กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์
7.7
เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.
16 ตอน
0 วิจารณ์
19.01K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ผู้เฒ่าชรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่12 ผู้เฒ่าชรา
วันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บกระบี่มัดสะพายบนหลังแล้ว เหลียวมองท่านผู้เฒ่าท่านแบกหลัวไม่ไผ่จัดเก็บข้าวของไว้ภายใน มือถือร่มกระดาษเก่าๆ มีร่องรอยขาดวิ่น จิ้นเหอมันคิดหาวธีปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องร่วมทางไปกับเฒ่าชราเช่นนี้
“ท่านผู้เฒ่า ท่านยังไม่บอกข้าเลยท่านจะไปทำอะไรที่เมืองเซี่ย?” จิ้นเหอถามระหว่างเดินทาง
“เอะ เจ้านี่ข้าต้องรายงานเจ้าด้วยหรือไง ข้าบอกเจ้าแล้วไงข้าเบื่ออยู่คนเดียว เดี๋ยวปัดเขกกระโหลก หากเจ้ายังทู่ซี้ถามข้าอีก” ชายชราส่งเสียงกราดเกรี้ยว
“ครับๆ เข้าใจแล้ว” ‘ท่านผู้เฒ่านี่ถามแค่หน่อยเดียวก็ไม่ได้ ชิ’
“เจ้าหนู...”
“ครับมีไรครับ” จิ้นเหอขานรับ
“อืม..ข้าลืมแล้วเดียวรอข้านึกออกก่อน”
“....???” จิ้นเหอ
“เออ!.. ข้าคิดออกละลืมกินข้าวเช้านี่เอง”
“???...” จิ้นเหอมันคิดในใจ ‘กำเงียบไปตั้งนานเราก็คิดว่าเรื่องอะไร’
ที่แท้เบื้องหน้าเป็นแผงขายของสำหรับคนผ่านทาง ท่านผู่เฒ่าคงทราบดี
“เจ้าหนู เจ้ามีเงินติดตัวบ้างไหม?” ผู้เฒ่ากล่าว
“ข้ามีอยู่ห้าร้อยเหรียญครับ”
“งั้นดีเลย เราแวะดื่มน้ำชากัน” ผู้เฒ่าเดินนำหน้าเข้าไปนั่งก่อน
“รับอะไรดีครับท่านทั้งสอง เรามีชาเขียวเย็นเจี๊ยบแช่ไว้ในลำธาร หรือจะเป็นชาดำร้อน ข้าวโพดต้มมันเผาร้อนๆ” เถ้าแก่ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกล่าวแนะนำรายการอาหาร
“อ่า...ขอข้าวโพดแล้วกัน แล้วขอเป็นชาเย็น ” ผู้เฒ่ากล่าวสั่งอาหาร
“หนุ่มน้อยแล้วเจ้า รับอะไรดี?”
“ข้าเอาเหมือนท่านผู้เฒ่าแล้วกัน” จิ้นเหอกล่าว
“รอซักประเดี๋ยวนะคุณลูกค้า” เถ้าแก่กล่าวเดินเข้าไปภายในร้าน
บริเวณร้านเถ้าแก่ ตั้งอยู่ติดหนองน้ำ ที่แห่งนี้แวดล้อมด้วยน้ำตกหลายแห่ง แหล่งน้ำเยอะธารน้ำมากมาย ล้อมรอบด้วยหุบเขาสูง ต้นไม้จึงยังเขียวขจีอยู่นาน อากาศไม่ร้อนนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่เถ้าแก่แนะนำชาเขียวเย็นๆ “มาแล้วครับคุณลูกค้า” เถ้าแก่ร้านนำของมาส่งบนโต๊ะ
“หุ หุ เถ้าแก่เติมชาใส่กระบอกนี้ให้ด้วย หอมกลอมกล่อมดีจริงๆ” ผู้เฒ่าหยิบยื่นกระบอกไม้ใผ่ส่งให้ หลังจากทานเสร็จแล้ว
“ได้เลยครับคุณลูกค้า เดี๋ยวข้าใส่ให้เต็มเลย” เถ้าแก่กล่าวมีรอยยิ้มยินดีลูกค้าสั่งกลับบ้าน เพราะปกติแทบจะไม่มีลูกค้าผ่านมา
หลังจากชำระเงินแล้วทั้งสองออกเดินทางต่อ บริเวณนี้เบื่องล่างเป็นลำห้วย น้ำสีมรกตไหลลงมาจากที่สูง มีร่องรอยกัดเซาะของสายน้ำ ประกบด้วยหน้าผาสูงหลายสิบเมตรทั้งสองฝั่ง เป็นหน้าผาหินปูนตามธรรมชาติ ผาสีน้ำตาลเข้มตัดกับต้นมอสและเฟิร์นสีเขียวดูสบายตา น้ำไม่ค่อยมากนักเนื่องจากเป็นฤดูใบไม้ร่วง หลายจุดมีน้ำพุ่งออกมาจากซอกหินเป็นน้ำตกขนาดย่อมๆ ไหลตกกระทบลงลำห้วยเบื้องล่าง
เสียงลมกระโชกพัดผ่านหุบเขา ร่มในมือท่านผู้เฒ่าแทบหลุดมือขณะเดินบนสะพานเชือกยาวหลายสิบหลาเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม
“โอ้ย!!! ช่วยด้วย ช่วยพวกข้าด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมา เมื่อเท้าสัมผัสพื้นฝั่งตรงข้าม ผู้เฒ่าออกวิ่งก้าวนำทางมุ่งไปตามเสียง ท่านพับเก็บร่มลงหลัวไปแล้ว ระหว่างทางพบร่างชายฉกรรจ์ในชุดชาวเขาสามคน นอนจมอยู่บนกองเลือด คงเสียชีวิตไปแล้ว พ้นแนวดงต้นไม้เป็นทางลงไปบึงน้ำใหญ่ด้านล่าง
“ช่วยด้วย!.. ใครก็ได้ช่วยพวกข้าด้วย” เสียงตะโกนดังชัดเจนขึ้น
ที่บึงใหญ่เชื่อต่อกับสายน้ำเกรี้ยวกราดคดเคี้ยว ด้านบนมีน้ำตกลงมากระทบบึงน้ำด้านล่าง เห็นอสูรมนุษย์มัจฉาสามตน กำลังฉุดลากหญิงสาวสองคนเข้าไปในหลังม่านน้ำตก เสียงร้องขอความช่วยเหลือยังคงดังคงเส้นคงวา
จิ้นเหอ ครุ่นคิดหาวิธีจะช่วยหญิงสาวทั้งสองนี้เช่นไรดี คราวที่แล้วแค่ตัวเดียวมันยังมิอาจเอาชนะได้ นี่มีตั้งสามตัวไม่แน่หลังม่านน้ำตกอาจมีพวกมันเพิ่มอีก ความคิดยังไม่ทันจบ
“ส่งกระบี่เจ้ามา” เป็นเสียงของท่านผู้เฒ่า
จิ้นเหอรีบส่งกระบี่ให้ทั้งสองเล่มแต่ผู้เฒ่ารับไปเพียงเล่มเดียว ท่านผู้เฒ่าก้าวเท้าย่างเดินเยี่ยงจอมยุทธใหญ่ ปลดหมวกงอบเหวี่ยงหมุนส่งมาให้จิ้นเหอ เมื่อลงไปถึงเบื้องล่าง ผู้เฒ่ายกมือซ้ายชูนิ้วสองนิ้วประกบกัน ฝ่ามือหงายไปด้านนอกในระดับหน้าอก มือขวาจับกระบี่ชี้ปลายลงพื้นยืนอ้าขาเล็กน้อย ลักษะคล้ายคนเล่นงิ้วยืนเก๊กหล่อก่อนเข้าต่อสู้โรมรัน
“ย๊าก!!... พระเอกมาเลี้ยว” ท่านผู้เฒ่าตะโกนออกมา ยิ้มโชว์ฟันหลอ
ทั้งหมดต่างหันมามองวีรบุรุษคิดช่วยสาวงาม อสูรมัจฉาต่างส่งเสียงคำราม เมื่อเห็นมีผู้มาคิดขัดขวางความสำราญของพวกมัน มันตรงเข้าหาท่านผู้เฒ่า สามง่ามในมือถูกเขวี้ยงเข้าใส่ ผู้เฒ่าเพียงยกแขนขึ้นหมุนกระบี่เป็นวงกลมปัดสามง่ามเปลี่ยนทิศทางเบี่ยงเบนกระเด็นไป อสูรมัจฉาต่างมองด้วยความแปลกใจ อสูรอีกสองตัวเดินย่างเข้ามาแทนผู้เฒ่ายังคงหมุ่นวนกระบี่ตั้งรับได้สบายเพียงแค่ขยับเท้าช่วยก็หลบสามง่ามที่พุ่งแทงมาได้ทั้งหมด อสูรมัจฉาตัวแรกมันย่อตัวลงวิ่งเข้าหาผู้เฒ่าหวังเอาไหล่ใช้แรงเข้ากระแทก
จิ้นเหอเพียงยืนชมดูการต่อสู้ไม่แน่ใจว่าจะเข้าร่วมด้วยดีหรือไม่ นึกถึงคราวที่แล้วหนังมันมีเมือกเหนียวเวลาฟันโดนมันจะแฉลบออก มันจึงไม่คิดกลัวเกรงกระบี่ ตัวมันก็สูงใหญ่กว่ามาก ทั้งยังมีตั้งสามตัวจึงยังคงลังเลอยู่เช่นนั้น
เลือดพุ่งออกมาตามคมกระบี่ที่ท่านผู้เฒ่าตวัดใส่ มือท่านยังคงกางสองนิ้วร่ายรำเพลงกระบี่ อสูรมัจฉาล้มลงไปหนึ่งตัวหลังจากโดนแทงเข้าที่ลำคอ ตัวอื่นๆ ต่างมีบาดแผลจากฝีมือท่านผู้เฒ่า เสียงอาวุธปะทะกันยังคงดังต่อเนื่อง หลังม่านน้ำตกปรากฎอสูรมัจฉาเพิ่มออกมาอีกหลายตัว
“เจ้าโง่เอ้ย!... ยังไม่รีบช่วยพาคนหนีไปอีก จะให้ข้าตายก่อนหรือไง” เสียงท่านผู้เฒ่าโวยวายเมื่อเห็นจิ้นเหอเอาแต่ยืนบื้อ
เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้นเหอจึงรีบเข้าไปประคองหญิงสาวทั้งสองคน อสูรมัจฉาต่างเข้าสกัดไม่ให้ใครคิดพาเหยื่อมันหนีไปง่ายๆ ผู้เฒ่าเข้ามาขวางทางให้จิ้นเหอพาสองสาวหลบหนีออกมา เมื่อหนีออกมาพ้นระยะพอสมควรจากแหล่งน้ำทั้งหมดจึงหยุดรอท่านผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าโผล่หัวพ้นเนินเขาขึ้นมาแล้ว ท่านใช้กระบี่ต่างไม้เท้าประคองตัวเองเดิน หญิงสาวเมื่อเห็นผู้มีพระคุณเดินด้วยท่าทางจะล้มมิล้มแหล่ ต่างวิ่งไปประคองทั้งซ้ายและขวา จิ้นเหอเพิ่งสังเกตุเห็นพวกนางเสื้อผ้าไม่ค่อยเรียบร้อย มีรอยขาดชุดไม่ได้มัดรวบเผยเห็นหน้าอกรำไร แต่เนื่องด้วยพวกนางเป็นชนเผ่าจึงไม่ถือเรื่องพวกนี้มากนัก
“เป็นยังไงบ้าง ท่านผู้เฒ่าบาดเจ็บตรงไหนบ้างค่ะ” สองสาวต่างถามด้วยความเป็นห่วงในระหว่างมือโอบไหล่โอบเอวท่านผู้เฒ่า
“ข้าบาดเจ็บนิดหน่อย อุ๊บ!..” ผู้เฒ่ากล่าวน้ำเสียงอ่อนแรงพ่นลมออกมาแรงเหมือนได้รับบาดเจ็บภายใน ตากลับเบิกจ้องมองหน้าอกไม่กระพริบตา
“โอย...ตรงนี้ๆ ข้าโดนมันตี ตรงนี้ด้วยๆ มันฟาดใส่ข้า” ผู้เฒ่าปากบอกเจ็บใบหน้ากลับพลิกซุกหน้าอกซ้ายขวาแสดงท่าทีบาดเจ็บเจียนตาย
จิ้นเหอมึนงง อึ้งค้างกับการกระทำของท่านผู้เฒ่า
วันนี้เลยไม่ได้เดินทางไปไหนไกล ท่านผู้เฒ่าบาดเจ็บสาหัสเจียนตายจากการปกป้องสาวงาม จึงต้องไปพำนักพักฝื้นที่หมู่บ้านชนเผ่าม้งของสองสาว ท่านได้รับการปฎิบัติอย่างดี สมเป้าหมายที่ท่านคงเจตนาวางแผนเอาไว้
วันรุ่งขึ้นหลังจากกอดลาสองสาวเป็นที่เรียบร้อยจึงได้ฤกษ์ออกเดินทางต่อ ผู้เฒ่ากลับมาสดชื่นดี๊ด๋าเต็มเปี่ยมพลังงาน มือกางร่มเดินร้องเพลงเป็นสุขในอารมณ์
“ดีนะ ที่ได้ข้าช่วยไว้ไม่งั้นนางพวกนั้นคงต้องเป็นเมียพวกอสูรนั่น” ผู้เฒ่ากล่าวชมเชยตัวเองยิ้มละลื่น
“ครับท่าน ผู้กล้า” จิ้นเหอตอบรับในใจแสนหมั่นไส้ แก่ปูนนี้แล้ว
ถัดมาอีกสองวัน เมืองกุ้ยหยางเป็นเมืองหลวงในมณฑลกุ้ยโจว ภายในเมือง รถม้าผู้คนคับคั่งอยู่บนท้องถนน ผู้คนส่วนใหญ่แต่งตัวภูมิฐาน ยกระดับชนชั้นผิดกับภายนอกเมือง ตอนแรกท่านผู้เฒ่าไม่คิดจะแวะเข้าเมือง แต่เนื่องจากเห็นว่าควรมียาติดตัวไว้ในการเดินทางบ้างเช่นยา สมานแผล ยาแก้พิษ เมื่อทั้งสองเดินถึงร้านขายยา พอดีเถ้าแก่ร้านยืนอยู่หน้าร้านพอดี
“เถ้าแก่ เอายาสมานแผล ระดับกลาง กับยาแก้พิษ ให้ข้าหน่อย” ท่านผู้เฒ่าเอ่ยสั่งยา
เถ้าแก่ร้านยืนจ้องสำรวจเฒ่าชราเบื้องหน้า เนื้อตัวสกปรกเสื้อผ้ามอมแมม ในชุดชาวบ้านธรรมดา กับหนุ่มน้อยผมสั้นกระเซอะกระเซิง ในชุดชาวเขาเก่ารุ่งริ่งไม่แพ้กัน
“ทั้งหมดสองร้อยเหรียญเงิน” เถ้าแก่ตอบโดยยังมิได้ไปนำยามาให้
“เจ้าหนูเจ้าเอาเงินให้มันไป” ผู้เฒ่ากล่าวโดยไม่หันมอง
“ท่านผู้เฒ่าตอนนี้เหลือเงินไม่ถึงร้อยเหรียญ” จิ้นเหอกล่าวแบมือทั้งสองข้าง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ผู้เฒ่าหันมาถลึงตาใส่
“เมื่อวานหลังจากกินบะหมี่กับซื้อขนมก็เหลือเพียงเท่านี้”
“ข้านึกอยู่แล้วเชียว อย่างพวกเจ้ามีหรือจะซื้อของข้าได้” เถ้าแก่ร้านตวาดกล่าวจ้องมองด้วยสายตาหยามเหยือกดูถูกดูแคลน
“หนอยเจ้า!!!.. กล้าดูถูกข้ารู้ตัวหรือเปล่าข้าเป็นใคร?” ผู้เฒ่ากล่าวเสียงเกรี้ยวกราดจ้องมองเถ้าแก่แล้วหันจ้องมองจิ้นเหอ
“เจ้าทั้งคู่นะหรืออย่างพวกเจ้าต้องเป็นขอทานแน่ๆ” เถ้าแก่ย้อนตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ
“หนอย!.. หนอย..!” ผู้เฒ่าสะบัดหน้ากลับหลังเดินจากไป
“ท่านผู้เฒ่ารอข้าด้วย” จิ้นเหอต้องวิ่งตามไป
“ชิชะ อย่างข้าไม่ต้องพกเงินหรอก ระดับไหนแล้ว” ผู้เฒ่ายังบ่นด้วยความเจ็บใจโดนเถ้าแก่ร้านยาดูถูกเย้ยหยันเพราะดันลืมถามเงินที่จิ้นเหอเหลืออยู่
ท่านผู้เฒ่าเดินกระทืบเท้าจนมาถึงแหล่งคนพลุกพล่าน เหลียวมองซ้ายขวา เดินตรงไปข้างกำแพงที่เป็นที่ว่าง ‘หนอยว่าข้าเป็นขอทาน ดีเป็นมันซะเลย’
“เจ้านั่งลงตรงนี้ เอาแขนทั้งสองข้างเก็บเข้ามาในแขนเสื้อด้วย” ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมกับวางหลัวไม้แล้วนั่งลง
????. จิ้นเหอนั่งลงตามเอามือซุกเข้าไปภายในอกเสื้อ
“ไม่ใช่ ทำแบบนี้” ผู้เฒ่าสอดแขนย้อนขึ้นมาทางแขนเสื้อทำคล้ายคนแขนขาดสองข้างให้มันดู
“อ้อ..แบบนี้นี่เอง” จิ้นเหอก็ทำตาม
“เจ้าทำหน้าเศร้าๆ แบบว่าพ่อแม่เจ้าตายจากด้วย”
???... จิ้นเหอพยายามทำตามที่ผู้เฒ่าว่า
ผ่านไปซักพัก ผู้คนชุดใหม่เดินผ่านมาผู้เฒ่าถอดหมวกเอาไปวางไว้ด้านหน้า หยิบซอจากหลัวออกมา ลงมือสีซอบทเพลงโหยหวนชวนน้ำตาตก ผู้เฒ่าแก่ชราต้องกล้ำกลืนเลี้ยงหลานชายพิการมือด้วนทั้งสองข้าง ช่างน่าเวทนาอเนจอนาถใจอะไรเยี่ยงนี้ ผู้คนเริ่มโอบรุมล้อมเข้ามามุงดู ผู้เฒ่ายังคงบรรเลงเพลงโศกสันต์ จนเสียงซอสงบลง
มันได้ผล เมื่อเหรียญเงินเหรียญแรกตกลงใส่หมวกงอบของท่านผู้เฒ่า เหรียญอื่นๆ ก็ทยอยตามมา ผู้ชมบางคนปรบมือให้ วางเงินไว้ในหมวก เมื่อผู้ชมทยอยจากไปผู้เฒ่ารีบเก็บเงิน เตรียมเปิดการแสดงรอบต่อไป
วันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บกระบี่มัดสะพายบนหลังแล้ว เหลียวมองท่านผู้เฒ่าท่านแบกหลัวไม่ไผ่จัดเก็บข้าวของไว้ภายใน มือถือร่มกระดาษเก่าๆ มีร่องรอยขาดวิ่น จิ้นเหอมันคิดหาวธีปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องร่วมทางไปกับเฒ่าชราเช่นนี้
“ท่านผู้เฒ่า ท่านยังไม่บอกข้าเลยท่านจะไปทำอะไรที่เมืองเซี่ย?” จิ้นเหอถามระหว่างเดินทาง
“เอะ เจ้านี่ข้าต้องรายงานเจ้าด้วยหรือไง ข้าบอกเจ้าแล้วไงข้าเบื่ออยู่คนเดียว เดี๋ยวปัดเขกกระโหลก หากเจ้ายังทู่ซี้ถามข้าอีก” ชายชราส่งเสียงกราดเกรี้ยว
“ครับๆ เข้าใจแล้ว” ‘ท่านผู้เฒ่านี่ถามแค่หน่อยเดียวก็ไม่ได้ ชิ’
“เจ้าหนู...”
“ครับมีไรครับ” จิ้นเหอขานรับ
“อืม..ข้าลืมแล้วเดียวรอข้านึกออกก่อน”
“....???” จิ้นเหอ
“เออ!.. ข้าคิดออกละลืมกินข้าวเช้านี่เอง”
“???...” จิ้นเหอมันคิดในใจ ‘กำเงียบไปตั้งนานเราก็คิดว่าเรื่องอะไร’
ที่แท้เบื้องหน้าเป็นแผงขายของสำหรับคนผ่านทาง ท่านผู่เฒ่าคงทราบดี
“เจ้าหนู เจ้ามีเงินติดตัวบ้างไหม?” ผู้เฒ่ากล่าว
“ข้ามีอยู่ห้าร้อยเหรียญครับ”
“งั้นดีเลย เราแวะดื่มน้ำชากัน” ผู้เฒ่าเดินนำหน้าเข้าไปนั่งก่อน
“รับอะไรดีครับท่านทั้งสอง เรามีชาเขียวเย็นเจี๊ยบแช่ไว้ในลำธาร หรือจะเป็นชาดำร้อน ข้าวโพดต้มมันเผาร้อนๆ” เถ้าแก่ซึ่งเป็นเจ้าของร้านกล่าวแนะนำรายการอาหาร
“อ่า...ขอข้าวโพดแล้วกัน แล้วขอเป็นชาเย็น ” ผู้เฒ่ากล่าวสั่งอาหาร
“หนุ่มน้อยแล้วเจ้า รับอะไรดี?”
“ข้าเอาเหมือนท่านผู้เฒ่าแล้วกัน” จิ้นเหอกล่าว
“รอซักประเดี๋ยวนะคุณลูกค้า” เถ้าแก่กล่าวเดินเข้าไปภายในร้าน
บริเวณร้านเถ้าแก่ ตั้งอยู่ติดหนองน้ำ ที่แห่งนี้แวดล้อมด้วยน้ำตกหลายแห่ง แหล่งน้ำเยอะธารน้ำมากมาย ล้อมรอบด้วยหุบเขาสูง ต้นไม้จึงยังเขียวขจีอยู่นาน อากาศไม่ร้อนนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่เถ้าแก่แนะนำชาเขียวเย็นๆ “มาแล้วครับคุณลูกค้า” เถ้าแก่ร้านนำของมาส่งบนโต๊ะ
“หุ หุ เถ้าแก่เติมชาใส่กระบอกนี้ให้ด้วย หอมกลอมกล่อมดีจริงๆ” ผู้เฒ่าหยิบยื่นกระบอกไม้ใผ่ส่งให้ หลังจากทานเสร็จแล้ว
“ได้เลยครับคุณลูกค้า เดี๋ยวข้าใส่ให้เต็มเลย” เถ้าแก่กล่าวมีรอยยิ้มยินดีลูกค้าสั่งกลับบ้าน เพราะปกติแทบจะไม่มีลูกค้าผ่านมา
หลังจากชำระเงินแล้วทั้งสองออกเดินทางต่อ บริเวณนี้เบื่องล่างเป็นลำห้วย น้ำสีมรกตไหลลงมาจากที่สูง มีร่องรอยกัดเซาะของสายน้ำ ประกบด้วยหน้าผาสูงหลายสิบเมตรทั้งสองฝั่ง เป็นหน้าผาหินปูนตามธรรมชาติ ผาสีน้ำตาลเข้มตัดกับต้นมอสและเฟิร์นสีเขียวดูสบายตา น้ำไม่ค่อยมากนักเนื่องจากเป็นฤดูใบไม้ร่วง หลายจุดมีน้ำพุ่งออกมาจากซอกหินเป็นน้ำตกขนาดย่อมๆ ไหลตกกระทบลงลำห้วยเบื้องล่าง
เสียงลมกระโชกพัดผ่านหุบเขา ร่มในมือท่านผู้เฒ่าแทบหลุดมือขณะเดินบนสะพานเชือกยาวหลายสิบหลาเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม
“โอ้ย!!! ช่วยด้วย ช่วยพวกข้าด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมา เมื่อเท้าสัมผัสพื้นฝั่งตรงข้าม ผู้เฒ่าออกวิ่งก้าวนำทางมุ่งไปตามเสียง ท่านพับเก็บร่มลงหลัวไปแล้ว ระหว่างทางพบร่างชายฉกรรจ์ในชุดชาวเขาสามคน นอนจมอยู่บนกองเลือด คงเสียชีวิตไปแล้ว พ้นแนวดงต้นไม้เป็นทางลงไปบึงน้ำใหญ่ด้านล่าง
“ช่วยด้วย!.. ใครก็ได้ช่วยพวกข้าด้วย” เสียงตะโกนดังชัดเจนขึ้น
ที่บึงใหญ่เชื่อต่อกับสายน้ำเกรี้ยวกราดคดเคี้ยว ด้านบนมีน้ำตกลงมากระทบบึงน้ำด้านล่าง เห็นอสูรมนุษย์มัจฉาสามตน กำลังฉุดลากหญิงสาวสองคนเข้าไปในหลังม่านน้ำตก เสียงร้องขอความช่วยเหลือยังคงดังคงเส้นคงวา
จิ้นเหอ ครุ่นคิดหาวิธีจะช่วยหญิงสาวทั้งสองนี้เช่นไรดี คราวที่แล้วแค่ตัวเดียวมันยังมิอาจเอาชนะได้ นี่มีตั้งสามตัวไม่แน่หลังม่านน้ำตกอาจมีพวกมันเพิ่มอีก ความคิดยังไม่ทันจบ
“ส่งกระบี่เจ้ามา” เป็นเสียงของท่านผู้เฒ่า
จิ้นเหอรีบส่งกระบี่ให้ทั้งสองเล่มแต่ผู้เฒ่ารับไปเพียงเล่มเดียว ท่านผู้เฒ่าก้าวเท้าย่างเดินเยี่ยงจอมยุทธใหญ่ ปลดหมวกงอบเหวี่ยงหมุนส่งมาให้จิ้นเหอ เมื่อลงไปถึงเบื้องล่าง ผู้เฒ่ายกมือซ้ายชูนิ้วสองนิ้วประกบกัน ฝ่ามือหงายไปด้านนอกในระดับหน้าอก มือขวาจับกระบี่ชี้ปลายลงพื้นยืนอ้าขาเล็กน้อย ลักษะคล้ายคนเล่นงิ้วยืนเก๊กหล่อก่อนเข้าต่อสู้โรมรัน
“ย๊าก!!... พระเอกมาเลี้ยว” ท่านผู้เฒ่าตะโกนออกมา ยิ้มโชว์ฟันหลอ
ทั้งหมดต่างหันมามองวีรบุรุษคิดช่วยสาวงาม อสูรมัจฉาต่างส่งเสียงคำราม เมื่อเห็นมีผู้มาคิดขัดขวางความสำราญของพวกมัน มันตรงเข้าหาท่านผู้เฒ่า สามง่ามในมือถูกเขวี้ยงเข้าใส่ ผู้เฒ่าเพียงยกแขนขึ้นหมุนกระบี่เป็นวงกลมปัดสามง่ามเปลี่ยนทิศทางเบี่ยงเบนกระเด็นไป อสูรมัจฉาต่างมองด้วยความแปลกใจ อสูรอีกสองตัวเดินย่างเข้ามาแทนผู้เฒ่ายังคงหมุ่นวนกระบี่ตั้งรับได้สบายเพียงแค่ขยับเท้าช่วยก็หลบสามง่ามที่พุ่งแทงมาได้ทั้งหมด อสูรมัจฉาตัวแรกมันย่อตัวลงวิ่งเข้าหาผู้เฒ่าหวังเอาไหล่ใช้แรงเข้ากระแทก
จิ้นเหอเพียงยืนชมดูการต่อสู้ไม่แน่ใจว่าจะเข้าร่วมด้วยดีหรือไม่ นึกถึงคราวที่แล้วหนังมันมีเมือกเหนียวเวลาฟันโดนมันจะแฉลบออก มันจึงไม่คิดกลัวเกรงกระบี่ ตัวมันก็สูงใหญ่กว่ามาก ทั้งยังมีตั้งสามตัวจึงยังคงลังเลอยู่เช่นนั้น
เลือดพุ่งออกมาตามคมกระบี่ที่ท่านผู้เฒ่าตวัดใส่ มือท่านยังคงกางสองนิ้วร่ายรำเพลงกระบี่ อสูรมัจฉาล้มลงไปหนึ่งตัวหลังจากโดนแทงเข้าที่ลำคอ ตัวอื่นๆ ต่างมีบาดแผลจากฝีมือท่านผู้เฒ่า เสียงอาวุธปะทะกันยังคงดังต่อเนื่อง หลังม่านน้ำตกปรากฎอสูรมัจฉาเพิ่มออกมาอีกหลายตัว
“เจ้าโง่เอ้ย!... ยังไม่รีบช่วยพาคนหนีไปอีก จะให้ข้าตายก่อนหรือไง” เสียงท่านผู้เฒ่าโวยวายเมื่อเห็นจิ้นเหอเอาแต่ยืนบื้อ
เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้นเหอจึงรีบเข้าไปประคองหญิงสาวทั้งสองคน อสูรมัจฉาต่างเข้าสกัดไม่ให้ใครคิดพาเหยื่อมันหนีไปง่ายๆ ผู้เฒ่าเข้ามาขวางทางให้จิ้นเหอพาสองสาวหลบหนีออกมา เมื่อหนีออกมาพ้นระยะพอสมควรจากแหล่งน้ำทั้งหมดจึงหยุดรอท่านผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าโผล่หัวพ้นเนินเขาขึ้นมาแล้ว ท่านใช้กระบี่ต่างไม้เท้าประคองตัวเองเดิน หญิงสาวเมื่อเห็นผู้มีพระคุณเดินด้วยท่าทางจะล้มมิล้มแหล่ ต่างวิ่งไปประคองทั้งซ้ายและขวา จิ้นเหอเพิ่งสังเกตุเห็นพวกนางเสื้อผ้าไม่ค่อยเรียบร้อย มีรอยขาดชุดไม่ได้มัดรวบเผยเห็นหน้าอกรำไร แต่เนื่องด้วยพวกนางเป็นชนเผ่าจึงไม่ถือเรื่องพวกนี้มากนัก
“เป็นยังไงบ้าง ท่านผู้เฒ่าบาดเจ็บตรงไหนบ้างค่ะ” สองสาวต่างถามด้วยความเป็นห่วงในระหว่างมือโอบไหล่โอบเอวท่านผู้เฒ่า
“ข้าบาดเจ็บนิดหน่อย อุ๊บ!..” ผู้เฒ่ากล่าวน้ำเสียงอ่อนแรงพ่นลมออกมาแรงเหมือนได้รับบาดเจ็บภายใน ตากลับเบิกจ้องมองหน้าอกไม่กระพริบตา
“โอย...ตรงนี้ๆ ข้าโดนมันตี ตรงนี้ด้วยๆ มันฟาดใส่ข้า” ผู้เฒ่าปากบอกเจ็บใบหน้ากลับพลิกซุกหน้าอกซ้ายขวาแสดงท่าทีบาดเจ็บเจียนตาย
จิ้นเหอมึนงง อึ้งค้างกับการกระทำของท่านผู้เฒ่า
วันนี้เลยไม่ได้เดินทางไปไหนไกล ท่านผู้เฒ่าบาดเจ็บสาหัสเจียนตายจากการปกป้องสาวงาม จึงต้องไปพำนักพักฝื้นที่หมู่บ้านชนเผ่าม้งของสองสาว ท่านได้รับการปฎิบัติอย่างดี สมเป้าหมายที่ท่านคงเจตนาวางแผนเอาไว้
วันรุ่งขึ้นหลังจากกอดลาสองสาวเป็นที่เรียบร้อยจึงได้ฤกษ์ออกเดินทางต่อ ผู้เฒ่ากลับมาสดชื่นดี๊ด๋าเต็มเปี่ยมพลังงาน มือกางร่มเดินร้องเพลงเป็นสุขในอารมณ์
“ดีนะ ที่ได้ข้าช่วยไว้ไม่งั้นนางพวกนั้นคงต้องเป็นเมียพวกอสูรนั่น” ผู้เฒ่ากล่าวชมเชยตัวเองยิ้มละลื่น
“ครับท่าน ผู้กล้า” จิ้นเหอตอบรับในใจแสนหมั่นไส้ แก่ปูนนี้แล้ว
ถัดมาอีกสองวัน เมืองกุ้ยหยางเป็นเมืองหลวงในมณฑลกุ้ยโจว ภายในเมือง รถม้าผู้คนคับคั่งอยู่บนท้องถนน ผู้คนส่วนใหญ่แต่งตัวภูมิฐาน ยกระดับชนชั้นผิดกับภายนอกเมือง ตอนแรกท่านผู้เฒ่าไม่คิดจะแวะเข้าเมือง แต่เนื่องจากเห็นว่าควรมียาติดตัวไว้ในการเดินทางบ้างเช่นยา สมานแผล ยาแก้พิษ เมื่อทั้งสองเดินถึงร้านขายยา พอดีเถ้าแก่ร้านยืนอยู่หน้าร้านพอดี
“เถ้าแก่ เอายาสมานแผล ระดับกลาง กับยาแก้พิษ ให้ข้าหน่อย” ท่านผู้เฒ่าเอ่ยสั่งยา
เถ้าแก่ร้านยืนจ้องสำรวจเฒ่าชราเบื้องหน้า เนื้อตัวสกปรกเสื้อผ้ามอมแมม ในชุดชาวบ้านธรรมดา กับหนุ่มน้อยผมสั้นกระเซอะกระเซิง ในชุดชาวเขาเก่ารุ่งริ่งไม่แพ้กัน
“ทั้งหมดสองร้อยเหรียญเงิน” เถ้าแก่ตอบโดยยังมิได้ไปนำยามาให้
“เจ้าหนูเจ้าเอาเงินให้มันไป” ผู้เฒ่ากล่าวโดยไม่หันมอง
“ท่านผู้เฒ่าตอนนี้เหลือเงินไม่ถึงร้อยเหรียญ” จิ้นเหอกล่าวแบมือทั้งสองข้าง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ผู้เฒ่าหันมาถลึงตาใส่
“เมื่อวานหลังจากกินบะหมี่กับซื้อขนมก็เหลือเพียงเท่านี้”
“ข้านึกอยู่แล้วเชียว อย่างพวกเจ้ามีหรือจะซื้อของข้าได้” เถ้าแก่ร้านตวาดกล่าวจ้องมองด้วยสายตาหยามเหยือกดูถูกดูแคลน
“หนอยเจ้า!!!.. กล้าดูถูกข้ารู้ตัวหรือเปล่าข้าเป็นใคร?” ผู้เฒ่ากล่าวเสียงเกรี้ยวกราดจ้องมองเถ้าแก่แล้วหันจ้องมองจิ้นเหอ
“เจ้าทั้งคู่นะหรืออย่างพวกเจ้าต้องเป็นขอทานแน่ๆ” เถ้าแก่ย้อนตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ
“หนอย!.. หนอย..!” ผู้เฒ่าสะบัดหน้ากลับหลังเดินจากไป
“ท่านผู้เฒ่ารอข้าด้วย” จิ้นเหอต้องวิ่งตามไป
“ชิชะ อย่างข้าไม่ต้องพกเงินหรอก ระดับไหนแล้ว” ผู้เฒ่ายังบ่นด้วยความเจ็บใจโดนเถ้าแก่ร้านยาดูถูกเย้ยหยันเพราะดันลืมถามเงินที่จิ้นเหอเหลืออยู่
ท่านผู้เฒ่าเดินกระทืบเท้าจนมาถึงแหล่งคนพลุกพล่าน เหลียวมองซ้ายขวา เดินตรงไปข้างกำแพงที่เป็นที่ว่าง ‘หนอยว่าข้าเป็นขอทาน ดีเป็นมันซะเลย’
“เจ้านั่งลงตรงนี้ เอาแขนทั้งสองข้างเก็บเข้ามาในแขนเสื้อด้วย” ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมกับวางหลัวไม้แล้วนั่งลง
????. จิ้นเหอนั่งลงตามเอามือซุกเข้าไปภายในอกเสื้อ
“ไม่ใช่ ทำแบบนี้” ผู้เฒ่าสอดแขนย้อนขึ้นมาทางแขนเสื้อทำคล้ายคนแขนขาดสองข้างให้มันดู
“อ้อ..แบบนี้นี่เอง” จิ้นเหอก็ทำตาม
“เจ้าทำหน้าเศร้าๆ แบบว่าพ่อแม่เจ้าตายจากด้วย”
???... จิ้นเหอพยายามทำตามที่ผู้เฒ่าว่า
ผ่านไปซักพัก ผู้คนชุดใหม่เดินผ่านมาผู้เฒ่าถอดหมวกเอาไปวางไว้ด้านหน้า หยิบซอจากหลัวออกมา ลงมือสีซอบทเพลงโหยหวนชวนน้ำตาตก ผู้เฒ่าแก่ชราต้องกล้ำกลืนเลี้ยงหลานชายพิการมือด้วนทั้งสองข้าง ช่างน่าเวทนาอเนจอนาถใจอะไรเยี่ยงนี้ ผู้คนเริ่มโอบรุมล้อมเข้ามามุงดู ผู้เฒ่ายังคงบรรเลงเพลงโศกสันต์ จนเสียงซอสงบลง
มันได้ผล เมื่อเหรียญเงินเหรียญแรกตกลงใส่หมวกงอบของท่านผู้เฒ่า เหรียญอื่นๆ ก็ทยอยตามมา ผู้ชมบางคนปรบมือให้ วางเงินไว้ในหมวก เมื่อผู้ชมทยอยจากไปผู้เฒ่ารีบเก็บเงิน เตรียมเปิดการแสดงรอบต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ