กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์
เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) น้ำตกหวงกัว่ซู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่11 น้ำตกหวงกั่วซู่
จิ้นเหอมันใช้เวลาเดินทางอยู่เนิ่นนานค่อยมาถึงเมืองจาวทง มัวแต่หลงทางอยู่ในป่า ผจญภัยอยู่กับพวกสัตว์อสูร หลังจากผ่านประตูเมืองมา มันเหลียวมองรอบกายเป็นเมืองใหญ่ผู้คนคับคั่งร้านเรือนเต็มสองฝากฝั่งทางเดิน ผู้คนเหมือนเบียดเสียดแออัดกันเดิน มันไม่เคยมาเมืองใหญ่ให้รู้สึกลนลาน มันเดินเบียดผู้คนอยู่ช่วงใหญ่
“เจ้าขอทานสกปรก!!! เจ้ามีตาหรือไม่กล้ายืนขวางทางพวกข้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีขาวกล่าวออกมา ในกำมือถือพัดโบกสะบัด
“ข้าต้องขอโทษด้วยพี่ชาย” จิ้นเหอตอบพร้อมกับหลบเลี่ยงถอยออกมา
“ไปกันเถอะคุณชายเปียว” เป็นเพื่อนในกลุ่มที่มาด้วยกันกล่าว
“เชิญคุณชาย” เพื่อนอีกคนในชุดเขียวกล่าวขณะผายมือให้คนที่ชื่อคุณชายเปียวก้าวเดินนำ
“ชิ..พวกหมาสกปรก” ชายในชุดสีขาวกล่าวเดินนำอีกสองคนไป
จิ้นเหอรู้สึกมิค่อยพอใจซักเท่าไหร่ มันแค่หยุดเดินมองทาง ตอนนี้มันคิดจะเสาะหาสถานที่นั่งพักเหนื่อย และสอบถามทางไปสำนักศักสิทธ์ มันเดินลัดเลาะผู้คนเดินเลี้ยวมาอีกสองซอย ตอนนี้ผู้คนบางตาลง มันเห็นโรงเตี้ยมอยู่ด้านหน้า ตอนจากมาอีเฟ้ยให้เงินมันติดตัวมานิดหน่อย มันจึงเดินตรงเข้าไปในโรงเตี้ยม
ยังไม่ทันได้นั่งลงกวาดตาตรงที่ด้านหน้า เห็นชายหนุ่มสามคนอายุราวสิบสี่สิบห้าปีกำลังเดินตรงมาหามัน เป็นคนที่กล่าววาจาดูถูกดูแคลนว่ามันเป็นหมาสกปรกนั่นเอง
“เจ้าช่างกล้า คิดมานั่งร้านเดียวกับพวกข้าอีก” เป็นชายชุดขาวกล่าวท่วงท่าหยิ่งยโสโอหัง
“เหม็งฉุ่ย พวกเจ้าลากมันออกไป” ชายในชุดเขียวกับชุดเทารั้งคอเสื้อจิ้นเหอขึ้นมา
“เจ้าตามมานี่ เจ้าขอทานสกปรก” คนพวกนั้นลากจิ้นเหอออกมาแล้วเหวี่ยงลงพื้น
“เจ้า!.. ทำเกินไปแล้วนะ” จิ้นเหอสู้สึกโมโหฉุนเฉียวรั้งแขนเสื้อขึ้นขณะลุกขึ้นมา
“คิดสู้หรือ จัดการมัน” ชายชุดขาวออกคำสั่งทันที
สิ้นคำสั่งจิ้นเหอต่อยหมัดซ้ายออกไปก่อนใส่เบ้าตาชายหนุ่มชุดเขียว ก่อนเงื้อเท้าขวาถีบมอญยันหลักไปที่คนชุดเทาจนเซถอยหลังไปห้าหกก้าว ปล่อยหมัดขวาตามไปที่ชุดเขียวอีกหมัดตามต่อด้วยถีบซ้าย เท้าสะกิดพื้นกระโดดเข่าลอยพุ่งเข้าใส่ชายชุดเทา เข่ากระแทกเข้าลิ้นปี่เต็มแรง คนชุดขาวเห็นลูกน้องทรุดไปอยู่บนพื้นให้โกรธเคืองเดือดดาลยิ่ง พุ่งตัวมือกำด้ามพัด เตะหวดเท้าซ้ายเข้ามา จิ้นเหอเบี่ยงหลบไปทางซ้าย เท้าขวาของชายชุดขาวสะบัดมาต่อเนื่อง จิ้นเหอไม่คิดว่าจะเป็นท่าเตะสองจังหวะ จำต้องเอาแขนตั้งรับเสียงดังสนั่น จิ้นเหอกระเด็นถอยหลังไปสามถึงสี่ก้าวจึงหยุดลง
เสียงกระบี่ถูกชักออกจากฝัก ลูกน้องทั้งสองคนต่างชักกระบี่ออกมาคนหนึ่งแทงมาที่หน้าอีกคนแทงลำตัว จิ้นเหอจำต้องโยกตัวก้าวถอยหลังไปอีกสามก้าว เมื่อพ้นระยะกระบี่ ฉับพลัน!!! จิ้นเหอมันกลับตัววิ่งโกยแน่บจากไป
“คุณชายเปียวมีเรื่องตามจับมันเร็ว” เสียงเอ็ดตะโรตะโกนดังไล่หลังมา
จิ้นเหอตอนนี้มันไม่มีดาบ ระหว่างทางมันทำขึ้นมาใหม่แต่เจอสัตว์อสูรหลายคราก็หักไป มันเห็นว่าจะเข้าเมืองแล้วจึงไม่คิดจะทำขึ้นมาใหม่ มันเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามทางแยก พอพ้นมุมกำแพง มันง้างเท้าถีบใส่คนที่ตามมาคนแรกวิ่งทะเล่อทะล่าโผล่ออกมา เคลื่อนที่พลิกตัวใช้ฝ่ามือซ้ายปัดข้อมือคนที่ตามมาอีกคน ก่อนปล่อยหมัดเสยงัดเข้าสู่ปลายคาง จิ้นเหอรีบก้มลงชิงกระบี่ ชายชุดเขียวคนแรกฟาดกระบี่ลงมาพอดี กระบี่ในมือถูกยกขึ้นต้านรับ เท้าซ้ายเตะกวาดต่ำไปที่ข้อเท้าเถรกวาดลาน จิ้นเหอตามไปใช้เท้ากระทืบลงไปที่หน้าอก กระบี่ในมือขวายื่นจ่อไปที่หน้า จัดการปล้นกระบี่มาอีกเล่ม
“มันอยู่ด้านนี้”
จิ้นเหอเงยหน้าขึ้นดูเห็นผู้คนตามมาเพิ่มอีกสี่ถึงห้าคน มันกระทืบซ้ำลงไปอีกทีแล้ววิ่งหนีต่อ ด้านหลังยังคงไล่กวดตามมา มันเหลียวกับไปดูตอนนี้ผู้คนเพิ่มมาเป็นสิบมันครุ่นคิดจะทำเช่นไรดี
“เจ้าขอทานเจ้ายอมให้จับซะดีๆ หนอยไวจริงๆ” เสียงชายหนุ่มที่ไล่ล่าตะโกนมา
ยิ่งวิ่งมากมันยิ่งรู้สึกเหนื่อยหอบเป่าลมหายใจเร็วขึ้น เหงื่อหลั่งรินไหล ไปนอกเมืองน่าจะดีกว่า อยู่ในนี้คงไม่พ้นโดนรุมเป็นแน่ เมื่อตัดใจได้เช่นนั้นแล้วมันจึงวิ่งตรงเข้าหาผู้คนที่เนืองแน่นที่ด้านหน้า ปัดเบียดแทรกตัว จนมันวิ่งผ่านประตูเมืองออกมาได้ ไม่มีคนตามมันมาแล้ว มันล้มนอนหงายหมดสิ้นเรี่ยวแรง
‘ไอ้คุณชายเปียว ไอ้เหม็งฉุ่ย อีกคนยังไม่รู้ชื่อข้าจะจำไว้’ มันลงบัญชีแค้นเอาไว้ก่อน ยกกระบี่ในมือขึ้นดู ‘ถือว่าพวกเจ้าให้กระบี่ข้าใช้แล้วกัน’ มันนั่งยิ้มหัวร่อออกมา ลักษณะไอ้คุณชายเปียวมันน่าจะเป็นคนดังพอควรในเมืองนี้ ยิ่งครุ่นคิดก็ยิ่งไม่รุ้จะจัดการกับพวกมันอย่างไรดี ‘หิวข้าวก็หิว เส้นทางก็ยังไม่ได้ถาม ไปหาของในป่ากินดีกว่า’ ตกลงมันจำต้องเดินทางไปเมืองข้างหน้าแทน
ผ่านมาอีกสี่วัน... ภูมิประเทศแถบนี้ต้นไม้สีเขียวขจี ท้องฟ้าปลอดโปร่งลมพัดเย็นสบาย หลังจากสอบถามทางไปสำนักศักสิทธ์ จากเผ่าต้งที่เป็นชนพื้นเมืองนิยมทำการเกษตร เพาะปลูกข้าว จึงเห็นที่นาแบบขั้นบันไดปรากฎอยู่หลายแห่ง ทอดยาวจากเนินเขาลดหลั่นไล่ลงมาตีนเขา ที่นี่อยู่ในเขตเมืองกุ้ยโจว มันต้องเดินทางไปเมืองกุ้ยหยางเป็นเมืองต่อไป
ทางเบื้องหน้าเป็นโตรกเขาแคบ เป็นภูเขาหินปูนผุกร่อนเกิดเป็นผาหินรูปร่างประหลาดมากมาย บ้างเป็นฟันเลื่อยเป็นหอคอยแหลมโผล่เหนือผิวดิน หินงอกหินย้อย มีธารน้ำสีเขียวมรกตกัดเซาะไหลผ่าน ทางเดินค่อนข้างแคบเปียกลื่นชื้นแฉะ ตะไคร่ขึ้นเกาะตามทางเดิน ต้นเฟินและมอสที่ชอบความชื้น ต่างงอกงามปกคลุมทั่วผาหิน
เสียงสายน้ำคำรามกระหึ่มมาแต่ไกล เมื่อพ้นแนวโตรกเขาออกมา ระอองไอน้ำปลิวว่อนอยู่ในทุกอณูอากาศ ลมพัดโชยเข้ากระทบกาย นำพาให้ร่างกายเปียกปอน เบื้องหน้าปรากฎน้ำตกขนาดใหญ่ สูงเจ็ดสิบแปดสิบหลา ม่านน้ำแผ่ขยายกว้างประมาณร้อยหลา ช่างยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ ภาพสายน้ำสีขาวอิ่มเอมถาโถมลงหน้าผาสูงลิบ แผ่ม่านน้ำใหญ่คล้ายสำลียักษ์ ดิ่งลงกระแทกแอ่งน้ำและผาหินเบื้องล่าง เสียงน้ำดังสนั่นปล่อยละอองไอปลิวฟุ้งในอากาศ
ภายใต้แผงม่านน้ำใหญมีทางเดินลอดผ่าน เผยให้เห็นสายน้ำปริมาณมหาศาล ถาโถมลงมาเป็นสายเหนือหัว เบื้องหน้ามีสะพานข้ามธารไปฝั่งตรงข้ามของน้ำตก ในใจบังเกิดความยินดี ตื่นเต้นประทับใจ เสียงน้ำเสียงลมกระโชกคล้ายเพลงบรรเลงอันเกรี้ยวกราด ให้มนุษย์ตระหนักหวั่นเกรงต่อธรรมชาติ หลังจากเดินผ่านลัดเลียบตามลำธารน้ำมา
“ฉันนั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง แปลกใจเสียจริงปลาไม่กินเหยื่อ” เบื้องหน้าเห็นเฒ่าชรากำลังร้องเพลงนั่งตกปลาอยู่
“คารวะท่านผู้เฒ่า ข้าน้อยจิ้นเหอ ไม่ทราบว่าเมืองกุ้ยหยางต้องเดินทางอีกไกลไหมครับ?”
“อ้า!.. ติดแล้วๆ” ผู้เฒ่ากล่าวออกมาเมื่อปลาเริ่มกินเบ็ด ผู้เฒ่ารีบลากปลาเข้าฝั่ง
“เจ้ามันตัวโชคดีจริงๆ ข้านั่งมาตั้งแต่เช้าพอเจ้ามาข้าตกได้เลย” เฒ่าชราเผยรอยยิ้มออกมา
ผู้เฒ่าชราเบื้องหน้าสวมหมวกงอบ ทำจากไม้ไผ่สาน ใบหน้าเรียวยาวปรากฎริ้วรอยย่นตามช่วงอายุไข ดวงตาหลี่แคบนัยน์ตาใสสีดำสนิทดูลึกล้ำ หนวดขาวแซมเทา เคราจรดยาวสีเดียวกันกับหนวด ใส่ชุดชาวบ้านสีกรมท่า ผู้เฒ่ากำลังเกี่ยวเหยื่อใส่ในเบ็ดใหม่
“ท่านพักอยู่แถวนี้หรือครับท่านผู้เฒ่า?” จิ้นเหอกล่าวขณะนั่งลงที่ด้านข้าง
“อืมข้าอยู่ใกล้ๆ นี่แหละเจ้ากำลังจะไปกุ้ยหยางหรือ” ผู้เฒ่ากล่าวมือเหวี่ยงเบ็ดลงน้ำไป
“จริงๆ ข้าจะไปสำนักศักสิทธ์ ชาวเผ่าต้งบอกว่าข้าต้องผ่านกุ้ยหยางก่อน”
“อืม ใช่แล้วแหละ ว่าแต่เจ้าจะไปทำอะไรที่สำนักศักสิทธ์”
“ข้าคิดจะไปสมัครเรียนที่นั่น”
“หุ หุ ต้องเดินทางอีกไกลเชียว เอะ! ติดอีกแล้วๆ ฮ่า ฮ่า เจ้ามันตัวมีโชคจริงๆ” ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มอย่างยินดี
“นี่ก็จะเย็นแล้วเดี๋ยวเจ้าไปพักบ้านข้า เดี๋ยวเราตกปลาอีกซักสองตัวเอาใหญ่ๆ กว่านี้หน่อย”
“ขอบคุณครับท่านผู้เฒ่า” จิ้นเหอคิดว่าคืนนี้อาจได้นอนเตียง มันรีบช่วยผู้เฒ่าเก็บปลาลงข้อง
“อะย๊ะ... ติดอีกแล้วๆ โห่ โห่ ดวงดีจริงๆ ใหญ่กว่าตัวเก่าแน่เจ้าดูซิ “ ผู้เฒ่าหัวร่อเบิกบานใจ
“อีกตัวเดียว ขอใหญ่ๆ เลยนะ ฮา ฮ่า เจ้านี่มันเจ๋งจริงๆ” ผู้เฒ่าหันมาชมจิ้นเหอยังไม่หยุดหัวเราะ
“ฮะฮ่า เจ้าดู มันดิ้นใหญ่เชียว” ผู้เฒ่ากล่าวเมื่อเห็นปลาดิ้นสะบัดสายน้ำสาดกระเซ็น เงาร่างในน้ำตัวใหญ่เกือบเท่าขาจิ้นเหอ ผู้เฒ่าเผยยิ้มกริ่ม
“อ้ายหยา!!!...ชิปหายเลี้ยว...แบบนี้” ผู้เฒ่าท่านสบถออกมา
คลื่นขนาดย่อมๆ ปรากฎขึ้นสายน้ำแตกกระจายสาดกระเซ็นแรงถึงบนฝั่ง ฟันเขี้ยวนับร้อยอ้าพร้อมขย้ำเหยื่อ เมื่อยามมันกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ มันกินปลาผู้เฒ่าเข้าปากไปแล้ว ตัวมันใหญ่พอๆ กับจิ้นเหอทีเดียว
ฉับพลัน!!!... ที่ด้านหลังเจ้าปลาตัวใหญ่ สัตว์อสูรมนุษย์มัจฉา โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำหน้ากลมเคลือบด้วยเมือกเหนียวเหนอะ ตาโปนสีฟ้าเข้มปิดบังนัยน์ตาดำ ข้างแก้มมีครีบแผ่กว้างปลายแหลมแวววาว มันแสยะยิ้มโชว์ฟันเขี้ยวจ้องมองท่านผู้เฒ่าเขม็ง ก่อนกางมือซ้ายที่มีครีบพุ่งเข้าหาท่านผู้เฒ่า
จิ้นเหอกระโดดขึ้นสองมือฟันใส่แขนที่มันยืนออกมา กระบี่แฉลบออกฟันไม่เข้า หนังมันเหนียวแถมลื่นอีก มันเดินขึ้นมาบนฝั่งแล้ว หัวจิ้นเหอสูงแค่เพียงระดับหน้าอกมันเท่านั้น มีสามง่ามอยู่ในมือขวา มันแทงสามง่ามเข้าใส่จิ้นเหอสามทีรวด บนกลางล่าง มันเคลื่อนไหวเร็วมาก ดุจยอดฝีมือผู้หนึ่งเลยทีเดียว จิ้นเหอต้องปิดปัดป้องรับอย่างเดียว จิ้นเหอย่อตัวลงหลักจากปัดสามงามที่พุ่งมาพ้นตัว กระบี่ในมือขวาฟันไปที่ข้อเท้า กระบี่แฉลบลื่นออกไปอีก โดนมันเตะสวนเข้าเต็มแขน ร่างกระเด็นไปตามแรงเตะ
“เจ้าโง่!...หนีซิเว่ยเฮ้ย!..” เป็นเสียงท่านผู้เฒ่าที่อยู่ห่างออกไปตะโกนมา
จิ้นเหอเมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าวิ่งอยู่ไกลอกไป มันจึงโกยตามบ้าง จนเห็นผู้เฒ่าหยุดพักลง
“มันไม่ตามมาหรือท่านผู้เฒ่า?” จิ้นเหอถามขณะหอบหายใจ
“มันไม่กล้าออกห่างแหล่งน้ำ” ผู้เฒ่ากล่าวโยนปลาบนหลังลงพื้น
“ท่านเอามันมาด้วย” เป็นปลาตัวใหญ่เขี้ยวนับร้อย ตัวยังหายใจกระเพื่อมขึ้นลง
“ไม่เอามาแล้วจะกินอะไร ข้องใส่ปลาก็ตกน้ำไปแล้ว เจ้าแบกไปด้วยข้าแก่ชราแล้ว เดี๋ยวก็ถึงบ้านข้าแล้ว”
หลังจากมาถึงบ้านผู้เฒ่า บ้าน??? มันเป็นถ้ำอยู่หลังม่านน้ำตก มีขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านไหนเป็นชะง่อนผาแสงอาทิตย์ส่องถึง อากาศจึงถ่ายเทดี หลังจากก่อไฟเสร็จ จิ้นเหออาสาทำปลาเผาเอง
“ท่านผู้เฒ่าเหตุใดท่านถึงมาอยู่คนเดียวละแก่ปูนนี้ละ?” จิ้นเหอกล่าวชวนสนทนา
“ข้าไร้ญาติขาดมิตร ร่อนเร่พเนจรไปทั่วแผ่นดิน เคยมีปู่ๆ ก็มาตายจากไป มีพ่อๆ ก็มาตายจาก มีลุงๆ ก็ตายจาก มีน้าๆ น้าก็ตายจาก มีเมียๆ ข้าก็ตายจาก มีลูกชายพอมันมีเมียมันก็ไปอยู่กับเมียมัน มีลูกสาวมันก็หนีตามผัว มีหลานชายมันก็ติดผู้หญิง มีหลานส......”
“ออ... ท่านผู้เฒ่าพอเถอะครับ ข้าเข้าใจละ เดี๋ยวคงถึงเหลน” จิ้นเหอกล่าวแทรกผู้ชรา
“ได้ๆ งั้นข้าไม่เล่าต่อก็ได้ ที่จริงมีลูกของเหลนอีก ว่าแต่เจ้าไปเรียนเพลงดาบนั้นมาจากไหน?”
“ท่านรู้จักหรือท่านผู้เฒ่า?” จิ้นเหอกล่าว มือหมุนปิ้งปลาอยู่
“เอะ!.. เจ้านี่ข้าถามเจ้าก่อนนะ เหตุไฉนเจ้ามาย้อนถามข้า”
“อ่า ข้าเรียนมาจากท่านอาคนหนึ่งครับ” จิ้นเหอกล่าวจบท่าทีดูซึมเศร้าลงทันที
“หึ หึ “ ผู้เฒ่ากล่าวเสียงออกจมูก
“มันคงตายไปแล้วมั้ง ถึงทำหน้าหมาหงอยแบบนี้” ผู้ชรากล่าว เมื่อเห็นจิ้นเหอเงียบไปจึงกล่าวต่อ
“เออๆ ข้าขอโทษ ปลาเจ้ากินได้ยังเดี๋ยวก็ไหม้หมดหรอก”
“ทานได้แล้ครับท่านผู้เฒ่า หน้าข้าเหมือนหมาจริงหรือ?” จิ้นเหอกล่าวขณะยื่นส่งชิ้นปลาให้
“อืม เจ้าไม่รู้ตัวหรือเหมือนลูกหมาเลยฮ่าๆ พรุ่งนี้ข้าเดินทางไปกับเจ้าด้วยดีกว่า อยู่คนเดียวมานานชักเบื่อ ไปเที่ยวเล่นสนุกกับเจ้าถ้าจะดี” กล่าวจบท่านหยิบชิ้นมันปลาไปกิน
จิ้นเหอมันจ้องมองดูผู้เฒ่าชรา ‘โห! ท่านผู้เฒ่าจะไปด้วย งานนี้ภาระหนักแน่ ดูสภาพแก่ขนาดนี้ละ จะปฎิเสธเยี่ยงไรดี กลุ้มๆ’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ