เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ
6.2
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.
44 ตอน
0 วิจารณ์
44.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ตัวมาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ ค่าๆ อยากมาก็มาสิ ตอนนี้กันต์ประชุมเสร็จแล้ว ” เสียงกันต์พูดกับพิมพรรณผ่านโทรศัพท์เนื่องจากเพาภิรมย์บอกให้โทรมาทำทีว่าจะมาหาเพื่อที่เธอจะได้ตามไปด้วย กันต์รู้อยู่แล้วว่าเป็นความต้องการของเพาภิรมย์ก็ได้แต่ยิ้มแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ร่างบางวางสายจากเครื่องมือสื่อสารพลางยืนคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่ถ่ายรูปคู่กับเพาภิรมย์
“ ทำไมถึงคิดไม่ออก...” กันต์ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง
เพาภิรมย์นั่งรถโดยมีพิมพรรณเป็นผู้ขับที่ตอนนี้ทั้งสองออกอาการเซ็งๆนิดหน่อยเนื่องจากขับรถออกมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนของอุบัติเหตุทำให้การจราจรติดขัดจนน่าเบื่อท้องฟ้าเริ่มมืดแถมฝนก็จะตก
“ เฮ้อ...แทนที่จะถึงเร็วๆ กับมาเจอรถติดอีก ” เสียงเพาภิรมย์พูดออกมาอย่างเซ็งๆ
“ เอาน่า ช่วยใจเย็นๆหน่อยนะคะคุณเพา ” พิมพรรณพูดตอบอย่างใจเย็นแต่สายตาก็เบื่อๆไม่แพ้กัน
“ ครื้นนน!! ” เสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ
“ ฝนก็จะตก ” เพาภิรมย์พูดพร้อมเปรยตาออกไปมองท้องฟ้าครึ้มที่มีสายฟ้าแลบแป๊บๆ
“ นั่นซิ งั้นฉันว่าไปอีกทางดีกว่าจะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครเค้า ” เพื่อนสาวพูดจบก็เปิดไฟเลี้ยวขับเคลื่อนรถเข้าไปในซอยที่มีป้ายติดไว้ว่าถนนส่วนบุคคล รถยนต์โลดแล่นเข้าไปในซอยที่เป็นทางลัดไปบริษัทโดยตรงทางนี้มีเพียงรถในคุ้มหลวงของเชียงรัฐเท่านั้นที่จะขับผ่านได้
“ พรรณ นั่นบ้านเหรอ ” เพาภิรมย์เหลือบไปเห็นบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักกำลังดีที่มีต้นไม้ปลูกเป็นทางยาวจนถึงตัวบ้าน
“ อ๋อ... เวียงฎรัศมิ์ ”
“ ชื่อเพราะดีจัง ชื่อเหมือนกันต์เลย ”
“ จะไม่ให้เหมือนได้ยังไง ก็บ้านของเค้า ” พิมพรรณหัวเราะในลำคอพร้อมกับพูดออกมา
“ บ้านของกันต์ ”
“ อืม เจ้าหลวงสร้างไว้ให้เมื่อก่อนที่กันต์จะไปอังกฤษ พอดีเจ้าตัวเค้าเห็นว่ารอบๆป่าทึบพวกนี้ มันร่มรื่นดี ก็เลยอยากสร้างบ้านหลังเล็กๆเอาไว้มาเที่ยวเล่นยามพักผ่อน ” พิมพรรณอธิบายให้เพาภิรมย์ฟัง เพื่อนสาวพยักหน้ายิ้มขณะหันมองบ้านอย่างสนใจ
“ แต่กันต์ไม่เคยมานอนอยู่ที่นี่หรอก จะมาก็แต่ตอนเช้าพอบ่ายๆก็กลับ ” น้าสาวพูดถึงหลานรักอย่างขำๆ
“ ทำไมล่ะ น่าอยู่จะตายไป ” เพาภิรมย์หันถามอย่างสงสัย
“ ตอนเช้าก็ร่มรื่นจริงๆนะ แต่พอกลางคืนเนี่ย ป่าทึบพวกนี้ก็มืดมาก นี่อย่าไปบอกใครนะ คุณเจ้าเธอกลัว ไม่กล้ามานอนหรอก 5555 ” พิมพรรณทำท่ากระซิบกระซาบสองสาวพากันหัวเราะร่า
“ ฝนตกแรงเหมือนกันนะเนี่ย ” เพาภิรมย์พูดเปรยๆออกมาและมองไปรอบๆทางที่มองไม่ค่อยเห็นนัก พิมพรรณจึงต้องขับรถช้าๆเพื่อความปลอดภัย
“ อืมใช่ นี่ถ้ากันต์นั่งอยู่ในรถ คงจะคลุมโปงแล้วล่ะ ” พิมพรรณเงยมองท้องฟ้าและพูดปนหัวเราะ
“ ทำไมต้องคลุมโปงด้วยล่ะ กลัวฝนเหรอ ” ใบหน้าสวยหันมาถามอย่างสนใจเพราะเมื่อวานตัวเล็กของเธอไม่เห็นจะออกอาการกลัวอะไรนอกจากไก่
“ ฝนน่ะ ไม่กลัวหรอก แต่เวลาฟ้าร้อง แล้วมีแสงแว๊บๆเข้าตาเนี่ย จะกลัวมาก ” พิมพรรณพูดอย่างขำๆ
“ จริงเหรอ ” เพาภิรมย์ยิ้มถามเหมือนไม่น่าเป็นไปได้
“ ก็ใช่น่ะสิ ใครจะรู้ว่า เจ้ากันต์ฎรัศมิ์ผู้เข็มแข็งเก่งไปซะทุกเรื่อง เสียงปืนไม่กลัว แต่กับกลัวเสียงฟ้าร้องซะงั้น ”
“ เวลาฟ้าร้องหนักๆนะ พี่เพ็ญต้องเข้าไปนอนกอดจนถึงเช้า ยังกับเด็ก ” น้าสาวแอบนินทาหลานตัวเองอย่างเริงร่าในขณะที่เพาภิรมย์ก็อมยิ้มตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอยังไม่เคยได้เห็นอย่างสนอกสนใจ
“ รถทุกคันที่กันต์นั่งนะ จะต้องมีผ้าผืนใหญ่ๆสีทึบๆติดรถไว้ทุกคัน เพราะถ้าเกิดฝนตก จะเอามาใช้คุลมโปง นี่ฉันนึกไม่ออกเลยนะว่าถ้าเกิดขับรถไปคนเดียวแล้วเจอฝนตกแบบนี้จะทำยังไง ขนาดรถของฉันยังมีเลยเนี่ย ” พิมพรรณพูดปนหัวเราะชี้ไปบนท้องฟ้าที่กำลังโปรยสายฝนลงมาค่อนข้างแรงก่อนที่จะหยิบผ้าหนาผืนหนึ่งมาวางบนตักของเพาภิรมย์
“ คงจะกลัวมากจริงๆ ” เพาภิรมย์ยิ้มพูดและหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นพิสูจน์กลิ่นน้ำหอมของเจ้าของเบาๆที่ยังคงมีกลิ่นติดอยู่จางๆนึกถึงใบหน้าของคนรักก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ณ ห้องทำงานในตำแหน่งรองประธานบริษัท หญิงสาวกำลังก้มหน้าตรวจงานอย่างขมัดเขม้น พลางเดินหยิบเอกสารและเดินคิดงานเรื่อยเปื่อย ร่างบางเดินมาหยุดอยู่กลางห้องก้มหน้ามองแฟ้มเอกสารที่ถืออยู่ในมือมาดผู้บริหารเต็มตัว ในขณะเดียวกันประตูห้องก็ถูกเปิดออกช้าๆ
“ มาช้าจัง คิดถึงแล้วนะ ” กันต์เห็นเพียงหางตาจึงได้พูดเสียงหวานออกไปในขณะที่ยังคงก้มหน้ามองงานอยู่
“ คิดถึงจริงหรือป่าว... ” เสียงตอบกลับหวานเช่นกันแต่ไม่ใช่เสียงของเพาภิรมย์ทำให้กันต์หยุดสายตาจากการอ่านตัวหนังสือและหันกลับมองตามเสียงนั้น
“ พี่พลอย!! ” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงเรียกชื่อด้วยความตกใจเมื่อเห็นพลอยขวัญสีหน้าตื่นตระหนก
“ ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ทำหน้ายังกับเห็นผี ” พลอยขวัญพูดพลางเดินนำกระเป๋ายี่ห้อดีของเธอไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน กันต์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือหวั่นใจว่าเพาภิรมย์จะมาถึง พลอยขวัญเห็นกิริยานั้นเข้าพอดีบวกกับคำทักทายเมื่อครู่ก็รู้แจ้งว่ากำลังจะมีคนมาในอีกไม่ช้า ร่างเล็กถอนหายใจระบายความวิตกในตัว ก่อนจะหันหน้ากลับมาและเดินมาหาสาวสวยที่ยืนยิ้มหวานกอดอกพิงโต๊ะทำงานอยู่
“ พี่พลอย มีธุระอะไรเหรอคะ ”
“ มีสิ เพราะกันต์นั่นแหละมันถึงเป็นแบบนี้ ” พลอยขวัญเห็นระยะห่างของการพูดคุยที่อีกคนนึงทำเธอจึงเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาเสียงแข็งด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
“ กันต์ทำอะไรเหรอคะ? ” ใบหน้าเรียวถามด้วยสีหน้าที่แปลกใจ
“ เรื่องงานวันนั้น ” พลอยขวัญยังคงเสียงแข็งจนทำให้กันต์ไม่สบายใจตัดเรื่องอื่นออกไปจากหัวและรีบเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาระยะไม่ใกล้
“ งาน...งานมีอะไรเหรอคะ ไม่พอใจตรงไหน บอกกันต์ได้นะคะ ” พลอยขวัญยังคงนิ่ง
“ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกันต์เอาแบบงานมาให้ดูนะคะ ” ริมฝีปากบางบอกเสร็จก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหยิบงานที่ว่า แต่กับถูกมือนิ่มข้างหนึ่งดึงกลับมา พลอยขวัญยืนขึ้นเต็มความสูงผลักร่างเล็กลงหาโซฟาตัวยาว เนื่องจากโซฟามีพื้นที่แคบสาวสวยจึงย่อตัวลงค่อมร่างบางไว้ด้วยขาข้างหนึ่ง กันต์หน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าหวานกำลังจ้องมองด้วยเสน่หาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะหันซ้ายขวาด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ เพราะงานวันนั้น....มันเลยทำให้พี่ต้องมาที่นี่อีกครั้ง.. ” พลอยขวัญพูดพร้อมกับไล่นิ้ววนไปบนใบหน้าเรียวที่มีเหงื่อไหลหยดเป็นเม็ดๆสายตาจ้องมองอย่างลุ่มหลงเหลือบมองหน้าอกที่เคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจขาดๆหายๆ กันต์ยังคงดิ้นอยู่ใต้ร่างเพื่อหาทางรอดพ้น พลอยขวัญคว้าข้อมือเล็กจับกดไว้แน่นเหนือศีรษะไม่ยอมให้มาเป็นอุปสรรค
“ อย่าค่ะ!!! พี่พลอย พี่ไม่ควรทำแบบนี้ ” กันต์พูดเสียงแข็งเพื่อเตือนสติของคนบนร่าง
“ ทำไมล่ะคะ พี่มีข้อด้อยตรงไหนเหรอ....กันต์ถึงปฏิเสธพี่ ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยถามบางเบา
“ ไม่เกี่ยวกับข้อด้อยอะไรทั้งสิ้นค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่ไม่ควรทำกับกันต์แบบนี้ ” ร่างบางบอกอย่างใจเย็น
“ ทำไม...”
“ พี่พลอยรู้ดีค่ะ....ว่าทำไม ” ริมฝีปากบางพูดออกมาเรียบๆเพราะพลอยขวัญควรจะคิดเองได้ว่าทำไมกันต์ถึงปฏิเสธการละเมิดสิทธิ์จากเธอ
ใบหน้าหวานฉีกยิ้มเบาๆไม่พูดอะไรต่อ นอกจากมองดวงหน้าเรียวและริมฝีปากบาง พลอยขวัญก้มลงหมายจะจุมพิตกลีบปากที่สั่นระริกอย่างโหยหา แต่เจ้าของกับเม้มเอาไว้แน่นคล้ายกับหวงนักหนา กันต์พยายามดิ้นรนเพื่อให้ร่างกายหลุดพ้นจากคนที่ดื้อรั้น
“ พี่พลอย!! ปล่อย!! ”
************************
ลบเนื้อหาบางส่วน
“ ทำไมถึงคิดไม่ออก...” กันต์ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง
เพาภิรมย์นั่งรถโดยมีพิมพรรณเป็นผู้ขับที่ตอนนี้ทั้งสองออกอาการเซ็งๆนิดหน่อยเนื่องจากขับรถออกมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนของอุบัติเหตุทำให้การจราจรติดขัดจนน่าเบื่อท้องฟ้าเริ่มมืดแถมฝนก็จะตก
“ เฮ้อ...แทนที่จะถึงเร็วๆ กับมาเจอรถติดอีก ” เสียงเพาภิรมย์พูดออกมาอย่างเซ็งๆ
“ เอาน่า ช่วยใจเย็นๆหน่อยนะคะคุณเพา ” พิมพรรณพูดตอบอย่างใจเย็นแต่สายตาก็เบื่อๆไม่แพ้กัน
“ ครื้นนน!! ” เสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ
“ ฝนก็จะตก ” เพาภิรมย์พูดพร้อมเปรยตาออกไปมองท้องฟ้าครึ้มที่มีสายฟ้าแลบแป๊บๆ
“ นั่นซิ งั้นฉันว่าไปอีกทางดีกว่าจะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครเค้า ” เพื่อนสาวพูดจบก็เปิดไฟเลี้ยวขับเคลื่อนรถเข้าไปในซอยที่มีป้ายติดไว้ว่าถนนส่วนบุคคล รถยนต์โลดแล่นเข้าไปในซอยที่เป็นทางลัดไปบริษัทโดยตรงทางนี้มีเพียงรถในคุ้มหลวงของเชียงรัฐเท่านั้นที่จะขับผ่านได้
“ พรรณ นั่นบ้านเหรอ ” เพาภิรมย์เหลือบไปเห็นบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักกำลังดีที่มีต้นไม้ปลูกเป็นทางยาวจนถึงตัวบ้าน
“ อ๋อ... เวียงฎรัศมิ์ ”
“ ชื่อเพราะดีจัง ชื่อเหมือนกันต์เลย ”
“ จะไม่ให้เหมือนได้ยังไง ก็บ้านของเค้า ” พิมพรรณหัวเราะในลำคอพร้อมกับพูดออกมา
“ บ้านของกันต์ ”
“ อืม เจ้าหลวงสร้างไว้ให้เมื่อก่อนที่กันต์จะไปอังกฤษ พอดีเจ้าตัวเค้าเห็นว่ารอบๆป่าทึบพวกนี้ มันร่มรื่นดี ก็เลยอยากสร้างบ้านหลังเล็กๆเอาไว้มาเที่ยวเล่นยามพักผ่อน ” พิมพรรณอธิบายให้เพาภิรมย์ฟัง เพื่อนสาวพยักหน้ายิ้มขณะหันมองบ้านอย่างสนใจ
“ แต่กันต์ไม่เคยมานอนอยู่ที่นี่หรอก จะมาก็แต่ตอนเช้าพอบ่ายๆก็กลับ ” น้าสาวพูดถึงหลานรักอย่างขำๆ
“ ทำไมล่ะ น่าอยู่จะตายไป ” เพาภิรมย์หันถามอย่างสงสัย
“ ตอนเช้าก็ร่มรื่นจริงๆนะ แต่พอกลางคืนเนี่ย ป่าทึบพวกนี้ก็มืดมาก นี่อย่าไปบอกใครนะ คุณเจ้าเธอกลัว ไม่กล้ามานอนหรอก 5555 ” พิมพรรณทำท่ากระซิบกระซาบสองสาวพากันหัวเราะร่า
“ ฝนตกแรงเหมือนกันนะเนี่ย ” เพาภิรมย์พูดเปรยๆออกมาและมองไปรอบๆทางที่มองไม่ค่อยเห็นนัก พิมพรรณจึงต้องขับรถช้าๆเพื่อความปลอดภัย
“ อืมใช่ นี่ถ้ากันต์นั่งอยู่ในรถ คงจะคลุมโปงแล้วล่ะ ” พิมพรรณเงยมองท้องฟ้าและพูดปนหัวเราะ
“ ทำไมต้องคลุมโปงด้วยล่ะ กลัวฝนเหรอ ” ใบหน้าสวยหันมาถามอย่างสนใจเพราะเมื่อวานตัวเล็กของเธอไม่เห็นจะออกอาการกลัวอะไรนอกจากไก่
“ ฝนน่ะ ไม่กลัวหรอก แต่เวลาฟ้าร้อง แล้วมีแสงแว๊บๆเข้าตาเนี่ย จะกลัวมาก ” พิมพรรณพูดอย่างขำๆ
“ จริงเหรอ ” เพาภิรมย์ยิ้มถามเหมือนไม่น่าเป็นไปได้
“ ก็ใช่น่ะสิ ใครจะรู้ว่า เจ้ากันต์ฎรัศมิ์ผู้เข็มแข็งเก่งไปซะทุกเรื่อง เสียงปืนไม่กลัว แต่กับกลัวเสียงฟ้าร้องซะงั้น ”
“ เวลาฟ้าร้องหนักๆนะ พี่เพ็ญต้องเข้าไปนอนกอดจนถึงเช้า ยังกับเด็ก ” น้าสาวแอบนินทาหลานตัวเองอย่างเริงร่าในขณะที่เพาภิรมย์ก็อมยิ้มตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอยังไม่เคยได้เห็นอย่างสนอกสนใจ
“ รถทุกคันที่กันต์นั่งนะ จะต้องมีผ้าผืนใหญ่ๆสีทึบๆติดรถไว้ทุกคัน เพราะถ้าเกิดฝนตก จะเอามาใช้คุลมโปง นี่ฉันนึกไม่ออกเลยนะว่าถ้าเกิดขับรถไปคนเดียวแล้วเจอฝนตกแบบนี้จะทำยังไง ขนาดรถของฉันยังมีเลยเนี่ย ” พิมพรรณพูดปนหัวเราะชี้ไปบนท้องฟ้าที่กำลังโปรยสายฝนลงมาค่อนข้างแรงก่อนที่จะหยิบผ้าหนาผืนหนึ่งมาวางบนตักของเพาภิรมย์
“ คงจะกลัวมากจริงๆ ” เพาภิรมย์ยิ้มพูดและหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นพิสูจน์กลิ่นน้ำหอมของเจ้าของเบาๆที่ยังคงมีกลิ่นติดอยู่จางๆนึกถึงใบหน้าของคนรักก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ณ ห้องทำงานในตำแหน่งรองประธานบริษัท หญิงสาวกำลังก้มหน้าตรวจงานอย่างขมัดเขม้น พลางเดินหยิบเอกสารและเดินคิดงานเรื่อยเปื่อย ร่างบางเดินมาหยุดอยู่กลางห้องก้มหน้ามองแฟ้มเอกสารที่ถืออยู่ในมือมาดผู้บริหารเต็มตัว ในขณะเดียวกันประตูห้องก็ถูกเปิดออกช้าๆ
“ มาช้าจัง คิดถึงแล้วนะ ” กันต์เห็นเพียงหางตาจึงได้พูดเสียงหวานออกไปในขณะที่ยังคงก้มหน้ามองงานอยู่
“ คิดถึงจริงหรือป่าว... ” เสียงตอบกลับหวานเช่นกันแต่ไม่ใช่เสียงของเพาภิรมย์ทำให้กันต์หยุดสายตาจากการอ่านตัวหนังสือและหันกลับมองตามเสียงนั้น
“ พี่พลอย!! ” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงเรียกชื่อด้วยความตกใจเมื่อเห็นพลอยขวัญสีหน้าตื่นตระหนก
“ ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ทำหน้ายังกับเห็นผี ” พลอยขวัญพูดพลางเดินนำกระเป๋ายี่ห้อดีของเธอไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน กันต์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือหวั่นใจว่าเพาภิรมย์จะมาถึง พลอยขวัญเห็นกิริยานั้นเข้าพอดีบวกกับคำทักทายเมื่อครู่ก็รู้แจ้งว่ากำลังจะมีคนมาในอีกไม่ช้า ร่างเล็กถอนหายใจระบายความวิตกในตัว ก่อนจะหันหน้ากลับมาและเดินมาหาสาวสวยที่ยืนยิ้มหวานกอดอกพิงโต๊ะทำงานอยู่
“ พี่พลอย มีธุระอะไรเหรอคะ ”
“ มีสิ เพราะกันต์นั่นแหละมันถึงเป็นแบบนี้ ” พลอยขวัญเห็นระยะห่างของการพูดคุยที่อีกคนนึงทำเธอจึงเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาเสียงแข็งด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
“ กันต์ทำอะไรเหรอคะ? ” ใบหน้าเรียวถามด้วยสีหน้าที่แปลกใจ
“ เรื่องงานวันนั้น ” พลอยขวัญยังคงเสียงแข็งจนทำให้กันต์ไม่สบายใจตัดเรื่องอื่นออกไปจากหัวและรีบเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาระยะไม่ใกล้
“ งาน...งานมีอะไรเหรอคะ ไม่พอใจตรงไหน บอกกันต์ได้นะคะ ” พลอยขวัญยังคงนิ่ง
“ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกันต์เอาแบบงานมาให้ดูนะคะ ” ริมฝีปากบางบอกเสร็จก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปหยิบงานที่ว่า แต่กับถูกมือนิ่มข้างหนึ่งดึงกลับมา พลอยขวัญยืนขึ้นเต็มความสูงผลักร่างเล็กลงหาโซฟาตัวยาว เนื่องจากโซฟามีพื้นที่แคบสาวสวยจึงย่อตัวลงค่อมร่างบางไว้ด้วยขาข้างหนึ่ง กันต์หน้าเสียเมื่อเห็นใบหน้าหวานกำลังจ้องมองด้วยเสน่หาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะหันซ้ายขวาด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ เพราะงานวันนั้น....มันเลยทำให้พี่ต้องมาที่นี่อีกครั้ง.. ” พลอยขวัญพูดพร้อมกับไล่นิ้ววนไปบนใบหน้าเรียวที่มีเหงื่อไหลหยดเป็นเม็ดๆสายตาจ้องมองอย่างลุ่มหลงเหลือบมองหน้าอกที่เคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจขาดๆหายๆ กันต์ยังคงดิ้นอยู่ใต้ร่างเพื่อหาทางรอดพ้น พลอยขวัญคว้าข้อมือเล็กจับกดไว้แน่นเหนือศีรษะไม่ยอมให้มาเป็นอุปสรรค
“ อย่าค่ะ!!! พี่พลอย พี่ไม่ควรทำแบบนี้ ” กันต์พูดเสียงแข็งเพื่อเตือนสติของคนบนร่าง
“ ทำไมล่ะคะ พี่มีข้อด้อยตรงไหนเหรอ....กันต์ถึงปฏิเสธพี่ ” น้ำเสียงยียวนเอ่ยถามบางเบา
“ ไม่เกี่ยวกับข้อด้อยอะไรทั้งสิ้นค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่ไม่ควรทำกับกันต์แบบนี้ ” ร่างบางบอกอย่างใจเย็น
“ ทำไม...”
“ พี่พลอยรู้ดีค่ะ....ว่าทำไม ” ริมฝีปากบางพูดออกมาเรียบๆเพราะพลอยขวัญควรจะคิดเองได้ว่าทำไมกันต์ถึงปฏิเสธการละเมิดสิทธิ์จากเธอ
ใบหน้าหวานฉีกยิ้มเบาๆไม่พูดอะไรต่อ นอกจากมองดวงหน้าเรียวและริมฝีปากบาง พลอยขวัญก้มลงหมายจะจุมพิตกลีบปากที่สั่นระริกอย่างโหยหา แต่เจ้าของกับเม้มเอาไว้แน่นคล้ายกับหวงนักหนา กันต์พยายามดิ้นรนเพื่อให้ร่างกายหลุดพ้นจากคนที่ดื้อรั้น
“ พี่พลอย!! ปล่อย!! ”
************************
ลบเนื้อหาบางส่วน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ