กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์

7.7

เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.

  16 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) เพลงกระบี่แสวงพ่าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 13 เพลงกระบี่แสวงพ่าย

หลังจากเมื่อวานประสบผลสำเร็จด้วยดีในการหาเงิน ได้มาหลายร้อยเหรียญเงิน ผู้เฒ่าท่านคิดเสาะหาที่นอนดีๆ และอาหารเลิศรส แต่จิ้นเหอเสนอให้ไว้ไปเมืองหน้า ปู่เฒ่าชราเห็นด้วยทันที ถ้ามีเงินมากพอเปลี่ยนชุดใหม่ อาจได้กรุ้มกริ่มร่ำสุรานารีฟังดนตรีบรรเลง ทั้งสองจึงตกลงหาเงินเพิ่มอีกหนึ่งวันค่อยออกเดินทาง

เช้านี้ผู้เฒ่าท่านหาทำเลใหม่ เจอที่ถูกใจจึงจัดการตามแผนเดิม ชายชราผู้ยากลำบากแสนเข็ญ กับหลานชายพิการ เช้านี้ได้มาอีกหลายร้อยเหรียญ หลังจากหาข้าวกินกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามความคิดเดิมว่าจะจากไปในช่วงบ่าย ทว่ากุ้ยหยางเป็นเมืองใหญ่ผู้มีอันจะกินคับคั่ง น่าเสียดายถ้าจะจากไปโดยทันที เลยคิดแสวงหาเงินเพิ่มอีกซักหน่อย มุ่งเป้าหมายย่านการค้า ใจกลางเมือง แหล่งรวมของผู้มั่งคั่งร่ำรวย

ที่ย่านชุมชนใจกลางเมือง ถนนเส้นนี้น่าจะเรียกถนนแห่งศิลปะการแสดง มีความกว้างถึงสิบหกหลา ตลอดเส้นทางฝั่งซ้ายของถนน เมื่อเดินผ่านชมดู มีบัณฑิตร่ายบทกวี ศิลปินร่ายร้องบทเพลง วาดภาพเหมือน ฟ้อนรำพัด หุ่นกระบอก รำกระบี่ รำดาบ ควงกระบอง โยนบอล ขว้างมีดบิน โต๊ะหมอดู กายกรรม และที่ขาดไม่ได้ชาวป่าชาวเขาเดินเร่ขายของพื้นเมือง

“ฮา ฮ่า ตรงนี้แหละ หุหุ ถนนสายนี้ถูกใจข้านัก เจ้าดูซิลูกคุณหนูคุณนายเอย พวกคหบดีเอย” ผู้เฒ่าถึงกับเลียริมฝีปาก

เมื่อผู้เฒ่าท่านเจอที่ถูกใจทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว การแสดงจึงเริ่มขึ้น คราวนี้เป็นลีลาการสีของจิ้นเหอ มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย หลายชายวัยสิบขวบเลี้ยงดูปู่ผู้ชราพิการแขนขาดทั้งสองข้าง แถมยังตาบอด ผู้เฒ่าท่านช่างคิดจิ้นเหอก็บรรเลงเพลงไป ผู้เฒ่าลอยหน้าลอยตา ทำตาบอดมองไม่เห็น มือสะเปะสะปะหาของในหลัวไม้ไผ่

“โธ่!!! ดูซิหล่อน เด็กกตัญญูต้องเลี้ยงดูผู้ชรา ช่างน่าสงสารเหลือเกิน” ไม่รู้เสียงอาซ้อหรือแม่นางคนไหนรำพึงรำพันออกมา

มันช่างน่าสงสารซะเหลือเกินจริงๆ บทเพลงซึ้งกินใจ การแสดงระดับออสการ์ จึงได้การตอบรับด้วยดี โดยเฉพาะบรรดาคุณผู้หญิง เดินร่วมกันเข้ามาชมดูอย่างเคลิบเคลิ้ม ผู้คนย่านนี้เงินหนักบางคนให้เหรียญสิบ บางคนให้เหียญห้าสิบเลยทีเดียว (คิดเป็นเงินเราแบบไม่ใช้แบงค์นะครับ) การแสดงจบลง จิ้นเหอเก็บเหรียญมันดูแล้วคงได้เกือบพันเหรียญทีเดียว

เมื่อการแสดงรอบแรกจบลง ทั้งสองพากันไปเดินเตร็ดเตร่ผ่านไปครึ่งชั่วยามจึงค่อยกลับมาใหม่ หวังเปิดการแสดงอีกซักรอบที่ตำแหน่งเดิม พอรอบสองเปิดทำการแสดง ผู้คนยังคงให้การสนับสนุนด้วยดีล้วนเข้ามาชมดูล้นหลามเช่นเคย นำมาซึ่งความปิติดีใจแก่ผู้เฒ่าและจิ้นเหอ หลังจากผู้คนเริ่มทยอยจากไป ผู้เฒ่ากำลังจะกวาดเงินเก็บ เพราะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ใครจะสนว่าผู้เฒ่าท่านแขนจะขาดจริงหรือไม่

“เจ้าเฒ่า!!!.. ส่งเงินทั้งหมดมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นตาย ใครใช้ให้พวกเจ้ามาเปิดการแสดงตรงนี้ หากเจ้าบอกกล่าวแก่เราล่วงหน้าเราก็จะแบ่งกันห้าสิบห้าสิบ แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่บอกก่อนเงินทั้งหมดต้องเป็นของพวกข้า ฮ่า ฮ่า..พวกเจ้าคงเข้าใจเรานะ ฮ่าฮ่า พวกข้าเองก็ทำการค้า ฮ่า”

เป็นน้ำเสียงที่ชวนสับสน คำแรกพูดตะคั้นตะคอก คำสองกับนุ่มนวลชวนรู้จัก เหลือบมองดูแล้วเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนอาวุธครบมือ น่าจะเป็นเจ้าถิ่น จึงกล้าระรานผู้อื่นถึงเพียงนี้

“ได้โปรดเถอะนายท่านข้าชราปูนนี้แล้ว แคร่ก แคร่ก ซ้ำหลานข้ายังพิการขนาดนี้ ขอท่านเมตตราเราปู่หลานซักครั้ง แคร่กๆ” ผู้เฒ่าชราท่านกล่าวไปไอไป แต่แกคงจะลืมตัวตอนนี้ตัวท่านผู้เฒ่าเองตะหากที่เป็นคนพิการ

“ใครพิการข้าไม่สนโว้ย!.. กฎย่อมต้องเป็นกฎ ส่งเงินมาได้แล้ว” ชายที่เป็นหัวหน้ากล่าวเสียงเหี้ยม จ้องจะกินเลือดกินเนื้อท่านผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าท่านเจรจาอยู่พักหนึ่ง ท่าทางคงจะคุยไม่รู้เรื่อง กลุ่มชายฉกรรจ์ล้วนอ้างข่มขู่สารพัด ผู้เฒ่าถึงอย่างไรก็เป็นนักเลงเก่าคงจะหมดความอดทนแล้ว ผู้เฒ่าหันมาสบตาจิ้นเหอ โยนกระบี่ในหลัวส่งให้จิ้นเหอ ตัวเองถือไว้หนึ่งเล่ม

“สั่งสอนมัน!!! ชายที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่งทันที เมื่อเห็นกระบี่ที่ผู้เฒ่านำกระบี่ออกมา

จิ้นเหอหลังจากรับกระบี่ เริ่มร่ายควงกระบี่ อาจเป็นเพราะถือข้างเดียวมันจึงไม่ถนัดนักทุลักทุเลพอควร หลังตะลุมบอลกันอยู่ซักพัก จิ้นเหอจัดการได้แค่คนเดียว ผู้เฒ่าท่านเหมาไปสามคน ทั้งสองรีบเก็บข้าวของเพ่นออกจากที่เกิดเหตุ

“กระบี่เจ้าใช้ไม่เป็นหรือ ท่าทางน่าเกลียดถึงเพียงนั้น?” เป็นผู้เฒ่ากล่าวถามขึ้นมา

“ข้าถนัดถือสองมือน่ะท่านปู่” จิ้นเหอตอบ มันเรียกปู่ติดมาจากตอนนั่งขอทาน ผู้เฒ่าท่านก็มิได้ท้วงติง

“แล้วถ้ากระบี่เจ้าหักไปเล่า หรือมีเพียงเล่มเดียว เจ้าจะสู้ใครได้” ผู้เฒ่าพูดให้มันคิดตาม

“อาจจะจริงอย่างท่านปู่กล่าว” มันทำท่าครุ่นคิด

“หุหุ ข้าดูออกเจ้าใช้วิชาดาบของสุวรรณภูมิ ดาบกับกระบี่ยามใช้แตกต่างกันอยู่ เจ้าอยากฟังต่อไหม?” ผู้เฒ่ากล่าว

“อยากซิท่านปู่” จิ้นเหอรีบตอบเพราะมันอาจได้ความรู้เพิ่ม

“เจ้าไปตักน้ำมาให้ข้ากินก่อน เหนื่อยเว่ย ปวดเมื่อยด้วย” ผู้เฒ่ากล่าวขณะเอาสองมือทุบหลังตัวเอง

หลังจากจิ้นเหอไปเอาน้ำมาให้ ผู้เฒ่าท่านนำกระบี่มาวางลงตรงหน้า นอนให้จิ้นเหอนวดหลัง ปากกล่าวเสียงเนิบ

“กระบี่จะมีด้านคมสองด้าน ตรงนี้เรียกหัวก้านอยู่ปลายสุดไว้กันลื่นหลุดมือ ตรงนี้ด้ามจับมันจะสั้นใช้จับมือเดียว ตรงนี้โกร่งกระบี่เอาไว้กันอาวุธคู่ต่อสู้ที่อาจเลื่อนลื่นไหลมาโดนนิ้ว ตัวกระบี่แบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกโคน ส่วนสองช่วงกลาง และสามส่วนปลาย ตรงปลายกระบี่ต้องแหลมและคม ส่วนตรงกลางที่อยู่ระหว่างคมทั้งสองด้าน เรียกว่าสันกระบี่เอาไว้ต้านรับเพื่อไม่ให้กระบี่เสียคม ตรงส่วนที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดนั้นเจ้าคงเห็นแล้วนะ”

“ครับ” จิ้นเหอตอบ

“ตัวกระบี่ที่ดี ต้องเบาอ่อนหยุ่นพลิ้วไหว ยามเอ็นข้อมือออกแรงตวัดแทง สะบัดเฉือนปลายต้องสั่นระริก กระบี่จะไม่ใช้แรงจากแขนเหมือนเจ้าใช้ดาบ แต่จะใช้จากข้อมือ” ท่านผู้เฒ่าปากกล่าวศรีษะเคลื่อนคล้อยไปด้วย

“ยอดฝีมือเชิงกระบี่ต้องมีเท้าที่คล่องแคล่วคู่หนึ่ง ลำตัวที่พลิ้วไหวดั่งสน ดวงตาที่เฉียบคมดุจเหยี่ยว ข้อมือที่ยืดหยุ่น ฉับไวเหมือนงูฉก เคลื่อนไหวน้อย รวดเร็วและแม่นยำ ลงมือโดยไม่ทันระวัง จู่โจมโดยไม่ทันป้องกัน จึงสามารถจัดการกับยอดฝีมือได้ อืม...”


“การกำกระบี่เจ้าไม่ต้องกำแน่น หากเจ้ากำแน่นกล้ามเนื้อต้องเกร็ง เอ็นจะไม่ยืดหยุ่น กุมเพียงแค่กระชับมือพอ นิ้วทั้งห้า ต้องผ่อนคลายตื่นตัว นิ้วโป้ง นิ้วกลาง และนิ้วนางงอข้อนิ้วรวบด้ามกระบี่ กุมให้กระชับมือ ส่วนนิ้วชี้ และนิ้วก้อยปล่อยผ่อนคลาย ไม่ต้องสัมผัสกระบี่ให้หนักแรงมากนัก นิ้วชี้กับนิ้วก้อยจะเอาไว้ควบคุมทิศทางกระบี่ อืม..ตรงนั้นแหละ กำลังตรงจุดเชียว” พอดีมือจิ้นเหอกดไปตรงเส้นผู้เฒ่า

“จับไม่เหมือนข้าจับดาบเลย การใช้ก็ไม่เหมือนกัน” จิ้นเหอกล่าว มือยังกดนวดอยู่

“มันยังมีอีกมากนัก เช่น ดาบสองมือ กระบี่ใหญ่สองมือ ไว้เจ้าเข้าร่วมสงคราม ถ้าเจ้าไม่มีพลังลมปราณถึงขั้นจิตวิญญาณ ดาบกับกระบี่ที่เจ้าใช้อยู่จะไร้ประโยชน์ ไว้ถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง หุ หุ”

“ส่วนนี่คัมภีร์ กระบี่แสวงพ่าย คืนนี้เจ้าลองอ่านดูพรุ่งนี้นำมาคืนข้าด้วยละ เดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดให้อีกที” ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมยื่นคัมภีร์ส่งให้

“ครับท่านปู่ งั้นข้าขอไปอ่านดูซักรอบ” จิ้นเหอยิ้มหน้าบานจะได้วิชาเพิ่ม ยื่นมือไปรับคัมภีร์เลิกนวดแล้ว

“แล้วเท้าที่คล่องแคล่วคู่หนึ่งละท่านปู่?” จิ้นเหอกล่าวเมื่อนึกขึ้นได้

“ถ้าไม่นับวิชาตัวเบา พรุ่งนี้เจ้าเรียนกระบี่แสวงพ่าย เจ้าจะเข้าใจเอง”

“หุ หุ จริงๆ แล้วข้าเห็นว่าเจ้ามีโอกาศหลอมหลวมดาบกับกระบี่ได้ ทุกวิชามีจุดดีและจุดเสีย” ผู้เฒ่ากล่าวมือลูปเครา วางมาดเซียนนักปราชญ์

จิ้นเหอกำลังคิดจะถามต่อว่าท่านปู่มีวิชาตัวเบาไหม แต่มันเปลี่ยนใจ ถ้ามีผู้เฒ่าจะวิ่งหนีขึ้นหอบขึ้นหืดหรือ คิดได้ดังนั้นจึงไปนั่งอ่านคัมภีร์ดีกว่า

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากจัดเก็บข้าวของเรียบร้อย ทั้งสองตรงไปร้านเถ้าแก่ขายยา ผู้เฒ่าเอาเหรียญตบโต๊ะนี่เงินนะโว้ย แกกล่าวแบบนั้น หลังจากรับยา จึงออกเดินทางขึ้นเหนือต่อ เป้าหมายมณฑลหูหนาน

“เจ้าหนูอ่านคัมภีร์มาแล้วใช่ไหม?” ผู้เฒ่ากล่าวมือหยิบพู่ยาวหนึ่งฉื่อออกมา

“อ่านแล้วท่านปู่แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ”

“อืมเจ้าเอาพู่นี่ ร้อยเข้าไปในรูตรงก้านกระบี่”

“เสร็จแล้วครับ”

“ข้าจะสอนเฉพาะส่วนที่เจ้าสามารถนำไปใช้กับเพลงดาบของเจ้าได้”

“ครับท่านปู่” จิ้นเหอน้อมตัวเคารพ


“กระบี่เน้นใช้ข้อมือ แทงปาดเฉือน ตัวเคลื่อนกระบี่เคลื่อน” ท่านผู้เฒ่ากล่าวน้ำเสียงมาดมั่น ในมือกุมกระบี่ไว้

“เริ่มจากท่าแทงกระบี่ในแนวตั้ง ให้คมกระบี่ขึ้นบนอีกด้านลงล่าง แบบนี้” ผู้เฒ่าแทงให้ดู

“ครับ” จิ้นเหอทำตาม

“ต่อไปแทงในแนวนอน คมกระบี่จะออกไปทางซ้ายและขวา แบบนี้” ผู้เฒ่ากล่าวจบ ร่ายรำเป็นตัวอย่าง

“ท่านี้จะแทงได้สี่มุม มุมบนศรีษะ หน้าอก ขาหรือเข่า และข้อเท้าหรือปลายเท้า แบบนี้”

“ครับ” จิ้นเหอคอยทำตามตัวอย่างที่ผู้เฒ่าร่ายรำให้ดู

“หากเจ้าใช้กระบวนท่ากระบี่ได้ถูกต้อง ปลายพู่จะไม่มาเกะกะพันข้อมือเจ้า”

“ออ...ครับท่านปู่” จิ้นเหอตอบขณะดูพู่ที่พันข้อมืออยู่

“ต่อไปท่าหมุนวน ใช้พลังจากเอ็นข้อมือหมุนวนเป็นวงกลม ในมุมแคบ จะใช้โจมตีโดยเหวี่ยงข้อมือเพื่อเบี่ยงวิธีกระบี่ของเราเองตอนแทงปรปักษ์ แบบนี้ กระบี่จะใช้การเคลื่อนไหวน้อย ใช้แค่ข้อมือตรงนี้ต่างจากที่เจ้าใช้แขนหมุน”

“ครับ” จิ้นเหอกล่าวสั้นๆ มันคิดทบทวนเพลงดาบควบคู่กันไปด้วย

“หมุนในวงกว้างใช้พลังข้อมือเหมือนเดิม หมุนตามเข็มนาฬิกากว้างตามรัศมีที่เราจะปัดอาวุธศัตรูได้
สมมุติศัตรูฟันดาบมาในมือขวา เราหมุนกระบี่ไปทางขวาปัด ดาบศัตรูจะเบี่ยงเบนไปทางขวา เราเบี่ยงเอวก้าวเท้าซ้ายออกไปทางขวาของศัตรู ต้องทำยังไงต่อเจ้าน่าจะรู้อยู่ คล้ายกับท่าคลุมไตรภพของเจ้า เจ้าควรฝึกวนทวนเข็มนาฬิกาด้วย ไว้ป้องกันคนถนัดซ้าย”

“ต่อไปท่าตวัดกระบี่”

“เตี้ยน หรือตวัดลง แทงกระบี่ออกไปในแนวตั้ง แบบนี้ ใช้ข้อมือตวัดปลายกระบี่ลงด้านล่าง ตวัดข้อมือเหมือนเหวี่ยงเบ็ด ใช้ปัดอาวุธปรปักษ์ลงล่าง หรือโจมด้วยปลายกระบี่”

“เปิง หรือกระดกขึ้น แทงกระบี่ออกในแนวตั้ง ใช้ข้อมือกระดกปลายกระบี่ขึ้น ใช้ปัดอาวุธปรปักษ์ขึ้นด้านบน หรือโจมตีด้วยปลายกระบี่”

“เวลาปัดกระบี่สามารถปัดในมุมเก้าสิบองศา หรือพลิกข้อมือสี่สิบห้าองศา แล้วแต่การพลิกแพลงของเจ้าแบบนี้”

“ท่าสีหรือรูดตามกระบี่ เวลารับดาบหรือกระบี่จากฝ่ายตรงข้าม กระบี่เราจะคล้ายแม่เหล็ก ท่านี้เจ้าข้ามไปในดาบอาทามาตเจ้าเรียนรู้มาแล้ว”

“หลักของการใช้กระบี่คือ สกัด หมุนวน แทง”

“สกัดของกระบี่คือการสัมผัสกันท่าสีหรือรูดประกบติดนั่นละไม่ใช่รับเต็มแรง สัมผัสเตรียมพร้อมที่จะหมุนวนคือปัดออก แทงคือโจมตีกลับ” ท่านผู้เฒ่ายังคงกล่าวและร่ายรำกระบวนท่า

“ทีนี้เจ้าก็ลองใช้ท่วงท่าของเจ้าร่ายรำดู อย่าลืมดูปลายพู่ต้องไม่พันข้อมือของเจ้า” ผู้เฒ่ากล่าวส่งกระบี่อีกเล่มให้มัน

จิ้นเหอเดินพลางคิดทบทวนพลาง ท่าเพลงดาบ กับเพลงกระบี่ที่ท่านผู้เฒ่าเพิ่งสอน กวาดมือกวาดเท้าลองร่ายรำในท่าทางต่างๆ ไปเรื่อยในระหว่างเดินทาง

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา