The Chronicles of Gaia พลิกตำนานโลกใบใหม่
7.3
เขียนโดย Alcatraz
วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 13.09 น.
14 chapter
1 วิจารณ์
16.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2559 13.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) Elysium
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความPrologue Act
Chapter 7th
Elysium
ย่านเริงรมย์เอลลีเซียม
คริสซาลิส เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักร
22 กันยายน ก.ศ. 327
19.33 น.
หลังจากขับรถฝ่าการจราจรในช่วงหัวค่ำที่ถือได้ว่าเลวร้ายที่สุดในรอบวันมากว่าหนึ่งชั่วโมงเศษ เลเดนก็ได้มาถึงถนนเส้นหนึ่งซึ่งสว่างไสวอย่างไม่มีที่ใดเทียบได้ในคริสซาลิสยามตะวันลับฟ้า ทั้งสองฟากฝั่งข้างทางเต็มไปด้วยแห่งรวมความบันเทิงสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่าสิบแปดปีขึ้นไป ตั้งแต่ร้านเหล้าเล็กๆดูมอซอ ไนท์คลับที่เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มออกมาถึงข้างนอก ไปจนถึงอาบอบนวดซึ่งกินอาณาเขตไปกว่าสามช่วงตึก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาเยือนถนนเส้นนี้กว่าหนึ่งปีแล้ว ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรื่นเริงผสมปนเปไปกับกิเลสตัณหา
‘ยิ่งแสงสว่างเท่าไหร่ เงาที่เกิดขึ้นจากมันก็จะดำมืดขึ้นเท่านั้น’
ประโยคเก่าเก็บที่เขาไปจำมาจากไหนก็ไม่รู้ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหักเลี้ยวรถไปจอดหน้าบาร์ขนาดกลางแห่งหนึ่ง เขากับเจ้าของบาร์นี้คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ ไหนๆจะเอาเงินมาใช้ทั้งทีแล้วเขาก็อยากให้มันตกไปอยู่กับคนรู้จักซะมากกว่า
การ์ดยืมคุมอยู่หน้าประตูร้านคนเดิมที่เลเดนเคยรู้จักและจะปล่อยให้ชายหนุ่มเข้าไปโดยไม่ถามอะไรบัดนี้ไปไหนเสียแล้วก็ไม่อาจรู้ ซึ่งคงเป็นเพราะงานของเขาถูกทำโดยเครื่องสแกนแทน ชายหนุ่มต้องยก PCD ขึ้นแสดงข้อมูลประจำตัวให้มันตรวจสอบ ประตูของบาร์จึงเปิดออก
ภายในบาร์ขนาดหนึ่งคูหาที่ถูกตกแต่งอย่างง่ายๆนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คนหลากหลายลักษณะและอารมณ์ ตั้งแต่พนักงานบริษัทสองคนที่พร่ำบ่นระบายปัญหาใส่กันพร้อมกับกระดกแก้วเบียร์ในมือ ชายชราที่จิบเหล้าอย่างเงียบๆไปจนถึงกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ชนแก้วค็อกเทลส่งเสียงเฮฮากันเต็มที่ใต้แสงไฟสลัวและเสียงเพลงเบาๆสบายหู
ชายหนุ่มเลือกที่นั่งตรงด้านหน้าบาร์เทนเดอร์เพื่อความสะดวกในการรับเครื่องดื่มก่อนจะพูดเสียงดัง
“ขอเหล้าที่แพงที่สุดในร้าน...แล้วคนที่นั่งตรงเคาน์เตอร์นี้ ผมเลี้ยงเอง”
ศีรษะของคนแถบนั้นหันขวับมาที่เขาก่อนจะกลับไปสนใจกับแอลกอฮอล์ในมือของตัวเองกันต่อ แต่ก็มีบางคนที่กล่าวขอบคุณเสียงแผ่ว
“แหม นึกว่าใครมาโชว์ป๋าแถวนี้ ที่แท้ก็เลเดนนี่เอง ไม่ได้เจอกันตั้งนานหล่อขึ้นเยอะเลยนะ”
เสียงหยาดเยิ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับแก้วหนึ่งใบและเหล้ายี่ห้อดังหนึ่งขวดที่ถูกวางลงเบื้องหน้าชายหนุ่ม เขาส่งยิ้มให้กับคนที่นำมันมาให้ ซึ่งก็คือหญิงผู้มีเส้นผมสีม่วงเข้มยาวสยายถึงบั้นเอว ดวงตาสีเดียวกันหรี่เล็กน้อยเข้ากับรอยยิ้มบางๆดูยั่วยวน เธอสวมชุดเดรสหนังสั้นเสมอเข่ารัดรูปเผยสัดส่วนอย่างชัดเจน อวดหุ่นที่หญิงสาวคนไหนก็ต้องอิจฉาแม้อายุอานามของเธอกำลังจะพ้นเลขสี่ไปแล้วก็ตาม
บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเธอคนนี้เคยเป็นทหารในกองทัพราชอาณาจักรยศเดียวกันกับเลเดน ถึงตอนนี้จะเป็นเจ้าของบาร์ไปแล้วก็ตาม และคำนำหน้าชื่อของเธอคือ ‘นาย’ ไม่ใช่ ‘นางสาว’
“คุณแคเธอรีนเองก็สวยไม่สร่างเลยนะครับ ดูไม่เปลี่ยนไปเลย”
“แหม ปากหวานอย่างนี้ ฉันลดราคาขวดนี้ครึ่งนึงเลยจ้ะ แต่ขวดถัดไปราคาเต็มนะ”
แคเธอรีนเปิดฝาขวดและรินของเหลวสีอำพันลงในแก้วให้กับชายหนุ่ม เขายกมันขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วจนคนเทผิวปากวิ้ว ก่อนจะเติมแก้วของเขาจนเต็มอีกครั้ง และมันก็ว่างเปล่าในชั่วอึดใจถัดมา
“มีเรื่องเครียดอะไรหรือไงจ๊ะ ถึงได้ซัดเอาๆ เหล้าแพงๆต้องค่อยๆดื่มด่ำกับมันสิ”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากลองดูเฉยๆ ปกติไม่มีเงินจะทำแบบนี้”
คู่สนทนาหัวเราะออกมาให้กับคำพูดนั้นก่อนจะถามต่อ
“แล้วคาร์ลอสล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ ไม่ได้เจอหมอนั่นมาตั้งนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย”
“คุณคาร์ลอส เห็นว่าพรุ่งนี้มีประชุมสำคัญน่ะครับ เลยไม่อยากดื่ม”
“หึๆ สมเป็นท่านผบ.ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ เอาเถอะ ถ้าเธออยากได้อะไรเพิ่ม ก็สั่งจากเด็กๆของฉันแล้วกันนะ ฉันขอไปหลังร้านก่อน คงไม่ว่ากันนะจ๊ะ”
แคเธอรีนล่าถอยจากเคาน์เตอร์หายเข้าไปในประตูบ้านหนึ่งที่มีป้ายแปะไว้ว่า ‘สำหรับพนักงานเท่านั้น’ โดยมีสายตาของผู้ชายค่อนร้านไล่ตามไปด้วย เลเดนยกขวดเหล้าขึ้นเทอีกครั้งแต่คราวนี้ชายหนุ่มจิบมันอย่างใจเย็นแทน เขาถอนหายใจยาว รู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นเล็กน้อย แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ตาม
หลังจากขวดเหล้าพร่องไปกว่าค่อนแล้ว ชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากการดื่มเป็นโยกแก้วเล่นไปมาแทน เขาไม่อยากเมาถึงขนาดที่ไม่มีปัญญาขับรถกลับบ้านเอง เพราะคงจะโดนคาร์ลอสเล่นงานแน่ๆ หรือไม่เขาอาจกลายเป็นหนึ่งในรายงานอุบัติเหตุประจำวันในช่วงข่าวเช้าวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้
‘แค่ขวดเดียวก็คงพอแล้วละมั้ง...’
เลเดนทอดสายตาไปทั่วร้านที่ตอนนี้ดูเบลอๆเล็กน้อย และไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะๆหนึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นคือชายสามคนและหญิงสาวหนึ่งคน หญิงสาวคนนั้นโดดเด่นท่ามกลางบาร์ทึมๆแห่งนี้เพราะชุดที่เธอใส่มันเหมาะจะไปงานเลี้ยงหรูตามภัตตาคารห้าดาวเสียมากกว่า
ชายสามคนที่นั่งล้อมเธออยู่นั้นต่างจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แสดงออกชัดถึงความไม่ปรารถนาดี แม้ว่าทั้งหมดจะกำลังยิ้มแย้มและส่งเสียงเชียร์ให้หญิงสาวยกเหล้าแก้วใหญ่ขึ้นดื่มอยู่ก็ตามที ชายหนุ่มไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่พวกที่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามจะทำแบบนั้นอยู่ เมื่อเธอดื่มเหล้าจนหมดและกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะ ชายทั้งสามก็ตอบรับด้วยเสียงโห่ฮา ตะโกนขอเหล้าเพิ่มอีก และดูพึงพอใจที่ได้เห็นหญิงสาวนั่งเอนตัวไปมาเล็กน้อยบนเก้าอี้ของเธอ
เลเดนมองอย่างเงียบๆขณะหญิงสาวทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้งพร้อมด้วยเสียงเฮฮาของกลุ่มผู้ชาย เมื่อเธอวางแก้วลง ดูมึนงงหนักกว่าเก่าและเกือบฟุบหน้าลง ชายทั้งสามก็ส่งสายตาหากันเป็นนัยๆว่า
‘เรียบร้อย’
“ดูเหมือนว่าจะดื่มหนักไปหน่อยนะ งั้นเดี๋ยวพวกพี่ชายจะพาไปส่งโรงแรมแล้วกัน” หนึ่งในนั้นเอ่ยขณะที่เขากับชายอีกคนหิ้วปีกหญิงสาวขึ้นและเริ่มพาเธอเดินไปยังประตูทางออก
“จะส่งให้ถึงเตียงเลย หึๆ” อีกหนึ่งคนที่เหลือเอ่ยเหมือนให้ตัวเองฟัง แต่มันกลับก้องไปทั่วทั้งบาร์
เลเดนลองมองปฏิกิริยาของลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างสิ้นหวังเมื่อไม่มีใครที่ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือต้องบอกว่าสนใจ แต่ไม่กล้าสอดมือเข้าไปยุ่งเสียมากกว่า แม้กระทั่งบาร์เทนเดอร์ยังยืนผสมเหล้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มมองขวดเหล้าที่เหลืออยู่เกือบครึ่งอย่างเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเคาน์เตอร์ สาวเท้าผ่านเหล่านักดื่มที่หันมองเขาเป็นแถว และไปหยุดขวางอยู่หน้าประตูก่อนที่ชายทั้งสามและหญิงสาวคนนั้นจะผ่านออกไปพอดี
“หลีกไปสิวะ จะมายืนขวางทำพระแสงของ้าวอะไร”
หนึ่งในนั้นตวาดใส่เขาอย่างไม่พอใจขณะที่ชายหนุ่มตอบกลับอย่างใจเย็น
“คือฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของพวกแกเท่าไหร่หรอกนะ และก็ไม่อยากจะปล่อยให้ทำได้สำเร็จด้วย”
“เฮ้ย ไอ้เวรนี่ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง รู้หรือเปล่าพ่ออั๊วะเป็นใคร”
ชายคนที่ไม่ได้พยุงหญิงสาวอยู่ก้าวมาข้างหน้าและพูดเสียงดัง กลิ่นเหล้าลอยมากระทบจมูกของเลเดนจนเขาอยากจะเบือนหน้าหนี หนทางในการจบเรื่องด้วยการเจรจาดูท่าทางจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
“ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อแกเป็นใคร แต่ที่ฉันรู้คือฉันพาผู้หญิงขึ้นเตียงได้โดยไม่ต้องมอมเหล้าก่อนก็แล้วกัน แล้วก็ไม่ต้องพาเพื่อนตัวน้อยมาช่วยอีกตั้งสองคนด้วย”
เขาปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ถึงจะเป็นคำโกหกแบบล้วนๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเบิกตากว้าง กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ในขณะที่ทั้งสองคนด้านหลังปล่อยหญิงสาวลงกับพื้น หักนิ้วมือดังกร็อบ ส่วนคนโดนปล่อยก็เหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย เหมือนกับว่าร่างกายของเธอยังตื่นอยู่แต่สมองได้หลับไปแล้ว
“พวกฉันก็แค่จะพาเธอไปส่งที่โรงแรมที่เธอพักเท่านั้นเอง จะมีปัญหาอะไรนักหนาล่ะวะ”
“โอ้ ฉันไม่สงสัยหรอกว่าพวกแกพาเธอไปส่งโรงแรมแน่ๆ แต่ฉันสนใจเรื่องที่พวกแกจะทำหลังจากนั้นมากกว่า”
“แกสนใจใช่มั้ย งั้นแขนขาหักสักข้างสองข้างคงจะทำให้แกเลิกสนใจได้สินะ”
เมื่อประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากของฝ่ายตรงข้าม เลเดนก็โยนความหวังในการไม่ต้องใช้กำลังทิ้งไปพร้อมกับความอดทนในการพูดจาดีๆ
“ขอเตือนครั้งสุดท้ายนะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ ไม่งั้นฉันขอไม่รับผิดชอบเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ แววตาเปลี่ยนเป็นคมกริบแบบเดียวกันกับชายที่ฝึกสอนเขามา ฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคนมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไร และหญิงสาวผู้เป็นต้นเหตุก็ยังคงนั่งแหมะอยู่บนพื้นอย่างไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
เลเดนเริ่มประเมินสถานการณ์อย่างคร่าวๆ เขาได้คะแนนวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าติดอันดับท็อปของโรงเรียนนายร้อยก็จริง แต่นั่นเป็นการทดสอบแบบตัวต่อตัว เขาเคยสู้กับคนทีเดียวสามคนหรือเปล่า ก็ไม่
ทว่าอีกฝ่ายทั้งสามคนก็ไม่มีใครที่ดูเป็นนักสู้เหมือนกัน มีแค่เจ้าคนอวดพ่อที่ดูมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเลเดนได้อย่างสบายๆ ขณะที่อีกสองคนทำท่าทางอึดอัดแต่ก็ดูไม่กล้าขัดเพื่อน และที่สำคัญที่สุดคือพวกนั้นเมาอยู่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เมาเหมือนกัน แต่ถ้ามีใครซักคนในร้านเห็นว่ากำลังมีเรื่องและโทรแจ้งตำรวจ แล้วเขาสามารถดึงพวกนี้ไว้ได้จนถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็จะจบ
“เฮอะ ขอให้ฝีมือของแกดีเหมือนปากเหอะว่ะ...เฮ้ย เล่นมันให้ยับ!” สิ้นประโยค เจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ก็บุกเข้ามาเป็นคนแรก หมัดขวาง้างไปด้านหลัง เล็งใส่ใบหน้าของเลเดน
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าการโจมตีที่ไร้ลูกเล่นและทักษะแบบนั้นจะเข้าเป้า แต่ชายหนุ่มก็ให้คำแนะนำสั้นๆด้วยการเบี่ยงศีรษะหลบ ปล่อยให้หมัดเฉี่ยวผ่านไป อาศัยจังหวะที่ผู้โจมตีเสียหลักไปข้างหน้าจากแรงของตัวเอง อัดกำปั้นซ้ายเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยวจนร่างลอยขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น
ถ้าอีกฝ่ายมีแค่คนเดียว การต่อสู้นี้คงจบไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่ออีกสองคนที่เหลือเห็นเพื่อนถูกเล่นงานอย่างง่ายดาย แทนที่จะกลัวกลับพุ่งเข้ามาพร้อมกัน คนหนึ่งมือเปล่า ส่วนอีกคนคว้าขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆมาใช้เป็นอาวุธ เลเดนย่อตัวลงต่ำ พ้นจากรัศมีการหวดของขวด และตวัดเท้าขัดขาคนถือไปด้วย ส่งเขาไปชนเข้ากับเก้าอี้ดังโครม แต่ด้วยความมึนเมาทำให้ชายหนุ่มตอบสนองได้ช้าเกินไปสำหรับหมัดของคนที่สอง และมันก็ปะทะเข้ากับหน้าผากของเขาอย่างเหมาะเหม็ง
ชายหนุ่มเซไปตามแรงหมัด สะบัดใบหน้าไล่ความมึนงง แต่ขณะที่กำลังจะตอบโต้กลับ เลเดนก็พบว่าตัวเองถูกดึงรวบไว้จากเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ เขาแทงศอกกลับไปทางด้านหลัง เข้าตรงเป้าเดิมจนมันลงไปร้องโอดโอยอีกรอบ แต่การเสียเวลาไปไม่กี่วินาทีก็เพียงพอที่จะทำให้ขวดในมือของหนึ่งในศัตรูฟาดเข้าที่ข้างศีรษะของเขาจังๆ
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ขวดในร้านของแคเธอรีนเป็นขวดแก้วแบบแข็งทั้งหมด มันจึงไม่แตก แต่ก็ให้สัมผัสไม่ต่างอะไรจากเหล็กดุ้นมากนัก เลเดนมองเห็นดาวระยิบระยับเต็มทัศนียภาพขณะที่ตัวเขาผงะเอียงไปทางด้านข้าง ชายหนุ่มคว้าพนักของเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ พยายามทรงตัวใหม่อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เขาตั้งตัว เลเดนจึงได้รับรู้ถึงสัมผัสของรองเท้าหนังพร้อมแรงเตะที่เสยเข้ากลางหน้าอกจนเขากระเด็นหงายหลังลงกับพื้น
‘สิ่งสำคัญที่สุดในการสู้ด้วยมือเปล่าคืออย่าล้ม จำเอาไว้ให้ดี’
คำพูดของครูฝึกในโรงเรียนนายร้อยแว่วเข้ามาในหูราวกับตลกร้ายขณะที่เลเดนดิ้นรนป้องกันตัวจากเท้าของคู่ต่อสู้ทั้งสามที่พร้อมใจกันเข้ามารุมกระทืบเขาอย่างว่องไว อย่าว่าแต่ยืนขึ้นเลย แค่หลบไม่ให้ถูกเล่นงานเข้าที่จุดสำคัญก็เต็มกลืนแล้วสำหรับเขา เลยออกไปจากภาพของขาและรองเท้าที่กระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ปราณี เลเดนเห็นหญิงสาวคนที่เขาพยายามจะช่วย เธอมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้
พลันเขาก็เกิดรู้สึกสมเพชในความอ่อนแอของตัวเอง
ตัวเขาที่ไม่อาจปกป้องแม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว
‘ทุเรศชะมัด’
ในจังหวะที่เขาคิดจะลดการป้องกันลง ปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามยถากรรมนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
เสียงแบบเดียวกับที่เขาเคยได้ยินเมื่อสิบสามปีก่อน ในช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุดในชีวิต
เสียงฝีเท้าของใครสักคนที่ย่ำเข้ามาใกล้
แต่คราวนี้ จู่ๆมันกลับเปลี่ยนเป็นวิ่งทะยาน และมีเสียงตุบหนึ่งครั้งก่อนจะเงียบหายไป
“เฮ้ย! อะไรวะ!?”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหักดังกร็อบพร้อมด้วยการร้องอย่างตกใจของหนึ่งในผู้ที่รุมยำเขาอยู่ เลเดนเงยหน้าขึ้น ทันได้เห็นเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ที่กำลังหกคะเมนโดยมีเข่าของใครสักคนจมลึกเข้าไปในใบหน้า ใครคนนั้นอาศัยแรงกระแทกหยุดตัวเองไว้กลางอากาศ พลิกตัวเตะเข้าตรงยอดอกของหนึ่งในอีกสองคนที่ยังยืนตะลึงอยู่ เหยื่อฝ่าเท้าลอยหวือออกไปราวกับถูกยักษ์ตบ กระแทกโต๊ะตัวหนึ่งพังยับเป็นชิ้นๆในจังหวะเดียวกันกับที่คนๆนั้นลงแตะพื้นอย่างสวยงาม
ผู้ที่มาช่วยเลเดนเอาไว้คือผู้หญิงในชุดลำลองเสื้อแขนสั้นกางเกงขายาวดูไม่โดดเด่นอะไร แต่ที่แปลกคือศีรษะของเธอถูกพันไว้อย่างลวกๆด้วยผ้าที่เลเดนเดาว่าน่าจะเป็นเสื้อโค้ทปิดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด มีเพียงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและเส้นผมสีแดงเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
“แก!”
แต่ถึงกระนั้น หนึ่งคนที่เหลือก็ยังซัดกำปั้นเข้าใส่ผู้ช่วยเหลือของเลเดนอยู่ดี ร่างนั้นหลบหมัดได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังจับเข้าที่แขนของผู้โจมตี ทุ่มเขาลงกับพื้นเสียงดังสนั่นด้วยความรุนแรงถึงกับว่าเล่นเอาคนถูกทุ่มสลบเหมือดไปทันที
“ระวัง!”
เลเดนร้องเตือนเมื่อเห็นว่าเจ้าคนที่ถูกเตะไปกำลังแอบย่องมาทางด้านหลังของเธอพร้อมด้วยขวดเหล้าในมือ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วเขาก็เหวี่ยงอาวุธเข้าใส่ แต่ก็ยังไม่ทันเป้าหมายที่กลับรุกเข้าประชิด สองหมัดรัวใส่หน้าอกและท้องอย่างไม่ยั้งมือ เธออาศัยจังหวะที่ศัตรูกำลังจุกจนค้างไป ชิงขวดจากอีกฝ่าย ฟาดมันเข้าที่ปลายคางของอดีตผู้ใช้อย่างแรงจนตาเหลือกค้าง ทรุดตัวลงสิ้นสติ
ปัง!
เสียงปืนหนึ่งนัดสะกดทุกสิ่งให้เงียบสงบลงเป็นดุษณี เส้นผมที่เกินออกมาจากผ้าของผู้ช่วยเหลือพลิ้วไหวเล็กน้อยจากแรงกระสุนที่พลาดเป้า ซึ่งมันก็ไม่ได้มาจากไหนนอกจากปืนพกในมือของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ ใบหน้าของเขาท่วมไปด้วยเลือดที่ทะลักออกมาจากจมูกซึ่งบี้แบนผิดรูป ความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดฉายชัดบนใบหน้าและน้ำเสียง
“พวกแก...บังอาจทำให้หน้าอั๊วะเป็นแบบนี้ อย่างนี้มันต้องตายสถานเดียวแล้ว...”
“นี่แกรู้มั้ยว่า...”
เสียงอู้อี้เล็กน้อยจากการพูดผ่านผ้าของผู้ช่วยเหลือฟังดูโมโหไม่แพ้กัน และมือข้างที่ยังถือขวดเหล้าอยู่ก็สะบัดอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองทัน สิ่งท่เกิดขึ้นถัดมาคือปืนในมือของฝ่ายตรงข้ามถูกขวดกระแทกจนกระเด็นออกไป
“อะ...ไร?”
ยังไม่ทันที่เขาจะหายตกใจ ดั้งที่แทบจะยุบไปแล้วก็ถูกกำปั้นลุ่นๆซัดเข้าเต็มรัก ทำให้เขาลงไปนอนหงายกับพื้นเป็นรอบที่สี่
“สามรุมหนึ่งนี่มันไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย...”
ผู้ช่วยเหลือก้มลงเก็บปืนที่หล่นอยู่ เดินเข้าไปเอามันจ่อใส่หน้าผากของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ชีวิตน้อยๆของเขาขึ้นอยู่กับหญิงปริศนาคนนี้แล้ว
“งั้นก็...”
เธอลากเสียงยาว เลื่อนปากกระบอกปืนลงต่ำ และไปหยุดอยู่ที่กึ่งกลางลำตัวของอีกฝ่าย นิ้วเรียวค่อยๆเหนี่ยวไกอย่างบรรจง เหมือนอยากจะให้ช่วงเวลานี้สลักลงในความทรงจำของอีกฝ่ายแบบไม่มีวันลืม
“ไม่ต้องเป็นผู้ชายมันซะเลยละกัน เนอะ”
“เดี๋ยว อย่า ไม่ ไม่นะ ม่ายยยยยย!!”
ปัง!
ปืนพกแผดลั่นสะท้อนไปมาในบาร์ที่ว่างเปล่าเนื่องจากลูกค้าหนีไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่กระสุนนัดแรกระเบิดขึ้น พื้นตรงหว่างขาของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ถูกอานุภาพปืนเจาะเป็นรู ดูเหมือนว่าผู้ช่วยเหลือจะยังไม่อยากทำหมันถาวรให้ใคร แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ถูกขู่ตาเหลือกโพลน สติสตังบินหายไปพร้อมๆกับของเหลวบางอย่างที่ไหลออกมาจากเป้ากางเกง
“อี๋ ถึงกับฉี่ราดเลยเรอะ...เป็นอะไรมากไหม”
เธอโยนปืนทิ้งไป หันมายื่นมือให้กับเลเดนที่ลุกขึ้นมานั่งได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวไปแทบทั้งตัวแต่ก็ฝืนจับมือนั้นให้อีกฝ่ายดึงขึ้นยืน ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นปราดจากมือเข้าสู่สมอง ความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่า...
คุ้นเคย
ทั้งลักษณะการพูด การกระทำ น้ำเสียง ล้วนเหมือนเคยแวะเวียนเข้ามาในชีวิตของเขา
เหมือนกับใครคนหนึ่งที่เลือนรางอยู่ในความทรงจำสีหม่น
เลเดนพยายามบังคับให้ตัวเองนึก แต่สิ่งที่สมองมอบคืนมามีเพียงความปวดอันไม่พึงปราถนาจนเขาต้องเลิก
“...ขอบคุณนะ”
“เรื่องเล็กน้อย ฉันไม่ชอบพวกที่ทำตัวทุเรศแบบนี้อยู่แล้ว”
“เรา...เคยรู้จักกันหรือเปล่า”
“มะ...ไม่ ไม่เคยแน่นอน! คนหน้าตาแบบนายฉันไม่เคยรู้จักแน่ๆ”
เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธทันควัน เลเดนจึงได้แต่สรุปว่าเขาคิดไปเอง บางทีเหล้าคงทำให้ความทรงจำเขาเพี้ยนไปบ้าง
“ระ...เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
แคเธอรีนยื่นหน้าออกมาจากประตูที่เธอหายเข้าไปเมื่อครู่ใหญ่ก่อน เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบแล้ว เธอก็กระวีกระวาดออกมายังบริเวณร้าน ท่าทางโล่งอกที่ไม่มีใครกลายเป็นศพ
“โอ๊ย ตอนได้ยินเสียงปืนนะหัวใจฉันจะวาย ต่อไปคงต้องตั้งระบบตรวจจับอาวุธด้วยซะแล้ว แต่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเธอมากๆเลยนะจ๊ะที่ช่วยจัดการให้”
เธอจับมือของหญิงสาวปริศนาไปเขย่าด้วยแรงแบบผู้ชายซะจนเจ้าของมือสั่นไปทั้งตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
“ส่วนเจ้าพวกนี้ ให้ตำรวจมาจัดการก็แล้วกัน”
เจ้าของบาร์ยก PCD ขึ้นกดเบอร์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ หญิงสาวลึกลับก็มีท่าทีร้อนรนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ...”
“จ้า อุ๊ย เอานี่ไปด้วยสิจ๊ะ”
แคเธอรีนดึงบัตรสีทองออกมาจากกระเป๋ากระโปรงและส่งให้กับเธอ
“บัตรดื่มฟรีหนึ่งปีไม่จำกัดครั้งจ้ะ แทนคำขอบคุณ”
หญิงสาวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรับมาเก็บไว้
“ขอบคุณค่ะ ไว้จะหาโอกาสแวะมาอีกนะคะ”
ชั่วอึดใจถัดมา เธอก็ไม่ได้อยู่ในร้านอีกต่อไป ทิ้งเลเดนไว้กับเจ้าของบาร์ผู้กำลังเถียงอะไรบางอย่างกับตำรวจที่รับแจ้งเหตุและหญิงสาวที่ผล็อยหลับไปเสียแล้ว
“ขอโทษที่มาช้านะครับ พอดีคุณท่านอยากรู้หลาย...”
โฮโลแกรมของชายหนุ่มผมสีเขียวใบไม้ในชุดพ่อบ้านโผล่ขึ้นข้างหญิงสาวต้นเหตุ ชะงักกึกเมื่อเห็นสภาพโดยรอบ ประโยคที่ยังพูดไม่จบหายเข้าไปในลำคอ เขานิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาก้มศีรษะให้กับเลเดนแทบจะติดพื้น ปากเอ่ยด้วยเสียงที่ดังจนคนฟังเกือบยกมือขึ้นอุดหู
“ขอบคุณที่ช่วยคุณหนูไว้นะครับ!”
“ครับ...เอ่อ คือว่า ทำไม...”
“ผมชื่อกุนเธอร์ ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านและผู้ดูแลของเธอคนนี้ และก็เป็น AI ครับ เลยมองสถานการณ์ออกได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปซักหน่อย”
เลเดนถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเกิดถูกเข้าใจผิดจากคนช่วยกลายเป็นคนร้าย เขาก็คงขำไม่ออกเหมือนกัน
“เดี๋ยวตำรวจจะมาแล้วล่ะจ้ะ พวกเธอรีบไปดีกว่านะ ถ้าเกิดถูกกักตัวไว้คืนนี้คงถูกสอบปากคำอีกนานเลย”
“จะไม่เป็นไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวฉันอธิบายเองได้จ้ะ เพราะเรื่องทำนองนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไรอยู่แล้ว” แคเธอรีนลากร่างของชายทั้งสามที่ยังคงสิ้นสติอยู่มานอนเรียงกันอย่างง่ายดายเหมือนไม่ต้องออกแรง
“ถึงจะรบกวนไว้มากแล้ว แต่ผมขอร้องอะไรอีกอย่างได้ไหมครับ” AI พ่อบ้านของหญิงสาวหันมาเอ่ยกับเลเดนด้วยเสียงออกเกรงใจ
“ครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมก็จะทำให้”
“ช่วยพาคุณหนูไปส่งที่โรงแรมหน่อยได้มั้ยครับ”
“คระ...เอ๊ะ!?”
“ไม่ได้เหรอครับ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกครับ...”
“งั้นเรารีบไปกันดีกว่าครับ ถ้าถูกตำรวจเจอเข้า ภาพพจน์ของทางสหภาพคงแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี”
เมื่อตกปากรับคำไปแล้ว เลเดนก็ได้แต่ทำตามแม้จะสะดุดใจบ้างตรงประโยคท้ายๆ เขานึกขอขมาหญิงสาวในใจก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาประคองไว้ด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวขณะที่พ่อบ้านชุดดำหายไป
ห้านาทีถัดมา ชายหนุ่มก็วางเธอลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับในรถของเขาอย่างเบามือ ทันทีที่เขาสตาร์ทเครื่อง ใบหน้าของกุนเธอร์ก็ถูกฉายขึ้นบนกระจกหน้า
“ไปที่นี่เลยครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง”
พิกัดพร้อมชื่อสถานที่เด้งขึ้นบนระบบนำทาง เลเดนตั้งให้รถเริ่มขับอัตโนมัติและเอนหลังเข้ากับเบาะรถพลางเรียบเรียงคำพูดที่จะใช้อธิบายกับคาร์ลอสเมื่อกลับถึงบ้าน
โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
เขตที่พักนักท่องเที่ยว
21.03 น.
“ที่นี่แหละครับ”
เสียงของกุนเธอร์ปลุกเลเดนที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น เขาสะบัดศีรษะที่ปวดตุบจากขวดและเหล้าแรงๆหนึ่งหนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโรงแรม แอบตกใจเมื่อพบว่ามันคือหนึ่งในโรงแรมที่หรูที่สุดในคริสซาลิส
ชายหนุ่มเรียกความใจกล้าหน้าด้านออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะช้อนร่างของหญิงสาวที่ยังคงไม่ได้สติขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและเดินตรงเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม ที่ซึ่งสายตานับสิบคู่จ้องตรงมาที่เลเดนทันที เขาทำเป็นไม่สนใจก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ ขึ้นสู่ชั้นที่ห้องพักของหญิงสาวตั้งอยู่
“ต้องขอบคุณมากๆเลยนะครับ ถ้าไม่ได้คุณละก็ ป่านนี้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
พ่อบ้านชุดดำปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเลเดนหย่อนหญิงสาวลงบนเตียงนอนของเธอ ส่วนตัวเขาเองก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ถึงจะผ่านการฝึกร่างกายมาอย่างดี แต่การอุ้มใครสักคนเป็นสิบนาทีนี่ก็ทำเอาแขนเขาส่งเสียงโอดโอยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ทำสิ่งที่สมควรจะทำก็เท่านั้นเอง”
“รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะเตรียมเครื่องดื่มให้ ต้องทำของแก้เมาค้างให้คุณหนูด้วย”
โฮโลแกรมของเขาย้ายไปตรงครัวของห้องแทนขณะที่เลเดนเพิ่งได้โอกาสในการพินิจหญิงสาวที่เขาแทบจะต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอย่างชัดๆเป็นครั้งแรก
เธอมีเส้นผมสีเหลืองอ่อนยาวสลวย ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อยแบบคนกำลังหลับ ดวงตาตอนนี้ปิดสนิทแต่เขาจำได้ว่ามันเป็นสีฟ้าเข้ม ใบหน้าหมดจดไร้ริ้วรอย เธอดูสวยมากเลยทีเดียว นั่นไม่ต้องสงสัย แต่นอกจากความประทับใจในเรื่องนั้นแล้ว เลเดนยังมีอีกความรู้สึกที่สลัดไม่ออกเสียที
‘เราเคยเจอกับคนๆนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...’
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงคิดคำนึง เขาก็เผลอเลื่อนสายตาลงไปสู่ส่วนโค้งเว้าของหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ เรือนร่างที่แม้จะไม่ได้ ‘บึ้ม’ แบบแคเธอรีน แต่ก็ยังสูงกว่ามาตรฐานของหญิงสาวทั่วไปอยู่อักโขถูกซ่อนอยู่ใต้ชุดเดรสกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนที่ตอนนี้หลุดลุ่ยเล็กน้อยจากการถูกพาไปนู่นมานี่...
“น้ำผลไม้ครับ วัตถุดิบของที่นี่มีแต่ของแปลกๆผมเลยทำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
เสียงของกุนเธอร์ทะลวงผ่านม่านแห่งความเคลิบเคลิ้มของเลเดนและส่งให้ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีจากภาพอันไม่ปลอดภัยต่อผู้ชายสุขภาพดีแบบเขา ขืนจ้องต่อละก็ เขาอาจจะกลายเป็นคนร้ายไปเสียเองก็ได้ เลเดนหยิบแก้วน้ำสีแปลกๆจากหุ่นยนต์รับใช้ประจำห้องที่คงกำลังถูกควบคุมโดยกุนเธอร์อยู่และซดมันรวดเดียวหมดเพื่อดับความฟุ้งซ่าน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” เลเดนวางแก้วคืนและรุดไปยังประตูโดยไม่รีรอ
“สักวันตระกูลเดอ ลาพาซจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้แน่นอนครับ”
กุนเธอร์พูดไล่หลังมาจนชายหนุ่มหยุดกึก แต่เมื่อจะหันกลับไปเพื่อถาม ประตูห้องก็เลื่อนปิดไปเสียแล้ว
เมื่อไม่อาจจะค้นหาคำตอบที่เป็นจริงได้ เลเดนจึงมีทางเลือกแค่ใช้ความเข้าใจของตัวเอง
‘คงบังเอิญละมั้ง’
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เธอคนนั้นนามสกุลเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จัก
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เขาได้พบกับเธอในคืนนี้
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ใครคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคยได้มาช่วยเขาไว้
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ทั้งสองคนนั้นทำให้เขาหวนรำลึกถึงอดีตที่มืดมัว
และคงเป็นเรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน ที่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้แต่เรื่องเดียว
Chapter 7th
Elysium
ย่านเริงรมย์เอลลีเซียม
คริสซาลิส เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักร
22 กันยายน ก.ศ. 327
19.33 น.
หลังจากขับรถฝ่าการจราจรในช่วงหัวค่ำที่ถือได้ว่าเลวร้ายที่สุดในรอบวันมากว่าหนึ่งชั่วโมงเศษ เลเดนก็ได้มาถึงถนนเส้นหนึ่งซึ่งสว่างไสวอย่างไม่มีที่ใดเทียบได้ในคริสซาลิสยามตะวันลับฟ้า ทั้งสองฟากฝั่งข้างทางเต็มไปด้วยแห่งรวมความบันเทิงสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่าสิบแปดปีขึ้นไป ตั้งแต่ร้านเหล้าเล็กๆดูมอซอ ไนท์คลับที่เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มออกมาถึงข้างนอก ไปจนถึงอาบอบนวดซึ่งกินอาณาเขตไปกว่าสามช่วงตึก
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาเยือนถนนเส้นนี้กว่าหนึ่งปีแล้ว ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรื่นเริงผสมปนเปไปกับกิเลสตัณหา
‘ยิ่งแสงสว่างเท่าไหร่ เงาที่เกิดขึ้นจากมันก็จะดำมืดขึ้นเท่านั้น’
ประโยคเก่าเก็บที่เขาไปจำมาจากไหนก็ไม่รู้ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหักเลี้ยวรถไปจอดหน้าบาร์ขนาดกลางแห่งหนึ่ง เขากับเจ้าของบาร์นี้คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ ไหนๆจะเอาเงินมาใช้ทั้งทีแล้วเขาก็อยากให้มันตกไปอยู่กับคนรู้จักซะมากกว่า
การ์ดยืมคุมอยู่หน้าประตูร้านคนเดิมที่เลเดนเคยรู้จักและจะปล่อยให้ชายหนุ่มเข้าไปโดยไม่ถามอะไรบัดนี้ไปไหนเสียแล้วก็ไม่อาจรู้ ซึ่งคงเป็นเพราะงานของเขาถูกทำโดยเครื่องสแกนแทน ชายหนุ่มต้องยก PCD ขึ้นแสดงข้อมูลประจำตัวให้มันตรวจสอบ ประตูของบาร์จึงเปิดออก
ภายในบาร์ขนาดหนึ่งคูหาที่ถูกตกแต่งอย่างง่ายๆนั้นหนาแน่นไปด้วยผู้คนหลากหลายลักษณะและอารมณ์ ตั้งแต่พนักงานบริษัทสองคนที่พร่ำบ่นระบายปัญหาใส่กันพร้อมกับกระดกแก้วเบียร์ในมือ ชายชราที่จิบเหล้าอย่างเงียบๆไปจนถึงกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ชนแก้วค็อกเทลส่งเสียงเฮฮากันเต็มที่ใต้แสงไฟสลัวและเสียงเพลงเบาๆสบายหู
ชายหนุ่มเลือกที่นั่งตรงด้านหน้าบาร์เทนเดอร์เพื่อความสะดวกในการรับเครื่องดื่มก่อนจะพูดเสียงดัง
“ขอเหล้าที่แพงที่สุดในร้าน...แล้วคนที่นั่งตรงเคาน์เตอร์นี้ ผมเลี้ยงเอง”
ศีรษะของคนแถบนั้นหันขวับมาที่เขาก่อนจะกลับไปสนใจกับแอลกอฮอล์ในมือของตัวเองกันต่อ แต่ก็มีบางคนที่กล่าวขอบคุณเสียงแผ่ว
“แหม นึกว่าใครมาโชว์ป๋าแถวนี้ ที่แท้ก็เลเดนนี่เอง ไม่ได้เจอกันตั้งนานหล่อขึ้นเยอะเลยนะ”
เสียงหยาดเยิ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับแก้วหนึ่งใบและเหล้ายี่ห้อดังหนึ่งขวดที่ถูกวางลงเบื้องหน้าชายหนุ่ม เขาส่งยิ้มให้กับคนที่นำมันมาให้ ซึ่งก็คือหญิงผู้มีเส้นผมสีม่วงเข้มยาวสยายถึงบั้นเอว ดวงตาสีเดียวกันหรี่เล็กน้อยเข้ากับรอยยิ้มบางๆดูยั่วยวน เธอสวมชุดเดรสหนังสั้นเสมอเข่ารัดรูปเผยสัดส่วนอย่างชัดเจน อวดหุ่นที่หญิงสาวคนไหนก็ต้องอิจฉาแม้อายุอานามของเธอกำลังจะพ้นเลขสี่ไปแล้วก็ตาม
บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเธอคนนี้เคยเป็นทหารในกองทัพราชอาณาจักรยศเดียวกันกับเลเดน ถึงตอนนี้จะเป็นเจ้าของบาร์ไปแล้วก็ตาม และคำนำหน้าชื่อของเธอคือ ‘นาย’ ไม่ใช่ ‘นางสาว’
“คุณแคเธอรีนเองก็สวยไม่สร่างเลยนะครับ ดูไม่เปลี่ยนไปเลย”
“แหม ปากหวานอย่างนี้ ฉันลดราคาขวดนี้ครึ่งนึงเลยจ้ะ แต่ขวดถัดไปราคาเต็มนะ”
แคเธอรีนเปิดฝาขวดและรินของเหลวสีอำพันลงในแก้วให้กับชายหนุ่ม เขายกมันขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วจนคนเทผิวปากวิ้ว ก่อนจะเติมแก้วของเขาจนเต็มอีกครั้ง และมันก็ว่างเปล่าในชั่วอึดใจถัดมา
“มีเรื่องเครียดอะไรหรือไงจ๊ะ ถึงได้ซัดเอาๆ เหล้าแพงๆต้องค่อยๆดื่มด่ำกับมันสิ”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากลองดูเฉยๆ ปกติไม่มีเงินจะทำแบบนี้”
คู่สนทนาหัวเราะออกมาให้กับคำพูดนั้นก่อนจะถามต่อ
“แล้วคาร์ลอสล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ ไม่ได้เจอหมอนั่นมาตั้งนานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย”
“คุณคาร์ลอส เห็นว่าพรุ่งนี้มีประชุมสำคัญน่ะครับ เลยไม่อยากดื่ม”
“หึๆ สมเป็นท่านผบ.ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ เอาเถอะ ถ้าเธออยากได้อะไรเพิ่ม ก็สั่งจากเด็กๆของฉันแล้วกันนะ ฉันขอไปหลังร้านก่อน คงไม่ว่ากันนะจ๊ะ”
แคเธอรีนล่าถอยจากเคาน์เตอร์หายเข้าไปในประตูบ้านหนึ่งที่มีป้ายแปะไว้ว่า ‘สำหรับพนักงานเท่านั้น’ โดยมีสายตาของผู้ชายค่อนร้านไล่ตามไปด้วย เลเดนยกขวดเหล้าขึ้นเทอีกครั้งแต่คราวนี้ชายหนุ่มจิบมันอย่างใจเย็นแทน เขาถอนหายใจยาว รู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นเล็กน้อย แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ตาม
หลังจากขวดเหล้าพร่องไปกว่าค่อนแล้ว ชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากการดื่มเป็นโยกแก้วเล่นไปมาแทน เขาไม่อยากเมาถึงขนาดที่ไม่มีปัญญาขับรถกลับบ้านเอง เพราะคงจะโดนคาร์ลอสเล่นงานแน่ๆ หรือไม่เขาอาจกลายเป็นหนึ่งในรายงานอุบัติเหตุประจำวันในช่วงข่าวเช้าวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้
‘แค่ขวดเดียวก็คงพอแล้วละมั้ง...’
เลเดนทอดสายตาไปทั่วร้านที่ตอนนี้ดูเบลอๆเล็กน้อย และไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะๆหนึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นคือชายสามคนและหญิงสาวหนึ่งคน หญิงสาวคนนั้นโดดเด่นท่ามกลางบาร์ทึมๆแห่งนี้เพราะชุดที่เธอใส่มันเหมาะจะไปงานเลี้ยงหรูตามภัตตาคารห้าดาวเสียมากกว่า
ชายสามคนที่นั่งล้อมเธออยู่นั้นต่างจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แสดงออกชัดถึงความไม่ปรารถนาดี แม้ว่าทั้งหมดจะกำลังยิ้มแย้มและส่งเสียงเชียร์ให้หญิงสาวยกเหล้าแก้วใหญ่ขึ้นดื่มอยู่ก็ตามที ชายหนุ่มไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่พวกที่คุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามจะทำแบบนั้นอยู่ เมื่อเธอดื่มเหล้าจนหมดและกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะ ชายทั้งสามก็ตอบรับด้วยเสียงโห่ฮา ตะโกนขอเหล้าเพิ่มอีก และดูพึงพอใจที่ได้เห็นหญิงสาวนั่งเอนตัวไปมาเล็กน้อยบนเก้าอี้ของเธอ
เลเดนมองอย่างเงียบๆขณะหญิงสาวทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้งพร้อมด้วยเสียงเฮฮาของกลุ่มผู้ชาย เมื่อเธอวางแก้วลง ดูมึนงงหนักกว่าเก่าและเกือบฟุบหน้าลง ชายทั้งสามก็ส่งสายตาหากันเป็นนัยๆว่า
‘เรียบร้อย’
“ดูเหมือนว่าจะดื่มหนักไปหน่อยนะ งั้นเดี๋ยวพวกพี่ชายจะพาไปส่งโรงแรมแล้วกัน” หนึ่งในนั้นเอ่ยขณะที่เขากับชายอีกคนหิ้วปีกหญิงสาวขึ้นและเริ่มพาเธอเดินไปยังประตูทางออก
“จะส่งให้ถึงเตียงเลย หึๆ” อีกหนึ่งคนที่เหลือเอ่ยเหมือนให้ตัวเองฟัง แต่มันกลับก้องไปทั่วทั้งบาร์
เลเดนลองมองปฏิกิริยาของลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างสิ้นหวังเมื่อไม่มีใครที่ให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือต้องบอกว่าสนใจ แต่ไม่กล้าสอดมือเข้าไปยุ่งเสียมากกว่า แม้กระทั่งบาร์เทนเดอร์ยังยืนผสมเหล้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มมองขวดเหล้าที่เหลืออยู่เกือบครึ่งอย่างเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเคาน์เตอร์ สาวเท้าผ่านเหล่านักดื่มที่หันมองเขาเป็นแถว และไปหยุดขวางอยู่หน้าประตูก่อนที่ชายทั้งสามและหญิงสาวคนนั้นจะผ่านออกไปพอดี
“หลีกไปสิวะ จะมายืนขวางทำพระแสงของ้าวอะไร”
หนึ่งในนั้นตวาดใส่เขาอย่างไม่พอใจขณะที่ชายหนุ่มตอบกลับอย่างใจเย็น
“คือฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของพวกแกเท่าไหร่หรอกนะ และก็ไม่อยากจะปล่อยให้ทำได้สำเร็จด้วย”
“เฮ้ย ไอ้เวรนี่ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง รู้หรือเปล่าพ่ออั๊วะเป็นใคร”
ชายคนที่ไม่ได้พยุงหญิงสาวอยู่ก้าวมาข้างหน้าและพูดเสียงดัง กลิ่นเหล้าลอยมากระทบจมูกของเลเดนจนเขาอยากจะเบือนหน้าหนี หนทางในการจบเรื่องด้วยการเจรจาดูท่าทางจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
“ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อแกเป็นใคร แต่ที่ฉันรู้คือฉันพาผู้หญิงขึ้นเตียงได้โดยไม่ต้องมอมเหล้าก่อนก็แล้วกัน แล้วก็ไม่ต้องพาเพื่อนตัวน้อยมาช่วยอีกตั้งสองคนด้วย”
เขาปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ ถึงจะเป็นคำโกหกแบบล้วนๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเบิกตากว้าง กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ในขณะที่ทั้งสองคนด้านหลังปล่อยหญิงสาวลงกับพื้น หักนิ้วมือดังกร็อบ ส่วนคนโดนปล่อยก็เหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย เหมือนกับว่าร่างกายของเธอยังตื่นอยู่แต่สมองได้หลับไปแล้ว
“พวกฉันก็แค่จะพาเธอไปส่งที่โรงแรมที่เธอพักเท่านั้นเอง จะมีปัญหาอะไรนักหนาล่ะวะ”
“โอ้ ฉันไม่สงสัยหรอกว่าพวกแกพาเธอไปส่งโรงแรมแน่ๆ แต่ฉันสนใจเรื่องที่พวกแกจะทำหลังจากนั้นมากกว่า”
“แกสนใจใช่มั้ย งั้นแขนขาหักสักข้างสองข้างคงจะทำให้แกเลิกสนใจได้สินะ”
เมื่อประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากของฝ่ายตรงข้าม เลเดนก็โยนความหวังในการไม่ต้องใช้กำลังทิ้งไปพร้อมกับความอดทนในการพูดจาดีๆ
“ขอเตือนครั้งสุดท้ายนะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปซะ ไม่งั้นฉันขอไม่รับผิดชอบเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ แววตาเปลี่ยนเป็นคมกริบแบบเดียวกันกับชายที่ฝึกสอนเขามา ฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคนมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไร และหญิงสาวผู้เป็นต้นเหตุก็ยังคงนั่งแหมะอยู่บนพื้นอย่างไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
เลเดนเริ่มประเมินสถานการณ์อย่างคร่าวๆ เขาได้คะแนนวิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าติดอันดับท็อปของโรงเรียนนายร้อยก็จริง แต่นั่นเป็นการทดสอบแบบตัวต่อตัว เขาเคยสู้กับคนทีเดียวสามคนหรือเปล่า ก็ไม่
ทว่าอีกฝ่ายทั้งสามคนก็ไม่มีใครที่ดูเป็นนักสู้เหมือนกัน มีแค่เจ้าคนอวดพ่อที่ดูมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเลเดนได้อย่างสบายๆ ขณะที่อีกสองคนทำท่าทางอึดอัดแต่ก็ดูไม่กล้าขัดเพื่อน และที่สำคัญที่สุดคือพวกนั้นเมาอยู่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เมาเหมือนกัน แต่ถ้ามีใครซักคนในร้านเห็นว่ากำลังมีเรื่องและโทรแจ้งตำรวจ แล้วเขาสามารถดึงพวกนี้ไว้ได้จนถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็จะจบ
“เฮอะ ขอให้ฝีมือของแกดีเหมือนปากเหอะว่ะ...เฮ้ย เล่นมันให้ยับ!” สิ้นประโยค เจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ก็บุกเข้ามาเป็นคนแรก หมัดขวาง้างไปด้านหลัง เล็งใส่ใบหน้าของเลเดน
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าการโจมตีที่ไร้ลูกเล่นและทักษะแบบนั้นจะเข้าเป้า แต่ชายหนุ่มก็ให้คำแนะนำสั้นๆด้วยการเบี่ยงศีรษะหลบ ปล่อยให้หมัดเฉี่ยวผ่านไป อาศัยจังหวะที่ผู้โจมตีเสียหลักไปข้างหน้าจากแรงของตัวเอง อัดกำปั้นซ้ายเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยวจนร่างลอยขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น
ถ้าอีกฝ่ายมีแค่คนเดียว การต่อสู้นี้คงจบไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่ออีกสองคนที่เหลือเห็นเพื่อนถูกเล่นงานอย่างง่ายดาย แทนที่จะกลัวกลับพุ่งเข้ามาพร้อมกัน คนหนึ่งมือเปล่า ส่วนอีกคนคว้าขวดเหล้าที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆมาใช้เป็นอาวุธ เลเดนย่อตัวลงต่ำ พ้นจากรัศมีการหวดของขวด และตวัดเท้าขัดขาคนถือไปด้วย ส่งเขาไปชนเข้ากับเก้าอี้ดังโครม แต่ด้วยความมึนเมาทำให้ชายหนุ่มตอบสนองได้ช้าเกินไปสำหรับหมัดของคนที่สอง และมันก็ปะทะเข้ากับหน้าผากของเขาอย่างเหมาะเหม็ง
ชายหนุ่มเซไปตามแรงหมัด สะบัดใบหน้าไล่ความมึนงง แต่ขณะที่กำลังจะตอบโต้กลับ เลเดนก็พบว่าตัวเองถูกดึงรวบไว้จากเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ เขาแทงศอกกลับไปทางด้านหลัง เข้าตรงเป้าเดิมจนมันลงไปร้องโอดโอยอีกรอบ แต่การเสียเวลาไปไม่กี่วินาทีก็เพียงพอที่จะทำให้ขวดในมือของหนึ่งในศัตรูฟาดเข้าที่ข้างศีรษะของเขาจังๆ
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ขวดในร้านของแคเธอรีนเป็นขวดแก้วแบบแข็งทั้งหมด มันจึงไม่แตก แต่ก็ให้สัมผัสไม่ต่างอะไรจากเหล็กดุ้นมากนัก เลเดนมองเห็นดาวระยิบระยับเต็มทัศนียภาพขณะที่ตัวเขาผงะเอียงไปทางด้านข้าง ชายหนุ่มคว้าพนักของเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ พยายามทรงตัวใหม่อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เขาตั้งตัว เลเดนจึงได้รับรู้ถึงสัมผัสของรองเท้าหนังพร้อมแรงเตะที่เสยเข้ากลางหน้าอกจนเขากระเด็นหงายหลังลงกับพื้น
‘สิ่งสำคัญที่สุดในการสู้ด้วยมือเปล่าคืออย่าล้ม จำเอาไว้ให้ดี’
คำพูดของครูฝึกในโรงเรียนนายร้อยแว่วเข้ามาในหูราวกับตลกร้ายขณะที่เลเดนดิ้นรนป้องกันตัวจากเท้าของคู่ต่อสู้ทั้งสามที่พร้อมใจกันเข้ามารุมกระทืบเขาอย่างว่องไว อย่าว่าแต่ยืนขึ้นเลย แค่หลบไม่ให้ถูกเล่นงานเข้าที่จุดสำคัญก็เต็มกลืนแล้วสำหรับเขา เลยออกไปจากภาพของขาและรองเท้าที่กระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ปราณี เลเดนเห็นหญิงสาวคนที่เขาพยายามจะช่วย เธอมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากนี้
พลันเขาก็เกิดรู้สึกสมเพชในความอ่อนแอของตัวเอง
ตัวเขาที่ไม่อาจปกป้องแม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว
‘ทุเรศชะมัด’
ในจังหวะที่เขาคิดจะลดการป้องกันลง ปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามยถากรรมนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
เสียงแบบเดียวกับที่เขาเคยได้ยินเมื่อสิบสามปีก่อน ในช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุดในชีวิต
เสียงฝีเท้าของใครสักคนที่ย่ำเข้ามาใกล้
แต่คราวนี้ จู่ๆมันกลับเปลี่ยนเป็นวิ่งทะยาน และมีเสียงตุบหนึ่งครั้งก่อนจะเงียบหายไป
“เฮ้ย! อะไรวะ!?”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหักดังกร็อบพร้อมด้วยการร้องอย่างตกใจของหนึ่งในผู้ที่รุมยำเขาอยู่ เลเดนเงยหน้าขึ้น ทันได้เห็นเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ที่กำลังหกคะเมนโดยมีเข่าของใครสักคนจมลึกเข้าไปในใบหน้า ใครคนนั้นอาศัยแรงกระแทกหยุดตัวเองไว้กลางอากาศ พลิกตัวเตะเข้าตรงยอดอกของหนึ่งในอีกสองคนที่ยังยืนตะลึงอยู่ เหยื่อฝ่าเท้าลอยหวือออกไปราวกับถูกยักษ์ตบ กระแทกโต๊ะตัวหนึ่งพังยับเป็นชิ้นๆในจังหวะเดียวกันกับที่คนๆนั้นลงแตะพื้นอย่างสวยงาม
ผู้ที่มาช่วยเลเดนเอาไว้คือผู้หญิงในชุดลำลองเสื้อแขนสั้นกางเกงขายาวดูไม่โดดเด่นอะไร แต่ที่แปลกคือศีรษะของเธอถูกพันไว้อย่างลวกๆด้วยผ้าที่เลเดนเดาว่าน่าจะเป็นเสื้อโค้ทปิดบังใบหน้าเกือบทั้งหมด มีเพียงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและเส้นผมสีแดงเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
“แก!”
แต่ถึงกระนั้น หนึ่งคนที่เหลือก็ยังซัดกำปั้นเข้าใส่ผู้ช่วยเหลือของเลเดนอยู่ดี ร่างนั้นหลบหมัดได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังจับเข้าที่แขนของผู้โจมตี ทุ่มเขาลงกับพื้นเสียงดังสนั่นด้วยความรุนแรงถึงกับว่าเล่นเอาคนถูกทุ่มสลบเหมือดไปทันที
“ระวัง!”
เลเดนร้องเตือนเมื่อเห็นว่าเจ้าคนที่ถูกเตะไปกำลังแอบย่องมาทางด้านหลังของเธอพร้อมด้วยขวดเหล้าในมือ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วเขาก็เหวี่ยงอาวุธเข้าใส่ แต่ก็ยังไม่ทันเป้าหมายที่กลับรุกเข้าประชิด สองหมัดรัวใส่หน้าอกและท้องอย่างไม่ยั้งมือ เธออาศัยจังหวะที่ศัตรูกำลังจุกจนค้างไป ชิงขวดจากอีกฝ่าย ฟาดมันเข้าที่ปลายคางของอดีตผู้ใช้อย่างแรงจนตาเหลือกค้าง ทรุดตัวลงสิ้นสติ
ปัง!
เสียงปืนหนึ่งนัดสะกดทุกสิ่งให้เงียบสงบลงเป็นดุษณี เส้นผมที่เกินออกมาจากผ้าของผู้ช่วยเหลือพลิ้วไหวเล็กน้อยจากแรงกระสุนที่พลาดเป้า ซึ่งมันก็ไม่ได้มาจากไหนนอกจากปืนพกในมือของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ ใบหน้าของเขาท่วมไปด้วยเลือดที่ทะลักออกมาจากจมูกซึ่งบี้แบนผิดรูป ความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดฉายชัดบนใบหน้าและน้ำเสียง
“พวกแก...บังอาจทำให้หน้าอั๊วะเป็นแบบนี้ อย่างนี้มันต้องตายสถานเดียวแล้ว...”
“นี่แกรู้มั้ยว่า...”
เสียงอู้อี้เล็กน้อยจากการพูดผ่านผ้าของผู้ช่วยเหลือฟังดูโมโหไม่แพ้กัน และมือข้างที่ยังถือขวดเหล้าอยู่ก็สะบัดอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองทัน สิ่งท่เกิดขึ้นถัดมาคือปืนในมือของฝ่ายตรงข้ามถูกขวดกระแทกจนกระเด็นออกไป
“อะ...ไร?”
ยังไม่ทันที่เขาจะหายตกใจ ดั้งที่แทบจะยุบไปแล้วก็ถูกกำปั้นลุ่นๆซัดเข้าเต็มรัก ทำให้เขาลงไปนอนหงายกับพื้นเป็นรอบที่สี่
“สามรุมหนึ่งนี่มันไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย...”
ผู้ช่วยเหลือก้มลงเก็บปืนที่หล่นอยู่ เดินเข้าไปเอามันจ่อใส่หน้าผากของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ชีวิตน้อยๆของเขาขึ้นอยู่กับหญิงปริศนาคนนี้แล้ว
“งั้นก็...”
เธอลากเสียงยาว เลื่อนปากกระบอกปืนลงต่ำ และไปหยุดอยู่ที่กึ่งกลางลำตัวของอีกฝ่าย นิ้วเรียวค่อยๆเหนี่ยวไกอย่างบรรจง เหมือนอยากจะให้ช่วงเวลานี้สลักลงในความทรงจำของอีกฝ่ายแบบไม่มีวันลืม
“ไม่ต้องเป็นผู้ชายมันซะเลยละกัน เนอะ”
“เดี๋ยว อย่า ไม่ ไม่นะ ม่ายยยยยย!!”
ปัง!
ปืนพกแผดลั่นสะท้อนไปมาในบาร์ที่ว่างเปล่าเนื่องจากลูกค้าหนีไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่กระสุนนัดแรกระเบิดขึ้น พื้นตรงหว่างขาของเจ้าคนพ่อเส้นใหญ่ถูกอานุภาพปืนเจาะเป็นรู ดูเหมือนว่าผู้ช่วยเหลือจะยังไม่อยากทำหมันถาวรให้ใคร แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ถูกขู่ตาเหลือกโพลน สติสตังบินหายไปพร้อมๆกับของเหลวบางอย่างที่ไหลออกมาจากเป้ากางเกง
“อี๋ ถึงกับฉี่ราดเลยเรอะ...เป็นอะไรมากไหม”
เธอโยนปืนทิ้งไป หันมายื่นมือให้กับเลเดนที่ลุกขึ้นมานั่งได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวไปแทบทั้งตัวแต่ก็ฝืนจับมือนั้นให้อีกฝ่ายดึงขึ้นยืน ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นปราดจากมือเข้าสู่สมอง ความรู้สึกที่อาจเรียกได้ว่า...
คุ้นเคย
ทั้งลักษณะการพูด การกระทำ น้ำเสียง ล้วนเหมือนเคยแวะเวียนเข้ามาในชีวิตของเขา
เหมือนกับใครคนหนึ่งที่เลือนรางอยู่ในความทรงจำสีหม่น
เลเดนพยายามบังคับให้ตัวเองนึก แต่สิ่งที่สมองมอบคืนมามีเพียงความปวดอันไม่พึงปราถนาจนเขาต้องเลิก
“...ขอบคุณนะ”
“เรื่องเล็กน้อย ฉันไม่ชอบพวกที่ทำตัวทุเรศแบบนี้อยู่แล้ว”
“เรา...เคยรู้จักกันหรือเปล่า”
“มะ...ไม่ ไม่เคยแน่นอน! คนหน้าตาแบบนายฉันไม่เคยรู้จักแน่ๆ”
เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธทันควัน เลเดนจึงได้แต่สรุปว่าเขาคิดไปเอง บางทีเหล้าคงทำให้ความทรงจำเขาเพี้ยนไปบ้าง
“ระ...เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
แคเธอรีนยื่นหน้าออกมาจากประตูที่เธอหายเข้าไปเมื่อครู่ใหญ่ก่อน เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบแล้ว เธอก็กระวีกระวาดออกมายังบริเวณร้าน ท่าทางโล่งอกที่ไม่มีใครกลายเป็นศพ
“โอ๊ย ตอนได้ยินเสียงปืนนะหัวใจฉันจะวาย ต่อไปคงต้องตั้งระบบตรวจจับอาวุธด้วยซะแล้ว แต่ยังไงครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเธอมากๆเลยนะจ๊ะที่ช่วยจัดการให้”
เธอจับมือของหญิงสาวปริศนาไปเขย่าด้วยแรงแบบผู้ชายซะจนเจ้าของมือสั่นไปทั้งตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
“ส่วนเจ้าพวกนี้ ให้ตำรวจมาจัดการก็แล้วกัน”
เจ้าของบาร์ยก PCD ขึ้นกดเบอร์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ หญิงสาวลึกลับก็มีท่าทีร้อนรนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ...”
“จ้า อุ๊ย เอานี่ไปด้วยสิจ๊ะ”
แคเธอรีนดึงบัตรสีทองออกมาจากกระเป๋ากระโปรงและส่งให้กับเธอ
“บัตรดื่มฟรีหนึ่งปีไม่จำกัดครั้งจ้ะ แทนคำขอบคุณ”
หญิงสาวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรับมาเก็บไว้
“ขอบคุณค่ะ ไว้จะหาโอกาสแวะมาอีกนะคะ”
ชั่วอึดใจถัดมา เธอก็ไม่ได้อยู่ในร้านอีกต่อไป ทิ้งเลเดนไว้กับเจ้าของบาร์ผู้กำลังเถียงอะไรบางอย่างกับตำรวจที่รับแจ้งเหตุและหญิงสาวที่ผล็อยหลับไปเสียแล้ว
“ขอโทษที่มาช้านะครับ พอดีคุณท่านอยากรู้หลาย...”
โฮโลแกรมของชายหนุ่มผมสีเขียวใบไม้ในชุดพ่อบ้านโผล่ขึ้นข้างหญิงสาวต้นเหตุ ชะงักกึกเมื่อเห็นสภาพโดยรอบ ประโยคที่ยังพูดไม่จบหายเข้าไปในลำคอ เขานิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาก้มศีรษะให้กับเลเดนแทบจะติดพื้น ปากเอ่ยด้วยเสียงที่ดังจนคนฟังเกือบยกมือขึ้นอุดหู
“ขอบคุณที่ช่วยคุณหนูไว้นะครับ!”
“ครับ...เอ่อ คือว่า ทำไม...”
“ผมชื่อกุนเธอร์ ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านและผู้ดูแลของเธอคนนี้ และก็เป็น AI ครับ เลยมองสถานการณ์ออกได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปซักหน่อย”
เลเดนถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าเกิดถูกเข้าใจผิดจากคนช่วยกลายเป็นคนร้าย เขาก็คงขำไม่ออกเหมือนกัน
“เดี๋ยวตำรวจจะมาแล้วล่ะจ้ะ พวกเธอรีบไปดีกว่านะ ถ้าเกิดถูกกักตัวไว้คืนนี้คงถูกสอบปากคำอีกนานเลย”
“จะไม่เป็นไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวฉันอธิบายเองได้จ้ะ เพราะเรื่องทำนองนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไรอยู่แล้ว” แคเธอรีนลากร่างของชายทั้งสามที่ยังคงสิ้นสติอยู่มานอนเรียงกันอย่างง่ายดายเหมือนไม่ต้องออกแรง
“ถึงจะรบกวนไว้มากแล้ว แต่ผมขอร้องอะไรอีกอย่างได้ไหมครับ” AI พ่อบ้านของหญิงสาวหันมาเอ่ยกับเลเดนด้วยเสียงออกเกรงใจ
“ครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมก็จะทำให้”
“ช่วยพาคุณหนูไปส่งที่โรงแรมหน่อยได้มั้ยครับ”
“คระ...เอ๊ะ!?”
“ไม่ได้เหรอครับ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกครับ...”
“งั้นเรารีบไปกันดีกว่าครับ ถ้าถูกตำรวจเจอเข้า ภาพพจน์ของทางสหภาพคงแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี”
เมื่อตกปากรับคำไปแล้ว เลเดนก็ได้แต่ทำตามแม้จะสะดุดใจบ้างตรงประโยคท้ายๆ เขานึกขอขมาหญิงสาวในใจก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาประคองไว้ด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวขณะที่พ่อบ้านชุดดำหายไป
ห้านาทีถัดมา ชายหนุ่มก็วางเธอลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับในรถของเขาอย่างเบามือ ทันทีที่เขาสตาร์ทเครื่อง ใบหน้าของกุนเธอร์ก็ถูกฉายขึ้นบนกระจกหน้า
“ไปที่นี่เลยครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง”
พิกัดพร้อมชื่อสถานที่เด้งขึ้นบนระบบนำทาง เลเดนตั้งให้รถเริ่มขับอัตโนมัติและเอนหลังเข้ากับเบาะรถพลางเรียบเรียงคำพูดที่จะใช้อธิบายกับคาร์ลอสเมื่อกลับถึงบ้าน
โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
เขตที่พักนักท่องเที่ยว
21.03 น.
“ที่นี่แหละครับ”
เสียงของกุนเธอร์ปลุกเลเดนที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น เขาสะบัดศีรษะที่ปวดตุบจากขวดและเหล้าแรงๆหนึ่งหนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโรงแรม แอบตกใจเมื่อพบว่ามันคือหนึ่งในโรงแรมที่หรูที่สุดในคริสซาลิส
ชายหนุ่มเรียกความใจกล้าหน้าด้านออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะช้อนร่างของหญิงสาวที่ยังคงไม่ได้สติขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและเดินตรงเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม ที่ซึ่งสายตานับสิบคู่จ้องตรงมาที่เลเดนทันที เขาทำเป็นไม่สนใจก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ ขึ้นสู่ชั้นที่ห้องพักของหญิงสาวตั้งอยู่
“ต้องขอบคุณมากๆเลยนะครับ ถ้าไม่ได้คุณละก็ ป่านนี้คุณหนูจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
พ่อบ้านชุดดำปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเลเดนหย่อนหญิงสาวลงบนเตียงนอนของเธอ ส่วนตัวเขาเองก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ถึงจะผ่านการฝึกร่างกายมาอย่างดี แต่การอุ้มใครสักคนเป็นสิบนาทีนี่ก็ทำเอาแขนเขาส่งเสียงโอดโอยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ทำสิ่งที่สมควรจะทำก็เท่านั้นเอง”
“รอเดี๋ยวนะครับ ผมจะเตรียมเครื่องดื่มให้ ต้องทำของแก้เมาค้างให้คุณหนูด้วย”
โฮโลแกรมของเขาย้ายไปตรงครัวของห้องแทนขณะที่เลเดนเพิ่งได้โอกาสในการพินิจหญิงสาวที่เขาแทบจะต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องอย่างชัดๆเป็นครั้งแรก
เธอมีเส้นผมสีเหลืองอ่อนยาวสลวย ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อยแบบคนกำลังหลับ ดวงตาตอนนี้ปิดสนิทแต่เขาจำได้ว่ามันเป็นสีฟ้าเข้ม ใบหน้าหมดจดไร้ริ้วรอย เธอดูสวยมากเลยทีเดียว นั่นไม่ต้องสงสัย แต่นอกจากความประทับใจในเรื่องนั้นแล้ว เลเดนยังมีอีกความรู้สึกที่สลัดไม่ออกเสียที
‘เราเคยเจอกับคนๆนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...’
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงคิดคำนึง เขาก็เผลอเลื่อนสายตาลงไปสู่ส่วนโค้งเว้าของหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ เรือนร่างที่แม้จะไม่ได้ ‘บึ้ม’ แบบแคเธอรีน แต่ก็ยังสูงกว่ามาตรฐานของหญิงสาวทั่วไปอยู่อักโขถูกซ่อนอยู่ใต้ชุดเดรสกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนที่ตอนนี้หลุดลุ่ยเล็กน้อยจากการถูกพาไปนู่นมานี่...
“น้ำผลไม้ครับ วัตถุดิบของที่นี่มีแต่ของแปลกๆผมเลยทำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
เสียงของกุนเธอร์ทะลวงผ่านม่านแห่งความเคลิบเคลิ้มของเลเดนและส่งให้ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีจากภาพอันไม่ปลอดภัยต่อผู้ชายสุขภาพดีแบบเขา ขืนจ้องต่อละก็ เขาอาจจะกลายเป็นคนร้ายไปเสียเองก็ได้ เลเดนหยิบแก้วน้ำสีแปลกๆจากหุ่นยนต์รับใช้ประจำห้องที่คงกำลังถูกควบคุมโดยกุนเธอร์อยู่และซดมันรวดเดียวหมดเพื่อดับความฟุ้งซ่าน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” เลเดนวางแก้วคืนและรุดไปยังประตูโดยไม่รีรอ
“สักวันตระกูลเดอ ลาพาซจะตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้แน่นอนครับ”
กุนเธอร์พูดไล่หลังมาจนชายหนุ่มหยุดกึก แต่เมื่อจะหันกลับไปเพื่อถาม ประตูห้องก็เลื่อนปิดไปเสียแล้ว
เมื่อไม่อาจจะค้นหาคำตอบที่เป็นจริงได้ เลเดนจึงมีทางเลือกแค่ใช้ความเข้าใจของตัวเอง
‘คงบังเอิญละมั้ง’
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เธอคนนั้นนามสกุลเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จัก
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่เขาได้พบกับเธอในคืนนี้
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ใครคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคยได้มาช่วยเขาไว้
มันคงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ทั้งสองคนนั้นทำให้เขาหวนรำลึกถึงอดีตที่มืดมัว
และคงเป็นเรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน ที่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้แต่เรื่องเดียว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ