Crystalfall: Fake/Brave [ชีวิตพังเพราะพระเจ้า]

8.8

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.23 น.

  25 chapter
  4 วิจารณ์
  23.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) Fake/Brave VI - Cherry/Tommy - [อยากให้แน่ใจ] - 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

◊◊◊

“ท่าน ผอ.”

เรย์ลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ซึ่งเจ้าของชื่อกำลังเอาหน้าจุ่มโต๊ะทำงานตัวเองอยู่อย่างไม่สมกับเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดของสถาบันศึกษานิวส์ไลฟ์ ภายในห้องทำงานแห่งนี้เหลือแค่สามคน ผอ. เรย์ลี่และเมริน่า

“เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงคะ ว่าให้เลิกทำแบบนี้เพราะมัน—”

“คนบริสุทธิ์อาจจะโดนเข้าสักวัน รู้น่า”

อาเธอร์ต่อช่วงท้ายให้เองแล้วเงยหน้าขึ้นมาพิงเก้าอี้และยังคงเอามือกุมหัวอยู่อย่างงั้น

“แล้วอย่างคนตะกี้มันคืออะไร” เรย์ลี่ถาม

“ทางนี้พลาดเอง ใครจะไปคิดว่ามีเรื่องแบบนั้น…ถึงมันจะไม่น่าเชื่อก็เถอะ”

“แล้วผอ. ยอมเชื่อง่ายๆ แบบนี้มันแปลกๆ”

“มีวิธีตรวจสอบกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”

ผอ. พูดเช่นนั้นทำให้เรย์ลี่ตาโต

“มีด้วย?”

“มันเป็นความลับของผอ. ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น เธอไม่มีสิทธิรู้หรอก ขนาดตัวเราเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ”

“ปัดโธ่! เรย์ลี่อยากรู้นิ!” คนที่อยากจะรู้หงุดหงิดเต็มทน

“งั้นกลับไปนอน พรุ่งนี้เธอต้องไปจัดการเรื่องกับสัสดี” อาเธอร์โบกมือไล่อย่างไม่ใยดี

“หา!? อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น?” เรย์ลี่ชี้นิ้วไปทางไหนสักทาง “เจ้าผู้กล้าตัวปลอมที่บังอาจแทนที่รุ่นพี่!”

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เธอก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้”

“หมายถึงคุณเชอรี่ต่างหาก”

“กลับๆ ไปได้แล้ว น่ารำคาญ”

พอโดนไล่แบบนั้น เรย์ลี่ไม่พอใจอมแก้มป่องเดินย้ำเท้าจะออกไปแต่เธอทิ้งท้ายเรื่องหนึ่งไว้

“ท่าน ผอ. นี่คือคำขอร้อง เรื่องคุณเชอรี่น่ะ…ช่วงนี้อย่าได้ไปรบกวนเธอเด็ดขาดนะคะ ให้แผลใจแผลกายที่ผอ. ทำไว้สมานสักก่อน ช่วยเห็นใจเธอด้วย”

“รู้ตัวเรื่องนั้นอยู่แล้ว”

“เกรงว่านิสัยซาดิสของท่านจะห้ามไว้ไม่อยู่”

“เราไม่ใช่คน—”

ผอ. ยังพูดไม่ทันจบเรย์ลี่ปิดประตูจากไป เมริน่ากลั้นหัวเราะแล้วเอ่ย

“คุณเรย์ลี่ไม่เกรงใจนายท่านเหมือนเดิมเลยนะคะ”

“เป็นข้อดีที่สุดแล้วของเด็กนั่น” ผอ. บ่น “แล้วนี่เธอยังเป็นเมดของเราอยู่หรือเปล่าถึงได้ขำเจ้านายตัวเอง”

“ถ้าพิจารณาโดยหลักการแล้ว นายท่านที่แท้จริงก็คือท่านออริน่าที่ส่งดิฉันมารับใช้คุณในฐานะเมดรับจ้างค่ะ”

“ไม่มีคำตอบให้ชื่นใจสิกนิด”

“ถ้างั้นวันนี้ดิฉันขอตัวก่อนนะคะนายท่าน”

เมริน่าทำท่าจะออกห้องไปแต่ก็พูดทิ้งท้ายเช่นกัน

“นายท่านคะ ดิฉันไม่อยากเห็นนายหญิงต้องเจ็บปวดอีกแล้ว”

“หมายความว่าไง”

“ตัวตนที่นายท่านสร้างขึ้นมาให้นายหญิง” เมริน่าหมายถึงเชอรี่ “ถึงแม้จะทำให้เธอมีความสุขกับนายท่าน แต่ดิฉันยังคงเห็นน้ำตานายหญิงเกือบทุกเช้านะคะ ราวกับว่าทุกคืนเป็นฝันดีมีสุขที่นายหญิงไม่ต้องการ...ฝันดีค่ะนายท่าน”

คำทิ้งท้ายครั้งที่สองทำให้อาเธอร์รู้สึกผิดมากกว่าเดิม

◊◊◊

“นายหญิง พรุ่งนี้ดิฉันจะขนของที่เหลือมาให้นะคะ ฉะนั้นวันนี้ขอตัวก่อน”

“ขะ...ขอบคุณมาก”

เมดหูแมวเมริซ่าก้มหัวก่อนที่จะเดินถอยออกจากห้องไป เชอรี่หรือทอมมี่หลังโบกมือลาเมดของเธอเสร็จก็ตัวเซพิงประตูไว้ ฉันรีบช่วยพยุงไว้แทบไม่ทัน

“เธอเป็นอะไรเนี่ย?”

“หึๆๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

เหมือนว่าเธอพูดกับตัวเอง มือซ้ายของทอมมี่นั้นจับข้อมือขวาที่สั่นกลัวพยายามบังคับให้หยุดนิ่ง มันชวนให้ฉันนึกถึงช่วงแรกที่พบว่าใบหน้าตัวเองกลายเป็นอันนา เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความหลังกับเธอไม่ดีเอามากๆ ถึงขนาดเสียสติ…แต่ ณ ตอนนี้กลับเริ่มชาชินแล้ว

คนที่ทำให้เขาแบบนี้ ผอ. คนนั้นสินะ

ฉันไม่ได้เดาส่งเดชเพราะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับทอมมี่มาบ้างที่คุยห้องก่อนหน้า และตอนนี้ฉันก็พาทอมมี่ไปนั่งบนเตียงที่ไม่มีเอลด้านอนสลบเหมือบอยู่ แล้วเอื้อมมือเช็ดน้ำตาคนตรงหน้า เขามองฉันด้วยตาแดงคู่ที่มีน้ำตากำลังเออล้นออกมาเลยรีบโผกอด

“ที่นี่ไม่มีใครแล้ว…มีแต่ฉันกับนาย”

“ทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้…ผมน่าจะเกลียดเจ้าซาดิสนั่นสิ”

“เอาน่าเอาน่า ใจเย็นๆ ก่อน…แล้วท่าทางนายก่อนหน้านี้มันอะไร เหมือนกับว่านายชอบสิ่งที่เขาทำอะไรสักอย่างกับนาย?”

“นั่นไม่ใช่ผมหรอก” ทอมมี่ผละออกแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง “เกลียดอีกคนที่อยู่ในตัวผม…เชอรี่…แต่พวกเขาบอกว่าตัวตนนั้นมันรวมกับผมไปแล้ว…ไม่จริงใช่ไหม…เอาเธอออกไปไม่ได้แล้ว”

มัน…แย่กว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะเนี่ย

ฉันเอามือกุบปากที่ได้เห็นท่าทางเจ็บปวดจากข้างในของทอมมี่ก่อนที่จะแน่นิ่งก้มหน้าแล้วเงยขึ้นมามองฉันด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

“เขาหลับไปแล้วล่ะ…เด็กหนุ่มน้อยนั่น”

“เชอรี่!?”

“ใช่แล้วค่ะ…น่าสงสารเขาอยู่นะคะ ที่ต้องทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการมาตลอด ทั้งๆ ที่ออกจะมีความสุขด้วยกันแท้ๆ”

เชอรี่หรืออีกหนึ่งตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนต์เข้ามาคุมร่างของทอมมี่แล้ว

และฉันย้ำถึงเรื่องหนึ่ง

“แต่เธอไม่ใช่ [เขา]”

“ฉันกับเขาคือคนๆ เดียวที่ถูกเวทมนต์แยกส่วนวิญญาณเป็นสองดวงต่างหากค่ะ คุณเฟลิกซ์” เชอรี่บอกด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ฉันกับเขามีความทรงจำร่วมกัน ฉันรู้อะไรเขาก็รู้สึกและเขาเจ็บปวดมากแค่ไหนฉันก็เจ็บปวดเหมือนกัน แค่เขาไม่ยอมรับมัน”

 “เห็นว่าเรื่องที่เขาถูกทำนี่…สำหรับผู้ชายมันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้นะ” ฉันพูดในมุมมองตัวเอง

“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่รสนิยมทางเพศค่ะ…อันที่จริงก่อนที่ทอมมี่จะมาโลกนี้ เขาก็ชอบเพศเดียวอยู่คนๆ หนึ่งมากอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวคงไม่อยากให้ฉันพูดเรื่องนี้มากนักหรอก”

“อาห๊ะ!?”

ฉันอึ้งนิดหน่อยกับเรื่องที่เชอรี่พูดมา แต่ว่า…

“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนนิ! เลิกยัดเยียดให้เขาได้แล้ว! เธอเป็นสิ่งที่เวทมนต์สร้างขึ้นไม่ใช่หรือไง”

“มันก็ถูกส่วนหนึ่งค่ะ…แต่ถ้าตัวตนนี่หายไปจริงๆ ความรู้สึกและสามัญสำนึกของฉันก็จะรวมกับเขาอย่างสมบูรณ์ ถึงเวลานั้น...เขาสติแตกไม่ก็กลายเป็นเหมือนกับฉันไปเลย"

“มันจะเป็นแบบนั้นแน่หรอ”

ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจว่าที่พูดไปคิดตามเหตุผลหรือตามอารมณ์กันแน่ แต่เชอรี่ก็อธิบายให้ฟัง

“จากความทรงจำของจอมมารที่เชี่ยวชาญเวทมนต์ มันยิ่งกว่าแน่อีกค่ะ…และไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องรวมวิญญาณกลับคืนให้เหลือแค่หนึ่งเดียวเหมือนเดิมอีกครั้ง”

“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก”

“ถ้างั้นฉันคงไม่ต้องขอปลีกตัวออกห่างจากท่านอาเธอร์หรอกค่ะ…มันมากพอแล้วสำหรับทอมมี่ที่ต้องเจ็บปวด…และมากพอแล้วสำหรับความสุขเพี้ยนๆ ที่ฉันได้รับ...ฉันขอให้สัญญาค่ะว่าเช้าวันที่สองนับจากนี้…ฉันจะทำให้ตัวเองหายไปค่ะ”

เชอรี่พูดแบบนั้นแล้วกุมมือขวาฉันไว้ แต่รู้สึกว่าสิ่งที่พูดมานั้นมันทะแม่งแปลกๆ ก่อนหน้านี้เลยขัด

“อ่าเดี๋ยวนะ เห็นอาเธอร์บอกว่าบุคลิกไม่ก็วิญญาณทั้งสองมันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วไม่ใช่หรือไง?”

เชอรี่ได้ยินแบบนั้นแล้วเอานิ้วเคาะหัวตัวเอง

“หึๆ ท่านอาเธอร์ไม่ใช่จอมเวทย์ที่เก่งที่สุดสักหน่อย ในหัวนี่มีความเก่งกาจของจอมมารอยู่ เรื่องวิญญาณรวมกันแล้วมั่วทั้งเพ…ตอนนี้มันแยกกันอยู่อย่างชัดเจน คุณเฟลิกซ์ก็เห็นๆ อยู่”

“เอ่อ…ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอก แล้วมาบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน...มันจะดีหรอ”

ฉันคิดว่าเรื่องที่เชอรี่เล่านั้นน่าจะเก็บไว้เป็นความลับมากกว่า แต่เธอหัวเราะตอบกลับ

“ก็คุณเฟลิกซ์เป็นคนทำให้ฉันกับทอมมี่หลุดพ้นพันธนาการของเขานี่ค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นทาสเขาอีกต่อไปแล้วถึงแม้ว่าจิตใจของเชอรี่ยังอยากต้องการเป็นทาสเขาต่อไป...แต่สำหรับทอมมี่แล้วมันถึงจุดที่เกินทนแล้วค่ะ คุณเพิ่งฉุดเขาออกมาจากนรกนะคะ”

สิ่งที่เชอรี่พูดนั้นทำให้ฉันเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาและเชอรี่บอกอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ

“และคุณกับทอมมี่...มาจากโลกต่างโลกเช่นเดียวกัน น่าจะเข้าใจความหมายที่พูดนะ”

“นั่นสิ แต่ฉันเองก็นึกหน้าเขาแทบไม่ออกแล้ว”

“เอาเป็นว่าก่อนถึงเช้าวันที่สองนี้...ช่วยดูแลอย่าให้ทอมมี่เข้าใกล้อาเธอร์นะคะ ไม่อย่างงั้นก็ทำให้เขาเป็นเหมือนเดิมได้จะลำบากมากขึ้น”

“หือ? ได้สิ...เดี๋ยวๆ ถ้าเป็นงั้นแล้วเธอ...เอ่อ...ตัวตนอย่างเธอยังไม่ออกมา?”

“ใช่ค่ะ ต้องใช้เวลาปรับพลังมานาภายในค่อนข้างนาน...และนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ตัวตนเชอรี่คนนี้ได้ปรากฏตัว ได้มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้...ลาก่อนค่ะ”

“เดี๋ยว!”

ฉันร้องห้ามเพราะยังมีเรื่องที่อยากคุยด้วยต่อ แต่เชอรี่นั้นทิ้งตัวนอนบนเตียง...แล้วได้ยินเสียงกรน

อ่า...นี่คงหลับไปแล้วใช่ไหม?

“เฮ้อ...”

ถึงแม้จะถอนหายใจไปก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกไม่สบายใจหายไป

เรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา...เพราะผู้ชายคนนั้นสินะ พรุ่งนี้คงต้องคุยให้รู้เรื่องหน่อยซะแล้ว

◊◊◊

[เช้าวันถัดมา]

ไอ้หมอนี่มันบ้ากามซาดิสแน่ๆ...

ที่จริงน่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อวานที่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับทอมมี่ล่ะ

ไอ้อุปกรณ์ซาดิสมาโคพวกนี้มันช่าง...

หลังจากนั้นฉันก็ไม่กล้าคิดอะไรแล้วเพราะอาเธอร์รู้ตัวว่าฉันกำลังจ้องมองอุปกรณ์ประกอบความสุขสำราญของเขาอยู่

“อะแฮ่ม! ของพวกนั้นเป็นรสนิยมส่วนตัวคงเข้าใจนะครับ ท่านผู้กล้า”

“แล้วทำไมถึงต้องเอาตั้งโชว์ให้เห็นด้วยล่ะ? ใส่ตู้โชว์พร้อมซะดิบดีด้วย”

“ช่วยไม่ได้นี่ครับ วิวสวยของสถาบันแห่งนี้ต้องเป็นที่ระเบียงห้องนอนนี่เท่านั้น”

อาเธอร์แบมือไปยังทางวิวทัศน์เขตการศึกษาข้างล่างและเขตนอกที่เป็นชุมชนซึ่งมันก็สวยอยู่ ตอนนี้ฉันอยู่กับเขาตรงระเบียงห้องนอนที่เชอรี่เคยอยู่

“งืม หวังว่าคงจะเป็นอย่างว่า ถ้าไม่อย่างงั้น...”

แล้วฉันก็ยกแขนซ้ายจักรกลขึ้นมากำมือเล่น ผอ. อาเธอร์พยักหน้าสนใจ ซึ่งฉันตั้งใจจะขู่นะ

“แขนนั่นน่าสนใจ...ได้ยินเรื่องราวกับมันมาพอสมควร”

“แต่มันเป็นแขนที่พระเจ้าวิปริตนั่นยัดเยียดมาให้...ไม่รู้สึกยินดีกับมันสักนิด”

ใช่...แต่เรายังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมพระเจ้านั่นถึงให้แขนนี่มา

ฉันคิดอยู่พักหนึ่งก็สลัดมันออกไปเพราะไม่รู้คำตอบอยู่ดี อาเธอร์เริ่มเข้าเรื่อง

“เรื่องนั่นล่ะครับที่อยากรู้เพิ่มเติม เราสองคนถึงได้มาจิบชาที่นี่”

หลังจากนั้นฉันก็เล่าเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไป ยกเว้นเรื่องของตัวเองในโลกก่อนเพราะเล่าไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ผอ. อาเธอร์ก็เป็นผู้ฟังที่ดีเลยทีเดียวจนฉันอดสงสัยไม่ได้

“ไม่แปลกใจบ้างเลยหรอ?”

“แปลกใจ?”

“ก็เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าไง มันไม่ตงิดใจเลย?”

“แล้วมุมมองเรื่องพระเจ้าของคุณก่อนที่จะเจอกับพระเจ้าตัวจริงเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

พอถูกถามจากคำถามที่คล้ายๆ นักวิชาการก็ยักไหล่ตอบ

“ก็...ไม่ค่อยเชื่อหรอก”

“สำหรับเรื่องพระเจ้าของที่นี่นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทฤษฏีที่ถูกยกขึ้นมาโต้เถียงอย่างกว้างขวาง เลยค่อนข้างมีความคิดและความเชื่อหลากหลาย...อย่างเช่นเมื่อคืนนี้เราก็พูดถึงบันทึกที่กล่าวถึงพระเจ้าที่คล้ายๆ กับของท่านผู้กล้าอยู่”

“หือ?”

ฉันขมวดคิ้วไม่ใช่เพราะว่าไม่เชื่อ แต่...

งืม คุ้นๆ อยู่เหมือนเคยได้ยินผ่านหูอยู่เมื่อวาน

เฮ...ทำไมฉันจำไม่ได้?

อ๊าก! ฉันแก่แล้วหรือไงฟะ! จำเรื่องไม่ค่อยได้แล้วใครพูดฟ่ะ!

“ชาไม่ถูกใจหรือ?” อาเธอร์ถามเพราะเห็นสีหน้าไม่ดี

“เปล่าๆ แค่คิดอะไรนิดหน่อย...มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้ท่านช่วยชี้แจงมาหน่อย”

“คงเป็นเรื่องเชอรี่”

“ทอมมี่ค่ะ...อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมคุณทำกับเขาอย่างงั้น”

“ไม่อยากจะแก้ตัว แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่เห็นด้วยกันวิธีการลงทัณฑ์ด้วยการประหารชีวิตอยู่แล้ว พวกที่มีทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นมันน่าจะจับมาทรมานทั้งกายและใจ ไม่รู้ว่าเธอเห็นถึงจิตใจที่สับสนของเชอ...ทอมมี่หรือยัง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน แต่นั่นเพราะไม่รู้ว่าจะมีเรื่องวิญญาณที่สองเข้ามาแทนที่จอมมาร...ขอยืมคำพูดของเธอที่เล่าเรื่องหน่อย มันเป็นเพราะพระเจ้า”

อาเธอร์ทิ้งน้ำเสียงลงท้ายที่ฟังดูแปลกๆ ชอบกลแต่มันก็จริงของเขาและอยากจะเถียงใจจะขาดเรื่องการกระทำไม่สนถึงสิทธิมนุษยชนแต่หลักการนั้นคงใช้ไม่ได้กลับโลกนี้ เลยได้แค่ยอมรับมันอย่างลำบากใจ

อย่างน้อยมันก็ไม่เลวร้ายไปกว่านี้

“แล้วมันไม่มีแก้ให้ทอมมี่กลับมาเป็นปกติไวๆ หรือไง?”

“ด้วยความรู้ที่มี...คงพูดได้แค่ว่าให้เวลารักษาแผลใจกับสิ่งที่เราทำไว้”

งืม...แสดงว่าหมอนี่ไม่ได้เก่งเท่ากับจอมมารที่อยู่ในตัวทอมมี่ เธอบอกว่ามันมีวิธีแก้อยู่แต่ขอเวลาประมาณวันสองวัน

ว่าไปแล้วเชอรี่ยังไม่ได้บอกวิธีที่เธอจะแก้เลยนี่หว่า

ฉันคิดอย่างสงสัย ถึงตอนนี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าไม่ได้มีเมดคอยรับใช้ด้วยคงจะไม่อยากให้ได้ยินเรื่องที่คุยกันด้วยล่ะมั้งเพราะอาเธอร์เติมชาให้ฉันกับตัวเองแล้วเอ่ยถึงเรื่องต่อไป

“ตอนนี้ท่านผู้กล้าควรตระหนักถึงสถานภาพของตนเองก่อนดีกว่านะครับ เพราะตั้งแต่มานี้เหมือนท่านไม่ได้สนใจเลยว่าตัวท่านเองจะเป็นอย่างไร”

“ก็...ไม่มีอะไรนิ”

“ที่ถูกคนอื่นมาแทนที่ ท่านไม่โกรธเคืองอะไรหรือ?”

พออาเธอร์พูดถึงเรื่องที่ฉันเกือบจะลืมไปซะสนิทเพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องของอีกคน

อากิตะ

“ก็...แบบนี้ดีแล้ว” ฉันว่าน้ำเสียงฉันรวนๆ หน่อย “ไม่อยากจะโดดเด่นอะไรแถมไม่ต้องโดนสองอาณาจักรตามล่าตัว”

“ไม่แคร์แม้กระทั่งสิ่งที่ตัวท่านเองได้กระทำมาทั้งหมดในเมืองบาลาสหรือ?”

อาเธอร์กล่าวถึงเหตุการณ์สามเดือนก่อนที่ทำให้ฉันเจ็บแปล๊บที่กลางอกขึ้นมา

“นี่นาย...จะยัดเยียดให้ได้เลยใช่ไหม”

“เปล่าครับ เพียงแค่อยากให้แน่ใจว่าท่านคิดอะไรและจะทำอะไร เพื่อที่จะได้เตรียมแผนรองรับไว้”

“แล้วทำไมถึงดีกับฉันขนาดนี้ละ?”

ฉันถามตามความรู้สึกและความรู้สึกนั้นพังทลายทันทีเมื่ออาเธอร์ทำหน้าเหลือเชื่อแล้วส่ายหัวปฏิเสธอย่างจริงจัง

“เป็นคำสั่งจากรุ่นสู่รุ่น คล้ายๆ ธรรมเนียมปฏิบัติต่อผู้ที่อาจจะเป็นผู้กล้า”

“อาจจะ?”

“สถาบันนิวส์ไลฟ์ไม่มีความเชื่อทางโหราศาสตร์การทำนายหรอก สิ่งที่เชื่อมีแต่พลัง...ที่มีอยู่ในตัวเท่านั้น ทั้งพลังความคิด มานา เวทมนต์และหลายๆ สิ่ง แต่สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คำว่าผู้กล้าสมบูรณ์ก็คือการกระทำ”

สิ่งที่อาเธอร์กล่าวมาเป็นเรื่องที่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าโลกนี้มีความคิดที่เป็นหลักเป็นตอนด้วย ฉันยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยสมมติ

“จะเป็นยังไงถ้าฉันเลือกจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

“เธอก็จะถูกเรียกว่าจอมมาร...แต่ส่วนใหญ่คนที่คิดเช่นนั้นเป็นได้แค่สวะ”

“งืม...” ต้องยอมรับว่าฉันสะดุ้งนิดหน่อยกับคำว่าสวะ “ที่เรามานั่งถกปรัชญาดีชั่วอยู่ใช่ไหม”

“แค่อยากจะรู้จักท่านผู้กล้าให้มากขึ้น”

“เรียกฉันว่าเฟลิกซ์ก็พอ และไม่ต้องทำหน้าสบายใจเพราะฉันไม่ยกโทษสิ่งที่คุณทำไว้กับทอมมี่และขอสั่งห้ามยุ่งกับเธออีก”

“เรื่องหลังคงยากเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะจัดการให้เข้าสถาบันอย่างเป็นทางการพร้อมกับท่าน”

“หา!? เดี๋ยวๆ ที่ว่าจัดการฉันกับทอมมี่...นายหมายถึงอะไร?”

“โอ้วจริงสิ ยังไม่รู้สินะครับเพราะคุณกับเชอ...ทอมมี่ต้องเข้าชั้นปีหนึ่งของสถาบันที่นี่เพื่อแลกกับการคุ้มครอง เพราะคงไม่มีใครให้ที่พักฟรีๆ โดยที่ไม่หวังผลอะไรตอบแทนและเป็นเรื่องที่สถาบันปฏิบัติต่อเด็กใหม่อยู่แล้ว”

“เข้าเรียน!? ฉันโตแล้วจะเข้าวัยทองแล้วด้วย”

“นั้นมันอีกโลกของท่านไม่ใช่หรือ? ถ้านับอายุของท่านจริงๆ แล้วยังอยู่แค่สามเดือนเท่านั้น ที่เรามักเรียกกันว่า [เด็กใหม่]”

“เอาจริงดิ ฉันว่า—”

“สัสดีน่าจะเคยบอกถึงเหตุผลนั้นแล้ว”

พอเขาพูดถึงสัสดี ความทรงจำฉันเริ่มย้อนหาโดยอัตโนมัติ

จริงสิ เคยบอกเราแล้วนี่หว่า ว่าที่นี่ปกป้องชี้แนวทางให้แก่ [เด็กใหม่]

“อ๋อ...นี่ฉันกลายเป็นนักเรียนของที่นี่แล้วสินะ”

“อีกหนึ่งสัปดาห์ที่นี่จะกลับมาเปิดเรียนอีกครั้งหลังปิดชั่วคราวเพราะภัยสงครามไป...เธอจะได้รับรายละเอียดที่เหลือจากเรย์ลี่”

“แอบนินทาเรย์ลี่อยู่หรอ”

เจ้าของเสียงเดินเข้าห้องมามองมาทางระเบียงที่ฉันกับอาเธอร์อยู่ อาเธอร์จิบชาแล้วพูด

“จัดการเรื่องนั้นกับสัสดีแล้วเรียบร้อยใช่ไหม”

“เชอะ ท่านน่าจะให้คนอื่นจัดการนะ”

“งั้นช่วยจัดการเรื่องท่าน...คุณเฟลิกซ์กับทอมมี่ตามที่สั่งไว้ด้วย”

ทั้งสองคนคุยกันถึงเรื่องที่ฉันไม่รู้ พอจะถามก็ถูกเรย์ลี่ขัดก่อน

“ข๊าค่า แต่ก่อนหน้านี้ขอพาท่านพี่ทัวร์เขตการศึกษาก่อนได้ไหม อิอิ”

◊◊◊

เขตการศึกษาหรือชั้นในของสถาบันนิวส์ไลฟ์

นั่นคือสถานที่ๆ ฉันอยู่ตอนนี้

ข้างๆ ก็มีเรย์ลี่ที่เป็นไกด์แนะนำภายในสถาบัน...ฉันเรียกว่าโรงเรียนน่าจะดีกว่านะ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกสถาบันร่วมกับพวกเมืองเขตข้างนอกไปด้วย มันสับสนเอาได้

แต่ก็ช่างมันเถอะ...

อีกคนก็ทอมมี่ที่ยังดูตื่นๆ กับเขตการศึกษาอยู่ เจ้าตัวบอกว่าช่วงสามเดือนถึงได้อยู่ที่หอสมุดแต่ไม่ค่อยได้ไปไหน ถึงออกไปก็ออกไปทางลับซึ่งฉันมาเมื่อคืนและพอถามว่าออกไปไหน เขาก็ไม่ยอมตอบ...คงมีเรื่องอะไรสักอย่าง ไว้ค่อยถามวันหลังก็ได้

และอีกคนที่ควรจะมาด้วยก็คือเอลด้า ซึ่งเจ้าตัวเดินสวนกันตอนที่กำลังจะออกจากห้องของผอ. อาเธอร์พอดี เธอถูกเมดส่วนตัวของเขาพามาเพราะต้องการพูดคุยเรื่องที่เธอเคยเป็นนางฟ้าเทวดามาก่อนเลยไม่ได้ตามมา

แล้วตอนนี้เรย์ลี่พาฉันกับทอมมี่มาพักที่โรงอาหารแห่งหนึ่งที่เป็นของหอพัก...อ่า จำไม่ได้ล่ะ มันมีโลโก้หนังสือหลายเล่มติดอยู่หน้าทางเข้า สภาพโดยรวมแล้วเป็นอาคารไม้อย่างดี ห้องโถงที่เป็นโรงอาหารค่อนข้างกว้างขวางเหมาะกับขนาดตึกที่สูงห้าชั้น

เมนูที่เรย์ลี่สั่งมาให้พวกเรากินก็คือปลาย่างเกลือ…เป็นเมนูที่อร่อยที่สุดตั้งแต่มาโลกนี้เลย

และที่มันอร่อยคิดว่าน่าจะเป็นวัตถุล่ะมั้ง มันค่อนข้างสดอยู่ต่างจากอาหารที่คิดก่อนหน้านี้ทั้งหมด ไม่ค้างสต็อกก็เก็บไว้นานสักพักหนึ่งแล้ว

ทอมมี่แลดูมีความสุขกับการกินมากที่สุดถึงขั้นน้ำตาไหล เขาบอกว่าไม่ได้กินเมนูที่เหมือนกับโลกก่อนมานานแล้ว ฉันก็ลูบหัวปลอบไปและคิดพลางๆ ว่าไอ้หมอนี้เป็นผู้ชายที่น่าเกเรมาก่อน...ตอนนี้กลายเป็นผู้หญิงที่ดูปวกเปียกจนอยากจะดูแลทะนุทนอมตลอดเวลาและไม่รู้ทำไมเรย์ลี่ถึงอ้อนให้ลูปหัวด้วย

ลูกหมาสองตัว...ภาระชัดๆ

เอาล่ะ...รายการต่อไปที่เรย์ลี่จะพาไปก็คืออาคารสภานักเรียน

แต่ฉันอยากจะหยุดเรื่องนั้นไว้ก่อน…

โต๊ะไม้ยาวถัดไปข้างหน้าสี่ห้าตัว มีคนๆ หนึ่งที่ฉันน่าจะคิดว่าน่าจะมีโอกาสได้เจอเพราะอยู่ในเขตการศึกษา เขามาพร้อมกับอีกหลายๆ คนที่ดูเหมือนเกาะติดเป็นตังเมไม่ก็เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว

ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้นะ เขาก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้ว...อาเธอร์ก็บอกแล้วนิ

เขามาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง...

อากิตะ...

◊◊◊

ช่วงคุยกับไรท์เตอร์

จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.22 นะจ๊ะ

ฮ่าๆ ใครมึนบ้างไหมสำหรับตอนนี้ เฟลิกซ์มึน คนอ่านก็มึนตามจ้า 555+

(เลยแบ่งครึ่งเพราะเนื้อหามันหนักหน่วง)

ดูเหมือนว่าเชอรี่หรืออีกตัวตนหนึ่งของทอมมี่กำลังหาทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

ผอ. อาเธอร์ได้จัดแจงให้เฟลิกซ์และทอมมี่อยู่ในฐานะเด็กใหม่เตรียมเข้ารับการศึกษาในสถาบันนิวส์ไลฟ์แห่งนี้ (แล้วเอลด้าล่ะ?)

เมื่อเรย์ลี่พาเดินชมรอบสถาบันแต่กลับเจออากิตะหรือผู้กล้าที่เข้ามาแทนที่เฟลิกซ์ เธอจะทำอะไรกันแน่

โปรดติดตามต่อตอนไปที่มีชื่อว่า

  1. Ch.23 Fake/Brave VI - Cherry/Tommy - [อยากให้แน่ใจ] – ครึ่งหลัง

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา