข้มขึ้นทันตา
ปากร้อนยังคงพรมจูบไปทั่วใบหน้าช้าๆลูบไล้ลงมายังซอกคอหอมกรุ่นซุกไซร้อย่างเพลิดเพลินใช้ปลายลิ้นแตะจี้ไปตามเส้นเลือดที่ผุดขึ้นมาตามต้นคอสร้างความวาบหวิวให้กับร่างเล็กจนต้องสะดุ้งอยู่บ่อยๆย้อนกลับไปยังปากอิ่มจูบเน้นอีกครั้งก่อนที่จะหยุดสบตาดวงตาคู่เสน่ห์ที่จ้องบ้างหลบบ้างช่างน่าหมันเขี้ยวเสียจริงๆ
“ ทีเมื่อคืนไม่เห็นเขินเลย ” เพาภิรมย์พูดออกมาบางเบาเมื่อเห็นแมวเหมียวตัวเล็กของเธอเขินอาย
“ เมื่อคืนกันต์ทำอะไรเหรอคะ ” ใบหน้าเรียวหันขวับกลับมามองเพาภิรมย์เบิกตาโตตกใจปนเขินอายที่ตัวเองไม่ได้สติอาจทำอะไรไปโดยที่ไม่รู้ตัวหลายอย่างก็เป็นได้ เพาภิรมย์ยิ้มทำสายตาให้ดูน่าสงสัยเป็นที่สุด
“ ก็หลายอย่าง...พี่เหนื่อยมากเลยอ่ะ ” ริมฝีปากสวยพูดกำกวมจนกันต์อ้าปากค้างหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยด้วยซ้ำ เพาภิรมย์เห็นท่าทางแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ ที่พี่เหนื่อย ก็เพราะพากันต์ขึ้นมาบนห้องนี่แหละ แต่ที่ว่าหลายอย่างก็ไม่เยอะมากหรอก กันต์ก็แค่...หอมพี่เฉยๆ ” เพาภิรมย์ตอบเสียงหวานพร้อมกับยักคิ้วส่งท้ายประโยค
 
ร่างบางขยับเดินไปอีกทางพยายามคิดถึงเรื่องเมื่อคืนเพาภิรมย์ยิ้มมองตาม ภาพในหัวของกันต์เริ่มประติดประต่อเข้ามานิดๆจนเผลอยิ้มออกมาคนเดียวอย่างไม่รู้ตัว ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้และโอบกอดร่างเล็กจากด้านหลังคางพาดไหล่มนหันมองใบหน้าที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว
“ พี่ชอบจัง..เวลากันต์เขิน แบบเมื่อคืนพี่ก็ชอบ แบบผู้บริหารพี่ก็ชอบ ชอบหมดเลย ” เพาภิรมย์พูดเสียงอ่อนเสียงหวานร่างเล็กหันมาแล้วยิ้มให้
“ แล้วกันต์ชอบพี่แบบไหน ” เพาภิรมย์ถามเสียงออดอ้อน
“ ชอบทุกอย่างค่ะ.......ยกเว้น.. ” ริมฝีปากบางค่อยๆหุบยิ้มทิ้งท้ายประโยค
“ ยกเว้นอะไร ” เพาภิรมย์ถามเบาๆ กันต์ยังคงยืนนิ่งไม่ตอบอะไรเพาภิรมย์จึงปล่อยอ้อมกอดของเธอแล้วจับร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า กันต์ยังคงก้มหน้านิดหน่อยมือเรียวทั้งสองจับบริเวณแก้มและประคองใบหน้าขึ้นมาสบตา
“ ว่าไงคะ...” เพาภิรมย์ถามเสียงบางเบาและยิ้มอบอุ่นให้
“ กันต์ไม่อยากเห็นเวลาคุณเพาดุ ไม่อยากให้คุณเพาเสียงดังกับกันต์เวลาแบบนั้น กันต์อยากจะวิ่งไปไกลๆจะได้ไม่ได้ยินเสียงของคุณเพา... ” ร่างเล็กพูดอย่างอ่อนโยน เพาภิรมย์ยืนฟังดันร่างบางเข้ามากอดอย่างทะนุถนอมยิ้มออกมากับคำว่าดุของกันต์นั้นหมายถึงเวลาเธออารมณ์ร้อนและร้ายนั่นเอง กันต์อาจจะกลัวหวั่นเกรงและอยากจะหนีไปไกลๆซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงทำใจไม่ได้เช่นกัน
 
“ จ๊อก...!!” เสียงท้องร้องแทรกดังออกมาจากบรรยากาศที่เงียบเชียบ เพาภิรมย์คลายกอดออกจากร่างบาง
“ กันต์ลืมไป..ว่า...กันต์กำลังหิวข้าวอ่ะ ” มือเล็กจับบริเวณหน้าท้องที่ยังไม่มีอะไรหล่อเลี้ยงตั้งแต่เช้าด้วยสีหน้าเขินๆ
เพาภิรมย์หัวเราะเบาๆและจูงมือของกันต์เดินไปที่ระเบียงดันร่างเล็กให้นั่งลงบนเก้าอี้และเปิดฝาที่ครอบภาชนะใส่ข้าวต้มกุ้งออก กลิ่นของเครื่องเทศที่ถูกปรุงรสส่งกลิ่นแตะจมูกคนนั่งจนต้องสูดดมอย่างอดใจไม่ได้
“ อืม...หอมอ่ะ ” ถ้อยคำถูกเปล่งออกด้วยประโยคที่คุ้นหูของเพาภิรมย์ ถึงกับยิ้มหวานออกมาและยื่นจมูกเข้าไปหอมที่ข้างๆซอกคอของร่างบางเบาๆปล่อยลมหายใจร้อนๆรินรดที่ต้นคอแมวเหมียวของเธอ กันต์สะดุ้งหันมองหน้าเพาภิรมย์
“ เอ้า..ก็เมื่อคืนนี้กันต์พูดแบบนี้ แล้วกันต์ก็ทำอย่างที่พี่ทำเมื่อกี๊ไงจ๊ะ ” เพาภิรมย์ก้มลงมาพูดใกล้ๆ
กันต์รีบหันมาหาข้าวต้มเขินหน้าแดงจนแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ เพาภิรมย์ยิ้มยิ้มชอบใจ ที่เห็นสาวน้อยของเธอเขินอีกครั้ง ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องหรูจะส่งเสียงดังด้วยมีสายเข้า เพาภิรมย์จึงเดินไปอีกมุมหนึ่งของระเบียงและพูดธุระของเธอ
ในขณะที่กันต์กำลังกินข้าวต้มอยู่อย่างเอร็ดอร่อยสายตาก็เหลือบผ่านช่องของต้นเสาระเบียงหลายแท่ง มือที่กำลังตักอาหารเข้าปากหยุดกึกเมื่อเห็น พลอยขวัญกำลังยืนมองอยู่ๆไม่ไกลนัก หันมองเพาภิรมย์ที่กำลังคุยโทรศัพท์ไม่ได้สนใจอะไรจึงโล่งอกใบหน้าเรียวหันมองพลอยขวัญอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าและกินข้าวต้มไม่สนใจอีกเพราะเกรงว่าเพาภิรมย์จะมาเห็นเข้า
 
พลอยขวัญรู้สึกเจ็บคล้ายโดนลวดหนามทิ่มแทงร่างกายเมื่อมาเห็นทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันที่ระเบียงเข้าพอดีแถมกันต์ยังตัดเยื้อใยไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เรื่องที่ทำงานเมื่อคืนไม่ทำให้เค้ารู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไงกัน คนอย่างเธอไม่เคยโดนใครปฏิเสธและจะไม่มีวันยอมให้คนอย่างเพาภิรมย์มาครอบครองคนที่เธออยากได้ไปเป็นอันขาด
“ ฉันเกลียดเธอ เพาภิรมย์ ” พลอยขวัญกำมือแน่นตัวเนื้อร้อนรุกเป็นไฟเปล่งถ้อยคำที่เข็มแข็งไม่มีทางหยุดและยอมใครทั้งนั้น
เมื่อเพาภิรมย์คุยธุระเสร็จก็เดินมาหากันต์ที่กินข้าวต้มหมดแล้วจึงบังคับให้กินยาต่อ ร่างเล็กท่าทีอ้อยอิ่งไม่อยากกินนักแต่ก็ถูกบังคับให้กินจนได้ พลอยขวัญเห็นท่าทางของคู่รักที่หยอกล้อกันจนน่าหมันไส้ในสายตาของเธอ กัดฟันยับยั้งอารมณ์ที่เริ่มประทุ กันต์อมยิ้มเวลาที่เพาภิรมย์แกล้งหยอกเย้าเธอและแอบเหล่มองพลอยขวัญที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างระแวงว่าเพาภิรมย์จะเผลอเห็นเข้า
“ ฮัลโหล..หลานรัก ” เสียงพิมพรรณเอ่ยทักทายดังมาแต่ไกล
“ ไงจ๊ะ..ตื่นแล้วเหรอแม่ตัวดี ” เพาภิรมย์ทักทายกลับยิ้มๆ
“ น้าพรรณฟื้นเร็วดีนะคะ ” กันต์หันมาถามอย่างแปลกใจ
“ โอ้ย ไม่ให้เร็วได้ยังไง ก็แม่เราอ่ะ เล่นไปปลุกน้าแล้วก็บ่นๆๆ จนน้าแฮ้งต่อไม่ไหวเลยล่ะ ” พิมพรรณพูดพร้อมยกมือไม้ทำท่าทางอย่างเซ็งๆ กันต์และเพาภิรมย์หัวเราะร่า
“ เดี๋ยวกันต์ขอตัวก่อนนะคะ ” กันต์เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือของพิมพรรณและเตรียมจะเดินไป
“ กันต์จะไปไหน ” เพาภิรมย์รีบถาม
“ ไปธุระกับท่านพ่อค่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว กันต์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ” กันต์หันมาบอกและรีบเดินไป เพาภิรมย์ยืนคุยกับพิมพรรณเสร็จสักครู่ก็เดินตามร่างบางเข้าไปในห้องน้ำ
“ ฮื่อ..กันต์...ไม่อยู่อีกแล้วเหรอ ” เพาภิรมย์เดินเข้ามากอดจากด้านหลังและเอ่ยถามน้ำเสียงออดอ้อน
“ เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ..” กันต์ที่พึ่งแปรงฟันตามด้วยอมน้ำยาบ้วนปากเสร็จเอ่ยตอบเรียบๆขณะกำลังล้างมือไปด้วย หันมายิ้มหวานๆให้เพาภิรมย์ที่ตอนนี้เอาแต่เกาะเกี่ยวไม่ห่างตัว ร่างเล็กเบี่ยงตัวออกจากห้องน้ำมุ่งตรงไปยังห้องเสื้อผ้าส่วนตัวโดยมีเพาภิรมย์เดินตามต้อยๆทำสีหน้าเศร้าหวังจะรั้งให้สาวน้อยอยู่ด้วย
“ กันต์...” เสียงเพาภิรมย์ยังคงออดอ้อนไม่เลิก
“ สวยไหม ” ร่างบางหยิบชุดเดรสสีชมพูอ่อนมาและทาบลงบนตัวพร้อมกับถามความคิดเห็นจากเพาภิรมย์
เพาภิรมย์ไม่ได้สนใจชุดในมือของกันต์กับมองหน้าส่งสายตาอ้อนแบบสุดๆกันต์ปิดตู้เสื้อผ้าและหันมาจุ๊บหน้าผากเพาภิรมย์หนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินไปมุมหนึ่งที่มีผ้าม่านขนาดใหญ่ใช้ปิดเรือนร่างสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าร่างเล็กหยุดกึกเมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินตามมาไม่ห่าง
“ ไปรอข้างนอกเลย ” กันต์หันมาบอกกับเพาภิรมย์ที่เดินทำไม่รู้ไม่ชี้ตามมา
“ ก็เค้าจะช่วยเปลี่ยนไง ” เพาภิรมย์แกล้งทำหน้าซื่อเหมือนไม่ได้คิดอะไรเกินเลย
“ ไม่ต้องเลยค่ะ กันต์เปลี่ยนเองได้ ” เสียงหวานตอบกลับเบาๆพร้อมกับดันร่างคนที่สูงกว่าให้ออกไปรอบริเวณห้องนอน เพราะถ้าให้อยู่ด้วยเธอคงไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเดียวแน่ ร่างสูงออดอ้อนรั้งตัวเองไม่อยากออกนิดหน่อยแต่ก็ต้องยอมออกไปอย่างหงุดหงิดใจ
เมื่อประตูห้องเสื้อถูกปิดลงสีหน้าของกันต์ก็หนักใจขึ้นเมื่อนึกถึงพลอยขวัญที่เหมือนจะเข้ามายุ่งกับเธอมากขึ้นทุกทีพยายามไม่คิดอะไรเพราะใจไม่ได้คล้อยตามไปกับเสน่ห์ที่พลอยขวัญพยายามปรนเปรออยู่แล้ว
 
ไม่นานประตูห้องเสื้อก็เปิดออกเผยให้เห็นชุดเดรสสีชมพูอ่อนถูกสวมใส่อยู่ในเรือนร่างที่งดงาม กันต์เม้มปากยิ้มนิดๆเมื่อเห็นเพาภิรมย์นั่งอยู่ที่ปลายเตียงทำหน้าตาบูดเบี้ยวเหมือนเด็กๆก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแปลกเพื่อจัดแจงใบหน้าที่ขาวเนียนให้มีสีสันด้วยเครื่องสำอางค์
“ ไปจริงเหรอ.. ” เพาภิรมย์เดินมาเกาะเอวเกี่ยวแขนออดอ้อนไม่เลิก ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรหันมาและยิ้มหวานๆให้ เพาภิรมย์พอใจกับรอยยิ้มนั้นก้มจุมพิตที่หัวไหล่แผ่วเบาและยังคลอเคลียซอกคอแผ่นหลังจน เจ้าของร่างต้องหันมาทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่บ่อยครั้ง
สักครู่ร่างสูงที่เอาแต่จุกจิกร่างบางไม่เลิกก็ต้องชะงักนิ่วหน้าสงสัยเมื่อได้กลิ่นหอมบางอย่างแตะที่จมูก
“ กลิ่นอะไรอ่ะกันต์ หอมๆ ”
“ แป้งค่ะ.....แป้งเด็ก ” กันต์ตอบในขณะที่กำลังใช้มือปัดๆทรงผม
“ แป้งเด็ก? ” เพาภิรมย์ปล่อยมือที่กอดรัดเอวบางและพูดอย่างสงสัย กันต์หันมองเมื่อเห็นกิริยาที่แปลกๆของคนรัก
“ พี่พึ่งเคยได้กลิ่นแป้งนี้......จากกันต์ ” เพาภิรมย์ถามสีหน้าสงสัยเหมือนมีอะไรบางอย่าง
“ อ๋อ กันต์ใช้แป้งนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ กลิ่นหอมดี แต่ว่ามันหมดไป คุณแม่พึ่งสั่งมาให้ใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ” กันต์ตอบอย่างยิ้มๆ เพาภิรมย์พยักหน้าสายตาเหมือนคิดอะไรกับตัวเองไม่เลิกแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“ ไปก่อนนะคะ ” กันต์หยิบกระเป๋าพร้อมกับหันมาบอกคนที่ยืนเหม่อๆกับความคิดในสมองและเตรียมจะเดินออกไป
“ เดี๋ยว...” เสียงหวานพูดขัดก่อนที่ร่างบางกำลังจะเปิดประตู
“ หอมก่อน ” เพาภิรมย์เดินมาหาร่างเล็กและยื่นแก้มของเธอเข้ามาใกล้ กันต์ยิ้มส่ายหัวนิดๆก่อนที่จะยกเท้าหน่อยๆเพื่อยื่นจมูกโด่งเข้าไปหอมแก้มขาว
 
เพาภิรมย์ยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมแล้วกอดร่างเล็กเอาไว้ยื่นจมูกเข้าไปหอมแก้มขวาช้าๆค่อยๆย้ายมาหอมแก้มซ้ายเบาๆและถือโอกาสคลอเคลียอยู่ข้างหูสักพักจึงเลื่อนจมูกลงมายังซอกคอขาวได้กลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่คุ้นจมูกเมื่อครู่สูดดมจนพอใจ กันต์เม้มปากยิ้มนิดๆรู้ว่ากำลังถูกฉวยโอกาสแต่ก็ไม่อยากขัดใจเลยปล่อยให้เพาภิรมย์ซุกซนอย่างตามใจ
 
“ ตริ๊ง...! ” ไม่นานนักการกระทำของเพาภิรมย์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ของกันต์ดังขึ้น จึงต้องถอยออกมาอย่างเสียดาย กันต์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นเบอร์ของเจ้าหลวงรังสิมันต์จึงยิ้มทะเล้นให้กับเพาภิรมย์เสมือนเป็นการเยาะเย้ยก่อนที่จะเปิดประตูพร้อมกับกดรับสายและเดินออกไป เพาภิรมย์ยืนยิ้มมองตามอย่างหมันเขี้ยวอยากจะเข้าไปขยำทั้งตัวเสียจริงๆ.........
 
 
อย่าพึ่งเบื่อกันน้าาาา ทุกอย่างต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะจ๊ะ
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา