เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ

6.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

  44 ตอน
  0 วิจารณ์
  44.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) พลอยขวัญ...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          สายๆของเช้าวันใหม่..... เพาภิรมย์ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียมือข้างหนึ่งควานหาคนข้างกายที่เธอนอนกอดไว้ตลอดทั้งคืนแต่พื้นที่ของที่นอนกับว่างป่าว ร่างสูงลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบๆห้องแต่ไม่มีกันต์อยู่ในห้องนี้แล้วจึงนิ่วหน้าคิด

“ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ” เพาภิรมย์บ่นงึมงำกับตัวเองแอบยิ้มเบาๆ

 

เพาภิรมย์จัดการกับธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยและรีบลงมาตามหาสาวน้อยของเธอทันที จึงมาเจอกับพิมพรรณที่นั่งกินขนมดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“ กันต์ล่ะ? ” เพาภิรมย์ถามพิมพรรณพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อมองหา

“ แหม..มาถึงก็ถามหาเชียวนะ ห่างๆซะบ้างก็ได้ ” พิมพรรณพูดเชิงแซวๆเพราะรู้ว่าทั้งสองคืนดีกันแล้ว

“ ฉันก็แค่อยากรู้อ่ะ ว่าอยู่ที่ไหน ” เพาภิรมย์นั่งลงข้างๆแล้วถามต่อ

“ เข้าออฟฟิศตั้งแต่เช้าแล้ว ” พิมพรรณตอบ เพาภิรมย์พยักหน้ารับรู้แล้วหันไปมองพิมพรรณอีกรอบ

“ แล้ววันนี้ผู้ช่วยอย่างเธอไม่ต้องทำอะไรเลยหรือไง ” เพาภิรมย์ถามอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนสาวดูจะว่างงานเหลือเกิน

“ ไม่หรอก..ตอนนี้ผ้าไหมก็ส่งออกเรียบร้อยแล้วช่วงนี้ก็เลยว่างๆ ” พิมพรรณหันมาตอบแล้วยิ้มให้

“ อ้าว..แล้วกันต์ไปออฟฟิศทำไมอ่ะ ” เพาภิรมย์ยังคงสงสัย

“ ก็ไปดูเอกสาร..ตรวจสอบความเรียบร้อย ปกติแล้วเป็นหน้าที่ของพี่เพ็ญ แต่พี่ฉันยังไม่กลับ กันต์ก็เลยต้องดูแลไปก่อน ” พิมพรรณหันมาอธิบายอย่างถี่ถ้วน

“ กันต์เก่งจัง..อายุแค่นี้ แต่ต้องรับผิดชอบงานเยอะเหมือนกันเนอะ ” เพาภิรมย์พูดสีหน้ายิ้มแย้มพึงพอใจเป็นที่สุด

 


“ เอี๊ยด!! ” เสียงรถแล่นเข้ามาจอด

“ นั้นไง คนที่เธอตามหากลับมาแล้ว ” พิมพรรณบอกทำสีหน้าน้ำเสียงหมันไส้เพื่อนสาวสุดๆ เพาภิรมย์ยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า “ สายคำ สายคำ..” พิมพรรณร้องเรียกหญิงรับใช้รีบวิ่งเข้ามา

“ เตรียมน้ำชาให้เจ้าด้วย ” พิมพรรณบอกกับหญิงรับใช้เรียบๆ

กันต์ก้าวขาลงจากประตูคนนั่งของรถที่มีนพเป็นคนขับและรีบลงมาเปิดประตูให้ ร่างบางเดินเข้าคุ้มหลวงมาอย่างไม่เร่งรีบอะไรมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องใกล้ริมสระบัวเพื่อนั่งพักผ่อน พลางทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาถอนหายใจออกมายาวๆเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าหลับตาลงพักสายตาชั่วครู่มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปบีบนวดบริเวณต้นคออย่างเมื่อยๆ

เพาภิรมย์เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำชาเห็นร่างเล็กนั่งอยู่จึงวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปที่ด้านหลังโซฟาใช้มือสองข้างแตะที่บริเวณต้นคอ กันต์สะดุ้งลืมตาขึ้นหันขวับกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังทันที

“ เมื่อยเหรอ..เดี๋ยวนวดให้นะ..” เพาภิรมย์ยิ้มบอกเสียงหวาน

กันต์หันหน้ากลับมาแล้วนั่งเฉยๆให้เพาภิรมย์บีบนวดให้สายตาเกร็งๆนิดหน่อยใจเต้นแรงรู้สึกว่าทำไมเวลาเพาภิรมย์มาอยู่ใกล้ๆจิตใจมักจะเตลิดเปิดเปิงไปซะทุกที ร่างสูงบีบนวดไปเรื่อยๆลงแรงมือหนักบ้างเบาบ้างนิ้วเขี่ยเล่นที่ใบหูบ้างจนคนที่ถูกนวดรู้สึกวาบหวิวใจอย่างบอกไม่ถูก เพาภิรมย์ย่อตัวลงนิดๆเคลื่อนมือเข้ามาโอบกอดบริเวณรอบคอขาวเอาคางเกยไหล่มนไว้และหันมองยังเป้าหมาย

“ เขินเหรอ... ” น้ำเสียงกระเส่ากระซิบที่ข้างหูบางเบาหยอกล้อจนทำให้ร่างบางหน้าแดงขึ้นมาทันทีไม่รู้จะตอบยังไง ร่างสูงย้ายจากด้านหลังโซฟาเดินอ้อมมานั่งข้างๆกันต์จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นแก้เขิน เพาภิรมย์มองกันต์ที่ถือโทรศัพท์จึงแย้งมาจากมือแล้วเอามาซ่อนไว้ด้านหลังเธอ

ร่างเล็กลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไปแต่กับถูกเพาภิรมย์ดึงกลับมานั่งลงบนตักของเธอและกอดเอวไว้แน่น

“ จะหนีไปไหน..ยังไม่ได้ลงโทษเลยที่เมื่อเช้าทิ้งให้พี่นอนอยู่คนเดียว.. ” เพาภิรมย์พูดและมองด้วยสายตาที่เย้ายวน

“ คุณเพานอนขี้เซาเองต่างหาก ” กันต์พูดใบหน้ายิ้มเขิน

“ อุ๊ย...!! ” เสียงของกันต์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพาภิรมย์ดันร่างของเธอนอนลงบนโซฟาอย่างรวดเร็วจนร่างบางยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัวมือจึงคล้องกอดคอเพาภิรมย์ไว้แน่น

“ ยังไง..พี่ก็จะลงโทษ.. ” ร่างสูงที่นอนทับร่างของกันต์จนไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้พูดขึ้นอย่างยั่วยวน กันต์เม้มปากเขินๆรู้ว่าคนตรงหน้าจะทำอะไร เพาภิรมย์เอื้อมมือลูบข้างแก้มของร่างเล็กอย่างหลงใหลแล้วค่อยๆก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยนกลีบปากบางเผยออกแสนจะตามใจให้เรียวลิ้นได้เข้าไปเกี่ยวรัดตรึงดื่มด่ำหาความหวานภายในทุกซอกทุกมุมพลางถอนลิ้นร้อนออกจากปากบางไล่ขบเม้มลงมาเรื่อยๆจากปลายคางโน้มต่ำลงมายังลำคอขาวระหง ไล่เลียขึ้นไปถึงใบหูขบกัดเล่นจนทำให้คนใต้ร่างสะดุ้งเบาๆ

“ ตริ๊ง...! ” เสียงโทรศัพท์ของเพาภิรมย์ที่วางอยู่ข้างๆดังขึ้น ทำให้ต้องหยุดภารกิจชั่วครู่เพื่อมารับสายอย่างเสียดาย เมื่อดูเบอร์เป็นของทางบริษัทเธอจึงรีบออกไปรับสายทันที

กันต์ลุกขึ้นนั่งจัดการทรงผมเพื่อไม่ให้ยุ่งเหยิงและเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำชาที่ถูกว่างไว้ที่โต๊ะข้างโซฟามายกขึ้นดื่ม ระหว่างนั้นพิมพรรณก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

“ อ้าว..เพาล่ะ? ” พิมพรรณถามเมื่อไม่เห็นเพาภิรมย์อยู่ในห้องนี้

“ คุณเพาพูดโทรศัพท์อยู่น่ะค่ะ ” กันต์ตอบเรียบๆ น้าสาวพยักหน้าเข้าใจจึงคุยเรื่องงานกับกันต์ไปเรื่อยๆ เพาภิรมย์หายไปประมาณสิบนาทีก็กลับเข้ามาสีหน้ามุ้ยๆจนพิมพรรณอดที่จะแซวไม่ได้

 

“ ไงจ๊ะ..ได้ฤกษ์กลับกรุงเทพหรือไง...” กันต์หันไปยิ้มกับพิมพรรณและหัวเราะหน่อยๆพร้อมกับวางแก้วน้ำชาที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ เพาภิรมย์มองค้อนพิมพรรณที่ดูจะรู้ดีไปซะทุกเรื่อง พิมพรรณพอแซวเพื่อนสาวเสร็จก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปเพราะรู้ว่าทั้งสองคงต้องการความเป็นส่วนตัว

เพาภิรมย์เดินเข้ามาหากันต์และพูดขึ้น “ ยืนขึ้นหน่อย... ”

กันต์นิ่วหน้ามึนงงนิดหน่อยแต่ก็ทำตามอย่างที่เพาภิรมย์บอกลุกขึ้นยืน เมื่อร่างเล็กยืนขึ้นเพาภิรมย์ก็นั่งบนโซฟาและดึงกันต์ที่ยืนอยู่มานั่งบนตักของเธอพร้อมกับซุกใบหน้ากอดเอาไว้แน่น กันต์อมยิ้มออกมายกมือขึ้นโอบกอดบริเวณรอบคอของเพาภิรมย์ลูบไล้เส้นผมอย่างเอาใจ

“ มีงานด่วนเหรอคะ.. ” กันต์ถามเบาๆ

“ อืม.. ” เพาภิรมย์ตอบสั้นๆเสียงอู้อี้ขณะที่ยังคงซุกใบหน้าอยู่ที่เดิม กันต์ยิ้มเมื่อเห็นเพาภิรมย์ทำงอแงเป็นเด็กๆ

“ ไปสิงค์โปร 2 อาทิตย์ ” เพาภิรมย์เงยหน้าขึ้นพูดต่อ กันต์ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มให้

“ ยิ้มอย่างเดียวเลย..บอกหน่อยสิว่า คุณเพาไม่ไปได้มั้ยคะ อะไรอย่างเงี๊ย ” เพาภิรมย์ทำเสียงออดอ้อน กันต์ยิ้มหัวเราะในลำคอนิดๆ

“ ก็กันต์รู้นิคะ...ว่าคืองานสำคัญ ถ้าพูดแบบนั้น ยังไงคุณเพาก็ต้องไปอยู่ดีแหละ ” กันต์ตอบเรียบๆยังคงยิ้มให้

“ พี่ไม่อยู่...อย่าไปซนที่ไหนนะ ” เพาภิรมย์จ้องตาเขม็งนิดๆ

“ ใครจะกล้า..ดุซะขนาดนี้ ” กันต์หัวเราะพูดอย่างขำๆ เพาภิรมย์มองใบหน้าเรียวแล้วอมยิ้มยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบไล้แก้มขาว

“ กันต์ต้องเป็นเด็กดีของพี่นะ... ” เพาภิรมย์พูดอย่างอ่อนโยนบ่งบอกว่าห้ามไปยุ่งกับใครหรือห้ามให้ใครมายุ่งด้วยก็ตาม กันต์พยักหน้าเบาๆส่งยิ้มที่แสนจะอบอุ่นเหมือนครั้งแรกที่ได้พบเจอแทนคำพูดใดๆทั้งสิ้นเพาภิรมย์โอบกอดร่างบางไว้แน่นนัยน์ตาบ่งบอกว่าจะไม่มีวันยอมให้ใครพรากคนรักไปจากเธอได้อีกเป็นอันขาด

 

2 วันต่อมา.... กันต์ไปส่งเพาภิรมย์ที่สนามบินและนั่งรอจนเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามองตามจนสุดสายตาไม่รู้หรอกว่าเป็นลำนั้นหรือป่าวแต่ขอให้ได้มองในใจนึกไม่อยากให้เพาภิรมย์ไปเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่างานของเธอก็สำคัญเช่นเดียวกับงานของตัวเองจึงตรงเข้าไปยังบริษัทเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆเสร็จแล้วก็เข้าไปยังออฟฟิศเคลียร์งานที่ค้างคา จนท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลง กันต์กลับเข้ามาถึงคุ้มหลวงพิมพรรณรีบเดินเข้ามาหา


“ กันต์..วันพุธนี้พี่เพ็ญจะกลับมาแล้วนะจ๊ะ ” พิมพรรณบอกกับกันต์เรื่องที่แม่ของเธอกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศหลังจากที่ไปดูงานเสียนาน

“ เหรอคะ คราวนี้คุณแม่กลับเร็วจัง ธรรมดาเห็นอยู่ตั้งหลายเดือน ” กันต์พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นอย่างเรียบๆ

“ สงสัยงานคงจะราบรื่นดีน่ะจ้ะ..ถึงกลับเร็ว คงจะไม่มีปัญหาอะไร ” พิมพรรณกล่าว

 

 

และวันพุธก็มาถึง.... คุณเพ็ญพิศุทธิ์ รัฎศักดิ์ เดินทางมาถึงสนามบินเชียงรัฐในเวลาบ่ายสองโมงโดยมีนพไปรอรับ

“ สวัสดีครับ..คุณเพ็ญ ” นพแสดงความเคารพ

“ กันต์ล่ะ ” เพ็ญพิศุทธิ์ถาม

“ เจ้าไปเหมืองกับเจ้าหลวงครับ ” นพบอกอย่างสุภาพ เพ็ญพิศุทธิ์พยักหน้าและเดินไปขึ้นรถที่นพเปิดประตูรอไว้เพื่อเดินทางกลับคุ้มหลวง

 

“ พี่เพ็ญ สวัสดีค่ะ ” พิมพรรณทักทายพี่สาวที่อายุห่างกันหลายรอบเมื่อมาถึง

“ เหนื่อยมั้ยคะ ” พิมพรรณถามขึ้นพร้อมกับพาพี่สาวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงใหญ่

“ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ..นี่กันต์ยังไม่กลับมาอีกเหรอ ” เพ็ญพิศุทธิ์เอ่ยถามพลางหยิบแก้วน้ำที่หญิงรับใช้นำมาบริการขึ้นดื่มแก้กระหาย

“ คงใกล้แล้วล่ะค่ะ ออกไปกับเจ้าหลวงตั้งแต่เช้า เลยให้พรรณอยู่รอรับพี่แทน ” เพ็ญพิศุทธิ์พยักหน้าเข้าใจถึงเหตุผลเป็นอย่างดี

 

ไม่นานนักกันต์พร้อมกับเจ้าหลวงก็กลับมาถึง

“ คุณแม่ ” กันต์ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาผู้เป็นมารดา เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มดีใจอ้าแขนรออ้อมกอดจากลูกสาวของเธอ กันต์เดินเข้าไปรับไออุ่นแสดงความรักของแม่และลูก เพ็ญพิศุทธิ์หอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงก่อนจะละไปกอดผู้เป็นสามีอย่างอบอุ่น

“ งานราบรื่นดีใช่มั้ยคุณ ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ถามเรียบๆสีหน้ายิ้มแย้ม

ร่างเล็กเห็นพ่อและแม่ของเธอกำลังสนทนากัน จึงเดินไปนั่งข้างๆพิมพรรณและเปิดโทรศัพท์ชวนให้ดูนั่นดูนี่ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนม เพ็ญพิศุทธิ์ละสายตาจากสามีมามองลูกสาวอย่างมีข้อสงสัย

“ กันต์... ” เพ็ญพิศุทธิ์เอ่ยเรียกอย่างเรียบๆ

“ คะ? ” กันต์เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“ แม่รู้มาว่า ลูกมีคนที่กำลังคุยอยู่ด้วย ” เพ็ญพิศุทธิ์ถามขึ้นเรียบอย่างตรงไปตรงมา เจ้าหลวงรังสิมันต์ยิ้มนิดๆหันไปมองหน้าลูกสาวเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร

“ ค่ะ...” กันต์ตอบสั้นๆน้ำเสียงเรียบนิ่งพอจะรู้ว่าเพ็ญพิศุทธิ์คงจะมีสายคอยรายงานอยู่ที่นี่

“ เค้าเป็นใคร ” เพ็ญพิศุทธิ์ถามต่อพร้อมเหล่สายตาไปทางพิมพรรณที่กำลังจ้องมองมาเช่นกัน

“ คุณเพาภิรมย์ค่ะ เป็นเพื่อนสนิทของน้าพรรณ ” กันต์ตอบเรียบๆแต่ยังโบยให้พิมพรรณรับช่วงพูดต่อ น้าสาวหันหน้ามองหลานตัวเองเบิกตาโตที่อยู่ๆก็โยนเรื่องมาให้เธอรับหน้าเสียนี่ กันต์ยิ้มนิดๆและหันไปทำไม่รู้ไม่ชี้

“ อะ ..เอ่อ..เอ่อ คือ..คือเพาภิรมย์เนี่ย เป็นเพื่อนสนิทของพรรณเองค่ะ สมัยตอนที่พรรณไปเรียนที่กรุงเทพ ” พิมพรรณเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เพ็ญพิศุทธิ์ฟังจนกระจ่าง เพ็ญพิศุทธิ์พยักหน้ารับรู้

“ แน่ใจนะ ว่าเพื่อนของเธอเป็นคนดี ” เพ็ญพิศุทธิ์ถามย้ำอีกรอบ

“ แน่ใจซิคะ เพาเป็นคนจริงจังกับความรักมาก ไม่มีทางที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแน่ พี่เพ็ญสบายใจได้ ” พิมพรรณพูดหนักแน่นย้ำแล้วย้ำอีกมั่นใจในตัวเพื่อนสาวของตัวเองที่เป็นที่สุด

“ กันต์...มาหาแม่สิลูก ” เพ็ญพิศุทธิ์เรียกลูกสาวให้เข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างเธอกับเจ้าหลวงรังสิมันต์

“ แม่เชื่อในการตัดสินใจของลูกนะ ลูกจะคบใคร จะรักใครแม่ไม่ห้าม ขอให้เค้ารักกันต์ได้ครึ่งหนึ่งของที่แม่รักก็พอ ” เพ็ญพิศุทธิ์พูดอย่างอบอุ่นมือลูบแก้มลูกสาวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ

กันต์ยิ้มอย่างมีความสุขกอดมารดาของตัวเองแน่นแทนคำพูดใดๆทั้งสิ้น เจ้าหลวงรังสิมันต์เห็นภาพนั้นก็ปลื้มใจ ก่อนที่กันต์คลายกอดจากผู้เป็นแม่และหันมากอดบิดาของเธออย่างรักใคร่

“ กันต์ อย่าลืมคำที่พ่อเคยสอนมาโดยตลอด พ่อสอนให้ลูกเป็นผู้นำ เราต้องเข็มแข็ง รักแล้วอย่าเสียใจ อย่าร้องไห้ให้ใครเห็น เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกร้องไห้คือวันที่พ่อเสียใจที่สุดในชีวิต ” เจ้าหลวงรังสิมันต์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มลูบผมของลูกสาวดั่งดวงใจร่างบางน้ำตาคลอเมื่อรับรู้ถึงความรักของพ่อและแม่ที่มีต่อเธออย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พิมพรรณนั่งปลื้มปิติเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น

 

1 อาทิตย์ ผ่านพ้นไป..... “ กันต์ยังไม่ลงมาทานข้าวอีกเหรอ ” เพ็ญพิศุทธิ์ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เอ่ยถามพิมพรรณที่นั่งอยู่ด้วย

“ วันนี้เจ้าย่าเรียกให้ไปทานมื้อเช้าด้วยน่ะค่ะ คงจะคิดถึง ” พิมพรรณบอกอย่างยิ้มแย้มเพ็ญพิศุทธิ์พยักหน้าเข้าใจอมยิ้มตามไปเช่นกัน

“ คุณพี่คะ วันนี้คุณกานดามีงานด่วนที่กรุงเทพเลยโทรมาบอกว่ามาไม่ได้แล้ว แต่จะให้พลอยมาแทนนะคะ ” เพ็ญพิศุทธิ์หันไปพูดกับเจ้าหลวงรังสิมันต์

“ พลอย...ลูกสาวของคุณกานดานิ กลับมาจากอเมริกาแล้วเหรอ ” เจ้าหลวงถามกลับเรียบๆ

“ ค่ะ เห็นบอกว่าเรียกกลับมาช่วยดูแลเรื่องงานน่ะค่ะ ” เพ็ญพิศุทธิ์ตอบสีหน้ายิ้มแย้ม

“ อืมไม่เป็นไร...รายละเอียดก็คุยกันไว้หมดแล้ว เหลือแค่เซ็นเอกสารต่างๆ คงจะให้ลูกสาวทำหน้าที่แทน คุณก็จัดการเลยก็แล้วกัน ” เจ้าหลวงรังสิมันต์กล่าวยกหน้าที่ให้เพ็ญพิศุทธิ์เป็นผู้ดูแล

 

เวลาสิบโมงตรง รถเบนซ์สีขาวฟิล์มดำสนิท แล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบานหรูของคุ้มหลวง ปรากฏสตรีหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด แต่งตัวไฮโซ เรียบหรูดูดี

“ คุณพลอยขวัญใช่มั้ยคะ ” หญิงรับใช้ยืนต้อนรับและถามอย่างสุภาพ

“ ใช่ค่ะ ” หญิงหน้าตาดีตอบสีหน้าที่ยิ้มแย้มไม่ผิดเพี้ยนเธอคือ พลอยขวัญ เวศธีรนันท์ ลูกสาวคุณกานดาแขกคนสนิทของเพ็ญพิศุทธิ์

“ เชิญที่ห้องรับแขกเลยค่ะ อีกสักครู่ คุณเพ็ญพิศุทธิ์ จะลงมานะคะ ” หญิงรับใช้พูดอย่างนอบน้อมและนำพาพลอยขวัญไปนั่งรอที่ห้องโถงใหญ่ หญิงรับใช้อีกคนนำน้ำส้มคั้นและน้ำเปล่ามาเสริฟ

“ ขอบใจจ้ะ” พลอยขวัญเอ่ยบอกเสียงหวาน หยิบน้ำส้มคั้นขึ้นมาดื่มและมองไปรอบๆชมความสวยงามของคุ้มหลวงที่ใหญ่โตหรูหรานึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนเธอเคยมาที่นี่กับพ่อและแม่


พลอยขวัญหันมาพลางจะชิมรสหวานของน้ำส้มคั้นอีกสักคำสายตากับไปหยุดนิ่งมองหญิงสาวที่กำลังก้าวขาเดินลงจากบันได ในชุดเดรชสีเขียวเข้มทำให้สีผิวขาวของเธอเปล่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยผมสยาย ใบหน้านิ่งแต่ซ่อนความมีเสน่ห์อยู่อย่างหน้ามอง สายตาจับจ้องไปยังโทรศัพท์ที่กำลังกดอยู่และไม่ได้สนใจสิ่งรอบด้านมุ่งหน้าเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ได้ผ่านเธอแต่สามารถไปถึงทางออกของประตูเพื่อขึ้นรถคันหรูของเธอที่จอดรออยู่ พลอยขวัญมองตามอย่างไม่ละสายตาจนรถปอร์เช่คันหรูขับออกไป

ระหว่างนั้นหญิงรับใช้คนหนึ่งเดินผ่านมา

“ เอ่อ..เดี๋ยวค่ะ ” พลอยขวัญร้องเรียกเบาๆ หญิงรับใช้รีบเดินมาหยุดรอฟังคำถาม

“ คือ...เมื่อสักครู่ ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงจากบันไดมา แล้วก็ขับรถออกไป....เค้าเป็นใครเหรอ ” พลอยขวัญถามสายตาแอบแวววาวนิดๆ

“ อ๋อ..คุณหมายถึงเจ้าเหรอคะ ” หญิงรับใช้ยิ้มถามกลับ หญิงสาวนิ่วหน้าคิดชั่วครู่

“ เจ้า?..” พลอยขวัญพูดอย่างสงสัย

“ เจ้ากันต์ฎรัศมิ์ ค่ะ.. ” หญิงรับใช้ตอบเสียงเรียบพร้อมกับโบกมือไปทางรูปภาพขนาดใหญ่อีกทาง

พลอยขวัญมองตามมือและเดินไปดูรูปถ่ายที่เป็นภาพครอบครัว คนอื่นดูจะไม่เตะตาเท่ากับหญิงคนเมื่อสักครู่ที่ทำให้เธอจ้องมองไม่กระพริบตาพิจารณาใบหน้าอย่างไม่รู้เบื่อ พลอยขวัญพลางนึกคิดไปด้วย เธอรู้มาบ้างว่าเจ้าหลวงรังสิมันต์และเพ็ญพิศุทธิ์มีลูกสาวคนเดียวและถูกส่งไปอยู่เมืองนอกแต่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่รู้สึกตอนนี้จะสนใจขึ้นมาเป็นพิเศษ


“ เจ้ากันต์ฎรัศมิ์ รัฎศักดิ์ ทายาทของเชียงรัฐแห่งนี้ ” เสียงพิมพรรณดังขึ้นหลังจากที่เธอยืนดูพลอยขวัญอยู่สักพัก

“ อ้าว พรรณ ” พลอยขวัญเมื่อหันมองตามเสียงนั้นจึงเอ่ยทักทาย

“ มานานแล้วเหรอ ” พิมพรรณถามสีหน้ายิ้มแย้มเพราะเธอกับพลอยขวัญรู้จักกันและเคยเจอกันบ้างแล้วหลังจากที่พลอยขวัญกลับมาเมืองไทย

“ สักพักแล้วล่ะ ” พลอยขวัญยิ้มหวานตอบกลับและหันไปสนใจกับรูปภาพสำคัญนั้นต่อ

“ กันต์ฎรัศมิ์...” เสียงพลอยขวัญเรียกชื่อของกันต์ออกมาอย่างไม่รู้ตัว พิมพรรณเมื่อเห็นกิริยาพลอยขวัญก็เริ่มเดาออกว่าเสน่ห์ของหลานสาวตัวเองกำลังส่งมาหาพลอยขวัญเต็มๆ

“ จ้องขนาดนั้นคิดอะไรหรือป่าวจ๊ะ...” พิมพรรณเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงแกล้งถามออกไป

“ คิดสิ คิดตั้งแต่เจอหน้าแล้ว ” พลอยขวัญพูดเสียงหวานในขณะที่ยังคงมองรูปไม่ละสายตา

“ เธอมาช้าไปนะ...พลอย ” พิมพรรณพูดออกมาเป็นในๆจนทำให้พลอยขวัญรับรู้ได้ ใบหน้าที่กำลังมีแต่รอยยิ้มก็ค่อยๆจางหายไป

“ เธอหมายความว่ายังไง ” พลอยขวัญถามสีหน้าหม่นหมองทันที

“ กันต์มีคนรักแล้ว ” พิมพรรณตัดสินใจพูดออกมาให้พลอยขวัญได้รู้แจ้งกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้เจ้าตัวคิดไปไกลมากกว่านี้

พลอยขวัญรู้สึกแน่นอยู่อกเหมือนหยาดน้ำใสๆจะหล่นโรยออกมาด้วยความผิดหวัง นึกสับสนในใจที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนคนอย่างพลอยขวัญจะมาเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอเป็นไปไม่ได้ถ้อยความคิดถูกเปล่งออกมาในใจ พิมพรรณได้แต่ยิ้มบางๆให้และเดินออกไปจากตรงนั้นเมื่อเห็นว่าเพ็ญพิศุทธิ์กำลังมา พลอยขวัญจึงตั้งสติและรีบทำหน้าที่ของเธอแทนมารดาที่มอบหมายให้มาในวันนี้ เพ็ญพิศุทธิ์จึงเรียกให้พลอยขวัญเข้าไปคุยในห้องทำงาน

 

เมื่อการเซ็นเอกสารของการติดต่อซื้อผ้าไหมตลอดทั้งสองปี เพื่อนำไปตกแต่งธุรกิจรีสอร์ทของทางครอบครัวเธอเสร็จสิ้น พลอยขวัญจึงกลับทันทีขณะที่รถของเธอกำลังเคลื่อนออกจากประตูทางเข้าออกขนาดใหญ่ของคุ้มหลวงเชียงรัฐก็สวนกับรถปอร์เช่คันเดิมที่กลับเข้ามาพอดี แต่เธอไม่สามารถมองเห็นด้านในเนื่องจากฟิล์มมืดสนิท พลอยขวัญจึงจอดรถและรอดูจนกว่าเจ้าของจะลงมา

กันต์ขับรถเข้ามาจอดโดยมีคนดูแลรถมาเปิดประตูให้ พลอยขวัญมองกันต์จนร่างบางเดินหายไปสุดสายตานึกคิดกับตัวเองว่าเธอกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้เช่นไรแอบมองคนอื่นที่ยังไม่เคยแม้แต่จะทำความรู้จักหรือเธอกำลังหลงชอบหญิงสาวคนนั้น

 


เช้าวันต่อมา กานดาเดินทางมาที่ออฟฟิศของโรงงานผ้าไหมพร้อมกับพลอยขวัญที่คะยั้นคะยอให้แม่ของเธอมาเลือกสี ขนาด ตามความต้องการของรีสอร์ทด้วยตัวเองและเธอเองก็อยากมาหาใครบางคนด้วย เมื่อการเลือกผ้าไหมที่ต้องการเสร็จสิ้นลง กานดาและเพ็ญพิศุทธิ์จึงนั่งคุยกันต่อนิดหน่อยพลอยขวัญจึงออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้เล็กๆแก้เบื่อ

ในขณะนั้นกันต์ที่เดินผ่านมามือข้างหนึ่งยื่นขึ้นไปบังใบหน้าเพื่อหลบแสงแดดและรีบเดินเพื่อที่จะรีบเข้าออฟฟิศจึงไปชนเข้ากับพลอยขวัญที่กำลังเดินเล่นเพลินๆ

“ โอ๊ะ!! ” เสียงอุทานของพลอยขวัญดังเหมือนตกใจและเจ็บนิดๆ

“ ขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรหรือป่าวคะ ” กันต์ถามอย่างเป็นห่วงฝ่ายตรงข้าม น้ำเสียงเรียบนิ่งนุ่มนวลของร่างเล็กทำให้พลอยขวัญหวิวใจค่อยๆหันไปมองเจ้าของหางเสียงนั้น พลอยขวัญเก็บความรู้สึกไว้เพราะตอนนี้ดีใจมากที่ได้เจอกันต์ เธอมองหญิงตรงหน้าอย่างไม่อาจปิดกั้นหัวใจของตัวเอง
“ อ๋อ ไม่เป็นอะไรค่ะ ” พลอยขวัญพูดและยิ้มให้

“ ขอโทษนะคะ ” กันต์พูดขึ้นอีกครั้งส่งยิ้มอบอุ่นให้จากใจจริงที่รู้สึกผิดและหันหลังเตรียมจะเดินเลี่ยงออกไป

“ เอ่อ..คุณคะ ” พลอยขวัญรีบเรียกก่อนที่ร่างบางจะเดินไปไกล กันต์หันกลับมารอฟังคำถาม

“ คุณคือ เจ้ากันต์ฎรัศมิ์ ใช่มั้ยคะ ” พลอยขวัญเดินเข้ามาใกล้และถามออกไปทั้งที่ในใจก็รู้อยู่แล้วแต่แค่อยากชวนคุยเพื่อสร้างความสนิทสนม

“ ใช่ค่ะ ” กันต์ตอบเรียบๆ

“ ฉันพลอยขวัญค่ะ ” พลอยขวัญแนะนำตัวเองเสียงหวาน

“ คุณพลอยขวัญ? คุณคือพี่พลอยลูกคุณอากานดา ” กันต์ได้ยินที่พลอยขวัญแนะนำตัวเองก็นึกออกเพราะเพ็ญพิศุทธิ์บอกเธอตั้งแต่เมื่อวาน

“ ใช่ค่ะ ” พลอยขวัญแอบเขินพอใจที่กันต์เรียกเธอว่าพี่

“ เจ้ารู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ ” พลอยขวัญส่งสายตาแวววาว

“ คุณแม่พึ่งบอกเมื่อวานน่ะค่ะ ” กันต์ตอบเรียบๆเช่นเคยแอบชมหญิงตรงหน้าในใจเพราะใบหน้าก็สวยไม่ใช่เล่น

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เจ้า ” พลอยขวัญบอกเสียงหวาน

“ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แต่คุณพลอยเรียก กันต์ เฉยๆก็ได้ค่ะ ” กันต์ตอบนุ่มนวล

“ ถ้าอย่างนั้น กันต์ก็ต้องเรียกคุณพลอยว่า พี่พลอย ตกลงมั้ยคะ ” พลอยขวัญยังคงส่งสายตาหวานไม่เลิก

“ ตกลงค่ะ ” กันต์ยิ้มตอบเช่นกัน

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ กันต์ ” พลอยขวัญพูดพร้อมยื่นมือออกไปรอรับ

“ เช่นค่ะ พี่พลอย ” กันต์ยื่นมือออกไปรับมิตรภาพทำความรู้จักอย่างเต็มตัว


สองมือสัมผัสกันพลอยขวัญจับมือที่นุ่มนิ่มนั้นและมองใบหน้าที่อมรอยยิ้มอย่างสวยงาม ระหว่างนั้นเพ็ญพิศุทธิ์และกานดาก็ออกมาจากออฟฟิศพอดีพลอยขวัญจึงต้องปล่อยมือของกันต์ออก

 

“ รู้จักกันแล้วใช่มั้ย ” เพ็ญพิศุทธิ์ถามขึ้นเมื่อเห็นพฤติกรรมทั้งคู่ กันต์พยักหน้าและยิ้มนิดๆแทนคำตอบ

“ ผ้าไหมถูกใจใช่มั้ยคะ คุณอา ” กันต์หันไปถามกานดาที่เดินมาด้วย

“ ถูกใจมากจ้ะ รู้ใจอาที่สุด ” กานดาตอบพึงพอใจ พลอยขวัญได้ยินจึงรู้ว่ากันต์เป็นคนเลือกผ้าไหมทั้งหมดก็ยิ่งชอบใจเพราะสื่อให้รู้ว่ากันต์เป็นคนทำงานเก่งและคล่องแคล่ว


กานดาและพลอยขวัญนั่งรถกลับที่มีคนขับให้ในใจคิดถึงแต่กันต์อยู่ตลอดเวลา ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถปิดไฟที่กำลังพลุกพล่านอยู่ในตัวได้เสียแล้วพยายามท่องเสมอว่าเค้ามีเจ้าของแต่เมื่อใจมันเรียกร้องอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้อย่างเธอจะไม่มีวันยอม คนที่ไม่เคยได้รับการปฏิเสธจากใครอย่างเธอจะไม่ยอมใครหน้าไหนทั้งนั้น

 

หลายวันต่อมา..... อิงฟ้ามาหากันต์ที่คุ้มหลวงแต่ไม่เจอถามหญิงรับใช้ก็ไม่รู้เรื่องเลยเดินหาไปรอบๆ

“ ไปไหนนะ ” อิงฟ้าที่เริ่มหงุดหงิดบ่นพึมพำ พลอยขวัญเองที่พึ่งมาถึงตั้งใจมาหากันต์เช่นเดียวกันเดินลงจากรถเหลือบไปเห็นนพจึงเรียกมาถามทันที


“ เจ้าไปเหมืองครับ ” นพบอกเรียบๆ

พลอยขวัญพยักหน้ารับและรีบไปเหมืองเพชรที่อยู่ห่างจากคุ้มหลวงไม่มากนัก ระหว่างนั้นเองอิงฟ้าที่กำลังตามหากันต์ได้ยินเข้าพอดี

“ นี่คุณพลอยขวัญนิ กลับมาจากเมืองนอกแล้วเหรอเนี่ย ถามหาเจ้าทำไม เจ้าไปเหมืองงั้นเหรอ ” อิงฟ้าเด็กสาวที่นิสัยโตเกินอายุรู้จักพลอยขวัญและสงสัยบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรตามไป

เมื่อพลอยขวัญมาถึงก็กวาดตาไปรอบๆไม่สามารถรู้ได้ว่ากันต์อยู่ที่ไหนเห็นก็แต่เครื่องจักรและคนที่กำลังทำงานกันอย่างคับคั่ง

“ มาหาใครครับ ” คนงานคนหนึ่งแต่งตัวรัดกุมครบเครื่องความปลอดภัยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวมองหาใครบางคน

“ เอ่อ...เจ้าอยู่ที่นี่หรือป่าวคะ ” พลอยขวัญถามออกไปเมื่อเจอชายคนหนึ่งพึ่งเดินเข้ามา

“ อ๋อ..เจ้ามาตั้งแต่เช้าและกลับออกไปแล้วครับ แต่ผมเห็นรถของเจ้าเลี้ยวไปทางสนามยิงปืนด้านโน้น เจ้าน่าจะอยู่ที่นั้นนะครับ ” คนงานบอกกล่าวพร้อมกลับชี้นิ้วไปทางหนึ่งที่มุ่งหน้าไปสนามยิงปืนของเชียงรัฐที่เปิดให้บริการแก่ผู้มาเยือนและต้องการฝึกยิงปืน

“ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ” พลอยขวัญหันมองตามที่คนงานชี้นิ้วบอกทางก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณน้ำใจและเดินกลับขึ้นรถ

“ ยิงปืน...” พลอยขวัญพูดขึ้นกับตัวเองยิ้มออกมานึกถึงกันต์ที่ไม่คิดว่าจะชอบเรื่องพวกนี้มันช่างทะมัดทะแมงเกินตัวบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใน

ไม่รอช้าพลอยขวัญจึงรีบขับรถมุ่งหน้าไปที่สนามยิงปืนทันที อิงฟ้าที่ขับรถตามมาเห็นรถของพลอยขวัญขับออกไปจากเหมืองนิ่วหน้างงแต่ก็ตัดสินใจขับตามไปด้วยความอยากรู้

 

 

ทางด้านเพาภิรมย์ที่งานของเธอเสร็จก่อนกำหนดเธอจึงกลับไปเคลียร์งานที่บริษัทของตัวเองให้เรียบร้อยและมุ่งหน้ากลับมาที่เชียงรัฐโดยมีพิมพรรณที่แอบติดต่อโดยไม่ให้กันต์รู้ไปรับที่สนามบิน

“ เธอออกมากันต์ไม่รู้เหรอ ” เพาภิรมย์ที่พึ่งลงจากเครื่องเอ่ยถามพิมพรรณที่รอรับอยู่หน้าสนามบิน

“ ไม่รู้หรอก ไปเหมืองตั้งแต่เช้า แต่ตอนนี้ไปสนามยิงปืนแล้วเมื่อกี๊ฉันพึ่งโทรไปหา ” พิมพรรณบอกอย่างตื่นเต้นพร้อมขึ้นรถและพาเพาภิรมย์ไปที่สนามยิงปืนทันที

“ ยิงปืน กันต์ยิงปืนเป็นด้วยเหรอ ” เพาภิรมย์ทำหน้างุนงงพูดออกมาอย่างแปลกใจ

“ เป็นสิ ยิงแม่นด้วยนะ ฉันเคยให้กันต์สอนให้ แต่ยิงไม่เคยโดนเป้าเลย สงสัยจะไม่ใช่ทางของฉัน ” พิมพรรณสาธยายออกมาพร้อมกับหัวเราะร่า

“ เหรอๆ สงสัยฉันต้องให้สอนให้บ้างแล้ว ไม่น่าเชื่อเนอะ นึกว่าเจ้าของฉันจะนุ่มนิ่มเป็นแมวเหมียวอย่างเดียวซะอีก ” เพาภิรมย์พูดพร้อมกับกุมมือตัวเองไว้ใต้คางอมยิ้มไป

“ คงจะแมวเหมียวเวลาอยู่กับเธอคนเดียวละม้างงง ” พิมพรรณหันไปพูดแซวๆ

“ อุ๊ย...บ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ ” เพาภิรมย์หันไปตีแขนเพื่อนสาวทำท่าจริตเคอะเขิน พิมพรรณหันมองทำหน้าหมันไส้พร้อมกับเสียงจิ๊จ๊ะใส่เพื่อนของเธอ

 

พลอยขวัญเมื่อขับรถเข้ามาถึงสนามยิงปืนก็ลงจากรถและเดินไปรอบๆเพื่อมองหากันต์ว่าอยู่ที่ไหน ในขณะที่เด็กอิงฟ้าก็แอบเดินตามมาติดๆ

“ สงสัยเจ้าจะอยู่ที่นี่ แล้วแม่นี่มาหาเจ้าทำไมนะ ” อิงฟ้าพูดอย่างสงสัย

“ ปัง!!..ปัง!!..ปัง!!..ปัง!!.. ” พลอยขวัญได้ยินเสียงปืนระรัวจากด้านหนึ่งจึงรีบเดินไปทางนั้นทันทีริมฝีปากค่อยๆฉีกยิ้มออกมาเมื่อเจอตัวเป้าหมายเสียที พลอยขวัญยืนพิจารณาร่างเล็กทุกส่วนสัด


กันต์ที่อยู่ในชุดเสื้อสูทสีดำตัวยาวคลุมสะโพกดึงแขนแค่ศอกดูทะมัดทะแมงและเสื้อกล้ามด้านในสีขาวรัดพอดีตัวคู่กับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วสีควันบุหรี่เอวต่ำสวมรองเท้าบูทหนังสำดำหุ้มข้อทำให้เห็นเรียวขาขาวๆได้อย่างชัดเจนเกล้าผมรัดตึงดูไม่เกะกะกำลังถอดถุงมือออกพร้อมกับดูเป้าที่เป็นรูพรุนเพราะรอยกระสุนด้วยฝีมือของเธอเอง

“ เก่งจัง... ” พลอยขวัญหยุดมองชั่วครู่มือไพล่หลังยิ้มหวานเดินเข้าไปหา

“ พี่พลอย มาได้ไงคะเนี่ย ” กันต์หันมาเจอพลอยขวัญยืนอยู่จึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ ถามคนนั้นคนนี้มาเรื่อยๆน่ะ กว่าจะเจอตัว ยากเหมือนกันนะ ” พลอยขวัญยิ้มพูดมองใบหน้าสวยแอบส่งสายตาหวานมาให้นิดๆ กันต์หัวเราะในลำคอเดินไปล้างมือด้านข้างที่มีคนเตรียมน้ำและผ้าขาวสะอาดไว้ให้ พลอยขวัญเดินมาหยิบปืนขึ้นและพลิกดูไปมา

“ อยากยิงปืนบ้างจัง กันต์สอนให้หน่อยได้มั้ย ” พลอยขวัญหันบอกกันต์ที่กำลังใช้ผ้าสะอาดเช็ดมืออยู่

“ ได้สิคะ..” กันยิ้มและพูดออกมา พลอยขวัญยิ้มถือปืนรอ กันต์เดินเข้ามาหาและเริ่มสอน

“ ขาห่างกันพอประมาณ จับปืนให้มั่นนะคะ ขอโทษนะคะ....? ” กันต์บอกรายละเอียดต่างอย่างใจเย็นและหยิบที่ครอบหูฟังกันเสียงปืนมาใส่ให้กับพลอยขวัญอย่างเบามือ


พลอยขวัญนิ่งไปชั่วขณะมองการกระทำของกันต์ที่แสนจะอ่อนโยนดูทะนุทะถนอมกับทุกคนที่อยู่ใกล้แอบยิ้มนิดๆอย่างพอใจก่อนที่จะมองไปที่เป้าหมายตามคำสั่งของผู้สอนที่ยืนกอดอกมองอย่างยิ้มๆเพราะเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของเธอ

“ ยิง! ” “ ปัง!! ” กันต์เอ่ยบอก พลอยขวัญยิงปืนออกไปแต่กับไม่ถูกเป้าเลยแม้แต่น้อย

“ โห...ไม่เห็นโดนเลยอ่ะ ” พลอยขวัญบอกอย่างเซ็งๆพร้อมกับถอดหูฟังกันเสียงปืนออกวางลงข้างๆ กันต์หัวเราะที่เห็นสีหน้าอันไม่ได้ดั่งใจของพลอยขวัญเอง ทำให้พลอยขวัญเห็นรอยยิ้มหวานๆของกันต์เต็มๆจนทำให้เธอหยุดมองอย่างชอบใจ อิงฟ้าที่แอบดูอยู่ตรงพุ่มไม้มองเห็นกิริยาสนิทสนมของทั้งคู่ถึงกับหมันไส้คิดที่จะถ่ายรูปเอาไว้เพื่อที่จะได้ส่งไปให้เพาภิรมย์เห็น

 

ด้านพิมพรรณที่ขับรถพาเพาภิรมย์มาถึงและพาเดินดูรอบๆของสนามยิงปืนที่วันนี้อากาศร่มรื่นเป็นพิเศษ “ แล้วจุดยิงปืนอยู่ตรงไหนล่ะ ” เพาภิรมย์ถามพร้อมกับมองไปรอบๆสีหน้ายิ้มแย้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มไปปอด

“ ทางนั้น ตามฉันมา... ” พิมพรรณพูดและเดินนำไป

 

พลอยขวัญยังคงออกอาการเซ็งไม่หาย ที่ยิงปืนพลาดเป้า มองปืนดูแล้วดูอีกอย่างสงสัยว่าไม่น่าจะยากแต่ทำไมกับยิงไม่ถูกเป้าเสียนี่


“ ลองอีกครั้งก็ได้ค่ะ ” กันต์พูดขึ้น พลอยขวัญยิ้มถือปืนรออีกรอบ

“ จับปืนนะคะ เล็งปืนไปที่เป้าหมาย ” กันต์บอกอย่างช้าๆเพื่อที่พลอยขวัญจะได้ค่อยๆทำตามพลอยขวัญเองก็ตั้งใจอย่างจริงจัง

“ อ้อ...เดี๋ยวๆ ” ขณะที่พลอยขวัญกำลังตั้งใจทำตามอยู่นั้น กันต์ก็พูดขัดขึ้นเสียก่อนและเข้ามายืนเยื้องๆทางด้านหลัง มือซ้ายจับที่หัวไหล่ซ้ายของเธอมือขวายื่นออกไปช่วยจับปืนที่ถือเล็งเป้าอย่างไม่ค่อยเป็นนัก

“ เวลาจับปืน...จับไม่ต้องแน่นมากและก็ไม่เบาจนเกินไป แขนขวาตึง ” กันต์จับมือของพลอยขวัญที่เก้ๆกังให้อยู่ในระนาบที่ถูกต้องกระซิบบอกเบาๆจนพลอยขวัญสัมผัสได้ถึงระยะที่ชิดใกล้ของร่างกายยืนยันจากที่กลิ่นน้ำหอมของกันต์ที่ผสมกับฟีโรโมนที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์วนเวียนเข้ามาแตะจมูก พลอยขวัญหันมองเพียงนิดใบหน้าของกันต์อยู่ใกล้เพียงคืบเธออยากจะสัมผัสร่างเล็กให้มากกว่านี้นัก

 

ระหว่างนั้นพิมพรรณพาเพาภิรมย์เข้ามาถึงจึงเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีอึ้งยืนนิ่งมองพฤติกรรมความใกล้ชิดของทั้งคู่ พิมพรรณหันมองเพาภิรมย์ที่ใบหน้าแปรเปลี่ยนไปไม่แพ้กันจากที่ร่าเริงเริ่มบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นร่างบางกำลังใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก อิงฟ้าเหลือบมองมาเห็นเพาภิรมย์ที่อยู่ๆก็มาที่นี่ได้โดยบังเอิญหรืออะไรไม่แน่ใจยิ้มออกมาอย่างเริ่มสนุกในสายตาเธอเมื่อเห็นท่าทางอันไม่พอใจของเพาภิรมย์ที่เห็นกันต์กับพลอยขวัญสนิทสนมกัน

“ มองไปที่เป้าหมาย...” กันต์เหมือนรู้ว่าพลอยขวัญหันมองเธอ เลยกระซิบบอกอีกครั้ง พลอยขวัญสูดลมหายใจเข้าหันมองเป้าหมายที่อยู่ไม่ไกลเกินความสามารถ

“ ยิง... ” กันต์ให้สัญญาณเสร็จ พลอยขวัญก็ยิงปืนออกไปทันที กระสุนพุ่งเข้าจุดกลางของเป้าหมายพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ กันต์ยิ้มออกมาเมื่อเห็นพลอยขวัญทำสำเร็จ

“ เย้!!! ขอบคุณนะคะ ทำได้แล้ว... ” พลอยขวัญดีใจเป็นที่สุด หันมาหากันต์ที่กำลังมองเป้ากระสุนอยู่ไกลๆยกมือขึ้นกอดคอของร่างเล็กและหอมแก้มแสดงความชอบอย่างตั้งใจพร้อมกับส่งสายตาหวานให้ กันต์ยืนนิ่งตกใจกับการกระทำนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรก่อนที่จะยิ้มออกมาบางๆพิมพรรณเบิกตาโตที่เห็นพลอยขวัญทำอะไรตามใจชอบอย่างที่ไม่ควรเป็นรีบเดินเข้าหาไปทันที


“ กันต์...! ” หลานสาวหันมองเมื่อได้ยินเสียงพลอยขวัญเองก็ปล่อยมือที่คล้องคอกันต์ไว้

“ ทำอะไร...! ” พิมพรรณกระซิบถามน้ำเสียงแอบดุ

“ พอดี พี่พลอยเค้าอยากยิงปืนน่ะค่ะ กันต์ก็เลยสอ.......คุณเพา...” กันต์พูดยังไม่ทันจบเมื่อเหลือบไปเห็นเพาภิรมย์ ที่ยืนบึ้งตึงสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง

“ ใช่...คุณเพา ของเจ้าไงจ๊ะ ท่าทางตอนนี้คงจะพิโรธไม่เบา ” พิมพรรณพูดสีหน้าแหย๋ๆที่สถานการณ์พลิกผันเซอร์ไพรส์จนเกินไป พลอยขวัญมองผู้หญิงที่มากับพิมพรรณที่สวย สูงสง่า อายุคงจะราวๆเธออย่างสงสัยว่าเป็นใคร

“ เอ่อ...เพาจ๊ะ นี่ พลอยขวัญเป็นแขกคนสนิทของที่นี่จ้ะ....เอ่อ พลอยจ๊ะ นี่เพาภิรมย์เป็นเพื่อนสนิทของฉันเองแล้วก็เป็น.... ”

“ I was his girlfriend.” ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำแนะนำของพิมพรรณ เพาภิรมย์จึงพูดแสดงความเป็นเจ้าของทันทีด้วยประโยคที่ถูกเปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่า... ฉันเป็นแฟนสาวของเขา พลอยขวัญรู้สึกหน้าชานิดๆแต่เธอต้องฝืนยิ้มบางๆออกไป


“ สวัสดีค่ะ...คุณเพาภิรมย์ ” พลอยขวัญเอ่ยทักทายขึ้น

“ สวัสดีค่ะ คุณพลอยขวัญ ” เพาภิรมย์ตอบกลับเสียงห้วน พลอยขวัญมองตาเพาภิรมย์อย่างไม่เกรงกลัว เพาภิรมย์ไม่หลบสายตาเช่นกันเปรียบเสมือนสองคนนี้กำลังประกาศความเป็นศัตรูกันเสียแล้ว กันต์ยืนนิ่งมองเพาภิรมย์อย่างไม่ค่อยเต็มสายตานักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา

 

“ คุณเพา จะมาทำไมไม่บอกกันต์ล่ะค่ะ กันต์จะได้ไปรับ.. ” กันต์พยามยามพูดอย่างเอาใจเพื่อคลายความตึงเครียดของเพาภิรมย์


“ ถ้าบอกก่อน....คงไม่เซอร์ไพรส์แบบนี้หรอก ” เพาภิรมย์ตอบกลับเสียงแข็งจ้องหน้ากันต์อย่างไม่พอใจสายตาเริ่มโมโหขึ้นเรื่อยๆ กันต์รู้ว่าเพาภิรมย์หมายถึงอะไรจึงได้แต่ยืนนิ่งๆ


“ ถ้างั้น ฉันกลับก่อนดีกว่า ” พลอยขวัญเอ่ยบอกกับพิมพรรณ พิมพรรณพยักหน้าและยิ้มบางๆ กันต์หันมองพลอยขวัญเมื่อเธอบอกว่าจะกลับ

“ พี่กลับก่อนนะคะ ” พลอยขวัญหันบอกกันต์เรียบๆ กันต์พยักหน้าและยิ้มให้ พลอยขวัญเหลือบมองเพาภิรมย์นิดๆที่กำลังมองเธออยู่เช่นกันก่อนที่เดินออกไป

 

อิงฟ้าที่คอยสังเกตเหตุการณ์อยู่ห่างๆยิ้มออกรู้ดีว่าทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกันเป็นแน่จึงเดินเลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อไปที่รถของเธอและขับออกไปเงียบๆ


เพาภิรมย์ไม่พอใจเป็นอย่างมากเดินออกจากสนามยิงปืน เพราะถ้าเธออยู่ต่อคงจะต้องระเบิดอารมณ์ร้อนออกมาเป็นแน่ กันต์รีบเดินตามไป

“ คุณเพา.....คุณเพาคะ...” กันต์ร้องเรียกเพาภิรมย์ที่เดินเร็วตรงมาเพื่อจะขึ้นรถของพิมพรรณที่จอดอยู่ กันต์วิ่งมาขวางหน้าประตูเพื่อไม่ให้เพาภิรมย์ขึ้นรถ

“ มาทำไม...ไม่ไปส่งเค้าล่ะ!! ” เพาภิรมย์พูดใส่หน้ากันต์ด้วยอารมณ์โมโหแต่ยังไม่รุนแรงมากนัก

“ ฟังก่อนซิคะ กันต์แค่สอนเค้ายิงปืน ไม่ได้มีอะไรซะหน่อย ” กันต์อธิบายอย่างใจเย็น

“ ไม่มีงั้นเหรอ! หว่านเสน่ห์นักหรือไง!! ถึงต้องชิดต้องใกล้!! แถมยังยืนให้เค้าหอมแก้มตามใจชอบอ่ะ!!! ห่ะ!!! ” เพาภิรมย์พูดออกมาเกรี้ยวกราดรู้ถึงความปรารถนาของพลอยขวัญที่มีต่อคนของเธอ กันต์ยืนนิ่งพูดไม่ถูกเบี่ยงหน้าหนีถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆที่จะอธิบายเมื่ออารมณ์ของเพาภิรมย์เริ่มปะทุขึ้นเรื่อยๆ

“ อย่ายุ่งกับเค้าอย่าสนิทกับเค้า!! เข้าใจมั้ย ” เพาภิรมย์ออกคำสั่งด้วยอารมณ์ที่โมโห

“ แต่... ”

“ ไม่มีแต่!!! ” เพาภิรมย์พูดขึ้นแทรกเสียงดัง กันต์ข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ร้อนรนเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหา พิมพรรณวิ่งเข้ามาเห็นสถานการณ์ปกติก็เบาใจ

 

ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของกันต์ก็ดังขึ้นเพาภิรมย์หันมองอย่างระแวงว่าใครโทรมา


“ ค่ะ ท่านพ่อ....ค่ะ กันต์จะรีบไป.. ” เพาภิรมย์ได้ยินว่าคุยกับเจ้าหลวงรังสิมันต์ก็โล่งใจ

“ น้าพรรณคะ เดี๋ยวโทรเลื่อนนัด คุณศศิธรให้กันต์ด้วยนะคะ กันต์ต้องเข้าประชุมกับท่านพ่อ คงกลับมาไม่ทัน ”

“ จ้ะๆ ” กันต์พูดรวดเร็วและไม่รอฟังคำตอบเดินเลี่ยงออกไปขึ้นรถของเธอที่จอดอยู่อีกมุมหนึ่ง ขณะที่พิมพรรณก็พยักหน้าตอบปากรับคำอย่างรีบเร่ง


“ ฉันไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น ” เพาภิรมย์เอ่ยพูดกับพิมพรรณ

“ คงไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย ” พิมพรรณปลอบใจอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

กันต์กลับเข้าคุ้มหลวงมาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาในชุดเดรสสีดำคอวีปกใหญ่แขนยาวเลยศอกพอดีตัวปล่อยผมสยาย รีบลงจากบันไดระหว่างนั้นก็ได้เจอกับเพาภิรมย์และพิมพรรณที่พึ่งกลับมาถึง เพาภิรมย์มองร่างบางอมยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเพราะใบหน้าและรูปร่างที่สวยอีกทั้งน้ำหอมกลิ่นโปรดของเจ้าของที่คลุ้งอยู่ในตัวทำให้เธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้เมื่อมีใครมายุ่งกับสาวน้อยตัวเล็กของเธออาการหึงหวงมักจะกำเริบอยู่ร่ำไป

“ อะแฮ่ม! กันต์ กลับเย็นหรือป่าว ” พิมพรรณเห็นหลานสาวออกอาการเคอะเขินเมื่อเห็นเพาภิรมย์จ้องเธออย่างไม่กระพริบตาเลยเอ่ยถามขึ้นเพื่อเรียกสติ

“ อะ..อ๋อ คงเย็นค่ะ ประชุมเสร็จก็คงมีเรื่องอื่นต่อ... ” กันต์ตอบเสียงใสเหลือบมองเพาภิรมย์ที่ยังคงมองมาไม่เลิกทำยังกับไม่เคยเห็นไปได้

“ กันต์ไปก่อนนะค่ะ ” กันต์บอกอย่างรีบๆพิมพรรณพยักหน้าและเดินเลี่ยงไปทางอื่นขณะที่กันต์ก็กำลังจะเดินผ่านเพาภิรมย์เพียงเสี่ยววินาทีกับถูกจมูกโด่งๆของคนข้างๆยื่นเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างรวดเร็ว ร่างเล็กหันมองเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวนัก เพาภิรมย์ทำไม่รู้ไม่ชี้ กันต์หน้าแดงกร่ำรีบเดินต่อมุ่งตรงมายังรถของเธอที่จอดรออยู่และขับออกไปทันที

 

 


:1: :1: :1:

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา